Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ดูความคิด ให้รู้ตอนไหน

ดูความคิด ให้รู้ตอนไหน

โดยหลักมีอยู่ว่า รู้ได้ตอนไหนก็ดูตอนนั้น และให้รู้ในขณะปัจจุบันครับ
แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเห็นจิตไหลไปคิดตั้งแต่ต้นหรอกครับ
ถ้าไม่ทันต้อนที่ไหลไปคิด แล้วจิตเกิดยินดียินร้ายให้รู้สึกได้
ก็มาหัดดูจิตที่ยินดียินร้ายไปเลย
หรือถ้ารู้ทันขณะที่จิตไหลไปคิด ก็รู้ว่าจิตไหลไป ถ้ารู้ได้จริงๆ
จิตที่ไหลจะดับไปตั้งแต่ยังไม่ทันปรุงความยินดียินร้ายขึ้นมาครับ
เพราะฉะนั้นที่ถูกคือ
หลังจากที่รู้ว่าจิตไหลไปได้แล้ว ไม่ต้องไปเพ่งจ้องหาดูความยินดียินร้าย
แต่ถ้าเผลอไปเพ่งจ้องหาดู ก็ให้รู้ทันจิตที่จ้องหาดูนั่นแหละครับ

ในขั้นของการหัดรู้สภาวธรรม
จะเกิดสภาวะ จิตไหลไปหาความคิดก่อน แล้วจึงรู้ว่าจิตไหลไปครับ
การรู้ว่าจิตไหลไป จะทำให้ความคิดดับและเกิดสติรู้สึกตัว
ซึ่งเมื่อเกิดสติ จิตก็มักจะจำได้ว่าเมื่อกี้คิดเรื่องอะไร
แต่ถ้าความคิดไม่ดับแต่รู้เรื่องที่คิด อันนี้จะยังไม่เกิดสติรู้สึกตัวขึ้นครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ทำบุญสภากาชาดไทย ที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์กันเถอะค่ะ

สถานที่ ตึกวชิรญาณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ – ตึกอยู่ด้านสวมลุมนะคะ

บริจาคอะไรได้บ้าง ค่ารักษาพยาบาลภิกษุและสามเณรอาพาธ ค่ารักษาพยาบาลคนไข้สามัญ ค่าก่อสร้างซ่อมแซมอาคารต่างๆ ใช้ในการจัดหาเครื่องมือแพทย์ และอื่นๆ

ถ้าอยากถวายภัตตาหารภิกษุอาพาธล่ะ ทำได้ทุกวันเลยค่ะ

เลี้ยงพระเช้า เจ้าภาพมาถึงเวลา 7.30 น.

เลี้ยงพระเพล เจ้าภาพมาถึงเวลา 10.30 น.

จำนวนพระอาพาธ 19-50 รูป

ค่าภัตตาหารรูปละ 60 บาท

ถ้าอยากทำบุญเป็นพิเศษวันเกิด วันแต่งงาน หรือวันที่อยากพิเศษล่ะ อันนี้มีห้องจัดเลี้ยงทั้งหมด 3 ห้อง จัดได้ทุกวันเช่นกันค่ะ

ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงพระ 9 รูป 4,350 บาท ^-^

เลี้ยงพระเช้า เจ้าภาพมาถึงเวลา 7.00 น.

เลี้ยงพระเพล เจ้าภาพมาถึงเวลา 10.00 น.

ลดหย่อนภาษีได้ด้วยนะคะ

—————————————————————————————————————

ส่วนอันนี้เป็นการร่วมสร้างอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ อาคารแห่งใหม่ของโรงพยาบาลจุฬาค่ะ

เป็นอาคาร 29 ชั้น สร้างเพื่อเป็นอาคารรักษาพยาบาลรวม ^-^

สถานที่บริจาคนะคะ ถ้าอยากไปถึงที่ก็ไปได้ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีสองอาคาร คือ

1. ศาลทินฑัต ด้านถนนพระราม 4 – 02 256 4397

2. ตึกวชิรญาณวงศ์ (ที่เดียวกับข้างบนค่ะ) ด้านถนนราชดำริ สวนลุมพินี – 02 256 4382, 256 4505, 251 7804

หรือสะดวกโอนเงินก็โอนได้ตามนี้เลยค่ะ

บัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี โครงการก่อสร้างอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย 045-5-22129-3

ธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยจามจุรีสแควร์ 939-0-01333-3

ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยจามจุรีสแควร์ 630-2-01570-6

ธนาคารออมสิน สาขาหน่วยให้บริการจามจุรีสแควร์ 05043048211-2

ธนาคารธนชาต สาขาย่อยจามจุรีสแควร์ 098-2-00808-5

ธนาคารทหารไทย สาขาราชประสงค์ 011-2-73148-4

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาซิลลิคเฮ้าส์ 503-1-08964-5

ธนาคารกรุงไทย สาขาปทุมวัน 008-0-12943-9

ธนาคารนครหลวงไทย สาขาธนิยะ 053-2-12978-8

ส่งหลักฐานการบริจาค เพื่อใช้ในการออกใบเสร็จรับเงิน ไปที่ Fax (02) 251 7901

ปล. ใช้หักภาษีได้เหมือนกันนะคะ

——————————————————————————————————————-

ทั้งสองรายการ ถ้าบริจาคจำนวนมากๆ จะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนค่ารักษาทั้งของตนเองและพ่อแม่ที่โรงพยาบาลจุฬาได้ด้วยนะคะ

จำนวนนี่ไม่แน่ใจนะคะ อาจจะต้องเช็คกับทางโรงพยาบาลดู ที่เบอร์ข้างต้น

งานนี้ได้สามต่อเลยค่ะ ได้บุญ ได้ส่วนลดไปถึงพ่อแม่ และได้ลดหย่อนภาษี

อนุโมทนาบุญทุกท่านล่วงหน้าเลยนะคะ _/|\_

ขอขอบคุณและอนุโมทนา กับคุณ Chalinthorn สำหรับข้อมูลครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วิธีดูจิต ๒ วิธี

mp3 for download : วิธีดูจิต ๒ วิธี

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ดูจิตเกิดดับที่อายตนะ ดูจิตที่เกิดดับร่วมกับเจตสิก

ดูจิตเกิดดับที่อายตนะ ดูจิตที่เกิดดับร่วมกับเจตสิก

หลวงพ่อปราโมทย์ : แต่ถ้าเราไปจ้องใส่ตัวรู้ มันจะรู้สึกเที่ยง เพราะเพ่งใส่ตัวรู้จะเป็นพรหมนะ จะไปเป็นผีใหญ่ นิ่งๆอยู่อย่างนั้นเอง รู้สึกเที่ยง แต่ถ้าเราเห็นเลย จิตมันทำงาน มันเกิดดับ มันเกิดดับร่วมกับเจตสิกแต่ละดวงๆ เจตสิกแต่ละดวงมันไม่เหมือนกันนี่ เช่นความโกรธกับความโลภไม่เหมือนกัน จิตที่โกรธจิตที่โลภมันก็เลยไม่เหมือนกัน เราเห็นเลยว่ามันเป็นคนละดวงกัน เราเห็นแล้วจิตเป็นคนละดวงๆ เราเห็นจิตเป็นคนละดวงได้เพราะว่าเจตสิกที่มาประกอบกันนั้นน่ะ ไม่คงที่ เปลี่ยนไป เราก็เลยเห็นเลย จิตก็เกิดดับเหมือนกัน

ถ้าจะดูแต่ตัวจิตจริงๆนะ ไปเพ่งใส่ตัวจิตเลย จะเห็นว่าไม่เกิดดับนะ เห็นเที่ยงน่ะ หลวงปู่หล้า ภูจ้อก้อ ถึงสอนว่า “ผู้ใดเห็นว่าจิตเที่ยง เป็นมิจฉาทิฎฐิ” นี่ท่านว่าซะเสียหาย เป็นมิจฉาทิฎฐิ จริงๆไม่เที่ยง มันเกิดดับ แต่ดูตัวมันเกิดดับ ดูตัวมันตรงๆไม่ได้ จะไม่เห็น ให้ดูว่ามันเกิดร่วมกับเจตสิก จิตโลภเกิดแล้วก็ดับ จิตโกรธเกิดแล้วก็ดับ จิตหลงเกิดแล้วดับ จิตสุขจิตทุกข์เกิดแล้วดับ ดูอย่างนี้ก็ได้

หรือดูที่มันเกิดก็ได้ จิตบางดวงเกิดที่ตา จิตบางดวงเกิดที่หู บางดวงเกิดที่จมูก ที่ลิ้น ที่กาย ที่ใจ เราจะเห็นเลยว่าเป็นจิตคนละดวง จิตที่เกิดที่ตา เกิดแล้วก็ดับ เกิดจิตที่ใจ เกิดจิตที่ใจแล้วก็ดับ อาจจะไปเกิดจิตที่หูอะไรอย่างนี้ จะเห็นว่าเป็นจิตคนละดวง จิตมันเกิดดับ

เพราะฉะนั้นภาวนาไปนะ อย่าไปเพ่งใส่จิต ภาวนาแล้วก็รู้จิตแต่ละดวงๆนะ รู้โดยอาศัยรู้ผ่านเจตสิกบ้าง อาศัยผ่านอายตนะที่จิตมันเกิดดับอยู่บ้าง เราจะเห็นว่าจิตเองก็เกิดดับ ยากมากที่จะเห็นจิตเกิดดับ อาศัยรู้เจตสิก อาศัยรู้ความรับรู้ทางอายตนะ ก็จะเห็นจิตเกิดดับได้ ถึงวันหนึ่งก็จะแจ้ง จิตมันก็เกิดดับเหมือนกัน จิตก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน จิตก็เป็นทุกข์เหมือนกัน จิตก็เป็นอนัตตาเหมือนกัน

จิตจะเกิดที่ตา หรือเกิดที่หู หรือเกิดที่ใจ เราก็สั่งไม่ได้ ยกตัวอย่างนั่งฟังหลวงพ่อพูด รู้สึกมั้ย บางทีมองหน้าหลวงพ่อ บางทีก็ตั้งใจฟัง บางทีก็สลับไปคิด ฟังไปคิดไปๆ เห็นมั้ยว่าจิตมันฟังบ้างจิตมันคิดบ้าง เลือกได้มั้ย เลือกไม่ได้ เนี่ยดูของจริงลงไปอย่างนี้ เห็นเลยมันเลือกไม่ได้ มันสั่งไม่ได้ จิตมันสุข หรือจิตมันทุกข์ ก็เลือกไม่ได้ใช่มั้ย จิตมันดีหรือจิตมันชั่วก็เลือกไม่ได้ ดูลงไปอย่างนี้ เราจะเห็นว่าแต่ละอันๆ มันเลือกไม่ได้เลย จิตมันเกิดดับ

เนี่ยเฝ้ารู้ลงไปนะ อย่างนี้เรียกว่าเราดูจิตตัวเองอยู่ ไม่ได้ดูลอยๆ เฉยๆ เป็นผู้รู้อยู่เฉยๆ แต่ดูโดยมันร่วมอยู่กับเจตสิก มันร่วมกับอายตนะ ต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้มาช่วย ถึงจะเห็นว่าจิตแต่ละดวงนั้นเกิดแล้วดับทั้งสิ้น


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520418.mp3
ลำดับที่ ๑
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๓๘ ถึง นาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ควรตั้งใจจะไม่คิดอะไรเลยหรือไม่?

ควรตั้งใจจะไม่คิดอะไรเลยหรือไม่?

จิตจะคิดก็ห้ามไม่ได้หรอกครับ พอคิดไปแล้วก็ให้หัดรู้ว่าจิตหลงไปคิด
และถ้าพยายามจะฝืนให้จิตนิ่งๆ ก็จะยิ่งไม่นิ่งไม่สงบครับ
เพราะฉะนั้นเวลานั่งแรกๆ จิตจะนิ่งไม่นิ่งก็หัดรู้ไป
ถ้าจิตไม่นิ่งก็หัดรู้ไปจะเป็นการหัดรู้สภาวะ
ถ้าจิตนิ่งสงบก็อย่กับความสงบไปจะเป็นการทำสมถะ
จิตจะเป็นอย่างไรก็รู้ไปตามที่เป็น
อย่าไปฝืนให้เป็นไปตามที่ต้องการนะครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ส่งการบ้าน: นั่งสมาธิแล้วฟุ้งซ่าน

mp3 for download : ส่งการบ้าน: นั่งสมาธิแล้วฟุ้งซ่าน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ส่งการบ้าน: นั่งสมาธิแล้วฟุ้งซ่าน

ส่งการบ้าน: นั่งสมาธิแล้วฟุ้งซ่าน

โยม นมัสการค่ะหลวงพ่อ คือเวลานั่งสมาธิมันฟุ้งซ่านน่ะค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : มันเป็นอะไรนะ

โยม: ฟุ้งซ่านค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ :ฟุ้งซ่านก็ไม่เห็นเป็นไร ถ้าไม่ฟุ้งซ่านก็เห็นไม่ต้องนั่งสมาธิน่ะสิ เพราะมันฟุ้งซ่านแหละเราถึงไปนั่งสมาธิ แต่ว่ามันมีวิธีการนะ เวลาที่จิตฟุ้งซ่านเนี่ย เราไปสั่งมันให้สงบเนี่ย มันไม่สงบหรอก เราต้องทำใจถึงๆหน่อย ใจกล้าๆหน่อย นั่งดูมันฟุ้งซ่านไป เราก็ท่องพุทโธๆ เล่นๆไปนะ จะสงบหรือไม่สงบก็ช่างมัน แต่จิตใจเราฟุ้งซ่าน เราพุทโธไปแล้วเราก็รู้ทันไป ใจมันฟุ้งซ่าน ดูมันเล่นๆไปน่ะ

ถ้าดูเล่นๆได้นะ ใจสบาย ใจสบายใจก็สงบ แต่ถ้ามันฟุ้งซ่านอยู่ อยากสงบนะ ยิ่งบังคับมัน ยิ่งไม่สบาย ยิ่งไม่สบายยิ่งไม่สงบ เพราะตัวที่ทำให้จิตสงบนะคือความสุข ถ้าจิตมีความสุขจิตจะสงบ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๓


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๖
ลำดับที่ ๑๒
File: 530905B
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๑๓ ถึง นาทีที่ ๒๕วินาทีที่ ๐๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: บอกบุญ ผู้ที่จะไปวัดป่าบ้านตาด ในช่วงนี้ 2 อัพเดท!!!

จากการที่ Dhammada  News ได้ทำการบอกบุญ เรื่องส้ม ( Dhammada News: บอกบุญ ผู้ที่จะไปวัดป่าบ้านตาด

ในช่วงนี้ ถึงวันที่ 7 มี.ค. 54 ) ซึ่งได้ผลตอบรับจาก พุทธศาสนิกชน ผู้มีจิตศรัทธาใน หลวงตามหาบัว, คุณแม่จันดี และ

วัดป่าบ้านตาด ได้นำส้มมาถวายเป็นจำนวนมาก และอาจจะทำให้เน่าเสียได้

ซึ่งทางพี่เหน่งผู้จัดทำน้ำปานะ จึงได้แจ้งมายังทีมงาน Dhammada.net ให้แจ้งกับทุกท่านว่าในตอนนี้ ทางผู้จัดทำน้ำปานะ

มีส้มที่เป็นจำนวนมากแล้ว หากท่านใดที่มีจิตศรัทธาประสงค์จะทำบุญกุศลกับหลวงตาครั้งสุดท้าย

ก็ได้โปรดนำปัจจัยไปร่วมบุญกุศลกับโครงการผ้าป่าช่วยชาติครั้งสุดท้ายที่จะมีในวันที่ 3 มีนาคม 2554 แทนครับ พร้อมกับ

ขออนุโมทนามายังทุกท่านในโอกาสนี้

.

อย่างไรก็ตาม ทางทีมงาน ก็ได้ทราบว่าเนื่องด้วยจำนวนส้มที่มาก ในขณะที่จำนวน น้ำตาลที่ใช้กลับไม่เพียงพอ

ถ้าท่านใดยังอยากจะทำบุญน้ำปานะ ถ้ามีโอกาสนำน้ำตาลไปถวายให้ก็ได้นะครับ แต่คงไม่ต้องนำไปในปริมาณที่เยอะ

มากมายอะไรเพราะคนละเล็กละน้อยหลายๆคนก็คงจะเพียงพอแล้ว อนึ่งการบอกบุญครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องที่ทางวัดป่าบ้าน

ตาดร้องขอโดยตรงหรือเรี่ยไรแต่ประการใดนะครับ เป็นเพียงสิ่งที่ทางทีมงานได้รับทราบมา

แล้วนำมาบอกบุญให้ผู้ที่มีจิตศรัทธาได้รับทราบ โดยมิได้มีเจตนาที่ไม่สุจริตครับ

.

หากสนใจนำน้ำตาลไปถวาย นั้นมีจุดถวายหลายที่ อาจทำให้ไม่ถึงแม่ครัวกลาง ที่ทำน้ำปานะ ให้พระผู้ใหญ่โดยเฉพาะ

ขอเพิ่มเติมนิด ให้ไปถวายที่ครัวกลางพระคุณแม่จันดี หรือง่ายๆ ถ้าไปถึงไม่แน่ใจให้ติดต่อ

พี่เหน่ง โทร 086-8589488 ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตดวงเดิมไปเกิด เป็นมิจฉาทิฎฐิ

mp3 for download : จิตดวงเดิมไปเกิด เป็นมิจฉาทิฎฐิ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตดวงเดิมไปเกิด เป็นมิจฉาทิฎฐิ

จิตดวงเดิมไปเกิด เป็นมิจฉาทิฎฐิ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ตายแล้วเกิดนะ ตายแล้วไม่ใช่สูญ แต่ไม่ใช่ตายแล้วจิตดวงนี้ไปเกิดใหม่ พวกเราภาวนากับหลวงพ่อ ถ้าใครเขาถามว่าตายแล้วเกิดมั้ย ก็บอกว่าตายแล้วเกิด แต่ไม่ใช่จิตดวงนี้ไปเกิด ถ้าเห็นว่าจิตดวงเดิมไปเกิดเนี่ยแสดงว่าภาวนาไม่เป็น เราต้องเห็นนะ จิตมันเกิดแล้วดับ ใช่มั้ย จิตเกิดตรงนี้ดับตรงนี้ เกิดตรงนี้ดับตรงนี้แหละ อยู่ในปัจจุบันนี้แหละ ในที่สุดเราเห็นเลย จิตทุกดวงเกิดแล้วดับ

มันก็ไม่มีหรอก จิตที่ข้ามภพข้ามชาติไป มีแต่จิตดวงสุดท้ายในชีวิตนี้ เรียกว่าจุติจิต จุติจิตนี้นะจะเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิสนธิจิต จิตอีกดวงหนึ่งเกิดขึ้นในภพใหม่นะ ในชีวิตใหม่ ไม่ใช่ดวงเดิมไปเกิด จิตดวงเดิมไปเกิดเป็นมิจฉาทิฎฐินะ เห็นว่าจิตเที่ยง

เห็นว่าจิตเที่ยง ก็เห็นว่าจิตเป็นอัตตา เป็นอาตมัน เป็นตัวเป็นตน อันนั้นเป็นมิจฉาทิฎฐิ พวกเราหัดภาวนา เราเห็นจิต เกิดดับๆ อยู่เรื่อย เราเห็นแล้วเป็นสัมมาทิฎฐิ ไม่มีตัวตนถาวร แต่ว่ามันมีพลังงาน มันเหนี่ยวนำไป ตราบใดที่ยังไม่สิ้นกระแสของพลังงานนี้ มันก็เหนี่ยวนำให้เกิดจิตดวงใหม่ขึ้นมาอีก ทำงานต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ

จิตดวงใหม่ก็เหมือนลูกของจิตดวงเก่า มันรับมรดกไปก็ได้นะ รับหนี้สินของพ่อของแม่ไปก็ได้นะ คือรับวิบากที่ดีก็ได้ ที่เลวก็ได้ ที่จิตดวงก่อนๆมันทำเอาไว้ แต่ว่าไม่ใช่ดวงเดียวกัน ค่อยๆฝึกไปนะ ไม่ยากเท่าที่คิดหรอก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520426B.mp3
ลำดับที่ ๕
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๒๘ ถึง นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๕๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: จัดทอดผ้าป่าทองคำช่วยชาติครั้งสุดท้าย 3 มี.ค.นี้

หลวงพ่ออินทร์ถวาย

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (25 ก.พ.) ว่า บรรยากาศโดยทั่วไปที่วัดป่าบ้านตาดประชาชนจากทั่วทุกสารทิศยังคงเดินทางมาที่วัดป่าบ้านตาด เพื่อทำบุญและกราบสรีระสังขารหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน โดยเฉพาะที่บริเวณศาลาการเปรียญวัดป่าบ้านตาด มีประชาชนเข้าคิว รอขึ้นไปกราบสรีระสังขารหลวงตามหาบัว หนาแน่น

พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี ได้กล่าวกับญาติธรรมตอนเช้าก่อนฉันภัตตาหารว่า องค์หลวงตามหาบัว ได้ละสังขารจากพวกไปแล้วเป็นเวลา 27 วัน โดยงานของหลวงตา ที่พวกเราคณะศิษยานุศิษย์ทั้งพระสงฆ์และประชาชนทั่วไป ได้เตรียมให้หลวงตานั้น แล้วเสร็จไปกว่า 90%

บริเวณโดยรอบทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมพื้นที่ไว้แล้ว สามารถรองรับคนได้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคน ซึ่งคนที่จะมาเป็นล้านในวันที่ 5 มี.ค. นี้ ทางรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้บอกว่า จะมีการระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยมาช่วยงานในวันนั้น เพื่อให้งานของหลวงตา สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการทั้งพระสงฆ์และญาติธรรม ที่ศรัทธาในหลวงตา ได้มีมติว่า ทุกคนควรจะมีการทอดผ้าป่าทองคำ ตามพินัยกรรมของหลวงตา เพื่อเข้าคลังหลวงอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งขอบอก ขอกราบอาราธนานิมนต์ครูบาอาจารย์ ทุกระดับที่เป็นเจ้าอาวาสขอให้มาร่วมกันในวันที่ 3 มี.ค. เวลา 13.00 น.นี้ ให้มาร่วมทอดผ้าป่าทองคำเข้าคลังหลวง

ส่วนการเคลื่อนสรีระของหลวงตามหาบัว ตกลงแน่นอนแล้วว่า เป็นวันที่ 4 มี.ค. ซึ่งหลังจากฉันภัตราหารเช้าแล้ว จะมีการกราบคาราวะสรีระสังหลวงตามหาบัว จากนั้นจะได้เคลื่อนสรีระหลวงตา ไปไว้ที่เมรุ โดยในคืนวันที่ 4 มี.ค. คณะจะได้มีการทำพิธีสวดมนต์เย็นที่ตรงนั้น และในวันที่ 5 มี.ค. จะมีการพระราชทานเพลิงให้หลวงตา

ถึงอย่างไรทุกคนทำเพื่อบูชาพระคุณหลวงตา ถึงจะหนักจะเหนื่อยอย่างไร มันก็จะกลายเป็นเบา และขอให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าที่ไม่ได้มาในวันนั้น ขอให้ส่งกำลังใจมาช่วย และให้ภาวนา “พุทโธ พุทโธ” บูชาพระคุณหลวงตาในความสงบ เพราะหลวงตา ชอบความสงบ

อ้างอิง  : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000024957

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตคิด กับจิตรู้ : สันตินันทอุบาสก สุภาพบุรุษนักภาวนา

ไฟล์ที่ลดคุณภาพแล้ว

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ขอเชิญชาวเชียงใหม่และผู้สนใจ ฟังการบรรยายธรรมโดย หลวงพ่อปราโมทย์ ที่ ม.แม่โ้จ้

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกับชมรมสารธรรมล้านนา

เชิญร่วมฟัง การบรรยายธรรมพิเศษ ปฏิบัติแบบดูจิต โดย หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สำนักสงฆ์ “สวนสันติธรรม” อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

ในวันอาทิตย์ที่ ๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔ ตั้งแต่เวลา ๙ นาฬิกา ถึง ๑๒ นาฬิกา

ณ.ศูนย์กีฬากาญจนาภิเษก รัชกาลที่ ๙ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่

มีโรงทาน อาหารเช้า แจกหนังสือ และซีดีธรรมะ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่…

โชตนาคลีนิค 053-215-561

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 053-873-047

>>>แผนที่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้<<<

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

 *** รวมการ์ดคำสอนหลวงตามหาบัว 2 ***

ขอขอบคุณและอนุโมทนา คุณ Supawadee ผู้รวบรวม _/I\_

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

 *** รวมการ์ดคำสอนหลวงตามหาบัว 1 ***

ขอขอบคุณและอนุโมทนา คุณ Supawadee ผู้รวบรวม _/I\_

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ถ้าเห็นความเป็นอัตตา เห็นถูกหรือไม่?

ถ้าเห็นความเป็นอัตตา เห็นถูกหรือไม่?

เห็นถูกแบบยังมีความเห็นผิดครับ
เพราะการเห็นว่ามีอัตตาเป็นความเห็นผิด
จริงๆแล้วอัตตาไม่มี เพราะไม่มีรูปนามที่เป็นตัวตนทรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง
มีแต่รูปนามที่เกิดดับดับไปตามเหตุปัจจัย หรือต้องอิงอาศัยปัจจัยอื่น
ต้องค่อยเจริญสติเจริญปัญญาไป
แล้ววันหนึ่งจิตจะละความเห็นผิดว่ามีอัตตาตัวตนได้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ภาวนาให้มุ่งทำเหตุไป

mp3 for download : ภาวนาให้มุ่งทำเหตุไป

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาวนาให้มุ่งทำเหตุไป

ภาวนาให้มุ่งทำเหตุไป

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทีนี้มาหัดเจริญสติ(ปัฏฐาน) ถึงจะเห็นว่าตัวเราไม่มี รูปไม่ใช่เรา เวทนาไม่ใช่เรา สังขารไม่ใช่เรา จิตไม่ใช่เรา ค่อยๆฝึก วันหนึ่ง พอฝึกไปเจ็ดวัน เจ็ดเดือน เจ็ดปี เจ็ดวันก็มีนะ ไม่ใช่ไม่มี เจ็ดวันเป็นพระอรหันต์เลยก็มี ตัวอย่างเจ็ดวันบรรลุพระอรหันต์ ใครรู้มั้ย? ตั้งหลายองค์แน่ะ พระโมคคัลลานะ เจ็ดวัน อย่านึกนะว่าจะบอกคนรุ่นนี้ คนรุ่นนี้ใครจะไปรู้ล่ะ ใช่มั้ย ใครจะบรรลุ ใครจะเป็นยังไง ใครจะไปรู้ล่ะ เพราะไม่มีพระพุทธเจ้ามารับรองให้นี่ มีหลายองค์นะ อย่างพระมหากัสสปะ ท่านก็ใช้เวลาเจ็ดวันเป็นพระอรหันต์

พวกเรานะ เจ็ดปีให้ได้โสดาฯก็บุญแล้วล่ะ อินทรีย์มันแก่อ่อนกว่ากัน ท่านเหล่านั้นนะ ท่านสะสมบารมีมาตั้งแสนมหากัปป์ แสนมหากัปป์ก็คือจักรวาลเกิดแล้วดับลงไปตั้งแสนครั้ง สะสมบารมีนานขนาดนั้น พวกเราสะสมบารมีมาไม่เท่าท่าน เพราะฉะนั้นเจ็ดวัน เจ็ดเดือน เจ็ดปี ไม่บรรลุพระอรหันต์ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนะ ได้โสดาบันก็บุญแล้วล่ะ แต่ว่าไม่ใช่เหลือวิสัยนะ อดทน พากเพียรไป ๗ ปีไม่ได้ ก็ทำมัน ๑๖ ปี ทำไมต้อง ๑๖ ไม่บอก ๑๖ ปีไม่ได้ ก็ทำมันทั้งชาติเลยนะ ทำมันตลอดชีวิต ชาตินี้ไม่ได้ ชาติหน้าไปทำอีก

มีครูบาอาจารย์องค์หนึ่งนะ ท่านยังมีชีวิตอยู่ อายุตั้งเก้าสิบกว่าแล้วมั้ง ท่านเคยเล่าให้หลวงพ่อฟังว่าท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นนี่แหละ ไปอยู่หลวงปู่มั่นที่บ้านผือ รุ่นเดียวกันเขาพ้นทุกข์พ้นร้อนไปหมดแล้ว ท่านยังทำไม่ได้ แต่ท่านบอกว่า อีกร้อยชาติท่านก็จะทำ จิตใจอย่างนี้นะ โอ้ย..ฟังแล้วกราบท่านเต็มไม้เต็มมือเลย ท่านคนใจเด็ดจริงๆเลย น่านับถือ

เพราะฉะนั้นพวกเราอย่ารีบร้อน บางคนภาวนา เนี่ยหนูฝึกมาตั้ง ๓ เดือนแล้ว ทำไมหนูยังไม่ได้ แล้วเวลาที่หนูสะสมกิเลสมาตั้งหลายสิบปี หนูไม่พูดเลย สะสมกุศลสะสมปัญญานิดๆหน่อยนะ แต่อยากได้ผลเยอะๆ โลภมากไป เพราะฉะนั้นไม่โลภนะ ภาวนาอย่าหวังผล ภาวนาให้มุ่งทำเหตุไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520426A.mp3
ลำดับที่ ๔
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๕๑ ถึง นาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๒๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : ขอเชิญชาวเชียงใหม่ร่วมฟังการบรรยายและปฏิบัติธรรมเรื่อง สุขแท้ด้วยปัญญา โดย หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรํสี

ฟังสปอตโฆษณา >>>

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับชมรมสารธรรมล้านนา
ขอเชิญร่วมฟังการบรรยาย และ ปฏิบัติธรรม
ณ.หอธรรมทัศน์ ตึกสงฆ์ ชั้น 5 โรงพยาบาล มหาราชนครเชียงใหม่
วันพฤหัสที่ 17 มีนาคม 2554 เวลา 13.00น.-16.00น.
โดย พระครูเกษมธรรมทัต (หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรํสี)
…หัวข้อการบรรยาย “สุขแท้ด้วยปัญญา”

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความสุขของโลกๆ คือ ความสุขจอมปลอม

mp3 for download : ความสุขของโลกๆ คือ ความสุขจอมปลอม

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ความสุขของโลกๆ คือ ความสุขจอมปลอม

ความสุขของโลกๆ คือ ความสุขจอมปลอม

หลวงพ่อปราโมทย์ : พวกเรามีบุญสุดขีดแล้วนะ เราเป็นชาวพุทธ เรามีบุญสุดขีดแล้วเราได้ฟังธรรมะ เหลือแต่ว่าเราภาวนาให้สมควรแก่ธรรมะ แล้วเราก็จะได้ลิ้มรสชาติของธรรมะ มีความสุขที่สุดเลยรออยู่ข้างหน้า ความสุขในทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้เป็นความสุขชั่วคราว เหมือนภาพลวงตาเท่านั้นเอง เป็นความสุขที่เจือด้วยความทุกข์อยู่ตลอดเวลาเลย

ยกตัวอย่าง เรามีความสุขที่ได้อยู่กับคนๆนี้ เราก็ต้องเอาใจเขาใช่มั้ย เดี๋ยวเขาไม่อยู่กับเรา เราก็ไม่มีความสุข เรามีความสุขเพราะว่าเรามีรถยี่ห้อนี้ขี่อะไรอย่างนี้ ถ้ารถคันนี้พังไปเราก็ไม่มีความสุขแล้ว ก็คือความสุขที่อิงอาศัยอย่างอื่น เรามีความสุขเพราะเรายังหนุ่มยังสาว เกิดไม่หนุ่มไม่สาวเราก็ไม่มีความสุขแล้วนะ เรามีความสุขเพราะสุขภาพยังดี สุขภาพไม่ดีก็ไม่มีความสุขแล้ว เพราะฉะนั้นความสุขของโลกๆนะ ความสุขจอมปลอม ชั่วครั้งชั่วคราวเอง

ความสุขในธรรมะนะ ที่จิตหมดความยึดถือกายยึดถือใจ มันมีความสุขอย่างแท้จริง เต็มอิ่มอยู่ในตัวเองเลย รู้สึกเลย ชีวิตนี้ คุ้มค่าแล้ว ไม่เสียชาติเกิดแล้ว


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520426B.mp3
ลำดับที่ ๕
ระหว่างนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๕๕ ถึง นาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: บอกบุญ ผู้ที่จะไปวัดป่าบ้านตาด ในช่วงนี้ ถึงวันที่ 7 มี.ค. 54

ทางทีมงานได้ทราบข่าวมาว่า หากท่านใดจะไปวัดป่าบ้านตาด และอยากนำของไปทำบุญนั้น

ส้ม (สายน้ำผึ้ง) ขาดแคลนมากๆ เพราะหาซื้อยาก เพราะทางแม่ครัว จะเอาไปทำน้ำปานะ

ผู้ที่จะได้ฉัน ท่านจะเป็นพระผู้ใหญ่  ซึ่งในตอนนี้ของเริ่มขาดมาหลายวัน หากหาไม่ได้จริงๆ

เอาแอ๊ปเบิ้ลที่เนื้อเยอะๆก็ได้ เนื่องจากที่วัดพยายามจะไม่เอาน้ำผลไม้กล่องถวายท่าน

แม่ครัวจะทำสดๆถวายท่าน แล้วกระบวนการทำก็สะอาด ปลอดภัย

(ต้องการถึงวัน ที่7 มีนาคม 54)

โดยมีจุดถวายหลายที่ อาจทำให้ไม่ถึงแม่ครัวกลาง ที่ทำน้ำปานะ ให้พระผู้ใหญ่โดยเฉพาะ

ขอเพิ่มเติมนิด ให้ไปถวายที่ครัวกลางพระคุณแม่จันดี หรือง่ายๆ ถ้าไปถึงไม่แน่ใจให้ติดต่อ

พี่เหน่ง โทร 086-8589488 เพราะที่นี่เขาจะต้องกรอง น้ำปานะ ที่คั้นจากผลไม้ด้วยผ้าขาวสะอาด

ถึง7ชั้น

ทางผู้แจ้งข่าวได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ ทางวัดนะคะทางวัดไม่ได้ขอมา แต่เราไปรู้ว่าทางแม่ครัวเขาหาซื้อส้ม ในจังหวัด มันไม่พอ และพอดีช่วงนี้มีพระ หลายรูปมาวัดเป็นจำนวนมาก เขาเลยต้องการอยากได้ ส้มไปทำน้ำปานะ ให้พระเท่านั้น กรุณาอย่านำเรื่องนี้ ไปเป็นเหตุในการขัดแย้งใดๆ เราแต่โพสต์ ขึ้นมาด้วยตนเอง เห็นว่าคนจะไปวัดป่าบ้านตาดอีกมาก อาจจะสงสัยว่า ทางวัดขาดแคลนอะไรอยากจะถวายกัน เราเลย ตั้งกระทู้นี้เอง เพื่อจะหาบุญมาให้ผู้ใจบุญ ได้โปรดอย่า เคลือบแคลง ลังเลสงสัยใดๆ เหตุมันก็มีเพียงแค่นี้ ถ้าคิดอยากทำบุญก็ทำแค่พอกำลัง และเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นอย่างสูงสุด เรารู้ว่าคนส่วนใหญ่มีเจตนาอันดี อนุโมทนา กับท่านทั้งหลายด้วยค่ะ สาธุๆๆๆๆ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ แห่งวัดป่าเขาน้อย หนึ่งใน พ่อแม่ครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อปราโมทย์

ชาติภูมิ

หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ มีชาติกำเนิดในสกุล “ทองศรี” ท่านมีนามเดิมว่า “สุวัจน์” เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2462 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 10  ปีมะแม ณ ตำบลตากูก อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์

โยมบิดาชื่อ “บุตร” โยมมารดาชื่อ “กึ่ง” ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา 5 คน โดยมีพี่ชาย 2 คน และน้องสาว 2 คน

วัยเด็กและการศึกษา

เมื่ออายุถึงเกณฑ์ท่านได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดกระพุมรัตน์ บ้านตากูก จนจบชั้นประถมบริบูรณ์ ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียนในสมัยนั้น และท่านได้อยู่ช่วยงานด้านเกษตรกรรมร่วมกับบิดามารดา และพี่ ๆ น้อง ๆ นอกจากนั้น ท่านได้มีโอกาสเรียนวิชาชีพกับช่างทองจนมีความรู้พอประกอบอาชีพได้

สู่เพศพรหมจรรย์

ด้วยจิตใจที่ฝักใฝ่ทางธรรมและรักในเพศบรรพชิตมาตั้งแต่เป็นเด็ก ดังนั้นในปี พ.ศ. 2481 ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุได้ 19 ปี ท่านก็ได้ขออนุญาตบิดามารดา เพื่อบรรพชาเป็นสามเณร โดยเข้าพิธีบรรพชา ณ วัดกระพุมรัตน์ บ้านตากูก นั้นเอง

ท่านได้ตั้งใจศึกษาและประพฤติปฏิบัติธรรม จนเมื่ออายุใกล้ครบบวช ซึ่งแม้ว่าการปฏิบัติธรรมของท่านในช่วงที่เป็นสามเณรอยู่นี้จะไม่นานนัก แต่ความศรัทธาต่อศาสนธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นได้หยั่งลงลึกในจิตใจท่าน และเพียงพอที่จะเกิดเป็นปณิธานภายในใจท่านว่า อย่างไรเสียท่านต้องอุปสมบท เพื่อประพฤติธรรมในสมณเพศนี้สืบไป ดังนั้นท่านจึงได้ของอนุญาตโยมบิดามารดาเพื่ออุปสมบท ซึ่งท่านทั้งสองก็ไม่ขัดข้อง

อย่างไรก็ดี ตอนนั้นเป็นช่วงที่กำลังเก็บเกี่ยวข้าวพอดี ประกอบกับเพื่อจะได้จัดการในเรื่องต่าง ๆ ก่อนที่จะอุปสมบท ท่านจึงได้ลาสิกขาบทจากสามเณรเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อน

ในปี พ.ศ. 2482 หลังจากที่ท่านได้จัดการเรื่องต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ประกอบกับท่านมีอายุครบ 20 ปีท่านจึงได้เข้าพิธีอุปสมบท อยู่ในภิกษุภาวะสมความตั้งใจ ณ วัดกระพุมรัตน์ บ้านตากูก ซึ่งเป็นวัดมหานิกายที่ท่านเคยบรรพชาเป็นสามเณร ท่านได้รับฉายาว่า “สุวโจ” โดยมี

พระครูธรรมทัศน์พิมล (ด้น) เจ้าอาวาสวัดศาลาลอย (เมื่อครั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์) เป็นพระอุปัชฌาย์

พระอาจารย์เคลือบ วัดดาวรุ่ง บ้านขาม เป็นพระกรรมวาจาจารย์

พระอาจารย์อุเทน วัดกระพุมรัตน์ บ้านตากูก เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังจากที่ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ในพรรษาแรกนั้นเอง ได้มีชาวบ้านบุแกรง อำเภอท่าตูม (ปัจจุบันคืออำเภอจอมพระ) จังหวัดสุรินทร์ พากันมาอาราธนาท่านไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบุแกรง ซึ่งเป็นวัดร้าง ไม่มีพระอยู่จำพรรษา ต่อมาด้วยเห็นว่า หากจะอยู่ทำประโยชน์ไว้ในพระบวรพุทธศาสนาให้กว้างขวางยิ่งขึ้น จำเป็นที่ท่านต้องศึกษาเพิ่มเติม ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2483 หลังออกพรรษาแล้ว ท่านจึงเดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรม ณ วัดป่าศรัทธารวม ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา จนสอบได้นักธรรมชั้นตรีและโทในปี พ.ศ. 2483 และ 2484 ตามลำดับ

พระธาตุของหลวงปู่ สุวัจน์ สุวโจ

ญัตติใหม่เป็นพระธรรมยุต

ในปี พ.ศ. 2484 ภายหลังที่ท่านสอบได้นักธรรมโทแล้ว เกิดมีศรัทธาหนักไปทางปฏิบัติจิตตภาวนา ดังนั้นท่านจึงได้ญัตติใหม่ในธรรมยุติกนิกาย ณ วัดสุทธจินดา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยมี

ท่านเจ้าคุณพระธรรมฐิติญาณ (สังข์ทอง) เป็นพระอุปัชฌาย์

พระอาจารย์มหาปิ่น ปัญญาพโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์

พระอาจารย์ทองดี เป็นพระอนุสาวนาจารย์

จากนั้น ท่านได้กลับไปจำพรรษา ณ วัดป่าศรัทธารวม เป็นเวลา 2 พรรษา ก่อนที่จะเริ่มต้นการเดินธุดงค์ในปี พ.ศ. 2486

ประวัติการอยู่จำพรรษา

พ.ศ. 2486  วัดป่าพระสถิต อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย

พ.ศ. 2487  วัดโยธาประสิทธิ บ้านห้วยเสนง จังหวัดสุรินทร์ (ในพรรษานี้ ท่านได้จำพรรษา ร่วมกับท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ประกอบกับได้ดูแลโยมบิดามารดา ซึ่งกำลังป่วยอยู่)

พ.ศ. 2484  วัดป่าศรีไพรวัน อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อออกพรรษาแล้ว ท่านได้เดินธุดงค์ผ่านจังหวัดกาฬสินธุ์ ข้ามเขาภูพาน ไปวัดป่าบ้านหนองผือ ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร เพื่อไปศึกษาธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

พ.ศ. 2489-2492  หลวงปู่มั่น ท่านพิจารณาเห็นว่าท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโรเป็นลูกศิษย์ชั้นผู้ใหญ่ แต่ยังไม่มีผู้ดูแลอุปัฏฐากจึงมอบหมายให้ท่านอาจารย์สุวัจน์ไปเป็นพระอุปัฏฐากท่านพระอาจารย์ฝั้น ในระยะเวลา 4 ปีนี้ ณ วัดป่าภูธรพิทักษ์ ตำบลธาตุนาเวง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยในช่วงเวลาออกพรรษาของแต่ละปี ท่านอาจารย์สุวัจน์จะลาท่านพระอาจารย์ฝั้นไปศึกษาธรรม และอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น ณ วัดป่าบ้านหนองผือ ตำบลนาในอำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร

พ.ศ. 2493  วัดเทพกัลยาราม บ้านน้อยจอมศรี อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร

พ.ศ. 2494  วัดป่าพระสถิต อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย

พ.ศ. 2495  สำนักสงฆ์ควนเขาดิน อำเภอท้ายเมือง จังหวัดพังงา

พ.ศ. 2496  วัดเจริญสมณกิจ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

พ.ศ. 2497  วัดป่าภูธรพิทักษ์ จังหวัดสกลนคร

พ.ศ. 2498  วัดป่าปราสาทจอมพระ อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์

พ.ศ. 2499  วัดถาวรคุณาราม อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

พ.ศ. 2500-2501  วัดป่าปราสาทจอมพระ  อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์

พ.ศ. 2502  วัดถาวรคุณาราม อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

พ.ศ. 2503  วัดป่าบ้านไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต

พ.ศ. 2504  วัดถาวรคุณาราม อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

พ.ศ. 2505  สำนักสงฆ์ถ้ำขาม ตำบลบ้านไร่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร

พ.ศ. 2506  วัดป่าภูธรพิทักษ์ จังหวัดสกลนคร

พ.ศ. 2507  วัดถาวรคุณาราม อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

พ.ศ. 2508  วัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร

พ.ศ. 2509-2514  วัดป่าภูธรพิทักษ์ จังหวัดสกลนคร

พ.ศ. 2515-2524  สำนักสงฆ์ถ้ำศรีแก้ว ตำบลสร้างค้อ อำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร

พ.ศ. 2525-2526  สำนักสงฆ์ (ชั่วคราว) เมืองซีแอตเติ้ล มลรัฐวอชิงตัน

พ.ศ. 2527  สำนักสงฆ์ (ชั่วคราว) เมืองแอนนาไฮม์ฮิล มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

พ.ศ. 2528  สำนักสงฆ์ป่าธรรมชาติ เมืองลาพวนเต้ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

พ.ศ. 2529  สำนักสงฆ์นอร์ธแซนฮวน เมืองซาคราเมนโต้ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

พ.ศ. 2530-2533  วัดภูริทัตตวนาราม เมืองออนทาริโอ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

พ.ศ. 2534  วัดเมตตาวนาราม เมืองแวลเลย์เซ็นเตอร์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

พ.ศ. 2535  วัดภูริทัตตวนาราม เมืองออนทาริโอ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

พ.ศ. 2536-2538  วัดเมตตาวนาราม เมืองแวลเลย์เซ็นเตอร์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

พ.ศ. 2539  วัดป่าเขาน้อย จังหวัดบุรีรัมย์

พ.ศ. 2540  วัดภูริทัตตวนาราม เมืองออนทาริโอ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

พ.ศ. 2541-ปัจจุบัน  วัดป่าเขาน้อย ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

การรับแต่งตั้งให้ปฏิบัติศาสนกิจ และการรับสมณศักดิ์

1. ตามหนังสือที่ 26/2529 ลงวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2529 ท่านได้รับแต่งตั้งจากเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต ให้เป็นพระอุปัชฌาย์

2. ตามหนังสือที่ 9/2529 ลงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2529 ท่านได้รับแต่งตั้งจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต ให้เป็นประธานกรรมการคณะธรรมยุตในประเทศสหรัฐอเมริกา

3. วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2532 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็น “พระครูปลัดสุวัฒนญาณคุณ”

4. วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2533 ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ “พระโพธิธรรมจารย์เถร”

พระธาตุของหลวงปู่ สุวัจน์ สุวโจ

การปฏิบัติศาสนกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา

นับแต่ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระธรรมทูตจากคณะสงฆ์ไทย ในปี พ.ศ. 2525 เพื่อไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในประเทศสหรัฐอเมริกา ท่านได้ปฏิบัติศาสกิจนี้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างวัดภูริทัตตวนาราม และวัดเมตตาวนาราม มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ให้เป็นที่ประพฤติปฏิบัติธรรมตามแบบอย่างของวัดกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และพุทธศาสนิกชนชาวอเมริกาหนึ่งในจำนวนนั้นได้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ถวายปัจจัยแด่ท่าน เพื่อซื้อที่ดินบนเขา เนื้อที่ 60 เอเคอร์ (ประมาณ 150 ไร่) คิดเป็นเงิน 700,000 ดอลล่าร์ (ประมาณ 17,500,000 บาท) ให้เป็นสถานที่บำเพ็ญภาวนา ซึ่งก็คือ วัดเมตตาวนาราม เมืองแวลเลย์เซ็นเตอร์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ในปัจจุบัน

พิมพ์บูชาคุณองค์หลวงปู่โดยน้องนุดีค่ะ

จากคุณ : ไก่แก้ว [ 10 เม.ย. 2545]

“รำลึกพระคุณหลวงปู่”

เนื้อความ :

ได้มีโอกาสไปร่วมงานพระราชทานน้ำอาบศพหลวงปู่สุวัจน์ สุวโจที่วัดป่าเขาน้อย จ. บุรีรัมย์มาค่ะเลยอยากนำบรรยากาศและเรื่องราวต่าง ๆ มาถ่ายทอดให้พี่ ๆ น้อง ๆ ฟังรวมทั้งปฏิปทาขององค์หลวงปู่ซึ่งตนเองได้รับความเมตตามาและได้รับฟังมาจากพี่ ๆ น้อง ๆ ที่บุรีรัมย์ข้อความต่าง ๆ อาจจะไม่ต่อเนื่องนัก และไม่สละสลวยสวยงามต้องขออภัยด้วยค่ะ

ขอเริ่มจากลำดับเหตุการณ์ที่องค์หลวงปู่ท่านละสังขารก่อนนะคะ

สูญเสียร่มโพธิ์ร่มไทร

องค์หลวงปู่ท่านมีปัญหาเรื่องปอดไม่แข็งแรงมานานแล้วในช่วงระยะ 1 ปีที่ผ่านมา องค์หลวงปู่ท่านต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคปอดติดเชื้อมาตลอด (ประมาณ 4-5 ครั้ง)ครั้งสุดท้ายก่อนที่ท่านจะละสังขารนี้ องค์หลวงปู่เข้ามารักษาองค์ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธและหัวใจท่านได้หยุดเต้นไปแต่เป็นบุญที่คณะแพทย์และพยาบาลได้ถวายการรักษาได้ทันท่วงทีจึงสามารถช่วยท่านไว้ได้ตลอดระยะเวลาที่ทำการรักษาองค์หลวงปู่มักจะปรารถอยู่เนือง ๆ ว่าท่านอยากกลับไปวัดจนเมื่อวันที่ 3 มีนาคม องค์หลวงปู่แข็งแรงขึ้นมากและแพทย์เห็นสมควรให้ท่านเดินทางกลับบุรีรัมย์ได้

หลวงปู่ท่านสดใสมาก เมื่อได้กลับไปที่วัดป่าเขาน้อยอาการท่านก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แข็งแรงมากพอที่จะไปโปรดญาติโยมที่วัดป่าปราสาทจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ได้หลวงปู่เมตตาพำนักที่วัดป่าปราสาทจอมพระและแสดงธรรมโปรดญาติโยมประมาณ 1 อาทิตย์คือช่วงวันที่ 13 มี.ค. ถึง 20 มี.ค. จึงได้กลับเดินทางกลับวัดป่าเขาน้อย

หลังจากที่หลวงปู่ท่านเดินทางกลับมาพำนักที่เขาน้อยได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์หลวงปู่มีอาการอ่อนเพลียมาก จนต้องพาท่านเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนบุรีรัมย์หลังจากที่ท่านได้เข้าไปรักษาตัวได้ 2 วัน อาการดีขึ้นมากแพทย์ที่ถวายการรักษา ขอดูอาการ ซึ่งหากไม่ทรุดลงไปก็จะอนุญาตให้กลับวัดได้แต่แล้ว…อาการของหลวงปู่ ก็เริ่มทรุดลงเมื่อวันที่ 2 เม.ย.และอาการหนักในคืนวันที่ 3 เม.ย.เนื่องจากโรคปอดติดเชื้อที่แทรกซ้อนขึ้นมาเช้าวันที่ 5 เป็นวันที่ศิษยานุศิษย์ใกล้ชิดและแพทย์ต้องตัดสินใจแพทย์แนะนำให้เจาะคอองค์หลวงปู่แต่เมื่อประชุมกันแล้ว ลงความเห็นว่าไม่สมควรเจาะคอเพราะจะเพียงแค่ยืดอายุขัยท่าน แต่ก็จะทรมานองค์หลวงปู่มากมายแพทย์หลาย ๆ คนพยายามติดต่ออาจารย์หมอที่ชำนาญทางปอดเพื่อให้เดินทางมาถวายการรักษาที่บุรีรัมย์

ประมาณช่วงเที่ยงวันนั้นองค์หลวงปู่ท่านแสดงให้เห็นเจตนารมณ์ที่จะละสังขารด้วยการค่อย ๆ ถอนให้เห็นโดยปกติคนที่ป่วยหนัก ค่าต่าง ๆ ที่แสดงถึงความมีชีวิตอยู่อาทิ ความดัน ชีพจร ฯลฯ จะ fluctuateแต่ขององค์หลวงปู่ท่านจะคงที่ ค่อย ๆ ลดลงเป็นลำดับให้เห็นว่าองค์ท่านควบคุมได้ และไม่ประสงค์จะครองสังขารอีกต่อไปคณะศิษยานุศิษย์จึงเตรียมนำองค์ท่านกลับคืนสู่วัด หากแต่ก็ไม่ทัน …

องค์หลวงปู่ ละขันธ์ ด้วยสติที่พร้อมบริบูรณ์เมื่อเวลา 13.12 น.ของวันที่ 5 เม.ย. 2545

พระธาตุของหลวงปู่ สุวัจน์ สุวโจ

ปฏิปทาองค์หลวงปู่

ได้รับฟังจากญาติธรรม ศิษยานุศิษย์ใกล้ชิดองค์หลวงปู่มาสมัยที่ท่านมาอยู่ที่เขาน้อยใหม่ ๆ นั้น ไม่มีอะไรเลย นอกจากกุฏิเล็ก ๆ 2 หลังเป็นกุฏิชั้นเดียว ห้องเดียว มีลานเล็ก ๆ ตรงกลางหากแต่ลานเล็ก ๆ กุฏิเล็ก ๆ นี้เองที่ใช้เป็นที่แสดงธรรม และสอนกรรมฐานทุกเย็น

องค์หลวงปู่จะเมตตาญาติโยมมากไม่ว่าจะมากันกี่คน 2 คน 3 คน หรือมากกว่านั้นองค์ท่านจะนำทำวัตร แสดงธรรม และปฏิบัติภาวนาทุกวันท่านจะให้ความสำคัญกับการภาวนามากพี่ ๆ เล่าว่า ท่านไม่เคยเบื่อ หรือหงุดหงิดกับความดื้อรั้นขี้เกียจ หรือความเขลาของเหล่าศิษย์เลยท่านคงความเมตตาที่เปี่ยมล้นอย่างสม่ำเสมอจนแม้แต่คนที่ไม่น่าจะเอาดีในด้านการภาวนา ก็มีหลักในการภาวนาจนได้ ภาวนาเป็น

องค์หลวงปู่เคารพพ่อแม่ครูบาอาจารย์มากนักและท่านก็เคารพรัก”หลวงปู่บ้านตาด” เป็นนักหนาแม้ในช่วงที่ท่านไปปฏิบัติหน้าที่เป็นธรรมทูตที่อเมริกาทุกครั้งที่ท่านเดินทางกลับมาเมืองไทยหากองค์หลวงตาอยู่ที่สวนแสงธรรมท่านจะตรงไปสวนแสงธรรมหรือหากองค์หลวงตาอยู่ที่บ้านตาดท่านก็จะเดินทางไปที่บ้านตาดเพื่อกราบองค์หลวงตา ก่อนที่จะกลับไปที่วัดของท่านเอง

องค์หลวงปู่มักจะพูดน้อย แต่นุ่มนวลท่านมักจะปรารภเรื่อย ๆ ว่าท่านไม่ทนญาติโยมเหมือนองค์หลวงปู่มั่น องค์หลวงปู่ฝั้น และองค์หลวงปู่บ้านตาดแต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่เคยมีผู้ตกทุกข์คนไหนที่ดั้นด้นไปกราบหลวงปู่ แล้วหลวงปู่จะไม่เมตตาหลวงปู่จะให้ทั้งที่พัก ทั้งปัจจัย และที่สำคัญ คือองค์ท่านที่เป็นเสมือนหิ้งพักใจและร่มไทรหนา ให้ผู้ทุกข์หนัก ได้พักอาศัย

แม้ในช่วงหลังมาที่องค์หลวงปู่ประสบอุบัติเหตุเป็ฯอัมพาตครึ่งองค์ทุก ๆ เช้า ท่านจะเมตตาลงมาที่ศาลาโรงฉันและบิณฑบาตรในรถเข็น เพื่อให้ญาติโยมได้สร้างบุญกุศลโดยทั่วหน้าก่อนฉัน หากสังขารท่านเอื้ออำนวยหลวงปู่จะเมตตาแสดงธรรมสั้น โปรดญาติโยมอย่างสม่ำเสมอหลวงปู่มักจะเน้นให้เราหมั่นอนุโมทนาบุญเพื่อสร้างเสริมกุศลจิตในใจและอานิสงค์ของการแผ่เมตตาหลวงปู่จะเน้นเราให้สร้างสมความดี ละชั่วหมั่นตรวจสอบตนเอง และปฏิบัติภาวนาอย่างสม่ำเสมอท่านเคยเมตตาสอนว่า”การปฏิบัติภาวนานั้น เราจะเลือกปฏิบัติ เฉพาะเวลาสุขนั้นไม่ได้เราต้องปฏิบัติภาวนาให้ได้ ทั้งในเวลาสุข และทุกข์”หลวงปู่ท่านจะเมตตาทั้งพระทั้งโยมที่ปฏิบัติภาวนายิ่งนักเมื่อไหร่ที่ติดขัดในการภาวนาเพียงแต่โผล่หน้าไปให้ท่านเห็นท่านก็จะเมตตาแก้ไขข้อข้องจิต ข้องใจให้โดยที่เราไม่เคยต้องออกปากโดยที่บางครั้ง เราเองไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเรากำลังติดขัดอยู่องค์หลวงปู่เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทรที่ร่มเย็นเป็นนักหนา

นอกจากมนุษย์แล้ว องค์หลวงปู่ยังมีเมตตาต่อสัตว์ชนิดต่าง ๆ มากมายท่านมีทั้งปลา นกกะทา ไก่ป่า นกกาเหว่า และอื่น ๆ ท่านรักต้นไม้มาก มักจะหาพันธุ์ไม้แปลก ๆ ต่าง ๆ มาปลูกที่เขาน้อยอย่างสม่ำเสมอ

บรรยากาศงาน

สำหรับท่านที่เคยไปวัดป่าเขาน้อยแล้วคงจำศาลาเมตตาสุวโจ ศาลาใหญ่ที่ใช้สวดมนต์ได้ทางวัดได้นำสังขารขององค์หลวงปู่ท่านมาตั้งให้ทั้งพระทั้งโยมได้เข้าไปเคารพ รดน้ำและขมาท่านเป็นครั้งสุดท้ายองค์หลวงปู่นอนบนที่นอนของท่าน ปูผ้าสีกลัก ห่มผ้าห่มสลัก อยู่ในกลดผ้าชีฟองสีครีมนวลมองดูคล้ายกับองค์ท่านหลับอยู่ ไม่ได้จากเราไปไหนสีหน้าท่านสงบ และผาสุขอย่างไม่มีใดเทียบไม่เคยได้เห็นสังขารใด ๆ ที่ถูกทิ้งไปแล้ว จะงามพร้อมขนาดนี้องค์หลวงปู่หลับไหล ราวกับบอกว่า “เราไม่มีทุกข์ใด ๆ แล้วจากนี้ไปตลอดอนันตกาล”

ทั้งพระ ทั้งญาติโยมทยอยกันมาจากทุกสารทิศไม่ได้ขาดตลอดทั้งวัน

งานการเตรียมพร้อมเพื่อพิธีพระราชทานเพลิงศพดำเนินไปอย่างเร่งด่วนแต่สุขุม และละเอียดลออ เพื่อถวายแด่องค์หลวงปู่ให้สมกับที่ท่านเมตตา ให้สมกับพระคุณของท่านแม้งานจะหนัก และเหนื่อย ก็ไม่มีใครย่อท้อคณะทำงานที่ประกอบทั้งพระ ทั้งฆราวาสพร้อมใจกันทำถวายหลวงปู่ ไม่มีการเกี่ยงงอนใด ๆ แบ่งงานกันทำตามความถนัดของแต่ละบุคคล

แม้เมื่อเสร็จสิ้นจากงานนี้ เหล่าศิษยานุศิษย์ทุกองค์ และทุกคนสำนึกดีอยู่ว่า งานที่เราสมควรทำถวายองค์หลวงปู่ยังไม่เสร็จสิ้นยังคงเหลืองานชิ้นสุดท้าย แต่คงความสำคัญที่สุดเป็นงานที่องค์หลวงปู่ยกย่องว่าเลิศกว่างานใด ๆ คือการปฏิบัติภาวนา ทำตนให้ถึงพร้อมให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์หลาย ๆ คน พี่ ๆ น้อง ๆ ที่ได้สนทนากันล้วนแล้วแต่ได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อหน้าองค์หลวงปู่ให้สัจจะว่าจะดำเนินรอยตามองค์ท่านให้สมกับที่ท่านได้เมตตาสั่งสอนมา

ขอน้อมกราบองค์หลวงปู่ด้วยเศียรเกล้าค่ะ

ขอขอบคุณ คุณ ไก่แก้ว เวปลานธรรม ผู้รวบรวมและเรียบเรียงข้อมูล

เมื่อหลวงปู่สุวัจน์สอนหลวงพ่อปราโมทย์

- หลวงปู่สุวัจน์ ท่านบอกนะ ท่านบอกว่า ตอนที่ท่านปล่อยวางจิตนะ ท่านมีความสุขอยู่ตั้งปีกว่าๆ สุขมหาศาล สุขเหมือนจะทนอยู่ไม่ไหวเลย สุขมหาศาล สุขแทบตาย สุขมาก ต่อๆไปใจก็ค่อยๆคุ้นเคยนะ ใจก็ค่อยๆเป็นอุเบกขา ก็มีความสุขบ้าง อุเบกขาบ้าง ไม่หวือหวาเหมือนทีแรก มีความสุขมาก

เนี่ยพวกเราอยากได้สัมผัสความสุขอันนี้นะ เราต้องพ้นทุกข์ให้ได้ ตัวทุกข์ก็คือ รูป นาม กาย ใจ ของเรานี่เอง เราจะพ้นทุกข์ได้ ใจจะปล่อยวางรูปนาม ปล่อยวางกายวางใจได้ ใจต้องมีปัญญาเห็นความจริงของรูปของนามนะว่า ไม่ใช่ของดีของวิเศษ..

- ก่อนไปกราบหลวงปู่สุวัจน์ เราภาวนา เรายังไม่ได้บวชนะ จิตเราหลุดออกมา เรารู้สึกสบายเลยเราคิดว่าพระอรหันต์ต้องเป็นอย่างนี้ จิตไม่เกาะอะไรจิตไม่เกาะขันธ์

เราไปหาท่าน ปรากฎว่าพอใกล้ถึงจิตดันเข้าไปเกาะกัน ดันเข้าไปยึด(ขันธ์)อีก เราก็เลยคิดนี่ล่ะน้าาา มันเป็นอนัตตา .. มันเป็นไตรลักษณ์

พอคิดว่าเป็นไตรลักษณ์นะ ใจเราไม่ดิ้น ก็หลุดออกมา

หลวงปู่สุวัจน์: นี่แหละ บางทีจิตมันก็หลุดออกมา บางทีจิตมันก็เข้าไปจับอารมณ์ พอมันจับอารมณ์แล้วเราเห็นว่ามันเป็นไตรลักษณ์ มันก็หลุดออกมา

เราก็ อ๋อ..จิตนี่ก็เป็นไตรลักษณ์นะ เราจะไปบังคับให้จิตหลุดพ้นไม่ได้หรอก ถึงเวลาถ้าเค้าพอ เค้าหลุดเอง แต่เราไม่รู้ว่าเค้าขาดอะไรที่ยังไม่พอ

[เฉลย] คือ ขาดอริยสัจ ขาดความรู้แจ้งอริยสัจนะ ถ้าแจ้งอริยสัจก็คือพอ

ถ้าไม่แจ้งอริยสัจ ยังเห็นว่ากายนี้ ใจนี้เป็นตัว สุขบ้าง ทุกข์บ้างอยู่ ไม่มีทางเลย ยังไม่พอที่จะปล่อยวางความยึดถือกายยึดถือใจ

>>> อ่านธรรมเทศนา หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ <<<

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : ฉลองครบรอบ 1 ปี Dhammada.net ด้วยการเปิดตัวเวปหลวงปู่ดูลย์

ฉลองครบรอบ 1 ปี Dhammada.net ด้วยการเปิดตัวเวปหลวงปู่ดูลย์ Atulo.org

Dhammada.Net ขอแนะนำ เวปไซด์หลวงปู่ดูลย์ ที่กลับมาเปิดใหม่อีกครั้งในชายคาบ้านเดียวกัน เชิญชมได้ที่

>>> www.atulo.org <<<

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วิธีพุทโธเพื่อรู้ทันใจ

mp3 (for download) : วิธีพุทโธเพื่อรู้ทันใจ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

วิธีพุทโธเพื่อรู้ทันใจ

วิธีพุทโธเพื่อรู้ทันใจ

หลวงพ่อปราโมทย์ ถ้าถนัดพุทโธ ก็หัดจากพุทโธได้นะ หัดพุทโธต่อไป พุทโธ..อย่าขี้เกียจนะ พุทโธทุกวัน พุทโธบ่อยๆ พุทโธจนใจมันพุทโธของมันเอง ทีนี้พอเราพุทโธๆเนี่ย ไม่ใช่พุทโธเลื่อนลอยนะ พุทโธเพื่อจะคอยรู้ทันใจตัวเอง เคยมั้ย พุทโธๆ แล้วหนีไปคิดเรื่องอื่น เราก็พุทโธของเราไป พอใจมันหนีไปก็รู้ทัน พุทโธไปเรื่อยๆ บางวันใจสงบ รู้ว่าใจสงบนะ พุทโธไปแล้วใจฟุ้งซ่าน รู้ว่าฟุ้งซ่าน สรุปแล้วก็คือเราจะหัดพุทโธเพื่อจะรู้ทันใจตนเอง อย่างนี้พอเข้าใจมั้ย ลองทำนะ

คล้ายๆเราเอาพุทโธเป็นกระสอบทราย ซ้อมชกน่ะ จนกระทั่ง จิตใจของเราเนี่ย เคลื่อนไหวไปทางไหน เรารู้ทันหมดเลย พุทโธๆ หนีแว้บไปแล้ว รู้ทัน พุทโธๆ แล้วเพ่งแล้ว รู้ทัน พุทโธแล้วสงบ สุข ปีติอะไรเกิดขึ้น รู้ทันใจของเราเรื่อยๆ พุทโธเพื่อจะรู้ทันใจ

คำว่าพุทโธ หรือพุทธะ แปลว่าผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ก็คือตัวจิตของเรานั่นเอง เราท่องพุทโธๆเพื่อจะเข้ามารู้ให้ถึงจิตถึงใจตนเอง พอเรารู้ถึงจิตถึงใจตนเอง เราก็พร้อมที่จะปฎิบัติแล้วในชีวิตจริงๆ

ยกตัวอย่างเราออกมาอยู่ข้างนอกนี้ พอตาเรามองเห็นสาว ใจเราวิ่งไปหาเขาแล้ว เรารู้ทันเลยใจมันวิ่งไปแล้ว เราเดินๆอยู่ใจลอยแว้บไป เราเคยพุทโธแล้วรู้ทันว่าใจลอยนะ พอเรามาอยู่ข้างนอกไม่ได้พุทโธนี่แหละ พอใจลอยแว้บ..นะ มันจะรู้ทันว่าใจลอย ในที่สุดเราจะรู้ทันใจตนเอง จะสุขจะทุกข์ จะดีจะชั่ว เราก็จะรู้ทันไปเรื่อยๆ เมื่อรู้ทันไปเรื่อยๆ ต่อไปปัญญาจะเกิด เราจะเห็นเลยว่าจิตนี้เป็นของไม่เที่ยง เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย จิตนี้เป็นอนัตตา บังคับไม่ได้ เดี๋ยวมันจะดีเราก็สั่งให้ดีไม่ได้ มันจะร้ายเราก็ห้ามมันก็ไม่ได้ มันจะใจลอย มันจะไปคิด ก็ห้ามมันไม่ได้ เนี่ยเฝ้ารู้จนเห็นเลย มันไม่ใช่ตัวเรา ถ้าเห็นว่าไม่ใช่ตัวเรา ก็ได้ธรรมะเบื้องต้นแล้ว

อย่างนี้พอไหวมั้ย พุทโธนะ อย่าขี้เกียจนะ อันตรายอุปสรรคสำคัญของนักปฎิบัติ คือขี้เกียจแหละ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สวนโพธิญาณอรัญวาสี
ต.หนองตากยา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
เมื่อวันอังคารที่ ๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๙ หลังฉันเช้า

CD สวนสันติธรรมแผ่นที่ ๑๑
ลำดับที่ ๒
File: 490103B
นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๔๖ ถึงนาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 512345