mp 3 (for download) : ผู้ปฏิบัติเพ่งได้ ๔ แบบ
Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.
ผู้ปฏิบัติเพ่งได้ ๔ แบบ
หลวงพ่อปราโมทย์ : ครูบาอาจารย์บางองค์ท่านสอนนะ รู้แล้วจบลงที่รู้นะ เราก็ฟังก็เพลินๆไปอย่างงั้นแหละ มันไม่จบหรอก รู้แล้วก็ปรุงแต่ง รู้แล้วหยุดไม่ได้หรอก มันยังไงก็ต้องปรุงแต่ง เพราะปัญญามันไม่พอ
บางคนก็อยากจะไม่ปรุงแต่งต่อ พอรู้อะไรแล้วก็รีบกำหนดลงไปเลย เช่น ตามองเห็นรูปกำหนดอยู่ที่ตาบ้าง กำหนดอยู่ที่รูปบ้าง กำหนดอยู่ที่ผัสสะบ้าง กำหนดอยู่ที่จิตทางตาบ้าง จิตก็นิ่งๆไปเลย เพราะจิตที่เกิดที่ตาก็เป็นอุเบกขา ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์อะไรอยู่แล้วโดยตัวมันเอง ก็คิดว่าดี จิตที่เกิดที่ตาเป็นวิบากจิต ไม่มีกุศล อกุศล ก็คิดว่าอยู่ตรงนี้แล้วดี ไปเพ่งอยู่ที่ตาบ้าง เพ่งอยู่ที่หูบ้าง เพ่งอยู่ที่จมูก ที่ลิ้น ที่กายบ้าง เพ่งอยู่ จิตก็เฉยๆแล้วคิดว่าดี ตรงที่จงใจเพ่งนั่นแหละทำต่อเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่รู้แล้วจบลงที่รู้ รู้แล้วมีการแทรกแซง คือตามองเห็นรูปปุ๊บ เห็นหนอ นี่ แทรกแซงนะ คิดละ นี่คิดฟุ้งซ่านไปละ หรือไปเพ่งอยู่ที่จิตที่เกิดที่ตา ตอนที่ตากระทบรูปนี่เพ่งได้สี่แบบ นี่ไม่มีใครสอนนะ สอนเอง เพ่งอะไรได้บ้าง
อันหนึ่งเพ่งรูป อันที่หนึ่งนะ เพ่งรูปที่ตาไปเห็น
อันที่สองเพ่งจักขุประสาท ประสาทตา เพ่งได้นะ เพ่งประสาทตา เพ่งรูปออกข้างนอก เพ่งประสาทตาอยู่ข้างใน เพ่งอายตนะ
เพ่งที่สามคือ จดจ่ออยู่ที่การกระทบ อยู่ตรงจุดกระทบ ตรงที่กระทบสัมผัสทางตา
อีกอันนึงเพ่งอยู่ที่จิตที่เกิดที่ตา ทำได้สี่แบบ
บรรดานักเพ่งทั้งหลายนะ หนีไม่รอดสี่อย่างเนี้ย นี่หลวงพ่อสรุปมาจากการสังเกตตัวอย่างมากมายของผู้ปฏิบัติ มันก็ผิดอยู่อย่างนี้แหละ ซ้ำๆซากๆเหมือนๆกันหมดแหละ ตรงที่ไปเพ่งไว้นะก็คือแทรกแซงเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่รู้แล้วจบลงที่รู้ ถ้ารู้แล้วจบลงที่รู้ทำยังไง เช่น ตามองเห็นรูป ใจมันพิจารณาเลย ใจมันพิจารณารูปนี้ อุ๊ยนี่ผู้หญิงสวย จิตก็ทำงานตอนมีราคะ
นี่มันทำของมันเองนะ เราไม่ได้ทำ นี่แหละเรียกว่ารู้แล้วจบลงที่รู้ ไม่ใช่ตามองเห็นรูปปุ๊บ จ้องเลย ไม่รู้ว่ารูปอะไร นี่รูปเฉยๆ ไม่มีผู้หญิงผู้ชาย นี่แทรกแซง เพราะงั้นตามองเห็นรูป จิตรู้ว่านี่รูปผู้หญิงสวย จิตเกิดราคะ รู้ว่ามีราคะ รู้ว่ามีราคะแล้วทำยังไง ไม่ทำอะไร ก็ดูมันไปสิ ถ้าตามดูทุกอย่างที่กำลังปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตา นี่้แหละสักว่ารู้ ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง ถ้าเข้าไปแทรกแซงเมื่อไหร่ ไปพยายามล็อคมัน ไปพยายามห้ามมัน ไปพยายามรักษามัน
ผู้ปฏิบัตินะ อดแทรกแซงไม่ได้หรอก ชอบมาถามหลวงพ่อว่า “ทำยังไงแล้วหนูจะดี” ทำนั่นแหละแทรกแซง ทำไมไม่รู้เอาล่ะ “หนูควรจะยังไง ห้ามอะไรบ้าง อันไหนไม่ควร อันไหนควร” คิดมาก คิดมากยากนาน รู้ลงสิ รู้ลงปัจจุบันไป รู้ไปเรื่อยเลย จนปัญญามันแก่รอบขึ้นมา มันเห็นว่าทุกอย่างชั่วคราว ทุกอย่างชั่วคราว จิตมันเป็นกลางเอง
คราวนี้กระบวนการที่จิตทำงาน มันทำของมันเองนะ แต่พอตากระทบแล้วจิตพิจารณาแล้วแทนที่อกุศลจะเกิดนะ กุศลมันจะเกิดแทน สติปัญญามันจะเกิดขึ้นมาแทน ในชวนจิตมันจะกลายเป็นจิตที่เป็นกุศลขึ้นมา แต่บางทีก็อกุศลเกิด พออกุศลเกิดก็มีสติรู้ทันอีก จิตก็ขึ้นวิถีอันใหม่ ขึ้นวิถีใหม่ที่เป็นกุศล จิตก็หมุนๆๆๆไปเรื่อย
ดูเขาทำงานไปนะ ดูเขาทำงานไปเรื่อยๆ ดูเล่นๆไป วันนึงปัญญาก็แก่กล้าขึ้นมา เห็นทุกอย่างมันไหลไปเรื่อยๆ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไหลไปเรื่อยๆเหมือนดวงดาวโคจรอยู่ในท้องฟ้า ไหลไปเรื่อยๆ ไหลไปตามเหตุของมัน ไหลไปแง่ใดมุมใด ก็ไปตามหลักของมัน ตามกฎของมัน จิตใจก็ทำงานไปเคลื่อนไหวไป เราทำหน้าที่แค่รู้นะ รู้ไปเรื่อยไปวันนึงเห็นเลย มันไม่ใช่เราหรอก มันทำงานของมันได้เอง เห็นว่ามันไม่ใช่เราก็ได้โสดา เป็นพระโสดาบัน กายนี้ใจนี้ไม่ใช่ตัวเรา
สวนสันติธรรม
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๙
Track: ๑
File: 520210A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๘ ถึง นาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๓๔
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่