Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

นิพพาน อยู่ต่อหน้าต่อตา

mp 3 (for download) : นิพพาน อยู่ต่อหน้าต่อตา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เราอย่าไปคิดว่านิพพานเป็นอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งชาตินี้ไม่มีโอกาสเจอ ถ้าเราคิดว่านิพพานเป็นอะไรอย่างหนึ่งที่อยู่ไกลแสนไกลนะ เป็นบรมสุขที่อยู่ไกลแสนไกล เรายังไม่มีทางเจอ ถ้าคิดอยู่อย่างนี้ละก็ ไม่มีวันเจอหรอก เพราะนิพพานไม่เคยอยู่ที่อื่นเลยนะ นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตาเราเนี่ย แต่ใจของเราเองมันฟุ้งซ่าน ใจของเราเองมันวุ่นวาย ใจของเราเต็มไปด้วยความอยาก เต็มไปด้วยความดิ้นรน เราก็เลยไม่มีความสุขซะที เราไม่ได้สัมผัสความสุข ซึ่งอยู่ต่อหน้าต่อตาเรา

น่าเสียดายโอกาส พวกเราชาวพุทธเนี่ยต้องหัดภาวนา จนวันหนึ่งเราแจ้งพระนิพพาน นิพพานอยู่ต่อหน้าเรานี่เอง ไม่ได้หาที่อื่นเลย นิพพานไม่ได้อยู่กับพระ นิพพานไม่ได้อยู่ที่วัด แต่อยู่ที่ใจของเราซึ่งมันพ้นจากกิเลส พ้นจากความดิ้นรนปรุงแต่ง พ้นจากความอยากทั้งหลาย งั้นเราค่อยมาฝึกจิตฝึกใจของเรานะ เพื่อว่าเราจะได้มีความสุขที่แท้จริง

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า “นิพพานัง ปรมัง สุขัง” นิพพานเป็นบรมสุข ของอื่นไม่มีความสุขเท่านี้นะ ความสุขอื่น ๆ เนี่ย เป็นความสุขชั่วครั้งชั่วคราวทั้งหมดเลย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ อยุธยาพาร์ค เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๖

File: 560425.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๕ ถึง นาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๑๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กายเป็นทุกข์ อย่าให้ใจทุกข์ไปด้วย

mp3 (for download) : กายเป็นทุกข์ อย่าให้ใจทุกข์ไปด้วย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: ใจเราเนี่ยเต็มไปด้วยความเครียดนะ อยากได้อะไรอย่างหนึ่งแล้วยังไม่ได้มาก็เครียดใช่มั้ย เครียด อยากได้มือถือใหม่ๆทำอะไรต่ออะไรได้เยอะทั้งๆที่เราก็ใช้ไม่เป็น เห็นแล้วก็อยากได้ อยากได้ไอโฟน ไอแพด ไออะไรต่ออะไรก็ไม่รู้นะ เยอะแยะเลย เวลาแค่ใจเราอยากขึ้นมา ใจเราก็ทุกข์แล้ว เราเจอสิ่งที่ไม่รักเราก็ทุกข์นะ เราไม่ได้สิ่งที่รักเราก็ทุกข์ เราพลัดพรากจากสิ่งที่รักเราก็ทุกข์ เจ็บไข้ได้ป่วยก็ทุกข์นะ อยากแล้วไม่สมอยากเราก็ทุกข์ ในชีวิตเราเนี่ยมีความจริงคือมีความทุกข์เนี่ยเยอะเลย

ความทุกข์มันมีอยู่ ๒ ส่วน ความทุกข์ทางร่างกายกับความทุกข์ทางจิตใจ ความทุกข์ทางร่างกายเนี่ย

เมื่อเรามีร่างกายแล้วนะ หนีไม่รอดหรอก ยกตัวอย่างพวกเราจะต้องแก่ พวกเราจะต้องเจ็บต้องตาย บางคนตายโดยที่ไม่ทันจะแก่ก็มี เคยคิดมั้ย เวลาที่เราจะตายเนี่ย เราจะเจ็บแค่ไหน เคยนึกมั้ย บางคนก็เจ็บมากนะบางคนก็เจ็บน้อยอะไรอย่างนี้ คือในชีวิตเราเนี่ยนะ ทางร่างกายเนี่ย มีความทุกข์ซึ่งเราหนีไม่ได้ เราไม่รู้เลยว่าเราจะเจ็บเมื่อไหร่ เราจะตายเมื่อไหร่ ความทุกข์ทางร่างกายเนี่ย เป็นสิ่งที่เราแก้ไม่ได้ แต่ผ่อนหนักเป็นเบาได้ ยกตัวอย่างเจ็บป่วยขึ้นมาก็ไปหาหมออะไรอย่างนี้นะ ง่วงนอนก็ไปนอน หิวข้าวก็ไปกิน อะไรอย่างนี้นะ เมื่อยนักนะไปเอนหลังหรือไปเปลี่ยนอิริยาบถ นั่งนานมันเมื่อยก็ไปเดินอะไรอย่างนี้ อย่างนี้มันแก้ได้เป็นคราวๆ แต่สุดท้ายมันก็แก้ไม่ได้ สุดท้ายทุกคนจะทุกข์จนตายทุกคนนะ ถึงจุดหนึ่งนะเราจะต้องทกข์จนตายทุกคน เนี่ยร่างกายนี้เป็นอย่างนี้

แต่คนส่วนใหญ่เนี่ย เมื่อร่างกายเป็นทุกข์นะ ใจจะเป็นทุกข์ด้วย เรียกว่า ถ้าร่างกายเจ็บป่วยนะ ใจป่วยมากกว่ากายอีก กลุ้มใจน่ะ เลยป่วยซ้ำสอง

ทีอย่างนี้ทำอย่างไรละ เราอยู่ในโลก บางครั้งเราก็ต้องพลัดพรากจากคนที่เรารัก ยกตัวอย่างพ่อแม่เราตายอย่างนี้ เราห้ามไม่ได้ใช่มั้ย ทำอย่างไรใจของเราจะไม่ทุกข์นะ เนี่ยเรื่องใจที่จะไม่ทุกข์เป็นคำตอบในศาสนาพุทธนะ เราจะมาฝึกจนกระทั่งเราอยู่ได้ในทุกๆสถานการณ์โดยใจของเราไม่ทุกข์ เราจะมุ่งมาตรงนี้ ส่วนร่างกายถึงอย่างไรก็ทุกข์ เราก็ต้องดูแลไปตามสภาพ แต่ว่าเราจะให้ทุกข์อยู่เฉพาะที่กายแค่นี้เท่านั้น ทุกข์จะต้องไม่มาถึงใจเรา

หลวงพ่อปราโมทย์ :

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2555

File: 551016
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๕๕ ถึงนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๒๕

 

ตัดคลิปส์โดยคุณ sawang156
ถอดคลิปส์และตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การปฏิบัติต้องรู้ทุกข์

mp 3 (for download) : การปฏิบัติต้องรู้ทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเราอยากจะสัมผัสความสุขอันสูงสุดคือพระนิพพาน เราก็ต้องมาดูมาเรียนรู้ทุกข์ ต้องเรียนรู้ทุกข์นะ ไม่ใช่หนีทุกข์ พวกเราคิดว่าถ้าเราหนีทุกข์ได้ เราจะมีความสุข ทุกคนหนีทุกข์มาแต่ไหนแต่ไรนะ หิวข้าว อยากกินโน่น อยากกินนี่ อยากได้โน่น อยากได้นี่นะ หาเงินมาซื้อ หาเงินมาบริโภค คิดว่าจะมีความสุข เดี๋ยวเดียวก็อยากอย่างอื่นอีก ใจเราไม่เต็มไม่อิ่มซะอย่างเดียวนะ ใจมันหิวโหยตลอดเวลาเท่าไร ๆ ก็ไม่พอ งั้นใจนะไม่เคยมีความสงบสุขอย่างแท้จริงเลย

เราค่อย ๆ มาเรียนรู้นะ เรียนรู้ความทุกข์ อะไรเรียกว่าความทุกข์? กายของเรานี้แหล่ะเรียกว่าตัวทุกข์ จิตใจของเรานี้แหล่ะคือตัวทุกข์ เนี่ยเรียนธรรมะนะ ฟังธรรมะนะ ฟังให้มันถึงแก่น ให้มันถึงจิตถึงใจจริง ๆ เราฟังธรรมะฉาบ ๆ ฉวย ๆ สนุกสนานเฮฮา มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ฟังธรรมะแล้วก็ต้องเอาไปปฏิบัติให้ได้เลยนะ

อะไรเรียกว่าทุกข์ กายนี้แหละคือตัวทุกข์ ใจนี้แหละคือตัวทุกข์นะ คนทั่ว ๆ ไป เขาไม่เห็นหรอก เขาเห็นแต่ว่า เวลาเขามีความอยากขึ้นมานะ ถ้าเขาสนองความอยากได้ เขาก็สบายใจ มีความสุข ประเดี๋ยวเดียว ความอยากก็เกิดอีกแล้ว ความอยากเกิดใหม่ ก็ดิ้นรนสนองความอยากอีก หวังว่าจะมีความสุข มันอยู่แป๊บเดียว เดี๋ยวมันก็ความสุขก็หาย ไปอยากอย่างอื่นอีกแล้ว งั้นความสุขอย่างนั้นไม่มีจริงหรอก

เรามาเรียนรู้ให้เห็นความจริงของโลกนะ เรียนรู้ให้เห็นความจริงของชีวิตเรา เราจะเห็นเลยว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในกายในใจของเราเนี่ย นอกจากทุกข์นะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรตั้งอยู่ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป ถ้าเราเห็นได้อย่างนี้จิตจะถึงหมดความยึดถือในกายในใจ กายกับใจเป็นตัวทุกข์นะ ถ้าเมื่อไหร่เราสลัดคืนกายคืนใจให้โลกได้ ก็คือทิ้งตัวทุกข์ไปนะ พ้นจากกายจากใจ จากรูปจากนามนี้ไป จะสัมผัสพระนิพพาน มีความสุขที่มหาศาลขึ้นมา

ส่วนอยู่กับโลก วิ่งหาความสุขเท่าไหร่ ก็หาไม่เจอ หาตั้งแต่เกิดจนตายก็หาไม่เจอนะ ดิ้นไปเรื่อย เต็มไปด้วยความอยาก เต็มไปด้วยความหิวโหย เร่าร้อน อยู่ตลอดเวลา ไม่มีความสุขหรอก

งั้นพวกเราต้องมาค่อย ๆ ฝึกจิตฝึกใจของเรานะ มาเรียนรู้ความจริงของกาย มาเรียนรู้ความจริงของจิตใจตัวเองให้มาก ถ้าหากเราอยากได้มรรคผลนิพพาน เราทิ้งการที่จะมามีสติ รู้กายรู้ใจของตัวเองไม่ได้นะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ อยุธยาพาร์ค เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๖

File: 560425.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๕๔ ถึง นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๔๑


ตัด/ถอดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Video Clips : อริยสัจจ์ – ทุกขสัจจ์และหน้าที่ต่อทุกข์

Link : youtu.be/NV-4knfsu-U

หลวงพ่อปราโมทย์ :พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ถ้าตราบใดที่ยังไม่เห็นอริยสัจจ์ ไม่รู้แจ้ังอริยสัจจ์ ยังเวียนว่ายตายเกิด ยังไม่พ้นจากทุกข์ไม่ได้ เนี่ยคำสอนของพระพุทธเจ้าสูงสุดเลยคือเรื่องของอริยสัจจ์ ถ้าเราเข้าใจอริยสัจจ์อย่างถ่องแท้นะ จึงจะถอนตัวเองออกจากวัฏฏะ พ้นจากการเกิดหมุนเวียนไปเรื่อยๆ

ถ้าเราภาวนานะ บางคนภาวนาไปแล้วระลึกชาติได้ ย้อนไปได้ชาติหนึ่ง สองชาติ สามชาติ สี่ชาติ หรือบางคน รู้ได้นะ เห็นคนนี้ตาย ไปเกิดที่นี่ๆอะไรอย่างนี้ เราจะรู้เลยว่าวัฏฏะมันมีจริงๆ แล้วก็ชาติใดนะเกิดมาแล้วเราไม่ได้พบพระพุทธศาสนา เราจะรู้สึกวังเวงในใจเรา เราไม่ได้ชั่วนะ แต่มันวังเวง คือชีวิตนี้มันไม่มีทิศทาง เราไม่รู้ว่าเราอยู่ไปเพื่ออะไร เกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาทำอะไร ไม่รู้เลย แค่เกิดมาแล้วเขาให้เรียนหนังสือก็เรียนตามเขาไป เขาก็ทำงานก็ตามเขาไป ทำงาน เขามีครอบครัวก็มีกับเขาบ้าง เขามีลูกก็มีอย่างเขาบ้าง สุดท้ายเขาตายก็ตายอย่างเขาบ้าง ชีวิตก็มีอยู่แค่นั้นเอง

ชาติใดที่มีบุญวาสนาได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ชีวิตจะมีเป้าหมาย เรารู้เลยว่าเราเกิดมาทำไม ไม่ใช่มีชีวิตอยู่ล่องลอยไร้สาระไปวันหนึ่งๆ ชีวิตจะมีเป้าหมาย คือการถอดถอนตัวเองออกจากความทุกข์ ถึงถอดถอนได้ไม่เด็ดขาดในชีวิตนี้นะ แต่อย่างน้อยก็ต้องใกล้ความพ้นทุกข์เป็นลำดับๆ ก็ยกระดับจิตใจนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งใจเข้าถึงธรรมะ จะรู้แจ้งแทงตลอดในอริยสัจจ์นะ

เพราะฉะนั้นวันนี้ในฐานะที่ส่วนใหญ่เป็นพวกที่เรียนมากับหลวงพ่อพอสมควรแล้ว ดูที่ว่าสามารถแยกธาตุแยกขันธ์ได้หลายสิบคนแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้หลวงพ่อจะพูดเรื่องอริยสัจจ์ให้ฟัง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

แสดงธรรมที่‏ โรงแรมโนโวเทล สนามบินสุวรรณภูมิ
๙๙๙ หมู่ ๑ ตำบลหนองปรือ
อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
สนามบินสุวรรณภูมิ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร

เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๒ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๗
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๒๘ ถึงนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๔๔
full video : youtu.be/RqtJc2ZNRkg
full audio : 570112

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ใจเป็นทุกข์จึงดิ้นรน ใจดิ้นรนเพราะถูกตัณหากิเลสเสียดแทงตลอดเวลา

mp3 for download :ใจหมดหิวก็เป็นพระอรหันต์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : มีความสุขน่ะ มันมีสันติสุข สันติตัวนี้นะมันเกิดจากใจนะมันพ้นจากความปรุงแต่ง ไม่มีอะไรมาเสียดแทงมันได้ ใจของเราเสียดแทงตลอด รู้สึกมั้ย มีความหิวมีตัณหาเสียดแทงใจของเราตลอดเวลา แล้วก็โลภโกรธหลงเสียดแทงใจเราตลอดเวลาเลย

ใครเคยเห็นใจหิวบ้าง ยกมือสิ มีมั้ย ใจหิว.. สาธุ ใกล้จะเป็นพระอรหันต์แล้ว หมดหิวก็เป็นพระอรหันต์แล้วล่ะ ไม่เป็นไรหรอก

ใจมันหิว หิวก็ดิ้น ใช่มั้ย หิวก็ดิ้นรน ร่างกายหิววันละกี่ครั้ง สองสามครั้ง ร่างกายหิว แต่จิตน่ะหิวอยู่ทุกนาทีเลย เพราะฉะนั้นจิตนั้นทุกข์ๆ ทุกข์มากเลย ถูกความหิวแผดเผาอยู่ตลอดเวลา ถูกกิเลสแผดเผาอยู่ตลอดเวลา ทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา ทิ่มแทงจริงๆนะ จิตเหมือนวัวเหมือนควายนะ กิเลสเหมือนเอาไม้แหลมๆเหมือนปฏักน่ะทิ่มให้วิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ที สังเกตมั้ยจิตของเราถูกตัณหาผลักดันให้วิ่ง ถูกกิเลสผลักดันให้วิ่ง ไปทางโน้นทางนี้ วิ่งไปทางตาม วิ่งไปทางหู วิ่งไปทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ วิ่งพล่านๆ พล่านๆ ตลอดเวลา มันมีความสุขเสียที่ไหนที่วิ่งพล่านๆอย่งนั้น เป็นหมาถูกน้ำร้อนเลยนะ วิ่งไปเรื่อย มีแต่ความทุกข์นะ

สติปัญญาแก่รอบนะ โอ้.. ปล่อยวางจิตได้ เขาวางเองนะ อย่าไปอตุริวางนะ บางคนนะ ฮ่า ฮ่า ต่อไปนี้ผมจะวางจิตนะ บ้าไปเลยนะ มีสติไว้ก่อน อย่าเพิ่งปล่อยวางทุกสิ่งที่ทุกอย่าง จิตเขาวางของเขาเอง ห้ามไปจงใจวาง ส่วนเรานั้นมีหนาที่เจริญสติเจริญปัญญาให้มาก..ไป แล้วพอถึงเวลาเขาวางของเขาเอง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907B
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๗ วินาทีที่ ๑๙ ถึง นาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๑๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จะปล่อยวางเป็นต้องเห็นไตรลักษณ์

mp3 for download :จะปล่อยวางเป็นต้องเห็นไตรลักษณ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : กายก็แสดงไตรลักษณ์ใช่มั้ย ดูกายเพื่ออะไร เพื่อให้เห็นไตรลักษณ์ ดูเวทนาก็เห็นไตรลักษณ์ ดูสังขารปรุงดีปรุงชั่วก็เห็นไตรลักษณ์ ดูวิญญาณดูจิตดูใจ ก็เห็นไตรลักษณ์ เห็นไตรลักษณ์ก็คือเห็นความจริง (หมายถึง เห็นความจริงร่วมของทุกๆสิ่งที่เป็นกาย เป็นเวทนา เป็นสังขาร เป็นวิญญาณ – ผู้ถอด)

เพราะเห็นตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายความยึดถือ เพราะคลายความยึดถือจึงหลุดพ้น หลุดพ้นจากอะไร หลุดพ้นจากความยึดถือในรูปในนามนี่เอง จิตเข้าถึงความสงบสุข สันติสุขที่แท้จริง คำว่าสันติๆ นั้นแหละคือคำว่า “นิพพาน” (เป็นคำไวพจน์ หมายถึง เป็นคำคนละคำที่เขียนหรือเรียกหรือหมายถึงสิ่งเดียวกัน – ผู้ถอด) ในนิพพนมีอะไรอยู่ ในนิพพานมีบรมสุขอยู่ มีความสุขอยู่ สันติมีที่ไหนความสุขก็มีที่นั่น แต่ในโลกที่เที่ยวหาสันติไม่เคยมีสันติหรอก สันติอยู่ที่จิตนี่เองนะ ถ้าฝึกเจริญศีลสมาธิปัญญาแก่รอบ จะเข้าถึงสันติภายในใจของเรานี่เอง

เพราะฉะนั้นภาวนานะ แม้ว่าโลกจะแตกเราก็มีความสุขของเราอยู่ได้ เพราะเรามีสันติสุข


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907B
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๖ วินาทีที่ ๒ ถึง นาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ดูของจริง เพื่อให้เห็นความจริง เห็นความจริงแจ่มแจ้ง จะเข้าถึงนิพพาน

mp3 for download :ดูของจริง เพื่อให้เห็นความจริง เห็นความจริงแจ่มแจ้ง จะเข้าถึงนิพพาน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ลูกศิษย์ของหลวงพ่อบางคนก็เป็นเปรียญนะ ก็มีเหมือนกัน ภาวนาไม่เป็น รู้ธรรมะเยอะ รู้ตำราเยอะ แต่ภาวนาไม่เป็น ก็ไม่มีประโยชน์อะไร หัดดูของจริงๆ หัดดูความจริง หัดดูของจริง

อะไรเป็นความจริง รูปนามกายใจนี้ของจริง อะไรไม่ใช่ของจริง เรื่องราวที่คิดเอา คิดเอา พิจารณาเอา ฝันเอา จินตนาการเอา ไม่ใช่ของจริง ให้ดูของจริง ดูกายดูใจนี่ล่ะของจริง ดูเพื่อให้เห็นความจริง ความจริงของกายของใจคือไตรลักษณ์ ดูอันนี้ เมื่อเข้าใจไตรลักษณ์ของกายของใจแจ่มแจ้งนะ จิตมันจะปล่อยวางกายวางใจนะ จะเข้าถึงของจริง จะเข้าถึงของจริงเข้าถึงความจริงอีกชนิดหนึ่ง คือนิพพาน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907B
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๒ วินาทีที่ ๕ ถึง นาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คิดเอา ยังไม่ขึ้นวิปัสสนา

mp3 for download :คิดเอา ยังไม่ขึ้นวิปัสสนา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ลูกศิษย์ของหลวงพ่อบางคนก็เป็นเปรียญนะ ก็มีเหมือนกัน ภาวนาไม่เป็น รู้ธรรมะเยอะ รู้ตำราเยอะ ภาวนาไม่เป็น ไม่มีประโยชน์อะไร หัดดูของจริงๆ หัดดูความจริง หัดดูของจริง อะไรเป็นของจริง รูป-นาม กาย-ใจนี้เป็นของจริง อะไรไม่ใช่ของจริง เรื่องราวที่คิดเอา คิดเอา พิจารณาเอา ฝันเอา จินตนาการเอา ไม่ใช่ของจริง

ให้ดูของจริง ไปดูกายดูใจ นั่นล่ะของจริง ดูเพื่อให้เห็นความจริง ความจริงของกายของใจคือไตรลักษณ์ ดูอันนี้ พอเข้าใจไตรลักษณ์ของกายของใจแจ่มแจ้งนะ จิตมันปล่อย วางกายวางใจนะ จะเข้าถึงของจริง เข้าถึงของจริงเข้าถึงความจริงอีกชนิดหนึ่ง นั่นคือ นิพพาน

นิพพานมีอยู่จริงๆ นิพพานไม่ใช่โลกอุดมคติที่พระพุทธเจ้าสร้างขึ้นมาหลอกเด็ก ให้คนทำดีเยอะๆแล้ววันหนึ่งจะนิพพาน ท่านไม่ได้บอกนะว่า ทำดีเยอะๆแล้วจะนิพพานนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907B
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๐ วินาทีที่ ๒ ถึง นาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Video Clips : เป้าหมายของชีวิต

Link : youtu.be/EpNK2Uh13Oo

หลวงพ่อปราโมทย์ :พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ถ้าตราบใดที่ยังไม่เห็นอริยสัจจ์ ไม่รู้แจ้ังอริยสัจจ์ ยังเวียนว่ายตายเกิด ยังไม่พ้นจากทุกข์ไม่ได้ เนี่ยคำสอนของพระพุทธเจ้าสูงสุดเลยคือเรื่องของอริยสัจจ์ ถ้าเราเข้าใจอริยสัจจ์อย่างถ่องแท้นะ จึงจะถอนตัวเองออกจากวัฏฏะ พ้นจากการเกิดหมุนเวียนไปเรื่อยๆ

ถ้าเราภาวนานะ บางคนภาวนาไปแล้วระลึกชาติได้ ย้อนไปได้ชาติหนึ่ง สองชาติ สามชาติ สี่ชาติ หรือบางคน รู้ได้นะ เห็นคนนี้ตาย ไปเกิดที่นี่ๆอะไรอย่างนี้ เราจะรู้เลยว่าวัฏฏะมันมีจริงๆ แล้วก็ชาติใดนะเกิดมาแล้วเราไม่ได้พบพระพุทธศาสนา เราจะรู้สึกวังเวงในใจเรา เราไม่ได้ชั่วนะ แต่มันวังเวง คือชีวิตนี้มันไม่มีทิศทาง เราไม่รู้ว่าเราอยู่ไปเพื่ออะไร เกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาทำอะไร ไม่รู้เลย แค่เกิดมาแล้วเขาให้เรียนหนังสือก็เรียนตามเขาไป เขาก็ทำงานก็ตามเขาไป ทำงาน เขามีครอบครัวก็มีกับเขาบ้าง เขามีลูกก็มีอย่างเขาบ้าง สุดท้ายเขาตายก็ตายอย่างเขาบ้าง ชีวิตก็มีอยู่แค่นั้นเอง

ชาติใดที่มีบุญวาสนาได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ชีวิตจะมีเป้าหมาย เรารู้เลยว่าเราเกิดมาทำไม ไม่ใช่มีชีวิตอยู่ล่องลอยไร้สาระไปวันหนึ่งๆ ชีวิตจะมีเป้าหมาย คือการถอดถอนตัวเองออกจากความทุกข์ ถึงถอดถอนได้ไม่เด็ดขาดในชีวิตนี้นะ แต่อย่างน้อยก็ต้องใกล้ความพ้นทุกข์เป็นลำดับๆ ก็ยกระดับจิตใจนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งใจเข้าถึงธรรมะ จะรู้แจ้งแทงตลอดในอริยสัจจ์นะ

เพราะฉะนั้นวันนี้ในฐานะที่ส่วนใหญ่เป็นพวกที่เรียนมากับหลวงพ่อพอสมควรแล้ว ดูที่ว่าสามารถแยกธาตุแยกขันธ์ได้หลายสิบคนแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้หลวงพ่อจะพูดเรื่องอริยสัจจ์ให้ฟัง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

แสดงธรรมที่‏ โรงแรมโนโวเทล สนามบินสุวรรณภูมิ
๙๙๙ หมู่ ๑ ตำบลหนองปรือ
อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
สนามบินสุวรรณภูมิ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร

เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๒ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๗
ระหว่างนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๔๘ ถึงนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๒๙
full video : youtu.be/RqtJc2ZNRkg
full audio : 570112

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รู้สึกเป็นทุกข์ก็เพราะคิด

mp3 for download :รู้สึกเป็นทุกข์ก็เพราะคิด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากวัดพระธาตุโกฏิแก้ว
เอื้อเฟื้อภาพโดย คุณ มโน มยา

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใครเคยอกหัก ยกมือโชว์หน่อย โอ้..เยอะเลยนะ อกหักก็ทุกข์กันนานนะ ทุกข์กันแรมปีเลยนะ รู้สึกมั้ย อกหักครั้งแรกเนี่ยนานที่สุด อกหักครั้งที่ ๒๐ เนี่ย จะรู้สึกเฉยๆ อกหักบ่อยๆมันจะชิน ความจริงแล้วไม่มีความทุกข์ที่นานเป็นเดือนๆหรอก ยกตัวอย่างเวลาที่เราหลับอยู่ใช่มั้ย ไม่อกหักใช่มั้ย (หมายถึงรู้สึกเป็นทุกข์จากการอกหัก – ผู้ถอด) ตอนที่เราคิดเรื่องอื่นก็ไม่ได้อกหัก

เพราะฉะนั้นจริงๆแล้วกระทั่งความทุกข์จากการอกหักซึ่งว่าแหมยาวนานนะ ก็สั้นๆ แล้วเราก็คิดใหม่ แล้วเราก็ทุกข์ใหม่ คิดใหม่แล้วก็ทุกข์ใหม่ มันทุกข์อยู่ในช่วงที่คิดเท่านั้นแหละ ตอนนั้นไปคิดเรื่องอื่นก็ไม่อกหัก ยกตัวอย่างเวลาที่กำลังอกหักอยู่นะ สรรพากรมาทวงภาษีเนี่ย จะหายอกหักเลยนะ (หมายถึง ในขณะนั้นจะไม่ได้รู้สึกเป็นทุกข์เพราะอกหัก – ผู้ถอด) ใครเคยถูกสรรพากรทวงภาษีมั้ย เราก็จ่ายครบแล้วนะ มันยังมีหน้ามาทวงอีก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907A
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๒๐ วินาทีที่ ๑ ถึง นาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๕๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

นิพพานเป็นธรรมที่เป็นหนึ่ง

mp3 for download : นิพพานเป็นธรรมที่เป็นหนึ่ง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ : ธรรมะที่เป็นคู่ๆไม่ใช่นิพพาน นิพพานเป็นธรรมที่เป็นหนึ่ง ครั้งหนึ่งนะ เคยมีปริพาชกผู้หญิงคนหนึ่ง เที่ยวไปท้าโต้วาทีเขาไปทั่ว ท้าไปที่ไหนนะ เขาก็แพ้หมดเลย ถือกิ่งไม้อันหนึ่งไปปัก ใครจะท้าโต้วาทีด้วยนะ ให้มาถอนกิ่งไม้นี้ พวกนักบวชนักปราชญ์คนไหนนะ มาถอนกิ่งไม้ มาโต้วาทีทีไร ก็แพ้หมดเลย

พระสารีบุตรท่านให้เด็กไปถอนออกมา ท่านไม่ถอนเอง เดี๋ยวจะว่าพระถอนต้นไม้ ต้องระวังตัว ให้เด็กไปถอน ก็เลยไปโต้กัน ปริพาชกถามอะไรท่าน ท่านตอบได้หมด ท่านถามอันเดียวแหละว่า “อะไรชื่อว่าหนึ่ง” ปริพาชกตอบไม่ได้นะว่าอะไรชื่อว่าหนึ่ง รู้จักแต่ของที่เป็นคู่ๆ สุขทุกข์ก็คู่กัน ดีชั่วก็คู่กัน กลางวันกลางคืนก็คู่กัน สงบฟุ้งซ่านก็คู่กัน ภายในภายนอกก็คู่กัน ถามว่าอะไรเป็นหนึ่งตอบไม่ถูกแล้วนะ ยอมแพ้เลย

ยอมแพ้แล้วก็ขอให้พระสารีบุตรเฉลย ท่านตอบว่า “พุทธมนต์ชื่อว่าหนึ่ง” (มนต์ หรือ มันตะ แปลว่า ปัญญา, พุทธมนต์ คือ พุทธปัญญา – ผู้ถอด) ก็ถามอีกว่าช่วยบอกพุทธมนต์ให้หน่อย พระสารีบุตรท่านก็บอกว่า จะบอกก็ได้ แต่ต้องบวช ถ้าไม่บวชบอกไม่ได้ ท่านออกบวชนะ สุดท้ายท่านเป็นพระอรหันต์ พระอะไรนะ กุณฑลเกศี ต้องเข้าใจจนถึงหนึ่งนะ จิตหนึ่งนั่นแหละ จิตก็เป็นหนึ่ง ธรรมก็เป็นหนึ่ง จิตกับธรรมนั้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จิตทรงธรรม จริงๆแล้ว ธรรมนั้นแหละทรงธรรมเอาไว้ ค่อยๆฝึกเอานะ ฝึกเอา ไปกินข้าวไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๓๐ ถึงนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๒๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตผู้รู้ ไม่ใช่นิพพาน

mp3 for download : จิตผู้รู้ ไม่ใช่นิพพาน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ : บางทีอ้างหลวงปู่นะ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล – ผู้ถอด) อ้างว่าฝึกตามที่หลวงปู่สอนนะ มั่วซั่วเลย ไปเอาปลายทางมาเป็นต้นทาง ต้องฝึกต้นทาง ต้องมีญาณเห็นจิตเหมือนตาเห็นรูป

ตาเห็นรูป ท่านไม่ได้บอกว่าตาเห็นผู้หญิงผู้ชายนะ ท่านสอนให้เห็นสภาวะนั้น คือ ลูกตามันมองเห็นสภาวธรรมคือรูป จิตก็เหมือนกัน จิตก็..เราดูจิตไป เราเห็นจิตเหมือนกับตาเห็นรูปน่ะ ตาของเราคือญาณทัสนะ เราเห็นจิต ก็เป็นนามธรรม ถ้าเห็นจิตก็เป็นตัวนามธรรม จิตไม่ใช่จิตหรอก เป็นนามธรรมอันหนึ่งเท่านั้นเอง เกิดแล้วก็ดับไปๆ ค่อยๆฝึกไปนะ ค่อยๆฝึกไป

หัดแยกธาตุแยกขันธ์เข้า กายส่วนกาย ความสุขความทุกข์ส่วนของความสุขความทุกข์ กุศล อกุศล ก็แยกออกไปส่วนหนึ่ง จิตเป็นคนรู้คนดูก็อยู่ไปอีกส่วนหนึ่ง กระทั่งตัวรู้เองก็เกิดดับ จิตผู้รู้เองก็เกิดดับ จิตผู้รู้ไม่ได้เที่ยง

บางคนนึกว่าจิตผู้รู้นี้แหละคือพระนิพพาน เนี่ยภาวนามานะ เพื่อจะมามีจิตผู้รู้แล้วคิดว่า ตัวผู้รู้นี้แหละคือนิพพาน นี่ครูบาอาจารย์ท่านสอนนะ (หลวงปู่หล้า ภูจ้อก้อ – ผู้ถอด) ว่า ใครเห็นว่า ผู้รู้เที่ยง เป็นมิจฉาทิฎฐิ ใครเห็นว่าจิตเที่ยงเป็นมิจฉาทิฎฐิ ใครเห็นว่าตัวรู้นี้เป็นนิพพานล่ะก็ เข้าใจผิด ท่านบอกว่า ฟากผู้รู้ไป คือพ้นไป ไม่มีที่กำหนดหมาย ถ้าหมายๆอยู่ก็พอเหมือนๆ

เพราะฉะนั้นถ้ายังจงใจไปรู้ไปดู จงใจรักษา จงใจประคอง ก็เป็นตัวปลอม ไม่ใช่นิพพานตัวจริง มีภายนอก มีภายใน เป็นนิพพานตัวปลอม มีสิ่งซึ่งเป็นคู่ มีข้างนอกมีข้างใน มีสงบมีไม่สงบ ธรรมะที่เป็นคู่ๆไม่ใช่นิพพาน นิพพานเป็นธรรมที่เป็นหนึ่ง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๓๐ ถึงนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๒๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อสัญญสัตตาภูมิ ไม่ใช่นิพพาน

mp3 for download : อสัญญสัตตาภูมิ ไม่ใช่นิพพาน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :พรหมบางชนิดไม่มีจิตนะ พวกเรานะ นักปฏิบัติบางคนก็น้อมจิตไป จนกลายเป็นพรหมที่ไม่มีจิต เรียกว่าอสัญญสัตตา อสัญญสัตตาภูมิเป็นพรหม มีแต่ร่างกาย ไม่มีจิต พวกเราบางคนก็นั่งภาวนานะ หรือเดินจงกรม ทรมาณมากเลย นั่งก็นั่งให้ทรมาณให้มาก เดินก็ทรมาณให้มาก สุดขีดเลย จนกระทั่งร่างกายและจิตใจนี้มันทนไม่ไหว จิตมันจะหลบ มันคล้ายๆหลบไป หมดความรู้สึกไป จิตดับลงไป เหลือแต่ร่างกายแล้วจิตดับนะ ไม่มีจิตหรอก แล้วต้องไปสำคัญมั่นหมายกันว่า ตรงนี้บรรลุมรรคผล ที่คิดว่าบรรลุมรรคผล เพราะการบรรลุมรรคผลนั้นต้องไปรู้นิพพาน นิพพานไม่มีรูปไม่มีนาม คนละเรื่องกันนะ

ขณะที่บรรลุมรรคผลนะ ต้องมีจิต เรียกว่ามรรคจิต ผลจิต มีอย่างหนึ่งตั้ง ๒๐ ชนิดแหน่ะ มรรคจิตมีตั้ง ๒๐ ชนิด ผลจิตมีตั้ง ๒๐ ชนิด ทีนี้บางคนไม่เรียนให้ดีนะ นั่งทรมาณตนหนักๆ เครียดสุดขีด เหนื่อยสุดขีดเลย จิตก็ดับลงไป แต่อย่างนั้นไม่ยากอะไรนะ หายานอนหลับมากิน แล้วก็หลับไป แล้วก็บอก นี่แหละบรรลุพระอรหันต์แล้ว พระอรหันต์แบบโดนยาสลบนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560511A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๐
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๒๘ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ธรรมะอัศจรรย์อย่างนี้ก็มีด้วยหรือ?

mp3 for download : ธรรมะอัศจรรย์อย่างนี้ก็มีด้วยหรือ?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :ท่านบอกว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้คือความหลุดพ้นอย่างนี้ ไม่มีอีก นี่เป็นที่สุดที่พระสาวกทั้งหลายท่านตามพระพุทธเจ้ามา ก็เข้ามาสู่ภาวะอย่างนี้เอง ภาวะซึ่งจิตมันพรากออกจากขันธ์นะ โดยเด็ดขาด แล้วไม่ต้องสงวนรักษาอะไรต่อไปอีกแล้ว ทุกอย่างเป็นอัตโนมัติเป็นกริยาไปหมดเลย เป็นของอัศจรรย์อย่างยิ่ง เป็นของอัศจรรย์อย่างยิ่งนะสภาวะชนิดนี้

ครูบาอาจารย์ท่านเล่า หลวงตามหาบัวท่านก็เคยเล่า ว่าพอสัมผัสนะ ท่านน้ำตาร่วงเลย ว่าธรรมะอย่างนี้ก็มีด้วยหรือ ของอัศจรรย์ขนาดนี้นั้นมีด้วยหรือ ไม่น่าเชื่อเลยว่ามี ของดีของวิเศษขนาดนี้นั้นมีอยู่นะ</strong>

วกเราก็ตั้งใจ เบื้องต้นรักษาศีล ๕ ต่อมาก็พยายามฝึกใจให้อยู่กับเนื้อกับตัว อย่าฟุ้งซ่าน เลื่อนลอย ลืมกายลืมใจไป พอจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวได้แล้วนะ ก็มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง ตามความเป็นจริงก็คือเป็นไตรลักษณ์ อย่างอื่นไม่ใช่ความจริง ไตรลักษณ์เป็นความจริง เห็นกายเห็นใจ มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง รู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่น และเป็นกลาง

จิตตั้งมั่นคือจิตเป็นแค่คนดูเท่านั้น จิตเป็นกลางคือจิตไม่เข้าไปแทรกแซง เช่นความโกรธเกิดขึ้น จิตตั้งมั่นอยู่ ก็จะเห็นว่าความโกรธกับจิตเป็นคนละอันกัน เป็นกลางก็คือ จิตไม่เข้าไปเกลียดความโกรธ อยากให้ความโกรธหายไปเร็วๆ ไม่มีความอยากอะไรเกิดขึ้น แค่รู้แค่เห็น สักว่ารู้สักว่าเห็น เท่านั้นเอง แล้วมันก็จะเห็นความจริงว่า ความโกรธมีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ นี่เป็นวิธีการปฏิบัตินะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๒ ถึงนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตที่หลุดพ้นแล้ว

mp3 for download : จิตที่หลุดพ้นแล้ว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :เวลาหลุดพ้นเนี่ย จิตมันพรากออกไปจากขันธ์นะ ไม่ยึดถือไม่เกาะไม่เกี่ยวอะไรเลย จิตสว่างไสวเต็มโลกธาตุ ไม่มีขอบไม่มีเขตไม่มีจุดไม่มีดวง ไม่มีที่ตั้ง ไม่มีการไปไม่มีการมา ไม่มีไหลไปไหลมา ไม่มีเลย สว่าง สดชื่น เบิกบาน ผ่องใส โดยตัวของมันเอง (หมายถึง ไม่ต้องอาศัยเหตุอื่นมาทำให้จิตผ่องใสอีก เช่น ไม่ต้องอาศัยการเจริญสติ ไม่ต้องอาศัยการเจริญสมาธิ เป็นต้น – ผู้ถอด) อยู่ที่เราฝึกเอานะ

เพราะเห็นตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจึงหลุดพ้น เพราะหลุดพ้นจึงรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว แล้วท่านจะต่อท้ายว่า ชาติคือความเกิดเนี่ย หมดสิ้นแล้ว กิจที่ต้องทำเพื่อความพ้นทุกข์เนี่ย ทำเสร็จแล้ว กิจอย่างอื่น ภาระอย่างอื่น ที่จะต้องปฏิบัติอีก ไม่มี คือบอกว่า ชาตสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ คือความหลุดพ้นอย่างนี้ ไม่มีอีก นะ นี่เป็นที่สุดที่พระสาวกทั้งหลายตามพระพุทธเจ้ามา ก็เข้ามาสู่ภาวะอันนี้เอง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๑๓ ถึงนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๑๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ไม่รู้แจ้งในทุกข์จึงมีความอยาก เมื่อมีความอยากก็มีความทุกข์

mp3 for download : ไม่รู้แจ้งในทุกข์จึงมีความอยาก เมื่อมีความอยากก็มีความทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :นี่ถ้าเราเห็นความจริงอย่างที่พระพุทธเจ้าเห็น อย่างที่พระอรหันต์ท่านเห็น กายนี้เป็นทุกข์ล้วนๆ จิตนี้เป็นทุกข์ล้วนๆ นอกจากทุกข์แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากทุกข์แล้วไม่มีอะไรตั้งอยู่ นอกจากทุกข์แล้วไม่มีอะไรดับไป ความยึดถือในกายในใจก็จะไม่มี ความอยากให้กายเป็นสุขก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะกายกับใจจะเป็นสุขไปไม่ได้เพราะมันเป็นตัวทุกข์ ความอยากให้กายให้ใจพ้นทุกข์ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะมันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นตัวทุกข์ ยังไงมันก็ทุกข์ ไม่ทุกข์มากก็ทุกข์น้อย เท่านั้นเอง

ถ้าเห็นความจริงอย่างนี้นี่ ความดิ้นรนของจิตก็จะไม่เกิดขึ้น ความอยาก ความยึด (ความยึดถือ – ผู้ถอด) ความดิ้นรน ก็จะไม่เกิดขึ้น ความอยากก็คือตัณหา ความยึดก็คืออุปาทาน ความดิ้นรนของจิต เรียกว่าภพ

เมื่อมีผัสสะ การกระทบอารมณ์ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ทำให้เกิดความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ เกิดเวทนา พอมีเวทนาขึ้นมาก็เกิดความอยาก มีความสุขก็อยากให้มันอยู่ ความสุขหายไปก็อยากให้มันกลับมา มีความทุกข์ก็อยากให้มันหายไป ความทุกข์หายไปแล้วก็ไม่อยากให้มันมาอีก มันจะมีความอยากอย่างนี้เกิดขึ้น เวทนาจึงเป็นปัจจัยให้เกิดความอยาก พอมีความอยากก็เลยทำให้เกิดความยึดถือ มีความยึดถือก็จะมีความดิ้นรนของจิต นี่ก็คือการสร้างภพ แล้วจะไปหยิบฉวยเอารูปนามขันธ์ ๕ ตาหูจมูกลิ้นกายใจนั้นมาครอบครองไว้ เรียกว่าไปหยิบเอาตัวทุกข์นั้นมาครอบครองไว้ การได้มาซึ่งตาหูจมูกลิ้นกายใจขันธ์ ๕ เรียกว่าชาติ คือความเกิด มีความเกิดเมื่อไหร่ก็มีความทุกข์ทุกที เพราะตัวรูปตัวนามนั้น ในความเป็นจริง เป็นตัวทุกข์


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๓๘ ถึงนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๒๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คนที่ไม่มีสติปัญญาจะเห็นว่า เวลาที่ทุกข์น้อยคือความสุข

mp3 for download : คนที่ไม่มีสติปัญญาจะเห็นว่า เวลาที่ทุกข์น้อยคือความสุข

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :พวกเรารู้สึกมั้ยในร่างกายเราเนี่ย ร่างกายเราเนี่ยพวกเรารู้สึกมั้ยว่าร่างกายนี้ เป็นทุกข์บางเป็นสุขบ้าง รู้สึกอย่างนี้มั้ย รู้สึกมั้ยว่าจิตใจของเรานี้เป็นทุกข์บ้างเป็นสุขบ้าง รู้สึกมั้ย เรายังไม่ได้เห็นความจริงที่พระอริยบุคคลท่านเห็น พระอรหันต์ไม่ได้เห็นอย่างที่เราเห็นนะ พระพุทธเจ้าไม่ได้เห็นอย่างที่เราเห็น เราเห็นว่าร่างกายของเราเป็นทุกข์บ้างเป็นสุขบ้าง แต่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านเห็นว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ล้วนๆ มีแต่ทุกข์มากกับทุกข์น้อยเท่านั้นเอง

คนที่ไม่มีสติปัญญาเวลามันทุกข์น้อยก็ว่ามันเป็นความสุข มันคือความสุขอะไร ความสุขที่มันแปรปรวนเอาเป็นที่พึ่งที่อาศัยไม่ได้ (ลักษณะของทุกข์ในอริยสัจจ์ คือ ความเสื่อมไป ความทนอยู่ถาวรไม่ได้ – ผู้ถอด) ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงหรอก พวกเรายังไม่เห็นจิตใจเป็นทุกข์ล้วนๆ เห็นแต่ว่าจิตใจเป็นทุกข์บ้างเป็นสุขบ้าง พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านเห็นเลย จิตใจที่กลับกลอกยอกย้อนอย่างนี้ เป็นก้อนทุกข์แท้ๆเลย ไม่ใช่ทุกข์บ้างสุขบ้าง เป็นทุกข์ล้วนๆ มีแต่ทุกข์มากกับทุกข์น้อย ในขณะที่จิตใจมีความสุขนะ พวกเรารู้สึกว่ามีความสุข แต่ในขณะนั้นเองนะ พระอริยบุคคลระดับสูงมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ท่านเห็นว่าจิตกำลังทุกข์อยู่ แต่ทุกข์น้อยหน่อย จะไม่เหมือนที่เราเห็นหรอก

การที่เราเห็นว่ากายนี้ใจนี้เป็นทุกข์บ้างเป็นสุขบ้างเนี่ย ทำให้มันมีทางเลือกที่จะดิ้นรนหาความสุข ดิ้นรนหาความทุกข์ ความอยาก-ความดิ้นรน ก็จะเกิดขึ้นนะ อยากให้เป็นอย่างโน้น อยากให้เป็นอย่างนี้ ก็จะดิ้นไปเรื่อย ทุกคราวที่จิตดิ้นรนจิตจะเกิดความทุกข์ขึ้น ทุกคราวที่จิตปรุงแต่ง จิตจะดิ้นรน จิตจะทุกข์ โดยตัวของมันเองเลย เพราะเรายึดอยู่เนี่ย มันก็ยึดไปนะ มันก็ดิ้นไป ก็เป็นทุกข์

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๔๖ ถึงนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๓๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความอยากมาจากการยอมรับความจริงไม่ได้

mp3 for download : ความอยากมาจากการยอมรับความจริงไม่ได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :ยกตัวอย่างปีกลาย (ปี ๒๕๓๔ – ผู้ถอด) เราไม่อยากให้น้ำมาบ้านเรา ไปบ้านคนอื่นไม่เป็นไรหรอก มาบ้านเรา มาน้อยๆหรือไม่มาแล้วดี อยากให้มันไม่มา เพราะเราไปปลูกบ้านในที่ๆน้ำจะมา เราไปอยากในสิ่งซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ อย่างน้ำมันต้องมีที่อยู่ อยากให้น้ำไม่มีที่อยู่นะ อยู่ๆก็ข้ามบ้านเราไปลงทะเลเลย ไม่มาท่วม เป็นความอยากที่ไร้เดียงสา อยากเพราะว่าไม่รู้ความจริง ยอมรับความจริงไม่ได้

สังเกตดูเถอะความอยากทั้งหลายนั้น มาจากการที่ยอมรับความจริงไม่ได้ ยกตัวอย่างแก่แล้วก็อยากไม่แก่ยอมรับความจริงไม่ได้ว่าต้องแก่ เจ็บก็อยากไม่เจ็บเพราะยอมรับความจริงไม่ได้ว่าต้องเจ็บ ตายก็ยอมรับความจริงไม่ได้ ทนไม่ได้เพราะยอมรับไม่ได้ ยอมรับความจริงไม่ได้ว่าต้องตาย เรายอมรับความจริงไม่ได้ว่าบางคราวเราก็ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักบางคราวเราก็ต้องเจอสิ่งที่ไม่รัก เรายอมรับความจริงไม่ได้ว่าสมอยากในทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้หรอกนะ

เมื่อใจยอมรับความจริงไม่ได้ มันจะอยากให้เป็นอย่างอื่น หรือว่าอยากให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งดำรงอยู่เรื่อยๆไป ยอมรับความจริงไม่ได้ว่าจะต้องสูญเสียไป ยอมรับความจริงไม่ได้ว่าบางสิ่งจะต้องมา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๑๓ ถึงนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๔๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความพลัดพรากเป็นเรื่องทางใจ ทุกข์ขึ้นมาเพราะมีความอยาก

mp3 for download : ความพลัดพรากเป็นเรื่องทางใจ ทุกข์ขึ้นมาเพราะมีความอยาก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :ยกตัวอย่างเราเห็นร่างกายนี้ต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย นี่เป็นเรื่องธรรมดา เราก็ไม่ได้ไปอยากว่ามันจะต้องเป็นหนุ่มเป็นสาวตลอด อยากให้มันแข็งแรงตลอด อยากให้มันเป็นอมตะไม่รู้จักตาย อะไรอย่างนี้ ถ้าเรารู้ความจริงแล้ว ว่ามันต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย บางครั้งใจเราก็ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักนะ ร่างกายอาจจะไม่พลัดพราก

ยกตัวอย่างบางคนทำงานที่เดียวกันเจอกันทุกวันเลย เคยรักกัน แต่วันหนึ่งไม่รักกันแล้ว เขาไปรักคนอื่น ตัวยังไม่ได้พลัดพรากกันนะ แต่ใจพลัดพราก บางคนสามีภรรยาทำงานกันคนละที่ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อก็มี บางคน สามีอยู่กรุงเทพฯภรรยาอยู่กระบี่อะไรอย่างนี้ เขาไม่รู้สึกว่าเขาพลัดพรากกัน ทั้งๆที่ร่างกายเขาแยกกันอยู่นะ เขาไม่รู้สึกพลัดพรากเพราะว่าใจของเขายังรู้สึกว่าอยู่ด้วยกัน

เพราะฉะนั้นการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก การประสบกับสิ่งที่ไม่รักอะไรอย่างนี้ อันนี้เป็นเรื่องทางใจ ทั้งๆที่ร่างกายอยู่ด้วยกันนะ ก็ยังรู้สึกสูญเสียคนรักไปก็ได้นะ เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องทางใจ ความแก่ความเจ็บความตายเนี่ย เป็นความทุกข์ทางร่างกาย ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก การประสบสิ่งที่ไม่รัก ความไม่สมปราถนา นำความทุกข์ต่างๆมาให้ อันนี้เป็นเรื่องทางจิตใจ

ความอยากทั้งหลายที่จะให้ร่างกายไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย เกิดจากการที่ไม่รู้ความจริง ยอมรับความจริงไม่ได้ ว่าร่างกายต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย การที่มีทุกข์ขึ้นมา เพราะพลัดพรากจากคนที่รัก เพราะเจอกับสิ่งที่ไม่รัก หรือเพราะว่าผิดหวัง ไม่สมปราถนา ก็มีความอยากเป็นพื้นฐานเหมือนกัน ถ้าชอบเขาก็อยากให้เขาอยู่ด้วยนานๆ พอเขาไม่เที่ยงขึ้นมานะ ก็พลัดพรากจากสิ่งที่รัก ทนไม่ได้ หรือเราอยากจะเจอแต่คนที่ชอบใจ ขอว่าไม่เจอคนที่ไม่ดีอะไรอย่างนี้ มีกรรมร่วมกันมาก็มาเจอกัน ห้ามมันไม่ได้ มันมา เราไปอยากให้มันไม่มา แต่มันมา นะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๔๘ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๑๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

บารมีน้อยก็ต้องพากเพียรให้มาก

mp3 (for download) : บารมีน้อยก็ต้องพากเพียรให้มาก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทีนี้พวกเรา กิเลสยังแรง แค่นึกถึงชีวิตเกิดได้ดับได้ มันจะต่อเลย แต่ตอนนี้ยังไม่ดับ ทำอะไรก็ทำไปก่อน ไม่ล้างกิเลส ก็ต้องดูให้มันละเอียดขึ้นไปอีก ไปให้เห็นเลยว่ามันทุกข์อยู่ทุกขณะนะ อย่าหลงอย่าเพลินนะ

ถ้าเราแยกรูปแยกนามออกไปแล้วเราจะเห็นเลยว่า ความทุกข์บีบคั้นอยู่ทุกขณะจิตเลย อย่าได้หลงเพลิดเพลินกับโลกเลย พวกหลงโลกมากก็ต้องดูให้มันละเอียดยิบเลย เห็นแต่ทุกข์เยอะแยะไปหมดเลย หายใจออกก็ทุกข์หายใจเข้าก็ทุกข์ ยืนก็ทุกข์เดินก็ทุกข์นั่งก็ทุกข์นอนก็ทุกข์ ต้องเห็นอย่างนั้น

หรือเห็นจิตเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอด จิตสุขก็ชั่วคราว จิตทุกข์ก็ชั่วคราว จิตดีก็ชั่วคราว จิตร้ายก็ชั่วคราว แล้วก็เห็นอนัตตา จิตจะสุขก็สั่งไม่ได้ จิตจะทุกข์ก็สั่งไม่ได้ ห้ามทุกข์ไม่ได้ ทุกข์แล้วสั่งให้หายก็ไม่ได้ จิตเป็นอนัตตาสั้งให้ดีมันก็ไม่ค่อยจะดี ห้ามชั่วมันก็ชอบชั่ว อะไรอย่างนี้

เฝ้าดูลงไปจะเห็นเลยว่ามีแต่ของน่าเอือมระอา ร่างกายนั้นมีแต่ความทุกข์บีบคั้นอยู่ตลอดเวลา จิตใจมีแต่ความไม่เที่ยงมีแต่ความเป็นอนัตตา เห็นซ้ำๆซ้ำๆใจก็เบื่อ หาสาระแก่นสารไม่ได้

บารมีเราน้อยเราก็ต้องมาภาวนาให้มันละเอียดขึ้น คนที่เขาบารมีมากเจอพระพุทธเจ้า บางคนฟังธรรมนิดๆหน่อยๆนะ ไม่ได้ยินเรื่องรูปเรื่องนามอะไรหรอก ใจเขาก็ยอมรับนะ ใจเขาตัดได้ เพราะเขาสะสมของเขามามาก

พวกเราเนี่ยขอให้เชื่อมั่นอย่างหนึ่งนะ ว่าสะสมมาน้อย ถ้าสะสมมามากคงไปฟังธรรมตรงจากพระพุทธเจ้าแล้วล่ะ หรือพวกเราในนี้อาจจะเคยฟังธรรมตรงจากพระพุทธเจ้ามาแล้วนะ แต่ยุคนั้นบารมีเราน้อย เราฟังแล้วไม่รู้เรื่อง เราฟังเทวฑัตรู้เรื่อง ตามเทวฑัตไปนะ

เพราะฉะนั้นสันนิษฐานไว้ก่อนว่า พวกเราบารมีน้อย แทนที่จะได้เรียนตรงจากพระพุทธเจ้า กลับต้องมาเรียนจากสาวก ในเมื่อบารมีน้อยก็ต้องพากเพียรให้มาก คล้ายๆเราจนน่ะ อยากจะดีก็ต้องขยันให้หนักกว่าคนที่เขารวยอยู่แล้ว เราจนด้วยอริยทรัพย์ ศีลเรากะพร่องกะแพร่ง สมาธิเราก็ไม่ดี การศึกษาธรรมะได้ยินได้ฟังก็น้อย การเจริญปัญญาก็ยังไม่มาก เรียกว่าเรายังจนอยู่ในอริยทรัพย์ เราก็ต้องขยันหน่อย เพราะว่าจน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๒๙ ถึงนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 912345...Last »