Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

ข้ามทะเลทั้งสี่ แล้วจะถึงจิตหนึ่ง (๑) ทะเลทิฎฐิ

mp 3 (for download) : ข้ามทะเลทั้งสี่ แล้วจะถึงจิตหนึ่ง (๑) ทะเลทิฎฐิ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: วันก่อนโน้น หลวงพ่อ ไม่ค่อยได้ฟังธรรมะที่สะใจมานานแล้ว ธรรมะที่สะใจครั้งสุดท้ายที่ได้ยินนะ คือ หลวงพ่อคำเขียน ไปหาท่าน ไปเยี่ยม ท่านไม่สบาย เมื่อเดือนพฤศจิกาฯ

ท่านบอกว่า โอ๊ย.. ผมไม่มีอะไรแล้ว ผมอยู่กับความไม่มีไม่เป็นอะไรหรอก อู๊ยสะใจ สะใจจริงๆ จริงๆเราอยู่กับความไม่มีไม่เป็น แต่ความสำคัญมั่นหมายของเราเพราะความเห็นผิดนั่นนะ ไปสำคัญว่ามันมีมันเป็นขึ้นมา มันมีเรามีเขาขึ้นมา

กว่าเราจะข้ามทิฎฐิ ที่ว่ามันมีเรามีเขาขึ้นมาได้นี้นะ ข้ามยาก อันนี้เป็นทะเลหรือเป็นมหาสมุทรอันแรกนะ ของผู้ปฎิบัติ เรียกว่าโอฆะ โอฆะแปลว่าห้วงน้ำห้วงมหาสมุทรอะไรอย่างนี้ มหาสมุทรในโลกมันมีกี่อัน จำไม่ได้แล้ว เคยเรียน แต่มหาสมุทรในการปฏิบัตินี้มันมี ๔ อันนะ ต้องข้ามให้ได้ให้หมดเลย มีทะเลอยู่ ๔ ทะเล ถ้าข้ามได้หมดก็จะเอาตัวรอดได้

มหาสมุทรอันแรกเลย คือ ทิฎฐิ ทะเลคือทิฎฐิ คือความเห็นผิดของเรานี้แหละ เราไปเห็นผิดในของที่ไม่มีตัวมีตน ว่ามีตัวมีตนขึ้นมา เวลาเรามองโลกแล้วสะดุดปั๊บขึ้นมาเลย เกิดเราเกิดเขา เกิดสัตว์เกิดคน เกิดต้นไม้ เกิดสิ่งโน้น เกิดสิ่งนี้ โลกนี้ลุ่มๆดอนๆ

ในทางมหายานนะเคยมีสูตรอยู่สูตรหนึ่ง พระสารีบุตร ไปบอกพระพุทธเจ้าบอกว่า พระองค์ สร้างบารมีไม่ค่อยดีเท่าไร พุทธเกษตรของ.. หรือโลกของพระองค์ดูลุ่มๆดอนๆ พวกพระโพธิสัตว์ก็เถียง บอกว่าไม่จริงหรอก พุทธเกษตรของพระพุทธเจ้าเนี่ยเรียบเลย ราบเรียบไปหมดเลย ไม่มีความเป็นลุ่มเป็นดอน ไม่มีอะไรสะดุดขึ้นมาเป็นตัวเป็นตนได้เลย มันว่างเปล่า แต่ไม่ใช่ว่างแบบไม่มีอะไร

จริงๆนี่ก็แต่งเกินไป พระสารีบุตรไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอก สาวกรุ่นหลังๆ ภาวนาไปยังเห็นโลกว่างได้เลย ทำไมพระสารีบุตรท่านจะไม่เห็น

มิจฉาทิฎฐิ เป็นสิ่งแรกที่พวกเราต้องภาวนา แล้วก็ข้ามมันให้ได้ คือเราสำคัญมั่นหมายว่ากายนี้ใจนี้คือตัวเรา เราไปแบ่งแยกสมบัติของโลกส่วนหนึ่งออกมาเป็นตัวเราขึ้นมา ส่วนที่เหลือมันก็เป็นคนอื่น เป็นสิ่งอื่นๆ เป็นสิ่งที่แวดล้อมอยู่ ไปแบ่งตัวเองออกมา สำคัญมั่นหมายว่ามี ว่าเป็น เป็นโน่นเป็นนี่ด้วยนะ เป็นใหญ่เป็นโต เป็นคนดีเป็นคนเลว เป็นพวกทุศีลเป็นพวกมีศีล แบ่งตัวเองออกไปจากธรรมชาติ ซึ่งไม่มีอะไรอยู่แล้ว เสมอภาคกันทั้งหมด

พอมีตัวเราขึ้นมาก็มีมิจฉาทิฎฐิต่อไปอีก ถ้าตัวเราตายไป เราไปเกิดอีก ตัวเราเที่ยง จิตเรานี้เที่ยง ร่างกายแตกสลายไป จิตนี้ยังไปเกิดได้อีก นี่ก็มิจฉาทิฎฐิแขนงหนึ่ง เรียกว่า สัสตทิฎฐิ อีกพวกหนึ่งเห็นว่าตัวเรามีอยู่ แล้วตายไปก็หายไปเลย นี่ก็เป็นมิจฉาทิฎฐิอีก เรียกว่า อุจเฉทิกทิฎฐิ รากเหง้าของมันก็เริ่มมาจากความมีตัวเรานี่แหละ มีตัวเราแล้วก็มีตัวเราอย่างเที่ยงแท้ถาวร หรือมีตัวเราชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็หายสาบสูญไป

ทะเลทิฎฐินี้จะข้ามได้ต้องเป็นพระโสดาบัน เพราะฉะนั้น ๔ ทะเลนี้ พวกเรายังข้ามไม่ได้สักทะเลหนึ่งเลยนะ ข้ามได้แค่ริมทะเลอะไรอย่างนี้ เที่ยวๆไปอย่างนี้ จะ ข้ามทิฎฐิตัวนี้ได้ต้องมีสติ มีปัญญา มีสัมมาสมาธิ มีสติรู้ลงมาในกายในใจนี่ มีใจที่ตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิ สักว่ารู้ สักว่าดู เวลาดูกายจะรู้สึกเหมือนว่ากายอยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่ส่วนหนึ่ง เวลาดูเวทนาคือความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ มันจะรู้สึกว่าเวทนาอยู่ส่วนหนึ่งจิตก็อยู่ส่วนหนึ่ง มีช่องว่างนะ ไม่ ไม่เป็นอันเดียวกัน มีช่องว่างมาคั่น

เวลาดูจิตที่เป็นกุศล อกุศล จะเห็นเลย อกุศลหรือกุศลทั้งหลายนะ กับจิตเนี่ยคนละอันกัน มีช่องว่างมาคั่น พวกเราดูออกแล้วใช่มั้ย เนี่ยเราดูไปเรื่อยนะ ใจเราตั้งมั่นจะสักว่ารู้สักว่าดูได้ เสร็จแล้วปัญญามันถึงจะเกิด มันจะเห็นเลย ทุกสิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่จิตไปรู้เข้าล้วนแต่มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับไป บังคับไม่ได้สักอันเดียว ดูมาจนกระทั่งถึงจิตที่ เป็นผู้รู้ผู้ดูนี่เอง ก็เห็นมันเกิดดับ เดี๋ยวก็เป็นผู้รู้ เดี๋ยวก็เป็นผู้หลง เป็นผู้รู้บ้าง เป็นผู้หลงบ้าง ดูไปดูมาในขันธ์ ๕ นี้ ไม่มีตัวตนที่แท้จริง ไม่มีตัวเราที่แท้จริง ให้มีสติรู้ลงมาในกายในใจนี้นะ ถึงจะละมิจฉาทิฏฐิได้ ข้ามทะเลตัวแรกได้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๐ หลังฉันเช้า


สวนสันติธรรม
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๙
File: 500408B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๙ ถึง นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๒๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ทุกขอริยสัจ กับจิตหนึ่ง

ทุกขอริยสัจ กับจิตหนึ่ง

กายและจิตได้ชื่อว่า ทุกข์
เพราะทนได้ยาก ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้
เกิดแล้วย่อมเสื่อมดับไปเป็นธรรมดา
แต่การพ้นจากทุกข์ ไม่ใช่ว่ากายและจิตจะทนได้ง่าย
ไม่ใช่ว่ากายและจิตจะทนอยู่ในสภาพเดิมได้
ไม่ใช่ว่ากายและจิตจะเกิดแล้วไม่เสื่อมดับไป
หากแต่เป็นการที่มีจิตหนึ่ง
ซึ่งไม่ยึดถือกายและจิตที่เป็นทุกข์เอาไว้
จิตหนึ่งนั้น จะมีได้ก็ด้วย
การหัดรู้กายหัดรู้จิตที่ได้ชื่อว่า ทุกข์ นั่นเอง

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ถ้าจิตหนักๆแสดงว่าผิด

mp 3 (for download) : ถ้าจิตหนักๆแสดงว่าผิด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : มาอยู่วัดที่เมืองกาญจน์นะ เดินจงกรมใหญ่เลย เดินหามรุ่งหามค่ำเลยนะ เดินขนาดว่า ถ้าขาเราเป็นเหล็ก ขาเราจะสึกไปเยอะเลย ตัวต้องเตี้ยกว่านี้อีก เดิน เดิน เดิน เดิน เดินไป หมดเรี่ยวหมดแรงก็ลงมานั่น หอบแฮ่กๆนะ มีแรงก็เดินใหม่ ยิ่งเดินจิตยิ่งแย่ลงๆ แย่กว่าตอนไม่บวชเสียอีก เดินอยู่เดือนครึ่งนะ เดือนอยู่เดือนครึ่งนะ เข้าพรรษามาครึ่งพรรษา วันหนึ่งบ่ายๆหมดเรี่ยวหมดแรงเลย บ่ายสอง มาเดินจงกรมอยู่ที่ระเบียง ต้นไม้ไม่มี ตอนนั้นอยู่ในท้องนา ปลูกต้นไม้ไว้นะ ต้นยังแค่ขาแค่เอวเป็นอย่างมาก ก็ต้องเดินจงกรมที่ระเบียง

เดินจนเหนื่อยนะ แล้วก็มองไป มองออกไปนอกวัด มันมีภูเขาอยู่ ๓ ลูก เรียงกัน ใครไปสวนโพธิ์จำได้มั้ย ภูเขา ๓ ลูกนี้สวย มันเรียงกัน ลูกมันเท่าๆกันเลยนะ ความจริงมันไม่เท่าหรอก แต่ว่ามันเหลื่อมไปเหลื่อมมา เมื่อดูด้วยสายตาจากที่สวนโพธิ์มันเท่ากันเป๊ะเลย สามลูก แล้วเว้นช่องไฟสวยงาม ดูไปที่ภูเขาสามลูกนี้ ภูเขาสามลูกนี้ไม่มีน้ำหนักเลย แต่ใจเรามีน้ำหนัก นี่ มันเฉลียวใจขึ้นมา แทนที่เราภาวนาแล้วใจจะยิ่งเบานะ ไม่ยึดไม่ถืออะไร โลกธาตุเนี่ยในความเป็นจริงโลกธาตุว่างเปล่า แต่ใจเรามีน้ำหนัก ใจเราต่างหากยึดถือ ใจมันก็นึกขึ้นมาได้ หลวงปู่ดูลย์เคยสอนประโยคหนึ่ง บอกว่า วันใดที่เห็นจิตกับสภาพแวดล้อมอยู่ เป็นสิ่งเดียวรวด วันนั้นเธอจะเข้าใจที่สุดแห่งทุกข์เลย

นี่จิตของเรากับธรรมชาติที่แวดล้อมอยู่ ไม่ใช่สิ่งเดียวรวด จิตเราหนัก ธรรมชาติไม่มีน้ำหนัก จิตเราหนักเราต้องทำผิดแล้วล่ะ โอ้..เราไม่ถนัดเดินนะ มีเก้าอี้พลาสติกอยู่ตัวหนึ่ง ตัวร้อยกว่าบาท นี่ แบบนี้ ไปลากออกมาเลยจากในห้องนะ มาวางที่ระเบียง ไม่เดินล่ะวะ มีวะด้วยนะ เรามันนักเลง นั่งดูภูเขา นั่งดูโน้นดูนี้ไปนะ ใจที่จงใจปฏิบัติค่อยคลายออกๆ คลาย ดูอยู่ไม่นานนะ ใจก็คลายออก คลายออกมาก็ทำสมาธิบ้าง เดินจงกรมบ้าง เจริญสติในชีวิตประจำวันบ้าง ฝึกอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ นานๆก็ลืมสมถะอีกละ ก็ต้องกลับมาทำใหม่ วนเวียนๆไปนะ ภาวนาอยู่สองพรรษาได้ ใจก็เปลี่ยนแปลง สบาย มีความสุข


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันศุกร์ที่ ๓๑ กรกฏาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
Track: ๙
File: 520731A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๑ ถึง นาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๔๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : สำหรับคนเจ้าโทสะ

สำหรับคนเจ้าโทสะ

หลักการคือ ต้องสำรวมกายวาจาให้ได้ แล้วดูจิตที่โกรธไป
แต่หากรู้สึกว่าจะสำรวมไม่ไหวเพราะความโกรธแรงขึ้น
ต้องใช้อุบายช่วยเอาตัวรอดเป็นครั้งคราวไปก่อน
โดยการใช้อุบายทำให้ความโกรธเบาลง (แต่อย่าใช้วิธีกดข่มตรง ๆ)
ซึ่งอาจใช้วิธีคิดเรื่องอื่น คิดในด้านดีด้านบวกแทนที่จะคิดเรื่องที่โกรธ
เอาจิตไปสนใจสิ่งอื่นที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังโกรธ
เช่นไปสนใจคำบริกรรม สนใจลมหายใจ
หรือถ้าสามารถทำได้ก็อาจใช้วิธีเดินหลบออกไปจากสภาพแวดล้อมตรงนั้นก่อนก็ได้ครับ
เมื่อใช้อุบายทำจิตให้สงบลงจนสามารถสำรวมกายวาจาได้แล้ว
ก็ให้กลับมาหัดดูจิตที่โกรธต่อไปใหม่ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ขอเชิญร่วมกิจกรรมจิตใสใจสบาย ที่บ้านจิตสบาย ๘ ธ.ค. ๕๕

ขอเชิญท่านผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม
จิตใสใจสบาย กับ ธรรมะยามบ่าย
โดย คุณมาลี ปาละวงศ์
ในวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๕
ตั้งแต่เวลา ๑๔:๐๐ – ๑๖:QQ น.
ณ. บ้านจิตสบาย

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เราภาวนาอยู่ในภพทั้งนั้น

mp 3 (for download) : เราภาวนาอยู่ในภพทั้งนั้น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : พอรู้ทันว่าจิตติดอยู่ในภพนะ จิตมันจะหลุดเอง จิตที่มันรักที่จะพัฒนาตัวเองนะ มันจะไม่ยอมนอนค้างในภพใดภพหนึ่งนานๆนะ เพราะฉะนั้นเราสังเกตการภาวนาของเราไปเรื่อย ภาวนาแล้วมีความสุขนะ แล้วสุขมาตั้งนานแล้ว เป็นหลายวัน เป็นอาทิตย์ๆ เป็นเดือนๆเนี่ย จิตต้องติดอยู่ในภพของความสุข ความสบาย ความโล่ง ความว่าง ให้รู้ทันเลย จิตไปติดไปเกยตื้นอยู่ตรงนี้ ไปไม่รอดแล้ว ถ้ารู้ทันนะจิตมันจะถอนตัวออกมา ถอนออกมาเอง เราก็ภาวนาไปอีกนะ เดี๋ยวมันก็ไปติดอย่างอื่นอีก ก็คอยสังเกตเอา โอ้ว.. นี้เหมือนกันหลายวันแล้ว ต้องไปติดอะไรอีกแล้ว รู้ทันอีกนะ ก็ค่อยหลุดออกมา

แต่การสังเกตจิตที่ไปติดอยู่ในภพใดภพหนึ่งเนี่ย ห้ามสังเกตบ่อย ห้ามสังเกตบ่อยเพราะอะไร หลวงพ่อเคยทำ เนี่ย ไอ้เรื่องที่ไม่เอาไหน ทำมาเยอะแล้วนะ ทุกวันนี้ถึงพูดเต็มปากเต็มคำ คือพอจิตไปติดตรงนี้ปุ๊บ มันไปใช้ปัญญา ใช้การคิดพิจารณาเอา ออ..นี่เข้าไปติดอีกแล้ว สังเกตแบบไม่ให้คลาดสายตาเลย จิตไปติดตรงนี้ อ้อรู้แล้ว หลุดออกมา ไปติดตรงนี้อีก รู้แล้วหลุดออกมา ติดตรงไหน รู้แล้วหลุดๆหลุดๆไปเรื่อย ในที่สุดจิตถอนปุ๊บออกมา กลับออกมาอยู่กับโลกอย่างนี้เลย หลุดออกจากกรรมฐานด้วย

ในความเป็นจริงแล้วเวลาที่เราภาวนาเนี่ย เราภาวนาอยู่ในภพ มิใช่ภาวนาอยู่นอกภพนะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องรีบร้อนที่จะหลุดออกจากภพทั้งหมด ไม่ใช่ไอ้นี่ก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา ในที่สุดหลุดพลุ๊บออกมา กลายเป็นมนุษย์สารเลวอย่างเดิมเลย นะ ไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ

เพราะฉะนั้นไม่ต้องรีบร้อน เอาไว้ว่าหากมันติดนานๆหลายๆวันแล้วค่อยสังเกตดู ไม่ใช่ไปคอยสังเกตว่าจิตนี้เคลื่อนไปจับตรงนี้ปุ๊บ อึ๊..เอาออกแล้วนะ นี่ก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอานะ กลายเป็นไม่เอาอะไรเลย ไม่เอาอะไรเลยนะ ก็หลุดออกมาเลย คอยสังเกตเอา แต่สังเกตสบายๆไม่รีบร้อนหรอก ภาวนาเราก็ภาวนาอยู่ในภพ ไม่ต้องกลัวติดหรอก เพราะอย่างไรก็ติด ไม่ต้องกลัวผิดหรอก เพราะอย่างไรก็ผิด ที่ทำทุกวันนี้ ผิดทั้งหมด แต่ผิดน้อยลงๆ เข้าใกล้ความจริงมากขึ้นๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะไปติดหรือว่าทำผิด ทำทีไรก็ผิด แต่ถ้าไม่ทำเลยจะผิดมากกว่า

เราก็ต้องทำนะ เรามีศีล ทำศีล ทำสมาธิ ทำปัญญา ค่อยๆฝึกค่อยพัฒนาของเราไป ถ้าใจเรารู้ทัน มันจะถอยออกมา คลายออก คลายออก เป็นระยะๆนะ มันจะไม่ไปติดอยู่ที่ใดที่หนึ่ง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๕ กรกฏาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
Track: ๓
File: 520705.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๒๓ ถึง นาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : ความสำคัญของสักแต่ว่า

ความสำคัญของสักแต่ว่า

หากไม่สักแต่ว่ารู้ อะไรจะเกิดขึ้น?
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือปฏิจจสมุปบาทจาก ผัสสะ เวทนา
ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ จนถึงทุกข์ นั่นเอง
หากสักแต่ว่ารู้ แม้มันจะก้าวกระโดดจากการรู้สีด้วยตา
ไปรู้ธัมมารมณ์ทางใจก็ตาม
จิตที่ไม่หลงยินดีไปกับธัมมารมณ์
ก็จะไม่ปรุงแต่งจนเกิดความทุกข์ขึ้นมา
คำว่า “สักแต่ว่า” จึงเป็นสิ่งที่จะตัดวงจรของปฏิจจสมุปบาทให้ขาดตอนลง
ไม่เกิดตัณหา อุปาทาน ขึ้น
หรือแม้เกิดตัณหา ก็ไม่ หลง”ไหล” ตามตัณหาไปจนเป็นอุปาทาน

ท่านพระพาหิยะ ฟังธรรมแค่ สักแต่ว่า สักแต่ว่า เพียง 1 – 2 คำ
ท่านเข้าใจ และตัดวงจรปฏิจจสมุปบาทขาด
และท่านก็เข้าใจปฏิจจสมุปบาทหรืออริยสัจจ์ตลอดสาย
คือ “รู้” ว่าทุกข์เกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่เกิดขึ้นได้อย่างไร
อวิชชา ความ “ไม่รู้” ก็ขาดออกจากจิตของท่านในขณะนั้น

โดย คุณ สันตินันท์ (นามปากกาหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2542

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม

mp 3 (for download) : ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ค่อยๆภาวนาไป มีสติรู้กายรู้ใจไป ภาวนาไปแบบลำบาก แบบแห้งแล้ง เรียกว่า “สุกขวิปัสสกะ” ภาวนาแบบแห้งผาก แห้งผากจริงๆนะ ภาวนาไปแล้ว โอย..ทุกข์ทั้งนั้นเลย จะเบรคก็ไม่ค่อยจะเบรค เบรคไม่ค่อยอยู่ เห็นแต่ทุกข์ทั้งวัน เห็นแต่ทุกข์ทั้งคืน ฝึกไปนะ จนใจมันเอือมกับความทุกข์ แล้วมันก็รู้ว่าหนีไม่ได้

ในที่สุดใจยอมรับความทุกข์ ตรงนี้สำคัญละ อยู่กับทุกข์นะ หาทางหนีเท่าไหร่ๆก็ไม่พ้น หนีไปขึ้นภูเขา ขึ้นต้นไม้ ขึ้นไปเรือบิน ลงไปใต้น้ำ พวกความทุกข์ก็ตามไป หนีไม่พ้น หนีไม่พ้นก็ต้องอยู่กับมัน รู้แล้วว่าหนีไม่ได้ ใจก็ยอมรับ เอาละวะ อยู่ก็อยู่กับมัน ใจเป็นกลางกับความทุกข์ ภาวนาไปนะ ถึงจุดหนึ่งเนี่ย ใจจะเป็นกลางกับความทุกข์ เห็นนะ มีแต่ทุกข์ล้วนๆเลย พอใจเป็นกลางมากเข้าๆนะ ในที่สุดใจเนี่ยจะเกิดกลไกอัตโนมัติอย่างหนึ่ง พอมันเห็นทุกข์เต็มที่แล้วนะ มันจะสลัดตัวออกจากทุกข์ได้ อันนี้เป็นเรื่องแปลกมากเลย

เพราะฉะนั้นเรารู้กายเรารู้ใจ เห็นเป็นทุกข์ล้วนๆเมื่อไหร่นะ ถึงวันหนึ่งเนี่ย จิตจะสลัดตัวออกไปจากขันธ์ ไม่ยึดน่ะ ไม่ยึดในขันธ์ ขันธ์ก็ยังทุกข์ต่อไปของขันธ์หรอก แต่จิตจะพ้นออกไปจากขันธ์ นี่วิธีปฏิบัตินะ ตั้งแต่เบื้องต้นมา มีสติรู้กายรู้ใจไป อดทน ต้องอดทน เพราะว่ามันจะซ้ำๆซากๆ ดูกายดูใจซ้ำซากไป จนสติอัตโนมัตินะ พอสติอัตโนมัติขึ้น มีสติทีแรกก็มีความสุขดีหรอก พอสติอัตโนมัติขึ้นมารู้ทั้งวันรู้ทั้งคืน คราวนี้ล่ะจะเจอทุกข์สาหัสสากรรจ์เลย

ไม่เห็นทุกข์ไม่เห็นธรรมหรอกนะ เพราะรู้ทุกข์นั้นแหละถึงจะเรียกรู้ธรรม เพราะความทุกข์เป็นความจริงของพระอริยะ ถ้าใจไม่รู้จักทุกข์ก็ไม่ได้เป็นพระอริยะหรอกนะ พระอริยะรู้จักสัจจะความจริงข้อแรกก็คือทุกข์นั่นเอง รู้ทุกข์นะจนใจหมดแรงดิ้น หมดสมุทัย ไม่ดิ้นแล้ว หนีก็ไม่พ้นแล้ว ปฏิเสธก็ไม่ได้แล้ว หมดแรงดิ้นนะ ยอมจำนน ยอมจำนนนะ สู้ตายแล้วก็รู้เลย ตายแหงแก๋แล้วคราวนี้ ความทุกข์ถลุงเอาๆนะ ไม่มีทางรอดแล้ว แล้วก็ไม่มีทางหนีด้วย

ในที่สุดใจนะ เห็นทุกข์แจ่มแจ้งนะ ทุกข์มันบีบคั้นนะ มันสลัดตัวเปรี้ยงออกไปเลย มันพ้นกันตรงนั้นแหละ มันพ้นตรงที่รู้ทุกข์แจ่มแจ้ง ครูบาอาจารย์ถึงบอกว่าไม่เห็นทุกข์ไม่เห็นธรรมหรอกนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ กรกฏาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
Track: ๓
File: 520705.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๓๖ ถึง นาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๑๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: New Files Uploaded (๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕)

    New Files Uploaded วันอังคารที่ ๒๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๕

  • 551121: สํานักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แสดงธรรมเมื่อวันพุธที่ ๒๑ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : สักแต่ว่า

สักแต่ว่า

ถ้าสติปัญญาทำงานทันผัสสะจริงๆ
จึงจะ “สักแต่ว่า” ได้ครับ
คือจิตไม่ปรุงแต่งต่อไป รู้แล้ววางอยู่แค่นั้นเลย
หรือแม้ว่า จิตจะปรุงแต่งต่อไปอีก
ถ้าจิตไม่หลงยึดถือไปตามความปรุงแต่งนั้น
อันนี้ก็ยังถือว่า “สักแต่ว่า” ได้เหมือนกัน

เมื่อวานซืน ยืมลูกคุณหมอ มาเป็นอุปกรณ์ทางการศึกษา
คือชี้ให้พวกเราดูว่า สิ่งที่เห็นเป็นเด็กนั้น ที่จริงคือสีที่ตัดกันเท่านั้น
แล้วตาก็ไม่รู้หรอกว่า นี่สีอะไร รวมกันแล้วเป็นรูปอะไร
อาศัยสัญญา จึงรู้ว่า นี้เป็นรูปที่บัญญัติเรียกว่าอะไร
เมื่อจิตรู้ว่า นี้คือลูกแล้ว
สังขารคือความคิดนึกปรุงแต่งก็ทำงานต่อ มีความรักเกิดขึ้น

ปกติจิตของเราทำงานเร็วมาก
ในทางทฤษฎี ถ้าตาเห็นสีแล้วหยุดอยู่เพียงนั้น ก็เรียกว่า สักแต่ว่าเห็น
แต่ในความเป็นจริง ช่วงต่อระหว่างที่ตาเห็นสี
กับสัญญาแปลความหมายนั้นสั้นมาก
พอเห็นปุ๊บ ก็สรุปว่านี้คือ ลูกเรา เสียแล้ว
แล้วสังขารก็ทำงานต่ออย่างรวดเร็ว
ปรุงเป็นความรักใคร่หวงแหนห่วงใยขึ้นมาแล้ว

นักปฏิบัติที่ยึดตำรามากเกินไป ที่บอกว่าทำสติรู้ สี อย่างเดียวนั้น
เอาเข้าจริงจึงเป็นการหลอกตัวเอง
เพราะพอเกิดผัสสะทางตาแล้ว วับเดียวก็เกิดผัสสะทางใจตามมาแล้ว
ถ้าเมื่ออารมณ์ทางใจเกิดขึ้น แล้วทำเป็นไม่รับรู้
เพราะ “อยาก” รู้สีอย่างเดียวเพื่อให้เป็นปัจจุบันและต่อเนื่อง
มันจึงไม่ใช่ปัจจุบัน เพราะปัจจุบันมันย้ายไปเป็นอารมณ์ทางใจเสียแล้ว
เมื่ออารมณ์ทางใจปรากฏเด่นชัด ก็ควรรู้มัน
ไม่ใช่ปฏิเสธมันเพราะจะเอาแต่รู้อารมณ์ทางตาอย่างเดียว

แต่การรู้อารมณ์ทางใจนั้น ก็ให้ “สักแต่ว่ารู้”
คือรู้ตามที่มันเป็น ไม่ใช่หลงปล่อยให้เกิดตัณหา
ผลักดันจิตให้ทะยานเข้าไปยึดอารมณ์แบบไม่รู้ทัน

รวมความแล้ว สักแต่ว่า ก็ต้องอาศัย สติ รู้อารมณ์ตามที่มันเป็น

แม้ตอนแรกจะรู้อารมณ์ทางตา ขณะต่อมารู้อารมณ์ทางใจ
ก็สามารถ สักแต่ว่ารู้ ได้ทั้งนั้น ทั้งที่ตาและที่ใจ

โดย คุณ สันตินันท์ (นามปากกาหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2542

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ขอเชิญฟังธรรมบรรยาย ที่วัดศรีทวี นครศรีธรรมราช ๕ ธ.ค. ๕๕

ขอเชิญท่านสาธุชน
ฟังธรรมบรรยาย โดย หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดศรีทวี ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
ในวันพุธที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
เวลา ๙:๓๐ – ๑๑:๐๐ น.
ข้อมูลวัดศรีทวี

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: หลวงพ่อปราโมทย์บรรยายธรรมนอกสถานที่ อบต. ภูตาหลวง ๔ ธ.ค. ๕๕

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สวนสันติธรรม
มีกำหนดแสดงธรรมที่ อบต. ภูตาหลวง สัตหีบ ศรีราชา
ในวันอังคารที่ ๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
เวลา ๙:๐๐ – ๑๐:๓๐ น.

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนกรรมฐานต้องอดทน

mp 3 (for download) : เรียนกรรมฐานต้องอดทน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใจของคนรุ่นนี้ไม่เหมือนใจคนแต่ก่อนนะ ก่อนนี้อดทนมากเลยในการทำอะไรสักอย่าง พวกเราไม่ค่อยทนหรอก ยกตัวอย่างเด็กเดี๋ยวนี้ย้ายงานบ่อย ทำงานไม่กี่วัน ย้ายอีกแล้ว เวลาเขียนประวัติไปยื่นทีหนึ่ง โอ้โห..ประสบการณ์ทำงาน ๕๐ แห่ง แห่งละ ๑๕ วัน เป็นหลวงพ่อเห็น หลวงพ่อก็โยนทิ้งเลย คนพรรค์นี้เอาไปทำอะไร เสียเวลาสอนงานมัน ทำไม่ได้ ใจไม่อดทน

เรียนกรรมฐานต้องอดทนมากเลย เพราะอะไร เราเรียนแต่ของเก่าๆ เรียนเรื่องกายเรื่องใจ กายกับใจซ้ำๆซากๆอยู่อย่างนี้ เกิดมาก็มีกายมีใจ มาเรียนเรื่องกายเรื่องใจ ซ้ำซาก เรียนเรื่องจะต่อสู้เอาชนะกิเลส กิเลสก็ของเก่า มีแค่ โลภ โกรธ หลง เรียนที่จะพัฒนา ศีล สมาธิ ปัญญา ฟังแล้วซ้ำซาก มีสติแล้วก็มีศีล มีสติก็มีสมาธิ มีสติแล้วมีปัญญา ฝึกสตินะ หัดรู้กายหัดรู้ใจ ถ้าใจไม่ทนพอนะ ทนรู้ไม่ได้ มันซ้ำซาก

ต้องอดทนมากๆเลย ในการที่จะรู้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ลงในกายในใจนะ กว่าจะเห็นความจริง ใจเรามันไม่ยอมเห็นความจริงหรอก มันจะคอยหาเรื่องว่ากายนี้ใจนี้เป็นตัวเรา กายนี้ใจนี้เป็นตัวดีตัววิเศษ มันคอยคิดอย่างนี้เรื่อยๆ กว่าจะเห็นความจริงนะว่ากายนี้ใจนี้เป็นตัวทุกข์ ไม่ใช่ตัวเรานะ เป็นแต่ตัวทุกข์นะ โอ๊ย..ต้องสู้กันนานนะ ต้องทนมากเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๕ กรกฏาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
Track: ๓
File: 520705.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๕๓ ถึง นาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๓๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การปฏิบัติเหมือนการกินข้าว กินไปเรื่อยๆ แล้วมันอิ่มเอง

mp 3 (for download) : การปฏิบัติเหมือนการกินข้าว กินไปเรื่อยๆ แล้วมันอิ่มเอง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : บางคนบอกว่า ทำไมหลวงพ่อเทศน์เหมือนกันทุกวันเลย ฟังซีดีก็เหมือนกันทุกวัน แต่รับรองว่าความรู้ความเข้าใจไม่เหมือนกันหรอก ฟังไปเถอะ

มีอยู่วันหนึ่ง นั่งเทศน์ที่นี่แหละ ตอบปัญหาบุญทวี บุญทวีมาถามเรื่องการปฏิบัตินะ ตอบบุญทวี บอกว่า คนเราไปสร้างตัวตนขึ้นมาจากความไม่มีตัวตน ในความเป็นจริงตัวตนไม่มี พอพูดประโยคนนี้ก็มีคนปิ๊งขึ้นมาเลย ตัวตนไม่มี เห็นโลกธาตุนี้ว่างจากตัวจากตนเลยนะ เห็นธรรมะที่ไม่มีตัวมีตน ไปเทศน์ที่ศาลาลุงชิน คนตั้งพันนะ พันกว่า รอบที่ผ่านมา เทศน์กายไม่ใช่เรา จิตไม่ใช่เรา ก็ฟังกันทุกวันนะ แต่มันยังไม่พอ วันนั้นก็มีคนพอ ก็ปิ๊งขึ้นมา เออ..ไม่มีเราจริงๆนะ โลกธาตุนี้ว่างไปหมดเลยนะ

เพราะฉะนั้นวันหนึ่ง พวกเราก็จะปิ๊งขึ้นมาได้นะ ไม่แป๊ก ถ้าไปเพ่งเอาๆ ก็แป๊กๆนะ ไม่ได้ปิ๊งหรอก ง่าย พวกที่ปิ๊งแล้วก็บอกว่าง่ายทุกคน พวกที่แป๊กนั้นบอกว่ายาก ยากเพราะมันยังไม่พอ

การภาวนาเหมือนการกินข้าวนะ หน้าที่ของเรา กินไปเรื่อยๆแล้วมันอิ่มเอง ไม่ต้องไปนั่งนึกนะ คำนี้จะอิ่มหรือยัง คำนี้จะอิ่มหรือยัง กินอย่างนั้นเครียดตายเลย มีหน้าที่กินไปแล้วมันอิ่มเอง จำไว้นะ การภาวนาเหมือนการมีหน้าที่เจริญสติไป รู้กายรู้ใจด้วยจิตที่เป็นกลางไป แล้วมันอิ่มเอง วันที่มันอิ่มมันพอนี้แหละ มันจะหมดความปรุงแต่ง แล้วมันจะเห็นนิพพาน เข้าสู่ความพ้นทุกข์ในลำดับเบื้องต้น เรียกว่าหล่นตกลงในกระแสน้ำแห่งสัมมาทิฎฐิแล้ว ผู้ที่ตกลงในกระแสน้ำแห่งสัมมาทิฎฐิแล้ว วันหนึ่งจะถูกพัดพาไปสู่ทะเล สู่มหาสมุทรคือนิพพาน

แต่ขนาดนั้นนะ ขนาดว่าตกกระแสธรรมแล้วเนี่ย ยังมีอุปสรรคขัดขวางรายทางได้อีก ๗ – ๘ อย่าง เพราะฉะนั้นบางคน ตกกระแสธรรมแล้วยังใช้เวลาอีก ๗ ชาติ กว่าจะถึงทะเล


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันเสาร์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๓
Track: ๑๑
File: 510202.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๓๐ ถึง นาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๓๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ฉันเป็นแม่มดใจร้าย

ฉันเป็นแม่มดใจร้าย

ถาม : ช่วงนี้ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นแม่มดใจร้าย 
ความโกรธ ความไม่พอใจ ความหงุดหงิด รำคาญใจ เกิดขึ้นบ่อยมาก
ทั้งที่ตัวเองก็พยายามอยู่กับธรรมะนะคะ
เหมือนว่าอารมณ์ของตัวเองมันขึ้น ๆ ลง ๆ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย
ไม่ทราบว่าปฏิบัติไม่ถูกทางหรือเปล่าค่ะ

ตอบ : ต้องย้อนไปดูว่า ก่อนหน้านี้เราเคยกดข่มจิตเอาไว้หรือไม่
ถ้าเคยกดข่มจิตไว้ แล้วเลิกกดข่ม ช่วงแรกๆที่เลิกกดข่ม
ก็จะมีโทสะเกิดขึ้นบ่อยและแรง ต้องมีสติเอาไว้ 
อย่าพยายามที่จะไม่ให้เกิดโทสะ
แล้วค่อยๆหัดสำรวมกายวาจา ค่อยๆหัดดูจิตไป
เมื่อสติมีกำลังมากขึ้น ก็จะรู้ทันโทสะได้ โทสะก็จะเบาลงได้ครับ

ถาม : ช่วยอธิบาย “กดข่มจิต” หน่อยคะ?

ตอบ : กดข่มจิตก็คือ เราพยายามจิตให้นิ่งๆ เฉยๆ เอาไว้
อย่างเวลาเจอคนที่เราไม่ชอบหน้า เราก็กดๆจิตทำเป็นไม่โกรธ เป็นต้น
ซึ่งถ้ากดจนเคยชิน เราจะรู้สึกว่าเราไม่โกรธใคร เฉยๆได้ตลอด
แต่พอกำลังที่กดข่มไว้อ่อนลงหรือเรามาเจริญสติรู้จิตไปตามจริง
การกดข่มก็จะหายไป ทำให้จิตกลับมาปรุงแต่งกิเลสได้มากขึ้น
จึงรู้สึกเหมือนร้ายกว่าเก่าครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การปฏิบัติ ปฏิบัติที่ใจ ไม่ใช่ท่าทางร่างกาย

mp 3 (for download) : การปฏิบัติอยู่ที่ใจ ไม่ใช่ท่าทางร่างกาย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: หลวงพ่อนะเคย พาพรรคพวกกันน่ะ ไปที่หินหมากเป้ง ไปภาวนา (สมัยนั้นหลวงพ่อปราโมทย์ยังไม่ได้บวช – ผู้ถอด) ตอนนั้นหลวงปู่เทสก์ยังอยู่ มีพี่คนหนึ่งเขาก็เห็นหลวงพ่อเดินเล่นทั้งวันเลย เดี๋ยวก็ไปชมแม่น้ำโขง โอ้..นกสวย ต้นไม้สวย อะไรอย่างนี้ แม่น้ำสวย นี่ พวกนี้เขานั่ง.. เอาเป็นเอาตายนะ หรือเดินงุดๆ เดินทั้งวันทั้งคืนเลย หลวงพ่อเดินเล่นทั้งวัดเลย พอเช้าขึ้นมาก็ไปกราบหลวงปู่ หลวงปู่บอก โอ้..ดี ภาวนาดี เออ..เนี่ย ค่อยๆทำไปนะ ค่อยๆศึกษาไป

หลายวันเข้า วันท้ายๆนะ บุกเข้าไปหาหลวงปู่เลย หลวงปู่เจ้าคะต่อไปนี้หนูไม่ปฏิบัติละ (หลวงปู่..)อ้าวทำไมจะไม่ปฏิบัติ ก็คุณปราโมทย์ไม่ปฏิบัติเลย หลวงปู่ชมเอาๆ หนูทำแทบตายไม่ชมเลย

หลวงปู่บอก เขาปฏิบัติ ไม่ใช่เขาไม่ปฏิบัติ เขาคิดว่าการปฏิบัติอยู่ที่ท่าทางร่างกาย การปฏิบัติจริงๆอยู่ที่ใจต่างหาก ร่างกายเป็นตัวประกอบ จนป่านนี้แกก็เลยเลิกไปเลย คนนี้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สวนโพธิญาณอรัญวาสี
แสดงธรรมเมื่อ วันจันทร์ที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๘ หลังฉันเช้า


สวนโพธิญาณอรัญวาสี
CD: สวนโพธิญาณอรัญวาสี แผ่นที่ ๑๐
Track: ๔
File: 480926B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๖ วินาทีที่ ๓๔ ถึง นาทีที่ ๓๗ วินาทีที่ ๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ครูที่สอนธรรมะ คือ กายกับใจของเรา

mp 3 (for download) : ครูที่สอนธรรมะ คือ กายกับใจของเรา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : การปฎิบัตินะ การปฎิบัติธรรมเนี่ย เราอย่าไปวาดภาพให้มันยุ่งยาก ธรรมะไม่ใช่ของลึกลับ พวกเราชอบคิดว่าธรรมะคืออะไรก็ไม่รู้ ลึกลับ รู้แต่ว่ามันเป็นของดี เราคิดแต่ว่ามันอยู่ไกลๆ เราต้องทำอีกนานๆถึงจะเจอ เราชอบคิดว่าธรรมะอยู่ที่วัด ธรรมะอยู่ที่พระ หรือธรรมะอยู่ที่การเข้าคอร์ส แท้จริงธรรมะไม่ได้พิกลพิการยากไร้ขนาดนั้นหรอก

ธรรมะอยู่กับตัวเรามาตั้งแต่เกิด ถ้าพวกเราอยากได้ธรรมะเนี่ย ให้ย้อนมาเรียนที่ตัวธรรมะจริงๆ อะไรเป็นตัวธรรมะตัวจริง กายนี้แหละเป็นธรรมะเรียกว่ารูปธรรม ชื่อมันบอกอยู่แล้วว่ามันเป็นธรรมะ เรียกว่ารูปธรรม ใจของเรานี้แหละเป็นธรรมะ เรียกว่านามธรรม อย่าไปแสวงหาธรรมะที่อื่น หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอนะ จะมาฟังอาตมาพูดกี่วันก็ไม่รู้เรื่องหรอก ธรรมะ(แท้ๆ – ผู้ถอด)เรียนไม่ได้ด้วยการฟัง เรียนไม่ได้ด้วยการอ่าน เรียนไม่ได้ด้วยการคิดๆเอา ทางเดียวที่จะเรียนธรรมะได้นี่นะ คือต้องเรียนจากครูของเราจริงๆ ครูที่จะสอนธรรมะเราได้มีสองคนเท่านั้น คือ รูปกับนามหรือกายกับใจของเรานี่เอง

เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเราคือ ให้คอยรู้ลงที่กายคอยรู้ลงที่ใจเนืองๆ กายและใจจะสอนธรรมะของจริงให้เราดู คนส่วนใหญ่เที่ยวหาธรรมะภายนอก ก็มีแต่หลงออกไปภายนอก ละเลยที่จะเรียนรู้เรื่องของตัวเอง เพราะฉะนั้นถ้าจะถามว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร พระพุทธเจ้าสอนให้น้อมเข้ามา โอปนยิโก น้อมกลับเข้ามา มาเรียนเรื่องของตัวเราเอง เรียนจนรู้ความจริงว่าความทุกข์มันเกิดได้อย่างไร ทำอย่างไรถึงจะไม่ทุกข์ เพราะฉะนั้นธรรมะในตำราอภิธรรมจะสอน บอกว่าต้องรู้รูปนามต้องรู้กายรู้ใจนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนโพธิญาณอรัญวาสี บ้านหนองตากยา ท่าม่วง กาญจนบุรี
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๘ หลังฉันเช้า

สวนโพธิญาณอรัญวาสี
CD: สวนโพธิญาณอรัญวาสี แผ่นที่ ๑๐
Track: ๒
File: 480911B.mp3
ระหว่างวินาทีที่ ๑ ถึง นาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๕๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จิตชอบส่งออกนอกไปเห็นสิ่งประหลาด

จิตชอบส่งออกนอกไปเห็นสิ่งประหลาด

ถาม : กระผมชอบนั่งสมาธิเป็นประจำและห้อยพระเครื่องติดตัวตลอด ผมนั่งสมาธิมาหลายปีแล้ว แต่เป็นการนั่งแบบทั่วๆ ไป คือ ภาวนาลมหายใจเข้า – ออก เป็นพุทโธ และไม่เคยไปเรียนหรือศึกษาสมาธิที่ไหนมาก่อน เรื่องที่อยากสอบถาม คือ เมื่อมีคนนำของแปลกประหลาด เช่น พระเครื่อง กุมารทอง รักยม มาไว้ในบ้าน กระผมจะมีลักษณะเหมือนฝันไม่ใช่ฝัน เหมือนจริงไม่ใช่จริง คือ เห็นตัวเองลุกขึ้นออกจากร่าง มองไปเห็นร่างตัวเองนอนอยู่ แล้วก็จะเห็นกุมารทองเป็นเด็กจริง เข้ามาคุยด้วย ถ้าเป็นพระเครื่องหรือรูปพระเครื่อง จะเห็นองค์หลวงพ่อท่านออกมาจากรูปและองค์พระนั้นมาคุยด้วย ซึ่งในภาวะนั้นกระผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เหมือนฝันไม่ใช่ฝัน เหมือนจริงไม่ใช่จริง แต่ภาพทุกอย่างนั้นเหมือนจริงและชัดเจนมาก คือ เห็นร่างตัวเองนอนอยู่ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับกระผมบ่อยมาก ไม่ทราบว่า เป็นเพราะอะไรและต้องปฏิบัติอย่างไร บ้างครับ?

ตอบ : ลองฝึกทำความรู้สึกตัวในชีวิตประจำวันดูนะครับ ฝึกโดยหัดรู้ทันจิตที่หลงไปทางทวารต่างๆ เช่นเดินๆ อยู่จิตหลงไปคิดก็หัดรู้ทันว่าจิตหลงไปคิด เดินๆ อยู่จิตหลงไปมองนั่นมองนี้ก็หัดรู้ทันจิตที่หลงไปมองนั่นมองนี่ แล้วพอมานั่งสมาธิดูลมหายใจก็มาหัดนั่งแบบ รู้สึกว่ามีจิตรู้ว่ามีร่างกายหายใจอยู่ ร่างกายที่หายใจเป็นส่วนหนึ่ง จิตที่รู้เป็นอีกส่วนหนึ่ง พอจิตไหลไปแนบกับลม ก็ให้รู้ทันจิตที่ไหลไปหาลมหายใจ เมื่อฝึกได้บ่อยๆ สติจะมีกำลังมากขึ้น จิตจะหลงส่งออกไปภายนอกน้อยลง อาการที่เล่ามาก็จะค่อยๆ หายไปเองครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ขอยกเลิกการฟังธรรมบรรยาย ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ๒๕ พ.ย. ๕๕

ขอยกเลิกการฟังธรรมบรรยาย
ซึ่งจะแสดงธรรมโดย หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
ในวันอาทิตย์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๕
เวลา ๑๔ นาฬิกา
ณ. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
ทางเจ้าภาพขอยกเลิกเนื่องจากสถานการณ์การชุมนุม และการประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคง

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เดินจงกรม เดินด้วยความรู้สึกตัว

mp 3 (for download) : เดินจงกรมด้วยความรู้สึกตัว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เวลาเราเดินไปนะ เราเดินเอาความรู้สึกตัว เราไม่เดินเอาระยะทาง เราไม่เดินเอาเวลา บางคนเดินเอาระยะทาง รีบจ้ำๆใหญ่ คนโบราณเรียก เหมือนตามควาย จ้ำๆ จ้ำๆ ไปนะ กะว่าเดินได้ครบหนึ่งพันรอบแล้วจะเลิก รีบจ้ำให้มันครบแล้วสบายใจ พวกหนึ่งเอาเวลา จะเดินสามชั่วโมงนะ เดิน..เมื่อไหร่จะถึงสามชั่วโมงสักที วันไหนถึงแล้วก็สบายใจ เราไม่ได้เอาอย่างนั้น เราเดินเอาสติ

เพราะฉะนั้นเราเดินไป เดินไปสบายๆ หายใจช้าลงหน่อยนึงก็ได้ หรือถูกจริตที่จะเคลื่อนไหวเร็วๆก็ได้ ช้าก็ได้ เร็วก็ได้ อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ เคลื่อนไหวไป พอใจลอยปื๊บไป.. รู้สึกตัว แล้วก็เดินต่อไปอีก ถ้ามันลอยรุนแรง ก็รู้สึกตัวยืนเลย ก็ได้ หยุดเลย รู้สึกตัวขึ้นมา แล้วก็เดินเอาใหม่ เดินไปสุดทางจงกรม อย่างเพิ่งหันกลับมา ตอนนี้เป็นจุดอ่อนที่กิเลสจะโจมตี ตรงสุดทางเนี่ย รู้สึกตัวขึ้นมาเสียก่อน ค่อยๆหันกลับมา หันกลับมาอย่าเพิ่งเดิน ถ้าหันกลับมาแล้วจะเดินทันทีเนี่ย จิตมันจะเดินไปก่อนขา มันจะไม่สัมพันธ์กัน กายไปทางหนึ่ง จิตไปทางหนึ่ง ใช้ไม่ได้

เวลาเราหันกลับมา เรารู้สึกตัว ให้สบายๆ แต่ไม่ใช่แข็งนะ ไม่ใช่อย่างนี้นะ อย่างนี้จะไปตีกับเขาละ เหมือนพวกซามูไร อย่างนั้นไม่ได้นะ จะฟันหัวเขาละ รู้สึกตัวสบายๆ ก็ก้าวเดินไป เดินไปพอใจลอยก็จะหยุดก็ได้ รู้สึกตัวใหม่ ก็เดินใหม่ เดินไปเรื่อย เพราะฉะนั้นความรู้สึกตัวมันจะตั้งขึ้น ตั้งขึ้น

ถึงจุดหนึ่งเราก็จะเห็นโดยที่ไม่ได้เจตนาจะเห็น ร่างกายที่กำลังเดินอยู่นี้เป็นรูปมันเดิน มิใช่เราเดิน ร่างกายนี้เป็นรูปเดิน ใจเป็นคนดู เฝ้ารู้เฝ้าดูไป เห็นมันเดิน ถึงจุดนี้มีสิ่งที่ต้องระวังก็คือ พอรู้กายมันเดินไปนานนี่จิตชอบถลำเข้าไปเพ่งกาย เราก็รู้ทันว่าจิตถลำลงไปแช่ที่กายแล้ว รู้สึกตัวใหม่ หยุดเดิน แล้วรู้สึกตัว แล้วค่อยเดินไป เห็นร่างกายมันเดินไปอีก

หรือว่าเดินๆอยู่ กุศล-อกุศล อะไรเกิดขึ้นในจิตในใจ เราก็คอยรู้ทัน เพราะฉะนั้นการปฎิบัติ รู้กายไปรู้ใจไป เอากายเป็นเครื่องสนับสนุนความรู้สึกตัว จะทำง่าย ถ้าดูจิตล้วนๆเลย จะทำได้กับบางคนนะ บางคนดูจิตล้วนๆก็ได้ ทีนี้ถ้ากำลังเรายังไม่พอ ใจเราไม่ตั้งมั่น เราก็เอาการเคลื่อนไหว เอาการปฏิบัติในรูปแบบเป็นตัวช่วย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนโพธิญาณอรัญวาสี เมื่อครั้งพำนักที่สวนโพธิญาณอรัญวาสี
ในวันอาทิตย์ที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๘ ก่อนฉันเช้า


สวนโพธิญาณอรัญวาสี
CD: สวนโพธิญาณอรัญวาสี แผ่นที่ ๑๐
Track: ๑
File: 480911A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๗ ถึง นาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๕๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 41234