Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : การภาวนาในขั้นละเอียด(๒)

 

การภาวนาในขั้นละเอียด (๒) : เมื่อจิตไปรู้นิพพาน

การปฏิบัติทุกขั้นตอน

คือการส่งทอดสติปัญญาเข้ามาเรียนรู้จิตเท่านั้นเอง

  เพราะจิตนั่นแหละคือประธานแห่งธรรมทั้งปวง

เช่นทำสมถะ ก็เพื่อระงับความฟุ้งซ่านของจิตไว้ชั่วขณะ

เพื่อให้จิตมีคุณภาพที่จะเจริญวิปัสสนา

คือการเรียนรู้ความจริงของสิ่งที่จิตไปติดยึดอยู่

เมื่อรู้จริงแล้ว จิตก็วาง รวมเข้ามาที่จิต

ก็จะได้เรียนรู้อริยสัจจ์แห่งจิต

คือเห็นว่า ความทุกข์เกิดขึ้นก็เพราะจิตออกไปอยากไปยึดอารมณ์เท่านั้นเอง

 

เมื่อจิตฉลาดขึ้น จิตก็หน่ายที่จะเที่ยวแสวงหาทุกข์มาใส่ตัวเอง

จิตก็หยุดความปรุงแต่งลงอย่างสิ้นเชิง

เมื่อปราศจากความปรุงแต่ง จิตก็พ้นจากการห่อหุ้มของสิ่งปรุงแต่ง

เข้าถึงธรรมชาติแห่งความเป็นตัวของตัวเองล้วนๆ หลุดพ้นจากอุปาทานขันธ์

และรู้ถึงนิพพานอันเป็น สันติธรรม ที่แท้จริงเหนือกาลเวลา

 

สภาวะตรงที่จิตเข้ามารู้นิพพานนั้น

จิตจะรวมเข้าภวังค์นิดหนึ่ง โดยไม่มีความจงใจ

และเมื่อจิตทำงานขึ้นมารับรู้อารมณ์ใหม่นั้น

จิตจะประกอบด้วยฌานอันใดอันหนึ่งโดยอัตโนมัติ

และปัญญาที่ประณีตถึงที่สุด จะตัดความปรุงแต่งขาดลง

จิตก็เข้าถึงความเป็นอิสระครั้งแรกต่อเนื่องกันอย่างอัตโนมัติ

 

ตรงจุดนี้มีจิต ไม่ใช่ไม่มีจิต จัดเป็นมรรคจิต ผลจิต

เมื่อเป็นจิตก็ต้องรู้อารมณ์ ถ้าไม่รู้อารมณ์ก็ย่อมไม่ใช่จิต

อารมณ์ที่จิตรู้ ก็คือนิพพาน อันเป็นสันติธรรมที่แท้จริง

แต่บางแห่งสอนกันว่า ขณะที่เกิดมรรคผลนั้น จิตดับแบบพรหมลูกฟัก

คือวูบแล้วหมดความรู้สึกไปเลย อันนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง

ที่ไปเอาสภาวะจิตดับขณะถึงนิพพานขันธ์มาเปรียบกับมรรคจิต ผลจิต

เพราะถ้าขณะที่เกิดมรรคผลไม่มีจิต

ตำราอภิธรรมท่านคงไม่บัญญัติมรรคจิตผลจิตไว้ถึง 20 ดวงเป็นแน่

โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวัน จันทร์ ที่ 18 ธันวาคม 2543

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๒๐) อย่าพยายามไปดึงจิตออกจากอารมณ์

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๒๐) อย่าพยายามไปดึงจิตออกจากอารมณ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : อย่าพยายามไปดึงจิตออกจากอารมณ์นะ ให้เค้าแยกของเค้าเอง อย่าไปดึงออกมา ถ้าดึงออกมานะ จิตจะแข็งทื่อเลย จิตจะไม่พอใจนะ มีความขุ่นเคืองลึกๆอยู่ เพราะถูกบังคับ เหมือนติดคุกอยู่เฉยๆ ก็ตั้งอยู่อย่างนี้ เนี่ย พอร่างกายจะเคลื่อนไหว เคลื่อนแล้ว (หลวงพ่อทำให้ดู) พยักหน้าแล้ว (หลวงพ่อทำให้ดู) เนี่ยอย่างนี้มันเกินไป

ให้รู้สบายๆ ยิ้มรู้สึกไหม ยิ้ม รู้สึกไปตัวอะไรยิ้ม เหมือนเห็นคนอื่นยิ้มเลยนะ คอยรู้สึกอย่างนี้นะ สุดท้ายมันจะเห็นเลย ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า ความสุขความทุกข์ก็ไม่ใช่ตัวเรา เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า กุศลอกุศลทั้งหลาย ไม่ใช่ตัวเรา เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า  จิตก็ไม่ใช่ตัวเรา เพราะสั่งไม่ได้ สั่งให้สุขก็ไม่ได้ ห้ามทุกข์ก็ไม่ได้ สั่งให้ดีก็ไม่ได้ ห้ามชั่วก็ไม่ได้ แล้วจิตทำงานได้เอง วิ่งไปดูได้เอง วิ่งไปฟังได้เอง วิ่งไปคิดได้เอง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๗ วินาทีที่ ๔๖ถึง นาทีที่ ๓๘ วินาทีที่ ๔๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : การภาวนาในขั้นละเอียด(๑)

การภาวนาในขั้นละเอียด(๑) : การรู้ขันธ์กับการรู้อริยสัจจ์

การรู้ขันธ์กับการรู้อริยสัจจ์ เป็นปัญญาคนละขั้นกัน

คือการรู้ขันธ์เป็นวิปัสสนาปัญญา

อันเป็นวิธีการที่จะให้จิตปล่อยวางขันธ์ที่จิตเคยยึดถืออยู่

เมื่อปล่อยวางขันธ์แล้ว จิตก็จะรวมเข้ามาที่จิต

เพื่อเริ่มกระบวนการที่เรียกว่า จิตเห็นจิต

ก็จะได้เห็นอริยสัจจ์ อันจัดเป็นโลกุตรปัญญา

 

หากไม่ผ่านวิปัสสนาปัญญา จู่ๆ จะพยายามย้อนรู้เข้ามาที่จิต

สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ การเพ่งจิต

จึงจำเป็นที่ผู้ปฏิบัติจะต้องเฝ้ารู้ความเกิดดับของอารมณ์ปรมัตถ์ของจริง

จนสามารถวางความยึดมั่นในอารมณ์ได้ แล้วจิตก็จะสงบรวมเข้ามาที่จิต

เพื่อเรียนรู้ อริยสัจจ์แห่งจิต

 

แต่บางคน แม้จะมีกำลังพอที่จะรู้ถึงจิตได้แล้ว

ก็ยังรัก ยังหวงที่จะกลับไปรู้ความเกิดดับของอารมณ์

อันเป็นเหตุให้ จิตเกิดปฏิกิริยาหมุนวนเป็นวัฏฏะต่อไปไม่สิ้นสุด

เช่นแทนที่จะระลึกรู้อยู่ที่จิต กลับหันไปรู้ลมหายใจอีก

จิตก็ต้องทำงานหมุนวนออกไปอีก

แทนที่จะ – หยุด – รู้ – อยู่ที่จิต – ซึ่งเหนือความคิดนึกปรุงแต่ง

เป็นการถ่วงตนเองให้เนิ่นช้าในการประจักษ์ถึงอริยสัจจ์แห่งจิต

โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวัน จันทร์ ที่ 18 ธันวาคม 2543

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Video Clips: แสดงธรรมที่่ชมรมสุรัตนธรรม เมษายน ๒๕๕๖

link : http://www.youtube.com/watch?v=9vQ5huQGINM&feature=player_embedded

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ชมรมสุรัตนธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๗ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๙) ถ้าจิตดื้อมาก ต้องค่อยๆปลอบไปสอนไป

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๙) ถ้าจิตดื้อมาก ต้องค่อยๆปลอบไปสอนไป

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : จิตไม่ชอบให้ใครบังคับนะ ชอบโอ้โลมปฏิโลม จิตน่ะ ค่อยๆปลอบค่อยๆสอน อย่าไปเคี่ยวเข็ญมากนัก มันไม่พอใจ แล้วมันจะดื้อเลย จิตนี้ดื้อ เวลาดื้อแล้ว ดื้อมากๆเลยนะ แบบเอาไม่อยู่เลยนะ เพราะงั้นต้องค่อยๆปลอบ ค่อยๆพูดดีๆกับเค้า

เมื่อก่อนเคยอ่านประวัติครูบาอาจารย์องค์นึง หลวงปู่ขาว ความจริงหลวงพ่อเข้าวัดทันหลวงปู่ขาวนะ แต่ไม่ได้ไปหาท่าน เพราะตอนนั้นรู้ว่าท่านอยู่ในห้องกระจกแล้ว ท่านสอนไม่ได้แล้ว ต้องไปเลือกหาครูบาอาจารย์ที่สอนได้

ในประวัติหลวงปู่ขาวเนี่ย ท่านไปภาวนาอยู่กับหลวงปู่มั่น ท่านอยู่บนเขานะ แล้วจิตท่านดื้อมากนะ ท่านด่าจิตอยู่เรื่อยๆ พอเช้าลงจากเขามา หลวงปู่มั่นก็สอน อย่าไปด่าจิตนะ จิตนั่นแหล่ะคือพุทธะ จิตเป็นของดีของวิเศษ อย่าไปด่าเค้า ค่อยๆปลอบเค้า พูดดีๆกับเค้า อ่อนโยนกับเค้า ท่านเลยหันมาเจริญเมตตา แล้วใจของท่านก็สงบ ใจสงบแล้วท่านเดินปัญญาต่อได้

อันนั้นเป็นเรื่องว่าเราอย่าไปเค้นจิตมาก เพราะนั้นเราค่อยๆสอนจิตไป เออร่างกายมันนั่งนะ เห็นไหม ใจเราเป็นคนดูอยู่ เนี่ย พูดกับมันเพราะๆนะ แต่ไม่ต้องเพราะมาก พ่อเจ้าประคุณเอ๋ยอะไรอย่างนี้ ไม่ต้องขนาดนั้นนะ มันเวอร์ไป เอาสบายๆ เห็นไหม ร่างกายกำลังยิ้ม รู้สึกไหม เนี่ย ง่ายแค่นี้เอง เห็นไหมร่างกายพยักหน้า ง่ายแค่นี้เอง ทำใจให้สบาย แล้วมันก็เห็นเอง เห็นไหมร่างกายกำลังพัด เห็นไหมร่างกายดมยาดม เห็นไหมร่างกายยิ้มอีกแล้ว เนี่ยคอยรู้สึกนะ เห็นไหมร่างกายที่เคลื่อนไหวอยู่ ใจเราไปรู้มันนะ ใจเราเป็นคนรู้ แค่นี้แหล่ะ ค่อยๆฝึกอย่างนี้แหล่ะ ส่วนความรู้สึกทางใจ ขณะนี้บางคนสงสัย รู้สึกไหมบางคนสงสัยอยู่ แล้วใจมันสงสัยขึ้นมา เราเห็นเลย ความสงสัยเป็นสิ่งที่ใจไปรู้เข้า ความสุขเป็นสิ่งที่ใจไปรู้เข้า ความทุกข์เป็นสิ่งที่ใจไปรู้เข้า อารมณ์อะไรเกิดขึ้นนะ ค่อยๆสอนมันไป

แต่ถ้ามันแยกแล้วนะ ไม่ต้องสอนนะ อย่าพูดมาก ธรรมดาจิตพูดมากอยู่แล้ว เราไม่ต้องไปช่วยมันพูด กว่าจิตจะหยุดพูดได้ นานนะ นาน

เมื่อก่อนหลวงพ่อภาวนานะ โอ้ จิตทำไมมันพากย์ไม่เลิก ใครเคยเห็นจิตพากย์ได้บ้าง นี่ เออ เห็นไหม ยกมือแล้ว (เห็น)จิตพากย์(ว่า) โกรธแล้ว โลภแล้ว หลงแล้ว ฟุ้งซ่านแล้วนะ จิตพากย์ บ่นมันนะ เมื่อไหร่จะเลิกพากย์ซะที รำคาญ ปรากฎมันไม่เลิกหรอก ภาวนาหลายปีนะ กว่าจิตจะเลิกพูด ต้องค่อยๆฝึกไป

อย่าไปว่ามันนะ ยิ่งว่ามันยิ่งดื้อนะ จิตน่ะ ค่อยๆปลอบ ค่อยๆให้กำลังใจ เชียร์มันบ้าง ชมมันบ้าง แต่อย่าให้มันเหลิง เชียร์มากนะ กิเลสมาแล้วก็หลง ตามใจกิเลสไป อย่างนั้นเรียกว่า พาจิตเหลิงไปแล้ว ไม่เอา ขนาดนั้นไม่เอา แค่ทะนุถนอมมันหน่อย ค่อยๆปลอบมัน เออเห็นไหม ความโกรธกับจิตมันคนละอันกันนะ เวลาคนทั่วไปโกรธนะ ก็จะไปดู คนที่ทำให้โกรธ

ของเราเวลามันมีความโกรธเกิดขึ้นมานะ รู้ทัน ว่าใจมันโกรธ จะเห็นว่าโกรธกับใจเป็นคนละอันกัน แต่ถ้ายังไม่เห็น ก็ค่อยๆสอนมันไป เออ ดูสิความโกรธ เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้านะ ค่อยๆหัดอย่างนี้นะ แล้วต่อไปมันจะแยกกัน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๔ วินาทีที่ ๒๒ ถึง นาทีที่ ๓๗ วินาทีที่ ๔๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : หลักการภาวนาสำคัญของหลวงปู่มั่น

หลักการภาวนาสำคัญของหลวงปู่มั่น

หลักปฏิบัติที่เป็นแก่นสารสำคัญของหลวงปู่มั่นก็คือ

ให้มีสติสัมปชัญญะ ศึกษาอยู่ในกายในใจตนเอง

ไม่ส่งจิตออกนอกเที่ยวรู้เที่ยวเห็น อันเป็นความฟุ้งซ่าน

หรือปล่อยจิตให้ชุ่มแช่อยู่กับสมาธิ จนไม่สนใจจะเจริญวิปัสสนาปัญญา

 

ท่านสอนว่า การทำสมาธิมากไปก็เป็นเหตุให้เนิ่นช้า

การเจริญปัญญา(อย่างเดียว) มากไปก็เป็นเหตุให้ฟุ้งซ่าน

สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือการมีสติสัมปชัญญะอยู่ในชีวิตประจำวันนี่เอง

 

เวลานี้ เราไม่ค่อยได้ยินธรรมเหล่านี้

ส่วนมากได้ยินกันเพียงผิวๆ ว่าให้พุทโธ กันไป

พอจิตสงบแล้วให้คิดพิจารณากาย

ซึ่งทั้งหมดนั้น เป็นอุบายปฏิบัติในเบื้องต้น

เพื่อจะเข้ามาสู่ความมีสติสัมปชัญญะในชีวิตประจำวันนี่เอง

โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อ จันทร์ ที่ 29 มกราคม 2544

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๘) ถ้าขันธ์ไม่แยก ให้ช่วยด้วยการพิจารณาในเบื้องต้นได้

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๘) ถ้าขันธ์ไม่แยก ให้ช่วยด้วยการพิจารณาในเบื้องต้นได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :ถ้าเคยมีวาสนาเก่าในทางเจริญปัญญานะ ขันธ์จะแยกเอง ถ้าขันธ์ไม่แยก ต้องช่วยให้แยก ด้วยการคิดพิจารณาให้แยก

เนี่ยแหล่ะ ตรงที่ว่าให้คิดพิจารณาเนี่ย มันมาหยุดตรงจุดตั้งต้นเท่านั้นเองนะ ถ้าเดินวิปัสสนาแล้ว จะไม่คิดหรอก วิปัสสนาแปลว่าเห็นตามความเป็นจริง วิปัสสนาไม่ใช่วิตก วิตกแปลว่าคิด แปลว่าตรึกตรอง คนละอันกันเลย

แต่เบื้องต้น บางคนต้องคิดก่อน เช่น พอทำสมาธิใจตั้งมั่นแล้วก็นิ่ง ไม่กระดุกกระดิกเลย ไม่ยอมดูกาย ไม่ยอมดูใจ ต้องน้อมมาดูกาย รู้สึกอยู่ที่ร่างกาย ที่กำลังนั่งอยู่ ร่างกายที่หายใจอยู่ ค่อยๆสอนมันไป นี่ร่างกายมันนั่งอยู่นะ ใจเป็นคนดูนะ รู้สึกไหม ร่างกายหายใจออกแล้วนะ ใจเป็นคนดู รู้สึกไหม สอนมันไปเรื่อยๆนะ ใจเย็นๆ อย่าไปสอนแบบเคร่งเครียด


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๓ วินาทีที่ ๒๗ ถึง นาทีที่ ๓๔ วินาทีที่ ๑๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๗) ต้องฝึกซ้อมการปฏิบัติในรูปแบบทุกวัน

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๗) ต้องฝึกซ้อมการปฏิบัติในรูปแบบทุกวัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : งั้นเรามาดูให้เห็นของจริงนะ ดูซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกไป มีใจตั้งมั่น แต่ใจที่ตั้งมั่นเป็นคนดูเนี่ย อยู่ได้ไม่นาน ประเดี๋ยวเดียวก็จะกลายเป็น ผู้คิดผู้นึก ผู้ปรุงผู้แต่ง ผู้ไปดูผู้ไปฟัง ผู้ไปดมกลิ่นไปลิ้มรส ไปรู้สัมผัสทางกายอีก

สังเกตไหม ใจเรารู้สึกตัวได้ ได้นิดเดียวใช่ไหม เวลาหลง หลงยาว รู้สึกไหม เวลาหลง หลงยาว เวลารู้สึกตัวเนี่ย สั้น ใช่ไหม เวลาหลงเนี่ยยาว

เพราะงั้นเราต้องมาคอยฝึกทุกวันนะ ทำในรูปแบบไป นั่งสมาธิไป เดินจงกรมไป จิตไหลไปแล้วรู้ทัน นั่งสมาธิไป เดินจงกรมไป จิตไหลแล้ว รู้ทัน ซ้อมให้ได้ทุกวันๆนะ อย่างน้อย วันนึง ๑๐ นาที ๑๕ นาที ก็ยังดี

แล้วจะดียิ่งกว่านั้นอีกนะ ถ้ามีวันละหลายๆรอบ รอบละไม่ต้องนาน ถ้านานเดี๋ยวเครียด เดี๋ยวขี้เกียจ รอบละ ๕ นาทีก็ได้

ตื่นนอนมานะ รู้ทันจิตที่ไหลไปคิดเนี่ยซัก ๕ นาที

ไปถึงที่ทำงานแล้ว ก่อนจะลงมือทำงานนะ ไหว้พระซะหน่อย แล้วก็คอยรู้ทันจิตที่ไหลไปคิดซัก ๕ นาที แล้วค่อยทำงาน

ก่อนจะกินข้าวนะ เดินไปตัก ไปซื้อข้าวกินอะไรนี้ ก็รู้ทันจิตที่มันไหลไปไหลมา กินข้าวก็รู้ทันจิตที่ไหลไปไหลมา จิตก็ค่อยมีกำลังนะ

ถ้าเราฝึกวันนึงได้หลายๆรอบเนี่ย จิตจะมีพลังมากเลย จิตจะตั้งมั่น เด่นดวงอยู่อย่างนั้นน่ะทั้งวันได้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๒ ถึง นาทีที่ ๓๓ วินาทีที่ ๒๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เห็นไตรลักษณ์หรือไม่

เห็นไตรลักษณ์หรือไม่

ถาม : ผมเปิดไฟล์เสียงหลวงพ่อ  นอนฟังพร้อมทั้งตั้งใจดูความรู้สึกของเราเองไปด้วย  แล้วพอดีหูก็ไปฟังหลวงพ่อ ท่านเทศก์ว่า  เคล็ดลับคือรู้ด้วยความสบาย       

ผมก็เลยย้อนมาดูที่ตัวเอง  แล้วก็ไปเห็นถึงความหนักๆอยู่  ก็เลยรู้ว่า เราเพ่งอยู่นิ เหมือนมันตั้งใจเกินไปนิ  ทันใดนั้น ความรู้สึกที่หนักๆอยู่มันก็ค่อยๆคลาย  ค่อยๆเบาขึ้น  แล้วมันก็แว้บขึ้นมา  เฮ้ย…อยู่ๆมันก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงนิ มันเปลี่ยนแปลงไปได้เองของมันนิ เป็นสักครู่เดียว  คือแค่จังหวะที่มันเปลี่ยนมาคลายมาเบา 

อยากเรียนถามว่า  แบบนี้หรือเปล่าครับ  ที่เรียกว่าเห็นไตรลักษณ์ ?

ตอบ : การเห็นความหนักๆ หายไปได้เองโดยที่เราไม่ได้ทำอะไรกับมัน ก็เป็นการเห็นไตรลักษณ์ได้ชั่วขณะหนึ่งแล้วครับ ให้หัดดูต่อไปอีก ก็จะค่อยๆเห็นสภาวะอื่นๆ แสดงความเป็นไตรลักษณ์ได้เอง เหมือนกับที่เห็นความหนักๆ คลายแล้วดับหายไปนั่นแหละครับ แต่ช่วงนี้จะยังไม่สามารถเห็นไตรลักษณ์ได้บ่อยๆนะครับ นานๆจะเห็นได้สักครั้ง ต่อเมื่อมีสติรู้กายรู้ใจต่อไป จึงจะเห็นได้บ่อยขึ้น ดังนั้นอย่าจงใจที่จะทำให้เห็นไตรลักษณ์ แต่ให้มีสติรู้กายรู้ใจไปสบายๆ นะครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๖) แยกธาตุแยกขันธ์เป็นจึงจะเห็นไตรลักษณ์ได้

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๖) แยกธาตุแยกขันธ์เป็นจึงจะเห็นไตรลักษณ์ได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : งั้นเรามาหัดรู้นะ หัดแยกธาตุแยกขันธ์ไปเรื่อย เพื่อจะได้เห็นสภาวะแต่ละอันๆนั้น ไม่ใช่อันเดียวกัน ร่างกายไม่ใช่จิตใจ ความสุขความทุกข์ ไม่ใช่กายไม่ใช่ใจ  กุศลอกุศลทั้งหลาย ไม่ใช่กายไม่ใช่ใจ ไม่ใช่ความสุขความทุกข์ด้วย ใจก็อยู่ต่างหาก ไม่ใช่กาย ไม่ใช่ความสุขความทุกข์ ไม่ใช่กุศลอกุศล แต่เป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์

ถ้าเราแยกได้อย่างนี้แล้ว เราจะเห็นไตรลักษณ์ จำไว้นะ ถ้าแยกได้ ถึงจะเห็นไตรลักษณ์ ถ้าแยกไม่ได้ ทำได้มากที่สุด ก็แค่คิดถึงไตรลักษณ์เท่านั้น

เช่นเราแยกธาตุแยกขันธ์ไม่เป็น ใจกับกายของเรา ยังรวมเป็นปึกแผ่นเดียวกัน เราจะดูกายให้เป็นไตรลักษณ์ ก็ได้แต่นั่งคิด ร่างกายนี้ไม่เที่ยงนะ อย่างเช่น ผมแต่ก่อนดำ เดี๋ยวนี้หงอกแล้ว ผมแต่ก่อนมีมาก เดี๋ยวนี้มีน้อย อันนี้คิดเอา ยังไม่ใช่วิปัสสนา เป็นแค่การคิดเอา

ถ้าจิตตั้งมั่นถึงฐานจริงๆแล้ว แล้วขันธ์มันแยกออก จะเห็นเลย กายนี้ไม่ใช่ตัวเราเลย ความสุขความทุกข์ ไม่ใช่ตัวเรา ความจำได้หมายรู้ ไม่ใช่ตัวเรา กุศลอกุศลทั้งหลาย ไม่ใช่ตัวเรา จิตที่เกิดทางตาหูจมูกลิ้น กายใจ เกิดแล้วดับทั้งสิ้น ไม่มีจิตที่เป็นอมตะเลย ถ้าใครเห็นจิตเป็นอมตะ เห็นจิตเป็นของเที่ยง จิตมีดวงเดียว นี่คือมิจฉาทิฏฐิขนานแท้และดั้งเดิม คือเห็นจิตเป็นอัตตา

พระพุทธเจ้าเนี่ยแหล่ะ ลุกขึ้นมาปฏิวัติลัทธิที่ว่าจิตเป็นอัตตา ท่านบอกเลยว่าเป็นอนัตตานะ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๒๕ ถึง นาทีที่ ๓๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : ระวังการไปสร้างจิตผู้รู้เทียมๆ

ระวังการไปสร้างจิตผู้รู้เทียมๆ

เรื่องการจงใจสร้างความรู้ตัว หรือสร้างจิตผู้รู้เทียมขึ้นมานั้น

เป็นเรื่องใหญ่มากครับ เพราะเป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติผิดพลาดกันมาก

ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะรู้อารมณ์ปรมัตถ์ ด้วยจิตที่เป็นกลาง หรือจิตปกติ ได้

เช่นเมื่อตาเห็นรูปด้วยจักขุวิญญาณ จิตก็หลงไปตามความคิดนึกปรุงแต่ง

แทนที่จะรู้รูป ตามที่รูปปรากฏ

 

พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว

เช่นทรงสอนว่า จิตมีราคะก็รู้ว่ามีราคะ จิตไม่มีราคะก็รู้ว่าไม่มีราคะ

นี่แหละที่ท่านสอนให้รู้เข้าไปตรงๆ เลย และรู้แบบสักว่ารู้

แต่แทนที่ผู้ปฏิบัติจะรู้ตรงๆ ที่อารมณ์ของจริงที่กำลังปรากฏ

และรู้สักว่ารู้ ตามที่ท่านสอน

กลับไปพลิกแพลงการรู้ขึ้นมาหลายรูปแบบ

เช่นไปสร้างอารมณ์ขึ้นมาก่อน (เช่นแสงสว่าง) แล้วจึงรู้อารมณ์นั้น

อารมณ์นั้นจึงไม่ใช่ของจริง แต่เป็นของปลอมที่สร้างขึ้นมา

และขณะที่รู้ ก็ไม่ใช่รู้แบบสักว่ารู้ หรือรู้ไปด้วยจิตปกติธรรมดา

แต่ไปสร้างคุณภาพการรู้ขึ้นมาใหม่ คือทำผู้รู้ปลอมๆ เทียมๆ ขึ้นมา

สรุปได้ว่า อารมณ์ก็ผิด วิธีรู้อารมณ์ก็ผิดอีก

จึงไม่ได้ทำวิปัสสนากันเสียที

 

กรณีคุณXXXXนั้น ไม่ใช่ว่าปฏิบัติไม่ดีนะครับ

เพียงแต่ดีอยู่ตรงนี้มานานแล้ว จึงต้องกระตุ้นให้เดินปัญญาเล็กน้อย

คือให้หันมาเฉลียวใจว่า จิตยังติดบางสิ่งบางอย่างอยู่

ซึ่งการติดนี้ ติดกันทุกคน จนกว่าจะบรรลุพระอรหันต์ครับ

เพียงแต่ถ้าไม่รู้ทันว่าติด ก็ก้าวต่อไปไม่ได้

ถ้าปัญญารู้ทันถึงจุดไหน ก็ปล่อยวางในจุดนั้นลงได้

 

มีเพื่อนคนหนึ่งเมล์มาบอกผมว่า

พวกเราบางคนคิดจะปฏิบัติด้วยการหยุดอยู่กับจิตผู้รู้

เพราะว่าได้พบจิตผู้รู้แล้ว

ผมฝากให้สังเกตจิตใจอย่างละเอียดนะครับ

เพราะผู้รู้อันนั้น ยังเป็นผู้รู้เทียมที่สร้างขึ้นมาด้วยสมถะ

ไม่ใช่จิตผู้รู้ที่เป็นปกติ เป็นธรรมชาติธรรมดาแต่อย่างใด

และผู้ที่จะปฏิบัติด้วยการหยุดพฤติกรรมของจิต(ด้วยปัญญา) แล้วรู้อยู่ที่รู้ นั้น

ต้องเป็นพระอนาคามีแล้วครับ

นอกนั้นจิตยังเคลื่อน ยังฝัน ยังมีพฤติกรรม ยังปรุงแต่งออกไปภายนอกทั้งสิ้น

หากนึกๆ ให้หยุดเอาตามใจชอบ จะกลายเป็นการจอดรถในที่ห้ามจอดนั่นเอง

สิ่งที่ควรทำขณะนี้ก็คือ การหัดรู้ตัวให้เป็น รู้ว่าอันใดจิต อันใดอารมณ์

รู้เท่าทันพฤติกรรมของจิต ที่มันหลงไปบ้าง มันเพ่งไปบ้าง

เมื่อสามารถรู้ทันพฤติกรรมของจิตได้แล้ว

จึงจะเริ่มรู้ปรมัตถ์ในฝ่ายนามธรรมได้

แล้วจึงมีสติระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ

ด้วยจิตที่เป็นกลางๆ คือเป็นปกติธรรมดาของมนุษย์

เป็นจิตที่ไม่ถูกนิวรณ์ครอบงำนั่นเอง

โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวันพุธ ที่ 31 มกราคม 2544

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

To See the Truth : What did Buddha teach?

To See the Truth : What did Buddha teach?

Download Book : To See The Truth 

.

Listen Audio Clips (download MP3 is not available)

1:  title

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

.

2 : About Venerable Pramote

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

.

3 :  chapter1

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

.

4 : chapter1_conversation

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

.

5 : chapter2

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

.

6 : chapter2_conversation

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

.

7 : chapter3_conversation

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

.

8 : chapter4

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

.

9 : chapter4_conversation

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

.

10 : chapter5 

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

.

11 :  chapter5_conversation

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

.

 12 :  forward

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

.

 13 : glossary

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

.

Keyword :  Buddha, Buddhist, Buddhism, Nirvana, Enlightenment, Buddha teach, Lesson from Buddha, Heart of  Buddhism, path to nirvana, what is Buddhism, Truth from Buddhism

what is Buddhism, What is Buddhism believe, Vipassana, What is Vipassana, what do Buddhists believe, Dhamma, Dharmma, What is Buddhism religion, About Buddhism, Buddha’s teaching

The Teaching of Buddha, Wisdom from Buddha, Wisdom of Buddha, Wisdom of Buddhism, How to practice Vipassana, The Heart of Buddha Teaching

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ไฟล์เสียงอ่าน ซีดีแก่นธรรมคำสอนของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล (ฉบับเพิ่มเติม)

ไฟล์เสียงอ่าน ซีดีแก่นธรรมคำสอนของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล (ฉบับเพิ่มเติม)
อ่านโดย พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
https://www.box.com/s/uu6939dcbdldma1kqyrw

CR : Mayom Dhamma Dhammayom

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๕) วิปัสสนาเบื้องต้นต้องหัดแยกธาตุแยกขันธ์

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๕) วิปัสสนาเบื้องต้นต้องหัดแยกธาตุแยกขันธ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเราแยกสิ่งเหล่านี้ได้ ก็เรียกว่า เราแยกธาตุแยกขันธ์เป็น ถ้าเต็มยศนะ แยกธาตุก็คือหมายถึง กายกับใจเนี่ยเป็นคนละอัน นี่แยกขันธ์นะ กายนี่มันก็ขันธ์นึงนะ ใจก็ขันธ์นึงต่างหาก

กายนี้แยกออกไปได้อีก เป็นธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ส่วนจิตใจนะ ก็แยกได้เป็นขันธ์อีก ๔ ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ คือความรู้สึกสุขทุกข์ สัญญาขันธ์ (คือ) ความจำได้หมายรู้ สังขารขันธ์ (คือ) ความปรุงดีปรุงชั่ว วิญญาณขันธ์ (คือ) ความรับรู้อารมณ์ ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เนี่ยมันจะแยกออกมา

ถ้าแยกได้แล้ว อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าแยกได้แล้วจะเห็นไตรลักษณ์ ของแต่ละธาตุแต่ละขันธ์นั้น จะทำลายล้างความเห็นผิด ว่ามีตัวมีตนได้ จะเห็นเลย ว่ารูปไม่ใช่ตัวเรา ความสุขความทุกข์ ไม่ใช่ตัวเรา

ถ้าใครเห็นความสุขความทุกข์ เป็นตัวเรานะ แสดงว่าขันธ์มันยังไม่แยก แต่ถ้าขันธ์แยกแล้ว มันไม่ใช่เราสุขเราทุกข์แล้วนะ ความสุขความทุกข์ เป็นสิ่งหนึ่ง จิตอยู่ต่างหากนะ ไม่เกี่ยวกัน ความสุขความทุกข์ ไม่ใช่ตัวเรา ความจำได้หมายรู้ ไม่ใช่ตัวเรา ความโลภความโกรธความหลง ไม่ใช่ตัวเรา เป็นอีกสิ่งหนึ่ง

ที่จิตไปรู้เข้า จิตปรุงขึ้นมานะ แล้วก็จิตไปรู้เข้า ถ้าจิตไม่รู้ทัน สิ่งที่จิตปรุงขึ้นมา คือ ความโลภความโกรธความหลงนั่นแหล่ะ จะกลับเข้ามาปรุงแต่งจิตอีกทีนึง จิตปรุงแต่งกิเลสขึ้นมาก่อนนะ แล้วสุดท้ายกิเลส กลับมาปรุงแต่งจิตได้อีก พอกิเลสมาปรุงแต่งจิตนะ ก็คือ ขันธ์มันกลับมารวมกันนะ มันมีกูขึ้นมาอีกแล้ว มีตัวเรา ของเรา ขึ้นมาอีก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๕๓ ถึง นาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๒๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๔) เมื่อจิตตั้งมั่นถึงฐานแล้วจึงเจริญวิปัสสนาได้

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๔) เมื่อจิตตั้งมั่นถึงฐานแล้วจึงเจริญวิปัสสนาได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : งั้นเราต้องมาฝึกนะ ให้จิตตั้งมั่นถึงฐานให้ได้ แล้วเราก็มาเจริญปัญญา มาทำวิปัสสนา

พอจิตตั้งมั่นแล้ว สติระลึกรู้ร่างกายที่เคลื่อนไหว มันจะเห็น ว่าร่างกายกับจิตเนี่ย เป็นคนละอันกัน เวลานี้คนที่ทำแบบนี้ได้ นับไม่ถ้วนแล้วนะ มีเยอะมากเลยนะ ที่ใจมันตั้งมั่นขึ้นมา มันเห็นร่างกาย ไม่ใช่ตัวเรา เป็นวัตถุธาตุที่เคลื่อนไหว

แต่มันยังเห็นได้เป็นขณะๆนะ บางทีก็เห็น บางทีก็ไปไหลไปรวมเป็นก้อนเดียวกัน ถ้าจิตกับกายไปรวมกัน จิตบวกกายจะได้อะไรรู้ไหม ได้กู จิตบวกกายจะกลายเป็นกู มันรวมกับขันธ์ มันรวมขึ้นเมื่อไหร่ มันจะเป็นตัวเราขึ้นมา ถ้าขันธ์มันแยกขึ้นมานะ ขันธ์ก็จะเป็นขันธ์เท่านั้นเอง กายก็ส่วนกาย แค่รูปธรรม เวทนา ความสุขทุกข์ กับกาย ก็คนละอันกัน เวทนากับจิต เวทนาคือความสุขความทุกข์ทั้งหลายเนี่ย กับกายก็เป็นคนละอัน กับจิตก็เป็นคนละอัน สัญญาคือความจำได้ ความหมายรู้ ไม่ใช่ร่างกาย ไม่ใช่ความสุขความทุกข์ ไม่ใช่จิตด้วย เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า สังขารคือความปรุงดีปรุงชั่ว เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่ใช่ร่างกาย ไม่ใช่ความสุขความทุกข์ ไม่ใช่ความจำ ไม่ใช่จิตด้วย “สภาวะธรรมแต่ละอันๆจะกระจายตัวออกไปนะ ถ้าจิตเราตั้งมั่นจริงๆ”

บางคนซึ่งเคยเจริญสติเจริญปัญญา มาดีแล้วในชาติก่อนนะ ทันทีที่จิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานเนี่ย ขันธ์แตกตัวออกเลย จะเห็นว่ากายกับใจเป็นคนละอันเลย เห็นทันทีเลย แต่ถ้าบางคนถนัดดูจิต ก็จะเห็นว่า ความสุขความทุกข์กับจิต เป็นคนละอันกัน คนบางคนถนัดดูจิต เห็นว่ากุศลอกุศล เช่น ความโลภความโกรธความหลง กับจิต เป็นคนละอันกัน มันจะแยกกันนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๑ ถึง นาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๕๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ไม่ควรปล่อยให้จิตติดสุขติดสงบนิ่ง

ไม่ควรปล่อยให้จิตติดสุขติดสงบนิ่ง

การที่เราออกมาเจอทุกข์มากก็จะทำให้เห็นจริงที่ว่า

มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิด มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป

ความสุขความนิ่งสงบนั้นก็ไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป

แล้วยังจะเห็นธรรมะอย่างปฏิจจสมุปบาทได้ด้วย

เช่นพอมีอะไรมากระทบ (เกิดผัสสะ) ก็เป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา …

 

ดังนั้นจึงไม่ควรปล่อยให้จิตติดอยู่กับความสงบนิ่งเฉยนะครับ

ต้องออกมาให้จิตกระทบอารมณ์ไปตามปกติ แล้วรู้ทุกข์ (รู้รูปนาม) ที่เป็นไตรลักษณ์ไป

การเห็นไตรลักษณ์นี่แหละครับที่เป็นการเจริญปัญญาจนพ้นทุกข์ไปได้

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๓) ให้เข้าใจความแตกต่างระหว่าง จิตผู้เพ่ง กับ จิตผู้รู้

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๓) ให้เข้าใจความแตกต่างระหว่าง จิตผู้เพ่ง กับ จิตผู้รู้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าใจเราตั้งมั่น เราจะเห็นร่างกายของตัวเองได้ ถ้าใจเราตั้งมั่น เราจะเห็นจิตใจของตนเองได้ ถ้าใจไม่ตั้งมั่น ใจไหลไปทางตา เราจะไปเห็นรูปภายนอก ถ้าใจไหลไปทางหู เราจะไปได้ยินเสียง ถ้าใจไหลไปทางจมูก เราจะไปได้กลิ่น ถ้าใจไหลไปที่ลิ้น เราจะได้รส ถ้าใจไหลไปตามผิวกาย เราจะรู้สึกสัมผัสภายนอก เย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหวอะไรข้างนอกได้ ข้างในก็รู้สึกได้ แต่จิตมันเคลื่อนทั้งสิ้นเลย เช่น รู้สึกท้อง ที่กระเพื่อมไปกระเพื่อมมา จิตเคลื่อนไปที่ท้องนั่นเอง

เพราะนั้น ถ้าจิตเคลื่อนไปนะ มันจะรู้ออกนอก และถ้าจิตตั้งมั่น เป็นผู้รู้ ผู้ดูเนี่ย มันจะย้อนเข้ามา ดูกายดูใจของตนเอง โดยที่จิตนั้น”เป็นผู้รู้ ผู้ดู” ตัวนี้แหล่ะ ตัวแตกหัก ถ้าเราสามารถพัฒนาจิตที่ตั้งมั่น เป็นผู้รู้ ผู้ดูได้ เรียกว่าเราได้ “ลักขณูปนิชฌาน”

ลักขณูปนิชฌานเนี่ย เป็นสมาธิที่สำคัญที่สุดเลย แต่อาภัพ คนไม่รู้จัก คนรู้จักแต่”อารัมมณูปนิชฌาน” สมาธิมี ๒ ชนิดนะ สมาธิชนิดที่ ๑ ชื่อ “อารัมมณูปนิชฌาน” จิตไปเพ่งอยู่กับอารมณ์อันเดียว เช่น ไปเพ่งอยู่ที่พุทโธ ไปเพ่งอยู่ที่ลมหายใจ ไปเพ่งอยู่ที่ท้องพองยุบ ไปเพ่งอยู่ที่มือที่เท้า อันนั้นจิตออกนอก “ลักขณูปนิชฌาน” จิตจะตั้งมั่น เป็นผู้รู้ ผู้ดูขึ้นมา แล้วมันจะเห็นเลย ร่างกายมันแสดงไตรลักษณ์ได้ จิตใจแสดงไตรลักษณ์ได้

งั้นถ้าจิตไม่ตั้งมั่น จิตไม่ถึงฐาน จิตออกนอกเนี่ย หลายสำนวนนะ อันเดียวกันนั่นแหล่ะ คือจิตมันส่งไปข้างนอก ทางตาหูจมูกลิ้นกาย หรือส่งไปคิดไปนึก มันจะไม่สามารถรู้กายรู้ใจได้ เราต้องมาฝึกนะ ตัวนี้เป็นตัวแตกหักเลย ว่าชาตินี้เราจะได้มรรคผลหรือไม่ ถ้าเราไม่มี”ลักขณูปนิชฌาน” ไม่มีจิตที่ตั้งมั่น เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ละก็ เรายังไม่สามารถเจริญวิปัสสนาได้

อารัมณูปนิชฌานคือ สมาธิเพ่งอารมณ์นี้ ใช้ทำสมถะกรรมฐาน แล้วก็ใช้สำหรับมีชีวิตอยู่กับโลก อย่างเป็นต้นว่า เราจะเขียนซอฟท์แวร์อะไรเนี่ยนะ ซักอันนึงนะ สมาธิเราต้องออกนอก ไปอยู่ที่ความคิดใช่ไหม เราถึงจะเขียนซอฟท์แวร์ได้ อันนี้เรียกว่า “อารัมณูปนิชฌาน” นั่งเพ่งไฟ นั่งเพ่งลมหายใจ นั่งเพ่งท้อง อันนี้เรียกว่าอารัมณูปนิชฌาน ไปเพ่งตัวอารมณ์

ส่วน“ลักขณูปนิชฌาน”เนี่ย ใช้ตอนไหนบ้าง ลักขณูปนิชฌานใช้ในขณะแห่งวิปัสสนากรรมฐาน ใช้ในขณะที่เกิดอริยมรรค ใช้ในขณะที่เกิดอริยผล ใช้ในขณะที่พระอริยเจ้าเข้าผลสมาบัติ ผลสมาบัติก็คือ เกิดผลจิต จิตในขณะที่บรรลุโสดาฯ สกทาคาฯนั่นแหล่ะ จะเกิดผลอย่างนั้นซ้ำขึ้นมา แต่ว่าไม่ล้างกิเลส เพราะมีแต่ผล ไม่มีมรรค งั้นเป็นสมาธิ แต่เป็นสมาธิที่ใช้ลักขณูปนิชฌาน จิตตั้งมั่นถึงฐานเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๑ ถึง นาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : จิตป่วยกับจิตสุขภาพดี

จิตป่วยกับจิตสุขภาพดี

จิตที่ใช้เจริญวิปัสสนานั้น ได้แก่ จิตที่เป็นปกติธรรมดาที่สุดของมนุษย์นี้เองครับ

 (ภูมิของมนุษย์ จึงเป็นที่ที่พระพุทธเจ้าท่านมาตรัสรู้กัน เพราะเหมาะสมมาก)

ดังนั้น เมื่อจะทำวิปัสสนา ก็ให้รู้อารมณ์ของจริง ไปด้วยจิตที่เป็นปกติธรรมดานี่เอง

ไม่ต้องไปดัดแปลงจิตให้ เงียบ ขรึม ซึม นิ่ง ดิ่ง สว่าง ฯลฯ

 

แต่คนทั้งหลายนั้น มี จิตผิดปกติ ป่วยไข้ไปด้วยอำนาจของกิเลสอยู่เสมอๆ

ไม่มี จิตปกติ ที่จะเจริญวิปัสสนาได้จริงๆ

ดังนั้นในขั้นต้น ผู้ปฏิบัติจึงต้องรักษาพยาบาลจิตที่ป่วยไข้ ให้เป็นจิตปกติเสียก่อน

 

เชื้อโรคร้ายที่ทำให้จิตป่วยไข้ มีอยู่ 5 ตัวด้วยกัน คือนิวรณ์ 5

ได้แก่ ความพึงใจในความสุขอย่างโลกๆ ความพยาบาทขุ่นเคืองใจ

ความฟุ้งซ่าน ความหดหู่ และความลังเลสงสัย

ถ้าสิ่งเหล่านี้มีอยู่ในจิตใจ ก็ให้ผู้ปฏิบัติรู้ตรงเข้าไปที่นิวรณ์เหล่านี้เลย

เช่นเมื่อเกิดความลังเลสงสัยว่า เอ เราจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูกต้องนะ

แทนที่จะไปคิด หรือถามหาคำตอบ (ซึ่งจะหาไม่ได้)

ก็ให้ผู้ปฏิบัติมีสติระลึกรู้ตรงเข้าไปที่ความรู้สึกลังเลสงสัย เลยทีเดียว

 (ไม่ใช่ไปดูเรื่องที่สงสัยนะครับ ให้รู้เข้าไปที่ตรงความรู้สึกสงสัย

ซึ่งเราทำคนรู้ได้อยู่แล้วตามธรรมชาติ

เหมือนอย่างที่เรารู้ว่า เราโกรธ เรารัก เราสบายใจ เราไม่สบายใจ นั่นเอง)

 

ทันทีที่จิตรู้ทันว่า กำลังสงสัยอยู่นั่นเอง

จิตก็เข้าถึงความเป็นปกติแล้ว คือเปลี่ยนจากผู้สงสัย เป็นผู้รู้ความสงสัย

 

จิตปกติธรรมดาของมนุษย์ อันเป็นจิตที่สุขภาพดีนั้น

เป็นเพียงจิตปกติ เป็นธรรมชาติธรรมดาที่สุด

มันจะทำหน้าที่รู้อารมณ์ทั้งปวงด้วยความเป็นกลาง

ไม่หลง ทั้งหลงแบบเผลอ หรือหลงเพ่ง

ไม่หลงไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย

และไม่จมลงไปในโลกของความคิดและจินตนาการ

เป็นจิตที่มีความรู้ ตื่น และเบิกบานน้อยๆ

 

ทันทีที่รู้ว่าเผลอ ทันทีที่รู้ว่าเพ่ง ทันทีที่รู้ว่าโกรธ ทันทีที่รู้ว่ารัก

ทันทีที่รู้ว่าสุข ทันทีที่รู้ว่าทุกข์ ทันทีที่รู้ว่าจงใจปฏิบัติ ฯลฯ

ตรงนั้นแหละ จิตจะเป็นจิตปกติธรรมดาที่สุดแล้ว

แต่ถัดจากนั้น ผู้ปฏิบัติก็จะก้าวไปสู่ความหลงผิดรอบใหม่

โดยเกิดความตั้งใจที่จะรักษาจิตที่รู้ตัว หรือรักษาความรู้ตัวเอาไว้นานๆ

นับว่าผู้ปฏิบัติพลาดเสียแล้ว

คือพลาดจาก การรู้ สภาวธรรมที่กำลังปรากฏในปัจจุบันด้วยจิตที่ปกติที่สุด

ไปสู่ การคิด เตรียมการเพื่อให้ความรู้ตัวต่อเนื่อง อันเป็นเรื่องของอนาคต

โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวัน อังคาร ที่ 30 มกราคม 2544

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ขอเชิญฟังพระธรรมเทศนา พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล

วันอาทิตย์ที่ ๒๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๖
เวลา ๑๐:๐๐ – ๑๑:๓๐ น.
บ้านจิตสบาย

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๒) ถ้ายังดูจิตไม่เป็นก็ดูกายไปก่อน

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๒) ถ้ายังดูจิตไม่เป็นก็ดูกายไปก่อน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : จิตใจของคนในโลกนี้ ลืมเนื้อลืมตัวตลอด ออกไปที่รูปที่เสียง ที่กลิ่นที่รส ที่สัมผัส ที่เรื่องราวที่คิด ไม่สามารถกลับมาอยู่ที่ตัวเองได้ ถ้ากลับมาอยู่ที่ตัวเองได้ ก็คือกลับมาที่จิตได้ “จิต”ที่หลวงพ่อบอก (คือ)จิตถึงฐาน ถ้ายังเข้ามาถึงจิตไม่ได้ ให้มาอยู่ที่กายไว้ก็ยังดี กายเป็นบ้านของจิต มาคอยรู้อยู่ที่กาย ดูจิตไม่เป็นดูกายไปก่อน

ครั้งนึงหลวงพ่อภาวนานะ วันนึงก็อดสงสัยไม่ได้ ไปถามหลวงปู่(ดูลย์) “หลวงปู่ครับ ผมไปที่ไหนๆนะ ได้ยินแต่ครูบาอาจารย์อื่นๆเนี่ย ท่านมักจะพูดถึงคำว่า พุทโธพิจารณากาย ผมจะต้องไปพิจารณากายอีกไหม” หลวงปู่ดูลย์ตอบ บอกว่า “เอาทำไม กายเป็นของทิ้ง ที่เค้าพิจารณากายเนี่ยนะ ก็เพื่อให้เข้ามาถึงจิต เมื่อถึงจิตแล้ว จะเอาทำไมกับกาย” นี่ท่านสอนอย่างนี้นะ

ต่อมาอีกนานหลายปีเลย เป็นสิบปีเลย เจอหลวงปู่สุวัจน์ หลวงปู่สุวัจน์เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ฝั้นเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ดูลย์ ท่านก็เลยโยงกันนะ ท่านก็นับถือหลวงปู่ดูลย์อยู่ หลวงปู่สุวัจน์ก็บอกหลวงพ่อ บอกว่าเนี่ย ไปเจอท่านอาจารย์มั่น อาจารย์มั่นท่านบอกนะว่า ดูจิตได้ให้ดูจิต ดูจิตไม่ได้ให้ดูกาย กายมันเป็นบ้านของจิตน่ะ “ดูจิตได้ให้ดูจิต ดูจิตไม่ได้ให้ดูกาย ถ้าดูจิตก็ไม่ได้ ดูกายก็ไม่ได้ ทำสมถะไว้” ทำสมถะนะ จิตสงบ จิตมีความสุขขึ้นมา มีสติ รู้ว่าจิตมีความสุข มีความสงบ มีปีติ นี่มันกลับมาดูจิตได้แล้ว

จิตเป็นเจ้าของบ้านนะ ร่างกายเหมือนบ้านที่จิตอยู่ เราอยากหาเจ้าของบ้าน แต่ยังหาเจ้าของบ้านไม่เจอ เรามาเฝ้าที่บ้านไว้ คอยรู้สึกอยู่ที่กายไว้ เดี๋ยววันหนึ่งเราก็เห็นจิตได้ งั้นเราถ้าดูจิตได้ ดูจิตไปเลยนะ ดูจิตไม่ได้ รู้สึกในกายไว้ ค่อยๆฝึกไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๔ ถึง นาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 41234