การภาวนาในขั้นละเอียด (๒) : เมื่อจิตไปรู้นิพพาน
การปฏิบัติทุกขั้นตอน
คือการส่งทอดสติปัญญาเข้ามาเรียนรู้จิตเท่านั้นเอง
เพราะจิตนั่นแหละคือประธานแห่งธรรมทั้งปวง
เช่นทำสมถะ ก็เพื่อระงับความฟุ้งซ่านของจิตไว้ชั่วขณะ
เพื่อให้จิตมีคุณภาพที่จะเจริญวิปัสสนา
คือการเรียนรู้ความจริงของสิ่งที่จิตไปติดยึดอยู่
เมื่อรู้จริงแล้ว จิตก็วาง รวมเข้ามาที่จิต
ก็จะได้เรียนรู้อริยสัจจ์แห่งจิต
คือเห็นว่า ความทุกข์เกิดขึ้นก็เพราะจิตออกไปอยากไปยึดอารมณ์เท่านั้นเอง
เมื่อจิตฉลาดขึ้น จิตก็หน่ายที่จะเที่ยวแสวงหาทุกข์มาใส่ตัวเอง
จิตก็หยุดความปรุงแต่งลงอย่างสิ้นเชิง
เมื่อปราศจากความปรุงแต่ง จิตก็พ้นจากการห่อหุ้มของสิ่งปรุงแต่ง
เข้าถึงธรรมชาติแห่งความเป็นตัวของตัวเองล้วนๆ หลุดพ้นจากอุปาทานขันธ์
และรู้ถึงนิพพานอันเป็น สันติธรรม ที่แท้จริงเหนือกาลเวลา
สภาวะตรงที่จิตเข้ามารู้นิพพานนั้น
จิตจะรวมเข้าภวังค์นิดหนึ่ง โดยไม่มีความจงใจ
และเมื่อจิตทำงานขึ้นมารับรู้อารมณ์ใหม่นั้น
จิตจะประกอบด้วยฌานอันใดอันหนึ่งโดยอัตโนมัติ
และปัญญาที่ประณีตถึงที่สุด จะตัดความปรุงแต่งขาดลง
จิตก็เข้าถึงความเป็นอิสระครั้งแรกต่อเนื่องกันอย่างอัตโนมัติ
ตรงจุดนี้มีจิต ไม่ใช่ไม่มีจิต จัดเป็นมรรคจิต ผลจิต
เมื่อเป็นจิตก็ต้องรู้อารมณ์ ถ้าไม่รู้อารมณ์ก็ย่อมไม่ใช่จิต
อารมณ์ที่จิตรู้ ก็คือนิพพาน อันเป็นสันติธรรมที่แท้จริง
แต่บางแห่งสอนกันว่า ขณะที่เกิดมรรคผลนั้น จิตดับแบบพรหมลูกฟัก
คือวูบแล้วหมดความรู้สึกไปเลย อันนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง
ที่ไปเอาสภาวะจิตดับขณะถึงนิพพานขันธ์มาเปรียบกับมรรคจิต ผลจิต
เพราะถ้าขณะที่เกิดมรรคผลไม่มีจิต
ตำราอภิธรรมท่านคงไม่บัญญัติมรรคจิตผลจิตไว้ถึง 20 ดวงเป็นแน่
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวัน จันทร์ ที่ 18 ธันวาคม 2543
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่