Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

กายเป็นทุกข์ อย่าให้ใจทุกข์ไปด้วย

mp3 (for download) : กายเป็นทุกข์ อย่าให้ใจทุกข์ไปด้วย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: ใจเราเนี่ยเต็มไปด้วยความเครียดนะ อยากได้อะไรอย่างหนึ่งแล้วยังไม่ได้มาก็เครียดใช่มั้ย เครียด อยากได้มือถือใหม่ๆทำอะไรต่ออะไรได้เยอะทั้งๆที่เราก็ใช้ไม่เป็น เห็นแล้วก็อยากได้ อยากได้ไอโฟน ไอแพด ไออะไรต่ออะไรก็ไม่รู้นะ เยอะแยะเลย เวลาแค่ใจเราอยากขึ้นมา ใจเราก็ทุกข์แล้ว เราเจอสิ่งที่ไม่รักเราก็ทุกข์นะ เราไม่ได้สิ่งที่รักเราก็ทุกข์ เราพลัดพรากจากสิ่งที่รักเราก็ทุกข์ เจ็บไข้ได้ป่วยก็ทุกข์นะ อยากแล้วไม่สมอยากเราก็ทุกข์ ในชีวิตเราเนี่ยมีความจริงคือมีความทุกข์เนี่ยเยอะเลย

ความทุกข์มันมีอยู่ ๒ ส่วน ความทุกข์ทางร่างกายกับความทุกข์ทางจิตใจ ความทุกข์ทางร่างกายเนี่ย

เมื่อเรามีร่างกายแล้วนะ หนีไม่รอดหรอก ยกตัวอย่างพวกเราจะต้องแก่ พวกเราจะต้องเจ็บต้องตาย บางคนตายโดยที่ไม่ทันจะแก่ก็มี เคยคิดมั้ย เวลาที่เราจะตายเนี่ย เราจะเจ็บแค่ไหน เคยนึกมั้ย บางคนก็เจ็บมากนะบางคนก็เจ็บน้อยอะไรอย่างนี้ คือในชีวิตเราเนี่ยนะ ทางร่างกายเนี่ย มีความทุกข์ซึ่งเราหนีไม่ได้ เราไม่รู้เลยว่าเราจะเจ็บเมื่อไหร่ เราจะตายเมื่อไหร่ ความทุกข์ทางร่างกายเนี่ย เป็นสิ่งที่เราแก้ไม่ได้ แต่ผ่อนหนักเป็นเบาได้ ยกตัวอย่างเจ็บป่วยขึ้นมาก็ไปหาหมออะไรอย่างนี้นะ ง่วงนอนก็ไปนอน หิวข้าวก็ไปกิน อะไรอย่างนี้นะ เมื่อยนักนะไปเอนหลังหรือไปเปลี่ยนอิริยาบถ นั่งนานมันเมื่อยก็ไปเดินอะไรอย่างนี้ อย่างนี้มันแก้ได้เป็นคราวๆ แต่สุดท้ายมันก็แก้ไม่ได้ สุดท้ายทุกคนจะทุกข์จนตายทุกคนนะ ถึงจุดหนึ่งนะเราจะต้องทกข์จนตายทุกคน เนี่ยร่างกายนี้เป็นอย่างนี้

แต่คนส่วนใหญ่เนี่ย เมื่อร่างกายเป็นทุกข์นะ ใจจะเป็นทุกข์ด้วย เรียกว่า ถ้าร่างกายเจ็บป่วยนะ ใจป่วยมากกว่ากายอีก กลุ้มใจน่ะ เลยป่วยซ้ำสอง

ทีอย่างนี้ทำอย่างไรละ เราอยู่ในโลก บางครั้งเราก็ต้องพลัดพรากจากคนที่เรารัก ยกตัวอย่างพ่อแม่เราตายอย่างนี้ เราห้ามไม่ได้ใช่มั้ย ทำอย่างไรใจของเราจะไม่ทุกข์นะ เนี่ยเรื่องใจที่จะไม่ทุกข์เป็นคำตอบในศาสนาพุทธนะ เราจะมาฝึกจนกระทั่งเราอยู่ได้ในทุกๆสถานการณ์โดยใจของเราไม่ทุกข์ เราจะมุ่งมาตรงนี้ ส่วนร่างกายถึงอย่างไรก็ทุกข์ เราก็ต้องดูแลไปตามสภาพ แต่ว่าเราจะให้ทุกข์อยู่เฉพาะที่กายแค่นี้เท่านั้น ทุกข์จะต้องไม่มาถึงใจเรา

หลวงพ่อปราโมทย์ :

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2555

File: 551016
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๕๕ ถึงนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๒๕

 

ตัดคลิปส์โดยคุณ sawang156
ถอดคลิปส์และตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การปฏิบัติต้องรู้ทุกข์

mp 3 (for download) : การปฏิบัติต้องรู้ทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเราอยากจะสัมผัสความสุขอันสูงสุดคือพระนิพพาน เราก็ต้องมาดูมาเรียนรู้ทุกข์ ต้องเรียนรู้ทุกข์นะ ไม่ใช่หนีทุกข์ พวกเราคิดว่าถ้าเราหนีทุกข์ได้ เราจะมีความสุข ทุกคนหนีทุกข์มาแต่ไหนแต่ไรนะ หิวข้าว อยากกินโน่น อยากกินนี่ อยากได้โน่น อยากได้นี่นะ หาเงินมาซื้อ หาเงินมาบริโภค คิดว่าจะมีความสุข เดี๋ยวเดียวก็อยากอย่างอื่นอีก ใจเราไม่เต็มไม่อิ่มซะอย่างเดียวนะ ใจมันหิวโหยตลอดเวลาเท่าไร ๆ ก็ไม่พอ งั้นใจนะไม่เคยมีความสงบสุขอย่างแท้จริงเลย

เราค่อย ๆ มาเรียนรู้นะ เรียนรู้ความทุกข์ อะไรเรียกว่าความทุกข์? กายของเรานี้แหล่ะเรียกว่าตัวทุกข์ จิตใจของเรานี้แหล่ะคือตัวทุกข์ เนี่ยเรียนธรรมะนะ ฟังธรรมะนะ ฟังให้มันถึงแก่น ให้มันถึงจิตถึงใจจริง ๆ เราฟังธรรมะฉาบ ๆ ฉวย ๆ สนุกสนานเฮฮา มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ฟังธรรมะแล้วก็ต้องเอาไปปฏิบัติให้ได้เลยนะ

อะไรเรียกว่าทุกข์ กายนี้แหละคือตัวทุกข์ ใจนี้แหละคือตัวทุกข์นะ คนทั่ว ๆ ไป เขาไม่เห็นหรอก เขาเห็นแต่ว่า เวลาเขามีความอยากขึ้นมานะ ถ้าเขาสนองความอยากได้ เขาก็สบายใจ มีความสุข ประเดี๋ยวเดียว ความอยากก็เกิดอีกแล้ว ความอยากเกิดใหม่ ก็ดิ้นรนสนองความอยากอีก หวังว่าจะมีความสุข มันอยู่แป๊บเดียว เดี๋ยวมันก็ความสุขก็หาย ไปอยากอย่างอื่นอีกแล้ว งั้นความสุขอย่างนั้นไม่มีจริงหรอก

เรามาเรียนรู้ให้เห็นความจริงของโลกนะ เรียนรู้ให้เห็นความจริงของชีวิตเรา เราจะเห็นเลยว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในกายในใจของเราเนี่ย นอกจากทุกข์นะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรตั้งอยู่ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป ถ้าเราเห็นได้อย่างนี้จิตจะถึงหมดความยึดถือในกายในใจ กายกับใจเป็นตัวทุกข์นะ ถ้าเมื่อไหร่เราสลัดคืนกายคืนใจให้โลกได้ ก็คือทิ้งตัวทุกข์ไปนะ พ้นจากกายจากใจ จากรูปจากนามนี้ไป จะสัมผัสพระนิพพาน มีความสุขที่มหาศาลขึ้นมา

ส่วนอยู่กับโลก วิ่งหาความสุขเท่าไหร่ ก็หาไม่เจอ หาตั้งแต่เกิดจนตายก็หาไม่เจอนะ ดิ้นไปเรื่อย เต็มไปด้วยความอยาก เต็มไปด้วยความหิวโหย เร่าร้อน อยู่ตลอดเวลา ไม่มีความสุขหรอก

งั้นพวกเราต้องมาค่อย ๆ ฝึกจิตฝึกใจของเรานะ มาเรียนรู้ความจริงของกาย มาเรียนรู้ความจริงของจิตใจตัวเองให้มาก ถ้าหากเราอยากได้มรรคผลนิพพาน เราทิ้งการที่จะมามีสติ รู้กายรู้ใจของตัวเองไม่ได้นะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ อยุธยาพาร์ค เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๖

File: 560425.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๕๔ ถึง นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๔๑


ตัด/ถอดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Video Clips : อริยสัจจ์ – ทุกขสัจจ์และหน้าที่ต่อทุกข์

Link : youtu.be/NV-4knfsu-U

หลวงพ่อปราโมทย์ :พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ถ้าตราบใดที่ยังไม่เห็นอริยสัจจ์ ไม่รู้แจ้ังอริยสัจจ์ ยังเวียนว่ายตายเกิด ยังไม่พ้นจากทุกข์ไม่ได้ เนี่ยคำสอนของพระพุทธเจ้าสูงสุดเลยคือเรื่องของอริยสัจจ์ ถ้าเราเข้าใจอริยสัจจ์อย่างถ่องแท้นะ จึงจะถอนตัวเองออกจากวัฏฏะ พ้นจากการเกิดหมุนเวียนไปเรื่อยๆ

ถ้าเราภาวนานะ บางคนภาวนาไปแล้วระลึกชาติได้ ย้อนไปได้ชาติหนึ่ง สองชาติ สามชาติ สี่ชาติ หรือบางคน รู้ได้นะ เห็นคนนี้ตาย ไปเกิดที่นี่ๆอะไรอย่างนี้ เราจะรู้เลยว่าวัฏฏะมันมีจริงๆ แล้วก็ชาติใดนะเกิดมาแล้วเราไม่ได้พบพระพุทธศาสนา เราจะรู้สึกวังเวงในใจเรา เราไม่ได้ชั่วนะ แต่มันวังเวง คือชีวิตนี้มันไม่มีทิศทาง เราไม่รู้ว่าเราอยู่ไปเพื่ออะไร เกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาทำอะไร ไม่รู้เลย แค่เกิดมาแล้วเขาให้เรียนหนังสือก็เรียนตามเขาไป เขาก็ทำงานก็ตามเขาไป ทำงาน เขามีครอบครัวก็มีกับเขาบ้าง เขามีลูกก็มีอย่างเขาบ้าง สุดท้ายเขาตายก็ตายอย่างเขาบ้าง ชีวิตก็มีอยู่แค่นั้นเอง

ชาติใดที่มีบุญวาสนาได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ชีวิตจะมีเป้าหมาย เรารู้เลยว่าเราเกิดมาทำไม ไม่ใช่มีชีวิตอยู่ล่องลอยไร้สาระไปวันหนึ่งๆ ชีวิตจะมีเป้าหมาย คือการถอดถอนตัวเองออกจากความทุกข์ ถึงถอดถอนได้ไม่เด็ดขาดในชีวิตนี้นะ แต่อย่างน้อยก็ต้องใกล้ความพ้นทุกข์เป็นลำดับๆ ก็ยกระดับจิตใจนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งใจเข้าถึงธรรมะ จะรู้แจ้งแทงตลอดในอริยสัจจ์นะ

เพราะฉะนั้นวันนี้ในฐานะที่ส่วนใหญ่เป็นพวกที่เรียนมากับหลวงพ่อพอสมควรแล้ว ดูที่ว่าสามารถแยกธาตุแยกขันธ์ได้หลายสิบคนแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้หลวงพ่อจะพูดเรื่องอริยสัจจ์ให้ฟัง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

แสดงธรรมที่‏ โรงแรมโนโวเทล สนามบินสุวรรณภูมิ
๙๙๙ หมู่ ๑ ตำบลหนองปรือ
อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
สนามบินสุวรรณภูมิ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร

เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๒ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๗
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๒๘ ถึงนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๔๔
full video : youtu.be/RqtJc2ZNRkg
full audio : 570112

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ใจเป็นทุกข์จึงดิ้นรน ใจดิ้นรนเพราะถูกตัณหากิเลสเสียดแทงตลอดเวลา

mp3 for download :ใจหมดหิวก็เป็นพระอรหันต์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : มีความสุขน่ะ มันมีสันติสุข สันติตัวนี้นะมันเกิดจากใจนะมันพ้นจากความปรุงแต่ง ไม่มีอะไรมาเสียดแทงมันได้ ใจของเราเสียดแทงตลอด รู้สึกมั้ย มีความหิวมีตัณหาเสียดแทงใจของเราตลอดเวลา แล้วก็โลภโกรธหลงเสียดแทงใจเราตลอดเวลาเลย

ใครเคยเห็นใจหิวบ้าง ยกมือสิ มีมั้ย ใจหิว.. สาธุ ใกล้จะเป็นพระอรหันต์แล้ว หมดหิวก็เป็นพระอรหันต์แล้วล่ะ ไม่เป็นไรหรอก

ใจมันหิว หิวก็ดิ้น ใช่มั้ย หิวก็ดิ้นรน ร่างกายหิววันละกี่ครั้ง สองสามครั้ง ร่างกายหิว แต่จิตน่ะหิวอยู่ทุกนาทีเลย เพราะฉะนั้นจิตนั้นทุกข์ๆ ทุกข์มากเลย ถูกความหิวแผดเผาอยู่ตลอดเวลา ถูกกิเลสแผดเผาอยู่ตลอดเวลา ทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา ทิ่มแทงจริงๆนะ จิตเหมือนวัวเหมือนควายนะ กิเลสเหมือนเอาไม้แหลมๆเหมือนปฏักน่ะทิ่มให้วิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ที สังเกตมั้ยจิตของเราถูกตัณหาผลักดันให้วิ่ง ถูกกิเลสผลักดันให้วิ่ง ไปทางโน้นทางนี้ วิ่งไปทางตาม วิ่งไปทางหู วิ่งไปทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ วิ่งพล่านๆ พล่านๆ ตลอดเวลา มันมีความสุขเสียที่ไหนที่วิ่งพล่านๆอย่งนั้น เป็นหมาถูกน้ำร้อนเลยนะ วิ่งไปเรื่อย มีแต่ความทุกข์นะ

สติปัญญาแก่รอบนะ โอ้.. ปล่อยวางจิตได้ เขาวางเองนะ อย่าไปอตุริวางนะ บางคนนะ ฮ่า ฮ่า ต่อไปนี้ผมจะวางจิตนะ บ้าไปเลยนะ มีสติไว้ก่อน อย่าเพิ่งปล่อยวางทุกสิ่งที่ทุกอย่าง จิตเขาวางของเขาเอง ห้ามไปจงใจวาง ส่วนเรานั้นมีหนาที่เจริญสติเจริญปัญญาให้มาก..ไป แล้วพอถึงเวลาเขาวางของเขาเอง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907B
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๗ วินาทีที่ ๑๙ ถึง นาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๑๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รู้สึกเป็นทุกข์ก็เพราะคิด

mp3 for download :รู้สึกเป็นทุกข์ก็เพราะคิด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากวัดพระธาตุโกฏิแก้ว
เอื้อเฟื้อภาพโดย คุณ มโน มยา

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใครเคยอกหัก ยกมือโชว์หน่อย โอ้..เยอะเลยนะ อกหักก็ทุกข์กันนานนะ ทุกข์กันแรมปีเลยนะ รู้สึกมั้ย อกหักครั้งแรกเนี่ยนานที่สุด อกหักครั้งที่ ๒๐ เนี่ย จะรู้สึกเฉยๆ อกหักบ่อยๆมันจะชิน ความจริงแล้วไม่มีความทุกข์ที่นานเป็นเดือนๆหรอก ยกตัวอย่างเวลาที่เราหลับอยู่ใช่มั้ย ไม่อกหักใช่มั้ย (หมายถึงรู้สึกเป็นทุกข์จากการอกหัก – ผู้ถอด) ตอนที่เราคิดเรื่องอื่นก็ไม่ได้อกหัก

เพราะฉะนั้นจริงๆแล้วกระทั่งความทุกข์จากการอกหักซึ่งว่าแหมยาวนานนะ ก็สั้นๆ แล้วเราก็คิดใหม่ แล้วเราก็ทุกข์ใหม่ คิดใหม่แล้วก็ทุกข์ใหม่ มันทุกข์อยู่ในช่วงที่คิดเท่านั้นแหละ ตอนนั้นไปคิดเรื่องอื่นก็ไม่อกหัก ยกตัวอย่างเวลาที่กำลังอกหักอยู่นะ สรรพากรมาทวงภาษีเนี่ย จะหายอกหักเลยนะ (หมายถึง ในขณะนั้นจะไม่ได้รู้สึกเป็นทุกข์เพราะอกหัก – ผู้ถอด) ใครเคยถูกสรรพากรทวงภาษีมั้ย เราก็จ่ายครบแล้วนะ มันยังมีหน้ามาทวงอีก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907A
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๒๐ วินาทีที่ ๑ ถึง นาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๕๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คนที่ไม่มีสติปัญญาจะเห็นว่า เวลาที่ทุกข์น้อยคือความสุข

mp3 for download : คนที่ไม่มีสติปัญญาจะเห็นว่า เวลาที่ทุกข์น้อยคือความสุข

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :พวกเรารู้สึกมั้ยในร่างกายเราเนี่ย ร่างกายเราเนี่ยพวกเรารู้สึกมั้ยว่าร่างกายนี้ เป็นทุกข์บางเป็นสุขบ้าง รู้สึกอย่างนี้มั้ย รู้สึกมั้ยว่าจิตใจของเรานี้เป็นทุกข์บ้างเป็นสุขบ้าง รู้สึกมั้ย เรายังไม่ได้เห็นความจริงที่พระอริยบุคคลท่านเห็น พระอรหันต์ไม่ได้เห็นอย่างที่เราเห็นนะ พระพุทธเจ้าไม่ได้เห็นอย่างที่เราเห็น เราเห็นว่าร่างกายของเราเป็นทุกข์บ้างเป็นสุขบ้าง แต่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านเห็นว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ล้วนๆ มีแต่ทุกข์มากกับทุกข์น้อยเท่านั้นเอง

คนที่ไม่มีสติปัญญาเวลามันทุกข์น้อยก็ว่ามันเป็นความสุข มันคือความสุขอะไร ความสุขที่มันแปรปรวนเอาเป็นที่พึ่งที่อาศัยไม่ได้ (ลักษณะของทุกข์ในอริยสัจจ์ คือ ความเสื่อมไป ความทนอยู่ถาวรไม่ได้ – ผู้ถอด) ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงหรอก พวกเรายังไม่เห็นจิตใจเป็นทุกข์ล้วนๆ เห็นแต่ว่าจิตใจเป็นทุกข์บ้างเป็นสุขบ้าง พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านเห็นเลย จิตใจที่กลับกลอกยอกย้อนอย่างนี้ เป็นก้อนทุกข์แท้ๆเลย ไม่ใช่ทุกข์บ้างสุขบ้าง เป็นทุกข์ล้วนๆ มีแต่ทุกข์มากกับทุกข์น้อย ในขณะที่จิตใจมีความสุขนะ พวกเรารู้สึกว่ามีความสุข แต่ในขณะนั้นเองนะ พระอริยบุคคลระดับสูงมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ท่านเห็นว่าจิตกำลังทุกข์อยู่ แต่ทุกข์น้อยหน่อย จะไม่เหมือนที่เราเห็นหรอก

การที่เราเห็นว่ากายนี้ใจนี้เป็นทุกข์บ้างเป็นสุขบ้างเนี่ย ทำให้มันมีทางเลือกที่จะดิ้นรนหาความสุข ดิ้นรนหาความทุกข์ ความอยาก-ความดิ้นรน ก็จะเกิดขึ้นนะ อยากให้เป็นอย่างโน้น อยากให้เป็นอย่างนี้ ก็จะดิ้นไปเรื่อย ทุกคราวที่จิตดิ้นรนจิตจะเกิดความทุกข์ขึ้น ทุกคราวที่จิตปรุงแต่ง จิตจะดิ้นรน จิตจะทุกข์ โดยตัวของมันเองเลย เพราะเรายึดอยู่เนี่ย มันก็ยึดไปนะ มันก็ดิ้นไป ก็เป็นทุกข์

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๔๖ ถึงนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๓๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความอยากมาจากการยอมรับความจริงไม่ได้

mp3 for download : ความอยากมาจากการยอมรับความจริงไม่ได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :ยกตัวอย่างปีกลาย (ปี ๒๕๓๔ – ผู้ถอด) เราไม่อยากให้น้ำมาบ้านเรา ไปบ้านคนอื่นไม่เป็นไรหรอก มาบ้านเรา มาน้อยๆหรือไม่มาแล้วดี อยากให้มันไม่มา เพราะเราไปปลูกบ้านในที่ๆน้ำจะมา เราไปอยากในสิ่งซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ อย่างน้ำมันต้องมีที่อยู่ อยากให้น้ำไม่มีที่อยู่นะ อยู่ๆก็ข้ามบ้านเราไปลงทะเลเลย ไม่มาท่วม เป็นความอยากที่ไร้เดียงสา อยากเพราะว่าไม่รู้ความจริง ยอมรับความจริงไม่ได้

สังเกตดูเถอะความอยากทั้งหลายนั้น มาจากการที่ยอมรับความจริงไม่ได้ ยกตัวอย่างแก่แล้วก็อยากไม่แก่ยอมรับความจริงไม่ได้ว่าต้องแก่ เจ็บก็อยากไม่เจ็บเพราะยอมรับความจริงไม่ได้ว่าต้องเจ็บ ตายก็ยอมรับความจริงไม่ได้ ทนไม่ได้เพราะยอมรับไม่ได้ ยอมรับความจริงไม่ได้ว่าต้องตาย เรายอมรับความจริงไม่ได้ว่าบางคราวเราก็ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักบางคราวเราก็ต้องเจอสิ่งที่ไม่รัก เรายอมรับความจริงไม่ได้ว่าสมอยากในทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้หรอกนะ

เมื่อใจยอมรับความจริงไม่ได้ มันจะอยากให้เป็นอย่างอื่น หรือว่าอยากให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งดำรงอยู่เรื่อยๆไป ยอมรับความจริงไม่ได้ว่าจะต้องสูญเสียไป ยอมรับความจริงไม่ได้ว่าบางสิ่งจะต้องมา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๑๓ ถึงนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๔๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความพลัดพรากเป็นเรื่องทางใจ ทุกข์ขึ้นมาเพราะมีความอยาก

mp3 for download : ความพลัดพรากเป็นเรื่องทางใจ ทุกข์ขึ้นมาเพราะมีความอยาก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :ยกตัวอย่างเราเห็นร่างกายนี้ต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย นี่เป็นเรื่องธรรมดา เราก็ไม่ได้ไปอยากว่ามันจะต้องเป็นหนุ่มเป็นสาวตลอด อยากให้มันแข็งแรงตลอด อยากให้มันเป็นอมตะไม่รู้จักตาย อะไรอย่างนี้ ถ้าเรารู้ความจริงแล้ว ว่ามันต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย บางครั้งใจเราก็ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักนะ ร่างกายอาจจะไม่พลัดพราก

ยกตัวอย่างบางคนทำงานที่เดียวกันเจอกันทุกวันเลย เคยรักกัน แต่วันหนึ่งไม่รักกันแล้ว เขาไปรักคนอื่น ตัวยังไม่ได้พลัดพรากกันนะ แต่ใจพลัดพราก บางคนสามีภรรยาทำงานกันคนละที่ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อก็มี บางคน สามีอยู่กรุงเทพฯภรรยาอยู่กระบี่อะไรอย่างนี้ เขาไม่รู้สึกว่าเขาพลัดพรากกัน ทั้งๆที่ร่างกายเขาแยกกันอยู่นะ เขาไม่รู้สึกพลัดพรากเพราะว่าใจของเขายังรู้สึกว่าอยู่ด้วยกัน

เพราะฉะนั้นการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก การประสบกับสิ่งที่ไม่รักอะไรอย่างนี้ อันนี้เป็นเรื่องทางใจ ทั้งๆที่ร่างกายอยู่ด้วยกันนะ ก็ยังรู้สึกสูญเสียคนรักไปก็ได้นะ เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องทางใจ ความแก่ความเจ็บความตายเนี่ย เป็นความทุกข์ทางร่างกาย ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก การประสบสิ่งที่ไม่รัก ความไม่สมปราถนา นำความทุกข์ต่างๆมาให้ อันนี้เป็นเรื่องทางจิตใจ

ความอยากทั้งหลายที่จะให้ร่างกายไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย เกิดจากการที่ไม่รู้ความจริง ยอมรับความจริงไม่ได้ ว่าร่างกายต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย การที่มีทุกข์ขึ้นมา เพราะพลัดพรากจากคนที่รัก เพราะเจอกับสิ่งที่ไม่รัก หรือเพราะว่าผิดหวัง ไม่สมปราถนา ก็มีความอยากเป็นพื้นฐานเหมือนกัน ถ้าชอบเขาก็อยากให้เขาอยู่ด้วยนานๆ พอเขาไม่เที่ยงขึ้นมานะ ก็พลัดพรากจากสิ่งที่รัก ทนไม่ได้ หรือเราอยากจะเจอแต่คนที่ชอบใจ ขอว่าไม่เจอคนที่ไม่ดีอะไรอย่างนี้ มีกรรมร่วมกันมาก็มาเจอกัน ห้ามมันไม่ได้ มันมา เราไปอยากให้มันไม่มา แต่มันมา นะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๔๘ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๑๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

บารมีน้อยก็ต้องพากเพียรให้มาก

mp3 (for download) : บารมีน้อยก็ต้องพากเพียรให้มาก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทีนี้พวกเรา กิเลสยังแรง แค่นึกถึงชีวิตเกิดได้ดับได้ มันจะต่อเลย แต่ตอนนี้ยังไม่ดับ ทำอะไรก็ทำไปก่อน ไม่ล้างกิเลส ก็ต้องดูให้มันละเอียดขึ้นไปอีก ไปให้เห็นเลยว่ามันทุกข์อยู่ทุกขณะนะ อย่าหลงอย่าเพลินนะ

ถ้าเราแยกรูปแยกนามออกไปแล้วเราจะเห็นเลยว่า ความทุกข์บีบคั้นอยู่ทุกขณะจิตเลย อย่าได้หลงเพลิดเพลินกับโลกเลย พวกหลงโลกมากก็ต้องดูให้มันละเอียดยิบเลย เห็นแต่ทุกข์เยอะแยะไปหมดเลย หายใจออกก็ทุกข์หายใจเข้าก็ทุกข์ ยืนก็ทุกข์เดินก็ทุกข์นั่งก็ทุกข์นอนก็ทุกข์ ต้องเห็นอย่างนั้น

หรือเห็นจิตเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอด จิตสุขก็ชั่วคราว จิตทุกข์ก็ชั่วคราว จิตดีก็ชั่วคราว จิตร้ายก็ชั่วคราว แล้วก็เห็นอนัตตา จิตจะสุขก็สั่งไม่ได้ จิตจะทุกข์ก็สั่งไม่ได้ ห้ามทุกข์ไม่ได้ ทุกข์แล้วสั่งให้หายก็ไม่ได้ จิตเป็นอนัตตาสั้งให้ดีมันก็ไม่ค่อยจะดี ห้ามชั่วมันก็ชอบชั่ว อะไรอย่างนี้

เฝ้าดูลงไปจะเห็นเลยว่ามีแต่ของน่าเอือมระอา ร่างกายนั้นมีแต่ความทุกข์บีบคั้นอยู่ตลอดเวลา จิตใจมีแต่ความไม่เที่ยงมีแต่ความเป็นอนัตตา เห็นซ้ำๆซ้ำๆใจก็เบื่อ หาสาระแก่นสารไม่ได้

บารมีเราน้อยเราก็ต้องมาภาวนาให้มันละเอียดขึ้น คนที่เขาบารมีมากเจอพระพุทธเจ้า บางคนฟังธรรมนิดๆหน่อยๆนะ ไม่ได้ยินเรื่องรูปเรื่องนามอะไรหรอก ใจเขาก็ยอมรับนะ ใจเขาตัดได้ เพราะเขาสะสมของเขามามาก

พวกเราเนี่ยขอให้เชื่อมั่นอย่างหนึ่งนะ ว่าสะสมมาน้อย ถ้าสะสมมามากคงไปฟังธรรมตรงจากพระพุทธเจ้าแล้วล่ะ หรือพวกเราในนี้อาจจะเคยฟังธรรมตรงจากพระพุทธเจ้ามาแล้วนะ แต่ยุคนั้นบารมีเราน้อย เราฟังแล้วไม่รู้เรื่อง เราฟังเทวฑัตรู้เรื่อง ตามเทวฑัตไปนะ

เพราะฉะนั้นสันนิษฐานไว้ก่อนว่า พวกเราบารมีน้อย แทนที่จะได้เรียนตรงจากพระพุทธเจ้า กลับต้องมาเรียนจากสาวก ในเมื่อบารมีน้อยก็ต้องพากเพียรให้มาก คล้ายๆเราจนน่ะ อยากจะดีก็ต้องขยันให้หนักกว่าคนที่เขารวยอยู่แล้ว เราจนด้วยอริยทรัพย์ ศีลเรากะพร่องกะแพร่ง สมาธิเราก็ไม่ดี การศึกษาธรรมะได้ยินได้ฟังก็น้อย การเจริญปัญญาก็ยังไม่มาก เรียกว่าเรายังจนอยู่ในอริยทรัพย์ เราก็ต้องขยันหน่อย เพราะว่าจน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๒๙ ถึงนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อริยผลมีอริยมรรคเป็นเหตุ เหตุของอริยมรรคคือ ศีล สมาธิ ปัญญา

mp3 for download : อริยผลมีอริยมรรคเป็นเหตุ เหตุของอริยมรรคคือ ศีล สมาธิ ปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล กับ คุณ ปราโมทย์ สันตยากร (ในสมัยนั้น)

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล กับ คุณ ปราโมทย์ สันตยากร (ในสมัยนั้น)

หลวงพ่อปราโมย์ :ความหมายของหลวงปู่ดูลย์นะ สิ่งที่ท่านพูดถึง “ว่าง สว่าง บริสุทธิ์ หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกริยาของจิต ไม่มีอะไรเลย ไม่เหลืออะไรสักอย่าง” อันนั้นเป็นอริยผล เป็นลักษณะของจิตที่เป็นผลแล้ว ไม่ใช่เหตุ สิ่งที่พวกเราต้องทำคือทำเหตุ ไม่ใช่ทำผล ผลเป็นเอง ทำเหตุให้ได้แล้วผลเป็นเอง ไม่ใครทำอริยผลให้เกิดได้นะ สิ่งที่ทำให้อริยผลเกิดขึ้นก็คืออริยมรรค เพราะฉะนั้นเราทำเหตุ

ถ้าทำเหตุได้ เราทำเหตุฝ่ายเกิด คือมีตัณหานะ แล้วก็มีตัวทุกข์ขึ้นมา เราทำเหตุฝ่ายดับ คือเจริญมรรค มีศีลสมาธิปัญญาขึ้นมา ก็มีผล เข้าไปสู่นิโรธ มีเหตุมีผลอยู่ ถ้าเข้าถึงนิโรธเต็มภูมินะ ก็จะไปสัมผัสพระนิพพานเต็มภูมิ สิ่งนี้ไม่มีเกิดไม่มีดับไม่มีตาย ไม่มีตั้งต้นไม่มีจุติ(ตาย-ผู้ถอด)ไม่มีอุบัติ(เกิด-ผู้ถอด) ไม่มีความเคลื่อนไหวไปมา ส่งไปส่งมา ไม่มีพระอาทิตย์พระจันทร์ ไม่มีฌานสมาบัติ ไม่มีอะไร แต่มีอยู่ มีความสงบ มีความสันติ มีความสุข เป็นบรมสุข เพราะไม่มีอะไรเสียดแทง (ความเสียดแทงคือความเป็นทุกข์ ความบีบคั้น คือทุกขตาในอริยสัจจ์ – ผู้ถอด) สิ่งเหล่านี้มีอยู่

ก็อยู่ที่เรา ทำเอาให้ได้นะ ทำ ถ้าทำบ้างไม่ทำบ้าง ไม่ได้กินหรอก ถ้าทำผิดก็ยิ่งไกลมันออกไปอีก ทำผิดแล้วเดินไปคนละทิศคนละทาง ยิ่งขยันยิ่งหลงไกล

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
File 550106
ระหว่างนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๕๗ ถึงนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๒๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กุศล-อกุศล ล้วนเป็นตัวทุกข์

mp3 for download : กุศล อกุศล ล้วนแต่เป็นตัวทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : กุศล-อกุศลทั้งหลาย ก็เป็นตัวทุกข์ ไม่ใช่กุศลเป็นตัวสุขนะ กุศลทั้งหลายก็เป็นตัวทุกข์ อกุศลทั้งหลายก็เป็นตัวทุกข์ เวลาบ้าบุญ ใครเคยบ้าบุญบ้างมั้ย เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ อยากบริจาคเยอะๆ แต่เงินมีน้อย กลุ้มใจนะ กลุ้มใจ เข้าคิวไว้ หลวงพ่อตอนเป็นโยมนะ เข้าคิวไว้ คือทำอันนี้ เดี๋ยวทำอันนี้ คิวยาวมากเลย บางทีกลุ้มใจนะอยากทำบุญ สตางค์ไม่พอ อะไรอย่างนี้

ดีก็ทุกข์นะ รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา ตอบได้มั้ย ระหว่างจั่วกับเสาอะไรหนักกว่ากัน ขืนหามก็หนักทั้งนั้นแหละ จั่วศาลานี้ใครหามได้ล่ะ เสาเนี่ยใครหามไหว ไม่ไหวเหมือนกันแหละ ดี คนดีก็ทุกข์แบบคนดี คนชั่วก็ทุกข์แบบคนชั่ว แต่เราจะชั่วได้มั้ย ชั่วไม่ได้…

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๔๕ ถึงนาทีที่ ๓๑ วินาทีที่ ๔๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อเจริญปัญญา จะเห็นแต่ทุกข์

mp3 for download : เมื่อเจริญปัญญา จะเห็นแต่ทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ :ช่วงที่เราเจริญปัญญาเนี่ยไม่สุขแล้วล่ะ ไม่ใช่สุขแล้วล่ะ แต่จะเห็นทุกข์ ช่วงที่เราฝึกให้จิตตั้งมั่นมีสมาธิรู้สึกตัวขึ้นมา นั่นเป็นช่วงเสพสุข พอใจไหลไปแล้วรู้สึกตัวปุ๊บ พอรู้สึกตัวนะ ความสุขก็โชยขึ้นมา ไหลไปอีกรู้สึกอีก ความสุขก็โชยขึ้นมา

แต่ในขั้นเดินปัญญาจะเห็นเลยว่า รูปนี้ก็เป็นตัวทุกข์นะ จิตนี้ก็เป็นตัวทุกข์ ความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์นะ ก็เป็นตัวทุกข์ สุขก็เป็นตัวทุกข์ เพราะเป็นตัวที่เสียดแทง เป็นตัวที่ทนอยู่ไม่ได้ เวลาที่ความสุขเกิดขึ้น ถ้าพวกเราภาวนาเป็นนะ เราจะรู้เลยว่าความสุขนั้นเสียดแทงใจเรา ถ้าภาวนาชำนาญนะ จะรู้เลยว่า แค่ความสุขเกิดขึ้นนะ ก็เป็นส่วนเกินแล้ว มันเสียดแทงเราแล้ว ความสุขเองก็ยังอยู่ในกองทุกข์เหมือนกัน ไม่ใช่ของดีของวิเศษ

กุศล-อกุศลทั้งหลายก็เป็นตัวทุกข์ ไม่ใช่กุศลเป็นตัวสุขนะ กุศลทั้งหลายก็เป็นตัวทุกข์ อกุศลทั้งหลายก็เป็นตัวทุกข์

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๕๓ ถึงนาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๕๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตนี้เกิดดับตลอดเวลา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

mp3 for download : จิตนี้เกิดดับตลอดเวลา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : เราไม่ได้ฝึกเอาจิตเที่ยง แต่เราฝึกให้เห็นว่าจิตไม่เที่ยง เพราะฉะนั้นบางคนเป็นมิจฉาทิฎฐินะ มาบอกว่าจิตเที่ยง นั่นล่ะทำวิปัสสนาไม่เป็น ไปรักษาจิตให้นิ่งอยู่อย่างนั้นแล้วบอกว่าจิตเที่ยง นี่แหละจิตพ้นทุกข์ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนเลยว่าจิตเที่ยง ท่านสอนแต่ว่าจิตดวงหนึ่งเกิดขึ้นดวงหนึ่งดับไปทั้งวันทั้งคืน สอนแต่ว่าจิตมันไม่เที่ยง

ถามพระปัญจวัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิญญาณเที่ยงหรือไม่เที่ยง วิญญาณก็คือจิตนั่นเอง วิญญาณไม่เที่ยงพระเจ้าข้า สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ เป็นทุกข์พระเจ้าข้า สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นควรเห็นว่าเป็นตัวตนของเรามั้ย ไม่ควรพระเจ้าข้า เพราะฉะนั้นจิตนี้เกิดดับตลอดเวลา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๒๖ ถึงนาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์

mp 3 (for download) : ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ความรักแต่เดิมนั้น ไม่ว่ารักสิ่งใด เราเสียอิสระเพราะสิ่งนั้น พระพุทธเจ้าบอก มีนาก็ทุกข์เพราะนา มีวัวก็ทุกข์เพราะวัว กลัวมันหาย

สมัยพุทธกาลนะ มีพระราชินีองค์นึง ชื่อพระนางมัลลิกา พระนางมัลลิกาเนี่ย เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า พระเจ้าปเสนทิโกศลนี่เป็นสามี คนก็ว่าเป็นชาวพุทธ แต่ว่าศาสนาอื่นเค้าก็ว่าเป็นศาสนาอื่นนะ คล้ายๆแกเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แกคบกับเค้าหมดแหล่ะ คบได้ทั่วๆไป คบกับทุกศาสดา

วันนึงพระเจ้าปเสนทิโกศลเนี่ย ถามพระนางมัลลิกา ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร ตอนนั้นยังไม่คุ้นกับพระพุทธเจ้า พระนางมัลลิกาบอกว่า ท่านสอนว่าที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ พระเจ้าปเสนทิโกศลฟังแล้วขัดใจ ที่ใดมีรักที่นั่นมีสุขสิ ใช่ไหม ทำไมที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ โกรธเมียนะ โกรธพระนางมัลลิกา ว่าอธิบายซิ อธิบายไม่เป็น อธิบายไม่ได้

พระนางมัลลิกาท่านก็ฉลาดนะ ส่งคนไปหาพระพุทธเจ้า ไปถามท่านว่าจะตอบยังไงดี พอได้คำตอบก็มาบอกพระเจ้าโกศล บอกว่าเมืองโกศลเนี่ย พระองค์รักไหม บอกรัก เป็นห่วงไหม เป็น ถ้าเมืองโกศลไปตกกับคนอื่น จะพอใจไหม ไม่พอใจ มเหสีอีกองค์นึงแสนสวยแสนดี รักไหม รัก พระมเหสีนี่แปรปรวนไป จะเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ล่ะ บอกเป็นทุกข์ ตอนรักอยู่ก็ห่วงนะ เป็นห่วงอีก มีเมืองอีกเมืองนึง เมืองสาเกตใช่ไหมหรือเมืองอะไร มีอีกเมืองนึงนะ แกมีเมืองใหญ่อีกเมืองนึง จำชื่อไม่ได้ บอกว่าถ้าเมืองนี้หายไปเสียไป จะมีความสุขหรือมีความทุกข์ มีความทุกข์ เมืองนี้ตอนนี้ยังไม่เสียไป แคว้นกาสียังไม่เสียไป เป็นห่วงไหม เป็นห่วง บอกนี่แหล่ะ ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์

วัยรุ่นฟังแล้วจะไม่เข้าใจ คำว่ารักตัวนี้ไม่ได้แปลว่าเลิฟ รักตัวนี้หมายถึงความผูกพัน คำว่าราคะ ความผูกพัน ไม่ว่าเราผูกพันกับอะไร เราจะเสียอิสระเพราะสิ่งนั้น

สิ่งที่เรารักที่สุด เราผูกพันหวงแหนที่สุด ก็คือตัวเรานี่เอง คือกายกับใจ คือขันธ์ห้านี่เอง ท่านถึงสอนให้เรามาเรียนรู้ขันธ์ห้า เรียนรู้กายเรียนรู้ใจ ถ้าเรียนรู้ได้แจ่มแจ้งนะ ว่ามันไม่ใช่ของดีหรอก มันเป็นของไม่เที่ยง มันเป็นของที่ถูกความทุกข์บีบคั้นอยู่ตลอดเวลา เป็นของที่บังคับไม่ได้ ไม่เป็นไปตามใจอยาก เนี่ยใจจะค่อยๆคลายความยึดถือตามความฉลาด ฉลาดมากเห็นความจริงมาก ก็คลายความยึดถือได้มาก เห็นความจริงน้อยก็คลายได้น้อย พระโสดาบันฯเห็นความจริงเล็กน้อย คลายได้น้อย

พระสกทาคาฯก็ยังคลายได้น้อย พระอนาคาฯคลายได้เยอะขึ้น เห็นความจริงมากขึ้น พระอรหันต์เห็นความจริงแจ่มแจ้ง คลายได้หมด ปล่อยได้หมด

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๗
Track: ๑๔
File: 551014A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๓๙ ถึง ๑๕ วินาทีที่ ๓๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เราทุกข์เพราะความอยากในใจ

mp 3 (for download) : เราทุกข์เพราะความอยากในใจ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: วิธีที่เราจะขจัดความทุกข์ออกจากใจเรา เป็นศาสตร์ที่ท่านสอนเอาไว้นะ ท่านสอนไว้อย่างละเอียดมากเลยนะว่า ความทุกข์มันมาได้อย่างไร แล้วอย่างไรมันถึงจะไม่มา

ความทุกข์ในทางใจเราเนี่ย มันเกิดจากความอยาก ความอยากมันเกิดจากการที่จิตใจของเราเนี่ย ยอมรับสิ่งที่กำลังปรากฎต่อหน้าต่อตาในชีวิตของเราไม่ได้ ถ้าเรายอมรับไม่ได้นะ ใจของเราก็จะดิ้นรนอยากให้มันเป็นอย่างอื่น

เหมือนอย่างปีกลายน้ำจะท่วม เราอยากให้น้ำไม่ท่วมนะ พอความอยากเกิด ความทุกข์มันก็เกิด น้ำยังไม่ทันจะท่วม ความทุกข์ก็ท่วมใจเราเสียก่อนแล้ว หรือปีนี้ไม่มีภัยรุนแรงอะไร บางคนก็เจ็บไข้ได้ป่วย บางคนไปตรวจร่างกาย เป็นมะเร็งเป็นอะไร ยอมรับไม่ได้ว่าร่างกายเราจะเจ็บป่วย ไม่ทันตายเพราะมะเร็งก็มีนะ ช็อคตาย กังวลตาย กลุ้มใจ

ปัญหาใหญ่ก็คือ เราไม่สามารถยอมรับสิ่งที่กำลังปรากฎต่อหน้าต่อตาเรานี้ได้ เราอยากให้มันเป็นอย่างอื่น หรือเรายอมรับไม่ได้ว่าสิ่งดีๆที่กำลังปรากฎขึ้นต่อหน้าต่อตาเรานี้ วันหนึ่งมันจะหายไป เรายอมไม่ได้

เรามีความอยากเกิดขึ้น อยากให้มีความสุขอยู่นานๆ อยากให้ความสุขเกิดขึ้นแล้วก็ให้อยู่นานๆ อยากให้ความทุกข์ไม่เกิดขึ้น ถ้าเกิดขึ้นก็อยากให้หายเร็วๆ เนี่ยใจเราไม่ยอมรับสภาวะ ไม่ยอมรับความจริงที่มีอยู่ต่อหน้าต่อตา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
เมื่อ วันพุธที่ ๒๘ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๕

CD: แสดงธรรมที่ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
File: 551128
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๒๕ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๐๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ตราบใดที่ยังอยาก จะไม่เกิดมรรคผล

mp 3 (for download) : ตราบใดที่ยังอยาก จะไม่เกิดมรรคผล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


ขอขอบคุณ บ้านจิตสบาย ที่เอื้อเฟื้อภาพ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ : พระพุทธเจ้าสอนอริยสัจนะ ง่ายๆเลย ทุกข์ให้รู้ ทุกข์คืออะไร ทุกข์คือกายกับใจ หน้าที่ของเราก็คือรู้กายรู้ใจใช่มั้ย ง่ายๆ รู้ไปเรื่อยแล้ววันนึงละสมุทัยเอง ละความอยาก พอหมดความยึดในกายในใจ มันก็หมดความอยากที่จะให้กายให้ใจเป็นสุข หมดความอยากให้กายให้ใจพ้นทุกข์ เมื่อไรจิตหมดความอยากนะ จิตก็เห็นนิพพาน นิพพานคือสภาวะที่พ้นจากความอยาก ยังอยากอยู่นะไม่เห็นนิพพาน ยังอยากปฏิบัติยังไม่มีวันเห็นนิพพานหรอก อยากได้ผลนะ ยิ่งไม่มีทางเห็นใหญ่ งั้นตราบใดที่ความอยากยังครองหัวใจอยู่ ตราบนั้นยังไม่เกิดมรรคผลหรอก

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ หลังฉันเช้า

สวนสันติธรรม
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
Track: ๕
File: 520426B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๔ ถึง นาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๔๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ยอมจำนนต่อทุกข์ จึงพ้นทุกข์

mp 3 (for download) : ยอมจำนนต่อทุกข์ จึงพ้นทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เห็นร่างกายมันเต็มไปด้วยความทุกข์ ตัวจิตเอง พอมีสติถี่ๆขึ้นมานะ เห็นทุกอย่างหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันไม่ใช่สุขบ้างทุกข์บ้างแล้วนะ มันจะกลายเป็นทุกข์ล้วนๆเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นมาแล้วก็บีบคั้นทั้งนั้นเลย เป็นความบีบคั้นทั้งสิ้น เป็นทุกข์ทั้งสิ้นเลย เนี่ยเห็นอย่างนี้นะ เห็นมาก มากๆเข้า ถึงจุดหนึ่งนะ มันไม่รู้จะไปทางไหนแล้ว จนมุมเลย

จะไปอยู่ตามวัดภาวนา หวังว่าจะมีความสุข ก็ไม่มี เพราะว่าไปที่ไหนนะ ก็เอากายเอาใจไปด้วย กายกับใจมันตัวทุกข์น่ะ ไปไหนก็เอาทุกข์ไปด้วย เพราะฉะนั้นไม่มีที่หนีเลย เข้าสมาธินะ เข้าไปลึกเลย สบายๆ เผลอๆ เพลินๆ นะ เข้าไม่นานนะ สติปัญญาทำงานขึ้นมา มันถอนออกมา เห็นเลย สมาธิก็เป็นภพอีกอันหนึ่ง ไปเข้าฌานอยู่ เป็นภพอีกอันหนึ่ง ก็ทุกข์อีกนะ อยู่ได้ชั่วคราวก็ถอนออกมาอีกแล้ว

เนี่ยฝึกจนกระทั่ง ครูบาอาจารย์ท่านใช้คำบอกว่า สามแดนโลกธาตุเนี่ย หาที่จะหยั่งเท้าลงไปด้วยความสุขไม่ได้เลย แล้วทำอย่างไร ทำอย่างไรดี จึงจะพ้นจากความทุกข์ ไม่มีทางทำเลย ขอเลิกไม่ดูได้มั้ย เลิกก็ไม่ได้อีก สติปัญญามันอัตโนมัตินะ หมุนจี๋อยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืนนะ เห็นจิตหมุนติ้วๆๆ จับอารมณ์โน้น จับอารมณ์นี้ ตลอดเวลาเลยนะ เดี๋ยวเหวี่ยงไปที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นะ หมุนจี๋ๆๆอยู่ ข้างในก็หมุนอยู่ตลอด มีแต่ทุกข์ล้วนๆเกิดขึ้นเลย นี่เห็นอย่างนี้จนถึงจุดหนึ่งที่จิตมันพอนะ จิตมันจนมุมแล้ว มันไม่รู้จะหาทางออกยังไงอีกต่อไปแล้ว เพราะว่า ไม่ว่าทำอะไรก็ทุกข์หมดเลย ไม่มีทางหนีจากความทุกข์ได้เลย

พอจิตยอมจำนนกับความทุกข์ จิตยอมรับความจริง เรียกว่าคล้อยตามความจริงแล้วว่า กายนี้ใจนี้มีแต่ทุกข์ล้วนๆ นี่เรียกว่าจิตคล้อยตามอริยสัจจ์แล้วล่ะ คล้อยตามความจริงนะ จิตก็หมดความดิ้นรนเลย เพราะจิตมันหมดความดิ้นรนนะ มันยอมรับความจริงแล้ว มีแต่ทุกข์ล้วนๆ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรตั้งอยู่ ไม่มีอะไรดับไป มีแต่ทุกข์ล้วนๆ จิตยอมรับความจริงแล้วจิตจะสลัดตัวเองออกจากกองทุกข์ ตรงนี้มันสลัดของมันเอง มันจะพ้นออกไปเอง

เป็นเรื่องที่แปลกเป็นเรื่องที่อัศจรรย์นะ เราดิ้นรนหาทางพ้นทุกข์แทบตายก็ไม่พ้นหรอก แต่ว่าพอจิตมันเอียนทุกข์เต็มที่นะ มันรู้เต็มที่แล้ว จนกระทั่งมันรู้ว่าไม่มีทางหนีแล้ว มันยอมจำนนกับความทุกข์แล้ว หมดดสติหมดปัญญาที่จะแก้ไขให้พ้นจากความทุกข์แล้ว แบบหลังชนกำแพง ถูกผู้ร้าย ๕ ตัว ถือมีดมาไล่จิ้มเอาๆ ๕ ตัวคือมารทั้ง ๕ ตัว ไล่จิ้มเอาๆ หลังชนกำแพง รอบนี้ตายแน่ อย่างนี้จิตถึงจะยอมปล่อยวาง โอ้… กายนี้ใจนี้มีแต่ทุกข์ล้วนๆ บีบคั้นอยู่ตลอดเวลา เอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรนะ หนีมันก็ไม่ได้ เห็นมั้ยเอาไว้ก็ไม่ดีใช่มั้ย หนีไปก็ไม่ได้ เนี่ยจิตยอมรับตรงนี้ จิตเป็นกลางเลย ยอมรับความจริง จิตจะเป็นกลางแล้วยอมรับความเป็นจริง กายนี้ใจนี้ทุกข์นะ ยอมรับมัน ความจริง รู้เลย หนีก็ไม่ได้นะ สู้ก็ไม่ได้ ทำอย่างไรก็ไม่ได้ ทำอย่างไรก็ไม่พ้น ตรงนี้แหละที่จิตจะสลัดคืนกายคืนใจให้โลกไป เป็นภาวะที่พวกเรานึกไม่ถึงน่ะ คิดด้วยคำพูดไม่ได้ นึกเอาไม่ได้ ต้องฝึกเอา เราจะรู้เลยความพ้นทุกข์มีจริงๆ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
Track: ๑
File: 520704A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๓ ถึง นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๓๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ภาวนาจนสติปัญญาอัตโนมัติ จะเห็นแต่ทุกข์

mp 3 (for download) : ภาวนาจนสติปัญญาอัตโนมัติ จะเห็นแต่ทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : หัดเบื้องต้นนะ มีสติก็มีความสุข มีสมาธิก็มีความสุข มีปัญญาก็มีความสุข จนสติมันทำงานบ่อย อัตโนมัติขึ้นมา แต่เดิมเห็นความสุขโผล่ขึ้นมาแล้วหายไป โผล่แล้วหายไป ต่อไปไม่ใช่อย่างนั้น ภาวนาไปถึงจุดหนึ่งนะ พอสติปัญญามันอัตโนมัติเนี่ย มันจะเห็นเลย โผล่มาทีไร ทุกข์ทุกทีเลย กระทั่งความสุขก็เป็นความทุกข์

ความสุขก็เป็นความทุกข์นะ เป็นสิ่งที่เสียดแทงใจเหมือนกัน ความสุขก็ทำให้จิตใจเสียสมดุลย์ ความทุกข์ก็ทำให้ใจเสียสมดุลย์ ฝึกไปๆเห็นมีแต่ทุกข์ กายนี้ทุกข์ ใจนี้ทุกข์ นะ จะทำอะไรๆก็ทุกข์นะ ตรงไหนก็ทุกข์หมดเลย ทุกๆหน ทุกๆแห่ง เต็มไปด้วยความทุกข์ทั้งหมดเลย ทุกข์จนเบื่อหน่าย ขอไม่ดู ขอไม่ดูดีกว่า กลับไปเป็นคนบ้าๆแบบเดิมดีกว่า สบายดี จิตก็ไม่ยอม อย่านึกนะว่าจะสุข ไม่ใช่เวลาที่จะมีความสุข ตอนนี้น่ะ เป็นเวลาที่จะต้องเรียนรู้ความจริง ของกายของใจ

เราพัฒนามีสติ มีใจที่ตั้งมั่นขึ้นมานะ จะเห็นเลยว่ามันมีแต่ทุกข์ ทุกข์ทั้งวัน ทุกข์ทั้งคืน หลับก็ทุกข์ ตื่นก็ทุกข์ สมัยภาวนาไม่เป็นนะ ไปนอนหลับก็ว่ามีความสุข ตอนนี้ภาวนาเป็น จำนวนมากแล้ว รู้สึกมั้ยว่าหลับก็ไม่มีความสุขเหมือนแต่ก่อนแล้ว แล้วสุขอยู่ที่ไหน สุขหายไปแล้ว

ในความเป็นจริง ความสุขเป็นภาพลวงตา ในความเป็นจริง โลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ คนหลงหรอกมันมองไม่เห็นความทุกข์ กิเลสตัวหนึ่งนะมันหลอกลวง กิเลสมันหลอกลวง ตัณหาพาให้เราไปเห็นว่า อย่างโน้นสิแล้วจะสุข อย่างนี้สิแล้วจะสุข มันหลอกให้เราอยากไปเรื่อยๆ หลอกให้เราดิ้นไปเรื่อยๆ พอดิ้นๆไปนะ ตัณหามันหลอก มีแฟนสิแล้วจะสุข มีแล้วไม่สุขน่ะ มันสอนต่อ ต้องมีเมียถึงจะสุข มีเมียแล้วไม่สุขน่ะ ต้องมีใหม่แล้วสุข มันสอนเราไปเรื่อยๆนะ ผลักดันเราไปเรื่อยๆเลย โอ้..มันขับ มันผลักดันนะ เป็นแรงผลัก บีบคั้นอยู่ตลอดวันตลอดคืนเลย

กิเลสตัณหานะ ศัตรูร้ายของความสงบสุขในชีวิต ทีนี้จิตใจของเรายังไม่มีสติปัญญาพอจะทำลายรากแก้วของมัน กิเลสตัณหาเกิดทั้งวันเลย แต่ก่อนมันเกิดขึ้นมานะ เราสนองกิเลสไปเรื่อย เราไม่รู้หรอกว่า กิเลสตัณหาทำความทุกข์ให้ ตอนนี้เรามีสติมีปัญญาขึ้นมา เราแค่เห็นเลย แค่ใจอยากขึ้นมาก็ทุกข์แล้ว ใจมีความอยากขึ้นมาก็ทุกข์แล้ว รู้สึกมั้ย ใจถูกบีบคั้นตลอดเวลาเลย ทั้งวันทั้งคืนมีแต่บีบคั้นนะ ไม่รู้จะสุขตรงไหน

ไปนอนหลับมันยังไม่หลับดีเลย ร่างกายหลับนะ กรนคร่อกๆเลย จิตดันตื่นขึ้นมา มองเห็นกายนอน น่าอเน็จอนาถ เห็นร่างกายเต็มไปด้วยความทุกข์ ตัวจิตเอง พอมีสติถี่ๆขึ้นมานะ เห็นทุกอย่างหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันไม่ใช่สุขบ้างทุกข์บ้างนะ มันจะกลายเป็นทุกข์ล้วนๆเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นมาแล้วล้วนแต่บีบคั้นทั้งนั้นเลย เป็นความบีบคั้นทั้งสิ้น เป็นทุกข์ทั้งสิ้นเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
Track: ๑
File: 520704A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ ถึง นาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๒๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความจริงของความทุกข์

mp 3 (for download) : ความจริงของความทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม : นมัสการเจ้าค่ะหลวงพ่อ (หลวงพ่อปราโมทย์ : อยู่ไหน) อยู่นี่ค่ะ ไม่ได้ส่งการบ้านมาประมาณ ๙ เดือนแล้วค่ะ ช่วงที่ผ่านมา ใหญ่ๆก็มีเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจอยู่มากน่ะค่ะ แล้วทีนี้ เผลอไปทีไรใจก็จะเข้าไปอยู่ในโลกของการปรุงแต่งเรื่องที่ทำให้เราทุกข์ ซึ่ง..

หลวงพ่อปราโมทย์ : มันห้ามไม่ได้นะ (โยม : ค่ะ) เราไปห้ามมัน มันก็ไม่ฟังหรอก แต่มันไม่ได้ทุกข์ตลอดไปหรอก หนูอย่าไปกังวลเลย ไม่มีหรอกความทุกข์ถาวรนะ ความทุกข์มันก็อยู่ชั่วคราว ถึงวันหนึ่งมันก็ผ่านไป ใจเย็นๆ เดี๋ยวมันก็ไป

โยม : ค่ะ แล้วก็พอดีมีอยู่วันหนึ่ง หนูสังเกตว่าจริงๆแล้วมันเหมือนกับว่าใจมันมีความอยากที่จะเข้าไปยึดการปรุงแต่งอย่างนี้อยู่ (หลวงพ่อปราโมทย์ : ใช่) แล้วหนูไม่เข้าใจอยู่อย่างหนึ่งว่าทำไม ทั้งๆที่มันเห็นว่า ยึดเมื่อไหร่ก็ทุกข์แล้วทำไมมันยังถึงเข้าไปยึดอยู่ล่ะคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : อ้าว.. มันยังไม่รู้จริงนะ มันยังคิดว่าตัวเรามีอยู่จริงๆนะ แล้วก็มันคิดว่าถ้าเรายึดเราก็จะทุกข์นะ เพราะฉะนั้นเราอยากจะไม่ยึด อะไรอย่างนี้ ยังภาวนาไม่พอหรอก ถ้าเราภาวนาพอนะ ใจไม่ยึดถือในสิ่งแรกเลยที่จะไม่ยึดนะ ไม่ยึดจิตนะ พอไม่ยึดจิตอันเดียวก็ไม่ยึดกาย แล้วก็ไม่ยึดอะไรในโลกอีก ถ้ายังยึดอยู่ที่จิตจะยังมี(การหมายว่าเป็น-ผู้ถอด)ตัวเราอยู่นะ ยึดอยู่ อยากให้มันมีความสุข รู้สึกมั้ยว่าหนูยังอยากได้ความสุข รู้สึกมั้ย (โยม : ค่ะ) เพราะฉะนั้นยังยึดอยู่นะ ถึงอยากได้ความสุข เพราะมันมีตัวเรา เราอยากมีความสุข ใจเรายังยึดอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่ยึดหรอก ทั้งๆที่ทุกข์นั่นแหละ ก็ยังอยากให้หายทุกข์ เพราะเราไม่รู้ความจริงของชีวิต ว่าชีวิตนี้คือตัวทุกข์นะ เพราะเราจะไม่รู้ความจริงของชีวิต เราอยากให้มันหาย เราไปอยากในสิ่งซึ่งไม่มีวันมี คือเราอยากได้ความสุขในโลก มันไม่มีหรอก มันมีสำหรับคนหลง คนซึ่งมีสติปัญญาแก่รอบจริงๆ จะรู้ว่าโลกนี้ทุกข์ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่แสวงหาความสุขในโลกนี้ เพราะไม่มี ส่วนใจหนูยังหาอยู่ รู้สึกมั้ย หนูท่องคาถาของหลวงพ่อไว้นะ “ไม่นานมันก็ผ่านไป” ท่องไว้ (โยม : ค่ะ) ใจเราสงบลงมาแล้วค่อยมาเจริญสติเจริญปัญญาใหม่ ตอนนี้ใจเราไม่มีสมาธิพอ เจริญปัญญาไม่ได้จริงหรอก เพราะมันทุกข์มาก

โยม : แล้วเวลาที่มันทุกข์ขึ้นมาค่ะหลวงพ่อ มันไม่ค่อยยอมดู แต่มันจะหนีทุกข์ (หลวงพ่อปราโมทย์ : นั่นล่ะ มันหนี) คือ มันก็รู้แล้วเหมือนกันน่ะค่ะว่า ถ้ามันวิ่งไปหาสิ่งอื่นภายนอกมาเพื่อจะดับทุกข์ มันจะไม่หายทุกข์จริงๆ แต่ว่า.. (หลวงพ่อปราโมทย์ : มันทนไม่ได้) ขา..

หลวงพ่อปราโมทย์ : มันทนดูต่อไปไม่ได้ มันก็หนีไป แล้วคนในโลกก็หนีอย่างนั้นแหละ เขาไม่กล้าหันมาเผชิญกับความทุกข์ พระพุทธเจ้านะอัศจรรย์ พระพุทธเจ้าสอนให้รู้ทุกข์ เป็นนักปราชญ์คนเดียวล่ะมั้งที่สอนให้รู้ทุกข์ นอกนั้นมีแต่พาหนีทุกข์ทั้งนั้นเลย

โยม : คือมันรู้อยู่เหมือนกันแหละค่ะ รู้ว่าทางดับทุกข์ก็ไม่ได้อยู่เกินกายใจนี้ออกไปน่ะค่ะ แต่มันดูเหมือนมันอ่อนกำลัง…

หลวงพ่อปราโมทย์ : มันทำไม่ได้หรอก มันทำไม่ได้นะ เพราะว่าสมาธิของเราไม่มีละ ตอนนี้ ใจเราเศร้าหมอง ใจเราฟุ้งซ่าน หนูสังเกตมั้ยเรื่องที่ทำให้เราทุกข์นะ เรายิ่งคิดถึงบ่อย เราอยากลืมแต่เรายิ่งคิด รู้สึกมั้ย เพราะในความเป็นจริงจิตเป็นอนัตตา เราสั่งจิตไม่ได้ว่าอย่าไปคิดเลย จิตจะคิด

โยม : แล้วก็หนูทำในรูปแบบสม่ำเสมอค่ะหลวงพ่อ แต่ก็คล้ายๆว่าจิตไม่มีกำลัง

หลวงพ่อปราโมทย์ : ไม่มีแรงนะ หนูท่องคาถาไปก่อน “ไม่นานมันก็ผ่านไป” ไปท่องคาถาบริกรรมไว้อย่างนี้แหละ (โยม : ค่ะ) พอมันมีแรงแล้วค่อยมาทำต่อ เพราะฉะนั้นเวลาที่ปฏิบัติเนี่ย เราต้องปฏิบัติตั้งแต่ก่อนจะทุกข์นะ ถ้าทุกข์หนักอยู่แล้วเนี่ยจะภาวนาไม่ไหว มันเหมือนเวลาที่เราหัดว่ายน้ำ เราต้องหัดว่ายน้ำก่อนที่จะตกน้ำ ต้องว่ายน้ำให้เป็นก่อน เดี๋ยวเรือล่มเราจะว่ายได้ เพราะถ้าเรือล่มแล้วมาหัดว่ายน้ำจะไม่ทัน ยกตัวอย่างตอนนี้ความทุกข์เข้าถึงตัวเราแล้ว เราจะมาฝึกกรรมฐานให้พ้นทุกข์ เราไม่มีแรงพอแล้ว แต่ว่าความทุกข์ก็ไม่ใช่ของถาวร ไม่นานเขาก็ผ่านไป ไม่มีหรอกคนที่ทุกข์ตลอดกาลน่ะไม่มีหรอก

โยม : ขอบพระคุณค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ :
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ สวนสันติธรรม
เมื่อ วันเสาร์ที่ ๑๐ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
File: 541210B
ระหว่างนาทีที่ ๒๓ วินาทีที่  ๓๖ ถึง นาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๐๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ข้ามทะเลทั้งสี่ แล้วจะถึงจิตหนึ่ง (๗) ภาวนาสุดท้าย จิตเป็นหนึ่ง ธรรมเป็นหนึ่ง

mp 3 (for download) : ข้ามทะเลทั้งสี่ แล้วจะถึงจิตหนึ่ง (๗) ภาวนาสุดท้าย จิตเป็นหนึ่ง ธรรมเป็นหนึ่ง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: ทีนี้พอได้โสดาบันแล้ว การภาวนาก็ยังทำอย่างเก่านั้นแหละ นะ การทำภาวนาอย่างเก่า รู้กายไปรู้ใจไป มีสติ รู้กายรู้ใจลงเป็นปัจจุบัน ทีละขณะ ทีละขณะ คำว่าปัจจุบันก็คือ ๑ ขณะจิตต่อหน้าเรานี่แหละ รู้ลงทีละขณะ ทีละขณะ นิดเดียว เล็กนิดเดียว ๑ ขณะ สำคัญนะ ในทางศาสนาพุทธ อะไรหนึ่ง หนึ่ง เนี่ย สำคัญทั้งนั้นเลย นะ เราภาวนาไปจนถึงจุดสุดท้ายนะ จิตเป็นหนึ่งนะ จิตเป็นหนึ่ง อารมณ์ก็เป็นหนึ่ง ธรรมก็เป็นหนึ่ง ครูบาอาจารย์บางองค์เรียกว่า เอกจิต เอกธรรม หรือจิตหนึ่ง ธรรมหนึ่ง บางองค์เรียก ฐีติจิต ฐีติธรรม แล้วแต่จะเรียก เป็นหนึ่งทั้งหมดเลย หนึ่งเดียวรวด

เพราะฉะนั้นภาวนาอยู่กับหนึ่งขณะจิตต่อหน้านี้ ไม่มีตัวมีตน คอยรู้ไปๆนะ ถึงจุดหนึ่ง จิตของเราก็จะเป็นหนึ่งอยู่อย่างนั้น หมายถึง ไม่มีอะไรเข้ามาปรุงแต่งให้เป็นสองได้อีกแล้ว จิตที่มันเป็นสองได้ เป็นสามได้ เพราะว่ามันถูกปรุงแต่ง

เหมือนอย่างน้ำที่บริสุทธิ์นี้มีอยู่หนึ่งเดียว ใช่มั้ย น้ำเขียว น้ำแดง น้ำซ่าๆ น้ำเน่า น้ำเหม็น น้ำหอมอะไรนี่ เพราะมันมีของอื่นไปปรุงแต่งเอา พอมันกลั่นตัวของมันจนบริสุทธิ์เต็มที่แล้ว ก็เป็นสภาวะอันเดียวล้วนๆเลย ก็เป็นความบริสุทธิ์ล้วนๆ ของจิตของใจ เวลามีจิตใจเข้าถึงความบริสุทธิ์แล้ว มาดูโลก ดูสรรพสัตว์ ดูตัวเอง ดูอะไรต่ออะไรทั้งหมดเนี่ย ก็จะเห็นเป็นหนึ่งเหมือนกัน คือว่างเปล่าจากความเป็นตัวตนเสมอกันหมดเลย

ภาวนานะ ถึงจุดสุดท้าย เข้าถึงจิตก็เป็นหนึ่ง ธรรมก็เป็นหนึ่ง อยู่กับความเป็นหนึ่งนั้นแหละยู่กับความไม่มี อยู่กับความไม่เป็นอะไร นี่ ฟังของหลวงพ่อคำเขียนท่านพูด ท่านอยู่กับความไม่มีไม่เป็นแล้วสะใจ ถ้าคนมาเล่าว่าเนี่ย จิตเป็นอย่างนี้ แล้วไปอยู่ตรงนี้นะ ฟังแล้วไม่สะใจ ฟังแล้วเอียนๆ นะ

ฝึกเอานะ ศาสนายังไม่ใช่สูญหายไป แต่เรียนให้ดี เรียนคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ดี อย่าเชื่ออาจารย์มากเกินไป สติปัฏฐานสำคัญนะ ต้องเรียน อริยสัจจ์ ๔ ต้องเรียน เรียนปริยัติไปก่อน ถ้าเราไม่รู้จักสติปัฏฐาน ไม่รู้จักอริยสัจจ์ ไม่รู้จักไตรลักษณ์ อะไรอย่างนี้นะ ไม่ไหว ภาวนาไม่ไหว พวกนี้เป็นความรู้พื้นฐาน เพราะฉะนั้นจะเรียนพวกนี้นะ หลวงพ่อเขียนไว้ให้อ่านแล้วนะ เยอะแยะเลย นะ ไปอ่านเอาเอง ช่วยตัวเอง หลวงพ่อช่วยไม่ไหวแล้ว นะ เรือหลวงพ่อลำเล็กนะ หลวงพ่อเป็นเรือบด ลำเล็กๆเอาตัวรอดเท่านั้นแหละ พายตุ๊บป่อง ตุ๊บป่อง ข้ามทะเลของหลวงพ่อเอาเอง พวกเราก็ต้องหาเรือของเราเองนะ สิ่งที่จะเป็นเรือให้กับพวกเราคือธรรมนั่นแหละ ทำอะไรบ้างล่ะ สติ สมาธิ ปัญญา นั่นแหละ  สติ สัมมาสมาธิ ปัญญา หรือ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาทิฎฐิ สิ่งเหล่านี้ต้องพัฒนาขึ้นมา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๐ หลังฉันเช้า


สวนสันติธรรม
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๙
File: 500408B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๘ ถึง นาทีที่ ๓๑ วินาทีที่ ๓๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 512345