Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

รักษาศีลแล้วจะมีความสุข

mp 3 (for download) : รักษาศีลแล้วจะมีความสุข

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ขั้นต้นเลยขั้นต้น ก่อนที่เราจะมาฝึกให้เห็นความจริงของกายของใจได้ ขั้นต้นสุดเลย เราควรจะมารักษาศีลห้าให้ได้ก่อน งั้นหลวงพ่อจะลงมือพูดถึงเรื่องการปฏิบัติแล้วนะ พวกเราตั้งใจฟังให้เป็นลำดับ ๆ ไป คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นขั้นเป็นตอน งดงามมากเลย เบื้องต้นพวกเรารักษาศีลห้า เอาศีลห้าเท่านั้นแหละ ไม่ต้องศีลแปด ศีลสิบอะไรยุ่งยากนะ ศีลห้าก็พอแล้ว สำหรับการบรรลุมรรคผลนะ รักษาศีลห้าไว้

การที่เรารักษาศีลห้าไว้เป็นประจำเนี่ย จิตใจเราจะมีความสุขความสงบเกิดขึ้น คนที่ทำผิดศีลเนี่ย เพราะว่ากิเลสมันครอบงำใจนะ อย่างคนจะไปทำร้ายคนอื่นนะ โกรธแค้น อาฆาต ทำร้ายเขา อะไรอย่างเนี่ย หรือไปขโมยของเขา อะไรอย่างเนี่ย จิตใจไม่มีความสุข ไม่มีความสงบ ระหว่างคนจะทำร้ายคนอื่นกับ คนที่มีความเมตตา พวกเรานึกอยากออกไหมว่าใครจะมีความสุข มีความสงบมากกว่ากัน คนที่คิดร้ายกับคนอื่นนะ กับคนที่มีเมตตาต่อคนอื่นนะ คนที่มีความเมตตานะ จิตใจมีความสุข มีความสงบนะ

การที่เรารักษาศีล เราไม่ทำร้ายคนอื่น ไม่อะไรเนี่ย ฝึกไปเรื่อย จิตใจเราจะมีความเมตตาเกิดขึ้น เราไม่ลักไม่ขโมยของใคร อยากลักอยากขโมยของคนอื่น จิตใจไม่มีความสุข ความสงบ มันวุ่นวาย ก่อนจะขโมยก็ต้องวางแผน ระหว่างขโมยก็กลัวเขาจะมารู้มาเห็นนะ ขโมยไปแล้วก็ต้องมาปกปิดอะไรอย่างเนี้ย ชีวิตไม่มีความสงบ ไม่มีความสุขนะ จะเป็นชู้กับเขา ชีวิตก็ไม่มีความสงบ ซื่อสัตย์อยู่ในคู่ของเรานะ สงบอยู่ ไม่วุ่นวาย คนโกหก หลอกลวง จิตใจไม่สงบ คนพูดความจริง จิตใจสงบง่ายกว่าเยอะเลย คนขี้เหล้าเมายา จิตใจไม่สงบหรอก ฟุ้งซ่าน เห็นไหม คนฝึกสติ รู้กายรู้ใจไปเรื่อย ไม่หลงกับสิ่งเสพติดต่าง ๆ จิตใจจะสงบง่ายกว่า

หากเรารักษาศีลห้าให้ดีนะ ใจเราจะเริ่มมีความสุข ความสงบเกิดขึ้นนะ แทนที่เราจะคิดนะ คนทั่ว ๆ ไปนะ เขาคิดว่าการรักษาศีล ทำให้เกิดความทุกข์ ต้องรักษาศีล ทำให้มีความทุกข์มาก ในความเป็นจริงแล้วกลับข้างกันเลย ถ้าเรารักษาศีลได้ เราจะมีความสุข เราไม่ต้องคิดทำร้ายใคร ก็มีความสุข ไม่ได้ขโมยใครเราก็มีความสุข ไม่ได้เป็นชู้กับใคร เราก็มีความสุข ไม่ต้องปลิ้นปล้อนตอหลดตอแหลนะ เราก็มีความสุข แล้วสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ อยุธยาพาร์ค เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๖

File: 560425.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๕ ถึง นาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๔๐

ตัดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ถอดคลิปส์โดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รักษาศีลด้วยการรู้ทันใจ เราจะไม่ผิดศีล

mp3 (for download) : รักษาศีลด้วยการรู้ทันใจ เราจะไม่ผิดศีล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ศีลต้องตั้งใจรักษาเอาเอง ถึงไปขอกับพระ พอขอเสร็จก็คุยแข่งกับพระ ไม่มีศีลหรอก ศีลด่างพร้อยไปหมดแล้ว การรักษาศีลที่ดีต้องรักษาที่ใจของเรา คนทำผิดศีลได้นะ เพราะกิเลสมันครอบงำใจ อย่างคนที่ไปฆ่าเค้า ไปตีเค้า ไปด่าเค้า เพราะความโกรธมันครอบงำใจของเรา คนที่ไปขโมยเค้าไปเป็นชู้กับเค้า ไปปลิ้นปล้อนหลอกลวงเค้า เพราะความโลภมันครอบงำใจของตัวเอง ถ้าเราคอยรู้ทันใจของเรานะ เนี่ยเป็นศาสตร์ของการปฏิบัติซึ่งเหมาะกับคนยุคของเรา คือการที่รู้ทันใจของตัวเองไว้

ถ้าเรารู้ทันใจของตัวเองไว้นะ อย่างใจมันโกรธขึ้นมาเรารู้ทัน ความโกรธจะหายไปโดยอัตโนมัติ นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากเลย ถ้าใจของเรามีความอยากเกิดขึ้นเรารู้ทัน ความอยากจะดับอัตโนมัติ เราไม่ต้องดับมันนะ หน้าที่ของเราง่ายนิดเดียวเลย ถ้าใจเราโกรธขึ้นมา เราก็รู้ว่าตอนนี้โกรธแล้ว รู้เฉยๆนะ ไปลองดูว่ามันจะหายไปไหม มันจะหายได้เองนะแปลกมากเลย หรือใจเราโลภขึ้นมา อยากโน่นอยากนี่ขึ้นมานะ ให้รู้ทันลงไปความอยากนั้นจะหายไป เรารักใครซักคนนึงนะ เรารู้ทันว่าใจกำลังรักอยู่นะ ความรักนั้นจะหายไป จะเป็นอุเบกขาไปหมด ให้เราคอยรู้ทันใจตัวเองบ่อยๆ ถ้าเรารู้ทันใจตัวเองบ่อยๆนะ คนที่ไม่เคยรักษาศีล จะมีศีลอัตโนมัติ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๕

File: 551016
ระหว่างนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๕๔ ถึงนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๒๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทาน ศีล สมาธิ วิปัสสนา นิพพาน

mp3 for download : ทาน ศีล สมาธิ วิปัสสนา นิพพาน

หลวงพ่อปราโมทย์ : ขออนุญาตท่านอาจารย์ครับ หลวงพ่อจะมาเยี่ยมครูบาอาจารย์เฉยๆนะ มาเยี่ยมหลวงพ่อ.. กับหลวงพ่อคำเขียน ๒ องค์ ไม่ได้มาเทศน์หรอก เทศน์ไม่ได้ ผิดธรรมเนียม ครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่กว่าอยู่ต้องนิมนต์ท่านเทศน์หรอก แต่นี่ท่านอนุญาตนะ ครูบาอาจารย์อนุญาตให้เราเทศน์ เราก็เทศน์ได้ แต่เทศน์แล้วต้องทำนะ จะให้หลวงพ่อเทศน์เปล่าๆ บาปนะ คือเราให้พระเหนื่อยฟรีๆแล้วขี้เกียจ

อย่าขี้เกียจนะ ความทุกข์มันบีบคั้นเราอยู่ทั้งวันทั้งคืน คนมีปัญญาถึงจะมองเห็น คนไม่มีปัญญาก็จะเห็นแต่มีความสุขนะ หลงระเริงไปเรื่อยๆ วนไปวันหนึ่งๆนะ เดี๋ยวก็เดือนเดี๋ยวก็ปี ไม่นานก็ตาย สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรติดเนื้อติดตัวไป น่าเสียดายที่สุดเลย

พวกเรามีบุญนะ พวกเราอุตส่าห์มาวัด มาหาครูบาอาจารย์ มาอะไรนี่ ได้รักษาศีล ได้ฟังธรรม ก็ต้องมาปฏิบัติ ธรรมะที่เราจะปฏิบัตินะ ก็มีทานมีศีลมีภาวนานะ ทำทานก็ไม่ใช่ว่าต้องเสียเงินเสียทองนะ ยกตัวอย่างเราโกรธคน คนเขาด่าเรา เราอภัยให้เขาอะไรอย่างนี้ ก็เป็นทานอย่างหนึ่ง คนเขาไม่มีความรู้ แล้วเราให้ความรู้เขา ก็เป็นทานอย่างหนึ่ง ทานก็มีหลายอย่าง ไม่ต้องเสียเงินเสียทองอะไร ให้ความรู้เขาให้ความเข้าใจนะ ได้บุญแรง

ต้องรักษาศีล ของเรามาอยู่วัด อุตส่าห์แต่งขาว เรามีสตินะ แต่งชุดขาวๆ ขาดสติเดี๋ยวก็เลอะแล้ว เพราะฉะนั้นท่านให้แต่งขาวๆไว้ก็ดี จะกระดุกกระดิก จะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวนะ รู้สึก คอยรู้สึกไว้เรื่อยๆนะ เวลาโมโหใครขึ้นมา รู้ทันที่ใจเรา

มาอยู่วัดมาหาความสุขความสงบ หาความดีให้ตัวเอง ฝึกจิตฝึกใจของเราทุกวันๆนะ ภาวนาไปพุทโธๆไปก็ยังดี หายใจไปรู้สึกตัวไป มีสติ คอยรู้ทันใจตัวเองไว้เสมอๆ ถ้าเรามีสติรู้ทันใจของเราได้บ่อยๆนะ กิเลสอะไรเกิดขึ้นในใจเราคอยรู้ทัน ถ้าเรารู้ทันกิเลสที่เกิดขึ้นในใจของเราได้นะ กิเลสจะครอบงำใจเราไม่ได้ ถ้ากิเลสมันครอบงำจิตใจของเราไม่ได้นะ เราจะไม่ผิดศีลหรอก คนมันทำผิดศีลนะเพราะมันถูกกิเลสหลอกเอาไป

ยกตัวอย่างมันไปฆ่าเขามันไปตีเขานะ เพราะโทสะมันครอบงำใจ คอยหลอกลวงเขาอะไรอย่างนี้ หรือไปเป็นชู้กับเขาอะไรอย่างนี้ ก็เพราะโลภะครอบงำใจ เพราะฉะนั้นมันมาจากกิเลสทั้งนั้นเลยนะ ทำให้เราทำผิดศีลผิดธรรมเพราะฉะนั้นเรารักษาศีลให้มั่นคงแข็งแรงนะ ทุกคนต้องมีศีล ถ้าเราไม่มีศีลนะ เราเสียความเป็นมนุษย์แล้ว เราจะไปอบาย

ทีนี้เรามีศีลเท่านั้นไม่พอนะ เราต้องมีฝึกใจของเราให้สงบบ้าง ใจของเราร่อนเร่หนีเที่ยวทั้งวันทั้งคืน ไม่เคยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย เรามาฝึกให้จิตใจอยู่กับตัวเอง การฝึกให้ใจอยู่กับตัวเองนี้แหละที่เรียกว่าฝึกให้มีความสงบมีความตั้งมั่นมีสมาธิขึ้นมา เราก็เอาสตินี้แหละมารู้ทันใจ เป็นวิธีที่ง่ายๆนะ ถ้าใจเราแอบไปคิดเรารู้ทัน ใจเราแอบไปคิดเรารู้ทัน รู้อย่างนี้บ่อยๆนะ พอใจเราไหลไปแว้บมันจะรู้สึกขึ้นมา ใจมันจะตื่น มันจะตั้งมั่น จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว ได้สมาธิเบื้องต้น สมาธิที่เรามีสติรู้ทีละแว้บๆ เขาเรียกว่าขณิกสมาธินะ สมาธิชั่วขณะเท่านั้นแหละ ได้สมาธิชั่วขณะก็ดีกว่าไม่มีเลย

คนไหนมีบุญมีวาสนานะ ภาวนาทุกวัน รู้ลมหายใจเข้าหายใจออกนะ พุทโธไป ภาวนาไป จิตใจไม่หนีไปที่อื่น จิตสงบอยู่กับลมหายใจ นั่นแหละจะได้สมาธิที่ละเอียดที่ปราณีตขึ้นไป ได้อุปจารสมาธิ ได้อัปนาสมาธิ จิตใจจะตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน ใจจะเป็นผู้รู้นะ ใจไม่ใช่ผู้หลงคิด ใจที่ไม่มีสมาธิจะเป็นใจผู้หลงคิด ใจที่มีสมาธิมีความตั้งมั่นอยู่กับเนื้อกับตัวจะเป็นจิตที่เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานนะ มันจะมีความสุขอยู่ในตัวเอง

เพราะฉะนั้นเราฝึกจิตฝึกใจของเรานะให้อยู่ในอารมณ์อันเดียว ฝึกไปเรื่อย จะอยู่กับพุทโธก็อยู่นะ จะอยู่ในลมหายใจก็อยู่ ถ้าทำได้ก็ดีจะได้ความสุขความสงบที่ปราณีต ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าเสียใจ ให้อาศัยสติคอยรู้ทันจิตเป็นขณะๆไปก็ได้สมาธิเหมือนกัน แต่เป็นสมาธิแค่ขณิกสมาธิชั่วขณะ ดีกว่าไม่มีเลย ก็เหมือนกับคนยากคนจนนะ มีเงินร้อยบาท สองร้อยบาท สิบบาท ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย ไม่มีเงินล้านเงินแสนอย่างคืนอื่นก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้มีฌานมากมายอย่างคนอื่นก็ไม่ต้องเสียใจ ได้ความสงบที่เป็นขณะๆอย่างนี้ก็พอที่จะไปมรรคผลนิพพานได้นะ

ทีนี้พอจิตใจเราอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ลืมเนื้อลืมตัว ไม่ใจลอยล่องลอยหนีไปเรื่อยแล้วเนี่ย ให้มาคอยเจริญปัญญาต่อ เห็นมั้ยมามีศีลมีสมาธิแล้วมามีปัญญา มีศีลเพราะมีสติรู้ทันกิเลสนะ กิเลสครอบงำจิตไม่ได้ จิตก็มีศีลขึ้นมา มีสติที่รู้ทันจิตที่ฟุ้งซ่านไป จิตก็สงบขึ้นมาได้สมาธิ ถัดจากนั้นพอจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วต้องเดินปัญญา ถ้าเราไม่ได้เจริญปัญญาเราจะไม่ได้คุณค่าของศาสนาพุทธหรอก เพราะการรักษาศีล การทำสมาธิเนี่ย ถึงไม่มีพระพุทธเจ้านะ นักปราชญ์ทั้งหลายเขาก็สอนกันได้

ต้องมาเจริญปัญญาให้ได้ มาทำวิปัสสนานะ ถึงจะเป็นชาวพุทธแท้ๆได้รับประโยชน์จากพระศาสนาอย่างแท้จริง การเจริญปัญญาคือการเรียนรู้ตัวเอง สิ่งที่เรียกว่าตัวเราเองก็คือกายกับใจนะ เพราะฉะนั้นเราคอยมีสติรู้อยู่ที่กายมีสติรู้อยู่ที่ใจ รู้ไปอย่างสบายๆ รู้ด้วยจิตใจที่ตั้งมั่นจิตใจที่เป็นกลาง จิตใจที่มีสมาธิหนุนหลัง เพราะฉะนั้นจิตใจของเราต้องตั้งมั่นนะ สงบ ตั้งมั่น แล้วมาคอยรู้กายมาคอยรู้ใจ

เห็นกายทำงานเห็นใจทำงานไปเรื่อย ควรจะเห็นเหมือนเห็นคนอื่นนะ ร่างกายยืนเดินนั่งนอน เหมือนจะรู้สึกเหมือนกับว่าคนอื่นยืนเดินนั่งนอน ไม่ใช่ตัวเราแล้ว เห็นร่างกายหายใจออกร่างกายหายใจเข้า เนี่ยร่างกายมันหายใจไม่ใช่เราหายใจ จะไม่มีความรู้สึกว่าเป็นตัวเราจะเห็นเป็นเพียงวัตถุเท่านั้น เป็นก้อนธาตุนะ มีธาตุไหลเข้ามีธาตุไหลออก หายใจเข้าหายใจออก ก็แค่วัตถุเท่านั้นเอง ไม่ใช่คนไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่เราไม่ใช่เขา

มาดูจิตดูใจนะ เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย เฝ้ารู้ไปเรื่อย พวกเราเป็น.. ส่วนใหญ่คนรุ่นนี้เป็นพวกคิดมาก จิตคิดทั้งวันนะ คิดไปแล้วเดียวก็สุข คิดไปแล้วเดี๋ยวก็ทุกข์ มีมั้ยคิดแล้วทุกข์ บางทีเขาด่าเรามาสิบปีแล้วนะมาคิดใหม่ทุกข์ใหม่ เออ.. เป็นมั้ย โกรธใหม่ก็ได้ เรื่องตั้งนานแล้วนะ คิดซ้ำก็เป็นอีกนะ เนี่ยใจของเราชอบหลง หลงๆไปนะ ให้เราคอยมีสติรู้ทันนะ รู้ทันใจ ใจหลงไปคิดเรื่องนี้-รู้ทัน คิดแล้วเกิดความสุขก็รู้ทันว่ามีความสุขแล้ว ความทุกข์เกิดขึ้นในใจเราก็รู้ทันนะ กุศล-อกุศล โลภโกรธหลงอะไรเกิดขึ้นในใจ คอยรู้ทัน รู้เฉยๆ

ในขั้นของการเดินปัญญา ไม่เหมือนในขั้นของการทำสมาธิ ขั้นการทำสมาธินี่นะ จิตไม่ดีทำให้ดี จิตไม่สุขทำให้สุข จิตไม่สงบทำให้สงบ แต่ในขั้นปัญญาเนี่ย จิตไม่ดีรู้ว่าไม่ดี จิตไม่สุขรู้ว่าไม่สุข จิตไม่สงบรู้ว่าไม่สงบ รู้ลูกเดียวเลย รู้อย่างที่มันเป็นนะ เราจะเห็นเลยความสุขที่เกิดขึ้นในใจเราก็อยู่ชั่วคราว ความทุกข์ก็ชั่วคราวนะ โลภโกรธหลงอะไรๆก็ชั่วคราว นี่หัดดูลงไปนะ ทุกอย่างในชีวิตนี้เป็นของชั่วคราว นี่ล่ะคือการการเดินปัญญานะ ดูลงไป ค้นคว้าพิจารณาลงไปนะ

ถ้าจิตมันไม่ยอมดูของมันเองก็ต้องช่วยมันคิดช่วยมันพิจารณาก่อนในเบื้องต้น ยกตัวอย่างพิจารณาร่างกายนะ เป็นปฏิกูล เป็นอสุภะ เป็นธาตุเป็นขันธ์ นี่คือช่วยมันคิดก่อน แต่ถ้าจิตมันมีปัญญามีกำลังพอนะ มันจะเห็นเอง ร่างกายที่หายใจอยู่ไม่ใช่เรา จิตใจที่สุขจิตใจที่ทุกข์นั้น ความสุขความทุกข์ นั้นก็ไม่ใช่เรา จิตเป็นธรรมชาติรู้ จิตรู้ว่ามีความสุข จิตรู้ว่ามีความทุกข์ ตัวที่รู้นี้ก็ไม่ใช่เรา ตัวเราไม่มี ฝึกไปเรื่อยๆนะแล้วเราจะเห็นความจริงว่าตัวเราไม่มีหรอก

ภาวนาจนล้างความเห็นผิดว่ามีตัวเรา มีตัวตน ถ้าตัวเราไม่มีแล้วใครจะทุกข์ล่ะ ก็ขันธ์ ๕ มันทุกข์นะ ไม่ใช่เราทุกข์อีกต่อไปแล้ว เนี่ยเฝ้ารู้เฝ้าดูต่อไปนะ สติปัญญาแก่รอบขึ้นไปเรื่อย มันจะเห็นเลยว่าขันธ์ ๕ มีแต่ทุกข์ล้วนๆ อย่างพวกเราตอนนี้ปัญญาเราไม่พอ ศีลสมาธิปัญญาต้องฝึกให้แก่รอบนะ วันหนึ่งถึงจะพอ ถ้าพอจริงจะเห็นเลย กายนี้ทุกข์ล้วนๆ จิตนี้ทุกข์ล้วนๆ

พวกเราไม่เห็นหรอก พวกเราเห็นว่าร่างกายนี้เป็นสุขบ้างเป็นทุกข์บ้าง ใช่ม้้ย เห็นมั้ยว่าจิตนี้เป็นสุขบ้างเป็นทุกข์บ้าง เห็นอย่างนี้ใช่มั้ย นี่เราไม่รู้จริงหรอก พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ ท่านไม่ได้บอกว่าทุกข์บ้างสุขบ้างนะ เพราะฉะนั้นเรายังไม่ได้เห็นอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนหรอก เพราะฉะนั้นเรายังไม่ได้พ้นทุกข์หรอกนะ เพราะฉะนั้นต้องรู้ลงไปในกายรู้ลงไปในใจบ่อยๆ อย่าใจลอยนะ รู้สึกอยู่ในกายรู้สึกอยู่ในใจบ่อยๆนะ วันหนึ่งเราจะเห็นได้ว่ากายนี้ทุกข์ล้วนๆเลย

ยกตัวอย่างนั่งอยู่ก็ทุกข์นะ เดินอยู่ก็ทุกข์ นอนอยู่ก็ทุกข์ หิวก็ทุกข์ อิ่มก็ทุกข์ ง่วงก็ทุกข์นะ เจ็บป่วยขึ้นมาก็ทุกข์ นั่งอยู่เฉยๆก็คัน มีมั้ยนั่งแล้วไม่คัน คันก็ทุกข์นะ ทีนี้พวกเราพอทุกข์นะ เราก็เปลี่ยนอิริยาบถปับเลย เรายังไม่ทันจะรู้สึกเลยว่าทุกข์ ยกตัวอย่างคันขึ้นมารีบเกาเลย ยังไม่ทันรู้ตัวเลยว่าคันนะ เกาไปก่อนแล้ว เราก็ไม่เห็นทุกข์ มันเมื่อยขึ้นมาเราก็ขยับซ้ายขยับขวานะ เรายังไม่ทันรู้สึกเลยว่าเมื่อยนะ ยังไม่ทันรู้เลยว่ากายนี้เป็นทุกข์ ขยับหนีความทุกข์ไปเสียก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นก่อนที่จะขยับตัวนะ รู้สึกตัวเสียก่อน ก็จะเห็นว่ามีแต่ทุกข์ล้วนๆเลยนะ

จิตใจนี้ก็เหมือนกันนะ คอยรู้ทันบ่อยๆจะเห็นว่ามีแต่ทุกข์ล้วนๆเลย ถ้าเห็นว่ามีแต่ทุกข์ล้วนๆเมื่อไหร่ก็ข้ามโลกได้แล้วนะ ถ้ายังเห็นว่าทุกข์บ้างสุขบ้างก็ไปไหนไม่รอดหรอก

ก็ฝึกเอานะ ขั้นแรกเลย รักษาศีล อุตส่าห์แต่งขาวๆน่ะ อย่าปากร้ายนะ ปากร้ายนี้มันมาจากใจร้ายก่อน ใช่ม้้ย แล้วมันลดลงมา เพราะฉะนั้นเรามีศีลไว้ก่อนนะ ต่อไปเราก็มาฝึกใจให้สงบ กายสงบวาจาสงบแล้วด้วยศีล ฝึกให้ใจสงบด้วยสมาธิ แล้วก็ขั้นสุดท้ายฝึกให้จิตเกิดปัญญาด้วยวิปัสสนา กิเลสมี ๓ ขั้นนะ กิเลสอย่างหยาบเนี่ยคือ โลภ โกรธ หลง ของหยาบที่สุด สู้ด้วยศีลนะ กิเลสอย่างกลางชื่อนิวรณ์ สู้ด้วยสมาธิ ใจอยู่กับเนื้อกับตัว ใจไม่ฟุ้งไป จิตมีสมาธิ นิวรณ์ครอบงำไม่ได้ กิเลสที่ละเอียดที่สุดนะ คือความเห็นผิด คืออวิชา ความเห็นผิด คือมิจฉาทิฎฐิ เราสู้ด้วยความเห็นถูก รู้ลงในกายรู้ลงในใจดูว่าจริงๆมันเป็นอย่างไร จริงๆมีแต่ทุกข์นะ ดูไป เอ้า..เท่านี้เนาะ เทศน์แค่นี้ก็ถึงนิพพานแล้วล่ะ เหลือแต่ทำเอา ก่อนจะถึงนิพพาน ศีล ๕ ก่อนเน่อ เดี๋ยวหลวงพ่อต้องไปแล้วล่ะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่เกาะสีชัง จ.ชลบุรี
เมื่อวันจันทร์ที่ ๘ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๓

File: 530308
Whole track

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จะมีปัญญา ต้องหัดเจริญปัญญา

Video link : youtu.be/nRfMG5t5-OE

ศาลากาญจนาภิเษกรำลึก (ศาลาลุงชิน)

หลวงพ่อปราโมทย์ : มันอยู่ที่ว่า.. นักปฏิบัติก็ยังมีจำนวนพอสมควรนะ แต่ว่ามันอยู่ตรงที่ว่าภาวนาผิด ไปเพ่ง ไปจ้อง เพ่งจ้องนิ่งเอาไว้เฉยๆ ไปเพ่งไปจ้องให้จิตมันนิ่ง หรือบังคับร่างกายบังคับจิตใจ ไม่ทำให้เกิดปัญญา ต้องปล่อยให้กายมันทำงานแล้วมีสติตามรู้ไป คอยเห็นว่าร่างกายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ปล่อยให้จิตมันทำงาน มีสติตามรู้ จิตตั้งมั่นเป็นคนดูอยู่ เห็นสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามา มาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป ถ้าดูได้อย่างนี้นะ ก็ใช้เวลาไม่นานหรอก พอเราภาวนาไปถึงจุดหนึ่ง จิตมันจะปิ๊ง ปิ๊งขึ้นมานะ รู้ ไม่มีตัวเรา ตัวเราหายไปแล้ว

นักปฏิบัติสมัยก่อนนะ ติดสมถะกันแทบทั้งนั้นเลย ทำแต่สมาธิ สงบ นิ่ง เฉยเลย หวังว่าทำสมาธิมากๆแล้วจะหลุดพ้น จะเกิดปัญญา ไม่เกิดหรอก นี่หลวงพ่อเห็นเว็บของติกน่ะ พัลวันน่ะ ตึก ไปเอาที่หลวงพ่อเคยพูดบ่อยๆ ที่ไตรภพสัมภาษณ์หลวงตา เอามาลงนะ ไปดูสิ มีพยานแล้วนะ เมื่อแต่ก่อนเราพูด บางคนก็บอกว่าเราแต่งเองหรือเปล่าวะ หลวงตาจะเอามาพูดเหรอ มีหลักฐานแล้วนะ นั่นถอดมาคำต่อคำเลย ถามว่า ถ้ามีศีลมีสมาธิแล้ว มันจะมีปัญญามั้ย ไม่มี คนละเรื่องกัน แล้วทำยังไงจะเกิดปัญญา ก็ต้องเดินปัญญาสิ ต้องพิจารณา พิจารณาเนี่ยไม่ใช่.. แต่เบื้องต้นมันก็คิดเอานะ สำหรับคนที่ติดความสงบก็ต้องคิดเอา เบื้องปลายแล้วการพิจารณาไม่ได้แปลว่าคิดแล้ว หลวงพ่อพุธ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย – ผู้ถอด) ท่านอธิบายดี พิจารณาคือตัววิจารณ์ (พิจารณา เป็นศัพท์ที่มีรากมาจากภาษาสันสกฤต วิจาร เป็นศัพท์ที่มีรากมาจากภาษาบาลี มีความหมายอย่างเดียวกัน – ผู้ถอด) ใจมันเคล้าเคลียเรียนรู้อยุ่อย่างนั้น เรียกว่า พิจารณา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลท่าพระ
อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษกรำลึก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖
นาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๒๙ – นาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๓๕
youtu.be/vkRxfKOP9P0

หลวงตามหาบัวแสดงธรรมในรายการทไวไลท์โชว์

ไตรภพ : อยู่บนศีล สมาธิ แล้วปัญญามันจะมาเอง?

หลวงตาฯ : หา.. อะไรจะมาเอง?

ไตรภพ : ปัญญาจะมามั้ยขอรับพระคุณเจ้า ถ้ามีศีล มีสมาธิตั้งมั่นแน่วแน่ ปัญญาจะมามั้ยขอรับ

หลวงตาฯ : ไม่มา

ไตรภพ : แล้วปัญญาจะมาได้อย่างไรขอรับ?

หลวงตาฯ : ก็พิจารณาทางด้านปัญญา

ไตรภพ : สาธุ..

หลวงตาฯ : คือศีลต้องเป็นศีล แต่เป็นเครื่องหนุนให้สมาธิเกิดขึ้นได้อย่างง่าย เช่น ผู้ปฏิบัติตัวด้วยศีลอันบริสุทธิ์แล้วนะ จิตจะไม่เป็นกังวลระแคะระคายในตัวของตนว่าเป็นผู้มีศีลด่างพร้อยอะไรๆ เพราะศีลสมบูรณ์แล้วก็มีความอบอุ่น จิตก็ไม่เป็นกังวล เมื่อจิตไม่เป็นกังวลแล้วทำสมาธิก็ลงได้เร็ว ลงได้เร็วแล้วเป็นสมาธิแน่วแน่เข้าไป สมาธิเป็นหลายขั้นหลายภูมิในภาคปฏิบัติ สำหรับทางด้านปริยัติที่เราจดจำมานั้น กับภาคปฏิบัติผิดกันมาก ต้องได้ผ่านทางภาคปริยัติและภาคปฏิบัติแล้วจะพูดได้อย่างฉาดฉาน คนเรานะ…

รายการทไวไลท์โชว์
ออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๑
เวลา ๑๖:๐๐ น. – ๑๗:๐๐ น.
นาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๓ ถึงนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๕๕
youtu.be/TXZnYbYbpOg

ศาลากาญจนาภิเษกรำลึก (ศาลาลุงชิน)

หลวงพ่อปราโมทย์ : บางคนทำสมาธิ ส่วนใหญ่ไปติดสงบนะ เพ่งลูกแก้ว เพ่งพระพุทธรูป เพ่งไฟ เพ่งอยู่อย่างนั้น จิตสงบอยู่ในอารมณ์อันเดียว นั่นเป็นสมถะ แค่สมถะเท่านั้นเอง ยังไม่ถึงจิตตั้งมั่นด้วยซ้ำไป พอจิตตั้งมั่นแล้วก็ยังต้องมาแยกขันธ์อีก แยกขันธ์แล้วต้องมาดูขันธ์แสดงไตรลักษณ์ ที่ทำกรรมฐานหลายสิบปีแล้วยังไม่ได้ผล ก็เพราะเรื่องนี้แหละ ไปติดความนิ่ง สงบเฉยๆ ว่างๆ เห็นโน่นเห็นนี่นะ นั่งเห็นโน่นเห็นนี่ไป

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลท่าพระ
อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษกรำลึก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖
นาทีที่ ๓๗ วินาทีที่ ๓๐ – นาทีที่ ๓๘ วินาทีที่ ๕
youtu.be/vkRxfKOP9P0

ดูเพิ่มเติม : การแยกขันธ์เป็นขั้นเจริญปัญญา http://wp.me/pNG1y-6gM #หลวงพ่อปราโมทย์ (Re-airing) http://www.dhammada.net/2013/12/06/24104/

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ก่อนจะเจริญวิปัสสนา ต้องเตรียมความพร้อมของจิต

mp3 for download : ก่อนจะเจริญวิปัสสนา ต้องเตรียมความพร้อมของจิต

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :เพราะฉะนั้นบทเรียนที่พระพุทธเจ้าสอน เราต้องทำให้ครบ บทเรียนที่ ๑ ศีลสิกขา ตั้งใจงดเว้นการทำบาปอกุศล ๕ ประการ บทเรียนที่ ๒ เรียกว่า จิตตสิกขา ใช่มั้ย เรียนเรื่องจิต ทำกรรมฐานอย่างหนึ่งแล้วรู้ทันจิตไป พุทโธก็ได้ หายใจก็ได้ พองยุบก็ได้ ขยับมือก็ได้ อะไรเหมือนกันหมด แล้วรู้ทันจิต ถึงจะเรียกว่าจิตตสิกขา เรียนรู้เรื่องจิต สิ่งที่ได้จากจิตตสิกขาก็คือสมาธิที่ถูกต้อง สมาธิที่จิตตั้งมั่น เมื่อมีสมาธิที่จิตตั้งมั่นแล้วก็ถึงบทเรียนสุดท้ายคือปัญญาสิกขา เพราะฉะนั้นเราต้องไปเตรียมจิตให้พร้อมเสียก่อนนะ ถึงจะไปเดินปัญญา

อยู่ๆไปเดินปัญญาเรื่อยไปนะ มันจะไปเพ่ง ยกตัวอย่างบางคนไปดูท้องพองยุบนะ บอกว่าจะไปเจริญปัญญา ไม่ได้เตรียมจิตให้พร้อมก่อน ไปดูท้องพองยุบเนี่ย จิตจะเคลื่อนไปเพ่งอยู่ที่ท้องเลย กลายเป็นสมถะ แล้วก็เกิดนิมิตรเกิดอะไรขึ้นมานะ นึกว่าเกิดวิปัสสนาญาณ ไม่ใช่วิปัสสนาญาณเพราะไม่ได้เดินวิปัสสนา เป็นสมถะรวดๆเลย

เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมจิตของเราให้พร้อมนะ ให้จิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จิตที่ตั้งมั่นคือจิตที่มันไม่ไหลไป ไม่ไหลไปโดยที่ไม่ได้บังคับไว้ ถ้าบังคับไม่ให้ไหลไป จิตจะแน่นๆ จิตจะเป็นอกุศล แต่ถ้ามันรู้ เรารู้เท่าทัน ว่าจิตหลงไป จิตไหลไป มันจะตั้งมั่นขึ้นเอง จิตที่ตั้งมั่นจะมีสภาวะ(ลักษณะ-ผู้ถอด)ที่เบา ถ้าหนักๆเนี่ย ไม่ใช่แล้ว จะมีความเบา มีความนุ่มนวลอ่อนโยน ถ้าแข็งๆเนี่ย ไม่ใช่ จะมีความคล่องแคล่วว่องไว ถ้าซื่อบื้อ ไม่ใช่ จะรู้อารมณ์อย่างซื่อตรง หมายถึงอะไรเกิดขึ้นก็รู้ สักว่ารู้สักว่าเห็นไป เนี่ยเราต้องมีจิตชนิดนี้ขึ้นมาให้ได้ เราถึงจะไปเจริญปัญญา

เพราะฉะนั้นพวกเราต้องเตรียมความพร้อมของจิตซะ ไปฝึกกรรมฐานอันใดอันหนึ่งแล้วคอยรู้ทันจิตที่เคลื่อนไปบ่อยๆ ไม่ห้ามว่าห้ามเคลื่อน อย่าไปห้าม ให้เคลื่อนแล้วรู้ว่าเคลื่อน ถ้าห้ามเคลื่อนจะกลายเป็นการเพ่งให้จิตนิ่ง จิตจะแน่นๆ หนักๆแน่นๆ แข็งๆ ซึมๆทื่อๆไป ใช้ไม่ได้เลย เป็นจิตอกุศลไปเลยนะ เพราะฉะนั้นให้แค่ แค่ว่า ทำกรรมฐานอย่างหนึ่งแล้วรู้ทันจิต จิตหนีไปคิดก็รู้ จิตหนีไปที่อื่นก็รู้นะ จิตหนีไปอยู่ในอารมณ์กรรมฐาน ไปเพ่งนิ่งอยู่ในอารมณ์กรรมฐาน ก็รู้

ต่อไปเราจะฝึกจนเราชำนาญได้ทั้งสองอย่าง เวลาที่เราต้องการพักผ่อนนะ เราก็น้อมจิตของเราให้ไปอยู่ในอารมณ์กรรมฐานอย่างเดียว สบายอยู่ในอารมณ์อันเดียว อันนี้ได้สมถะ เวลาที่เราจะเจริญปัญญา เราก็มีความรู้สึกตัวขึ้นมา ให้มีจิตตั้งมั่นเป็นคนดูขึ้นมา ใจเบา นุ่มนวล อ่อนโยน คล่องแคล่ว ว่องไว ควรแก่การงาน และซื่อตรงในการรู้อารมณ์ เนี่ยมีจิตตัวนี้ขึ้นมา ไม่ไหลไป โดยที่ไม่ได้ประคองไว้ ไม่ไหลไปโดยที่ไม่ได้ประคองไว้ แล้วเราจะใช้จิตชนิดนี้แหละ ไปเจริญปัญญา คือการเรียนรู้ความจริงของรูปธรรมนามธรรม


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560208
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๒๗ ถึงนาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๓๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทำทาน รักษาศีล ก็เพื่อลดละความเห็นแก่ตัว

mp3 for download : ทำทาน รักษาศีล ก็เพื่อลดละความเห็นแก่ตัว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ :อดทน กล้า รักษาศีลนะ ยอมเสียชีวิตดีกว่าเสียศีลเนี่ย ความยึดถือความหวงแหนในรูปนามกายใจนี้ ต้องเบาบาง ถ้ายึดถือในอัตตาตัวตนแรงนะ ทำไม่ได้หรอก มันจะสละทุกอย่างนะ เพื่อผลประโยชน์ เพื่ออัตตาตัวตน

ถ้าใจเราเด็ดเดี่ยวในการพัฒนาตัวเอง ในการทำความดีทั้งหลายทั้งปวงเนี่ย จุดมุ่งหมายนั้นมุ่งหมายมาที่การลดละความยึดถือในตัวในตนนั่นแหละ ความดีขั้นสูงสุดคือขั้นเจริญปัญญา เห็นความจริงของตัวตนเลยว่า ไม่ใช่ของดีของวิเศษแล้ว ไม่ยึดถือเลย ขั้นรองลงมาจากนั้นก็เป็นขั้นทุเลาเอา ค่อยๆละค่อยๆละเอา ค่อยๆฝึก

ยกตัวอย่างบางคนไม่เคยถือศีล ๘ ลองถือศีล ๘ ดู ต้องต่อสู้มากมายเลยกว่าจะรักษาศีล ๘ ได้ ฆราวาสเนี่ยไม่ต้องรักษาศีล ๘ ทุกวันนะ ไม่จำเป็นขนาดนั้น ศีล ๕ เอาให้รอดก่อน ถ้าศีล ๕ รอดนะ โอกาสจะได้มรรคผลก็มีแล้วล่ะ แต่วันไหนมีความพร้อมก็ลองศีล ๘ ดูบ้าง เราจะพบว่า มันต้องต่อสู้มากเลย ต่อสู้กับการคิดถึงอาหารเย็น บางคนตอนเย็นปกติกินนิดเดียวอยู่แล้วนะ ไม่ค่อยกินอะไรโดยธรรมชาติของตนเอง แต่พอมาถือศีล ๘ เนี่ย เย็นๆจะคิดแต่เรื่องกินน่ะ ใจจะวกไปอยู่ในเรื่องนั้นเรื่อยๆ ต้องต่อสู้ ต้องฝึก

การทำทานนะ ก็เพื่อลดละความหวงแหนในตัวในตน อย่างอภัยได้นะ ใจต้องกว้าง ถ้าใจแคบก็อภัยคนอื่นไม่ได้ เป็นเรื่องที่ว่าจะต้องไม่เห็นแก่ตัว ค่อยๆฝึกไปทำทานการรักษาศีล ทำทานก็เพื่อไม่ให้เห็นแก่ตัว ลดความเห็นแก่ตัว สู้กับกิเลส

รักษาศีลก็เพื่อลดความเห็นแก่ตัว
ยกตัวอย่างยุงเข้ามา ถ้าเป็นหลวงพ่อมียุงเข้ากุฎินะ ถ้าเข้ามามากๆก็ใช้วิธี ตอนเย็นน่ะ เปิดหน้าต่างไว้ เราก็ไปอยู่ข้างนอกนะ ข้างใจปิดไฟไว้ เดี๋ยวยุงก็ต้องไปทำมาหากิน ยุงก็บินออก หรือถ้ามีไม่กี่ตัวนะ หลวงพ่อมีแก้วอยู่ใบหนึ่งนะ แก้วใสๆ ต้องเลือกด้วยนะ แก้วที่ยุงชอบต้องใสๆ ถ้าแก้วมีลวดลาย พอเข้าใกล้มันจะบินหนีแล้ว แก้วใส ครอบสบาย แล้วก็เอากระดาษเสียบ พาไปปล่อย เสียบหนึ่งตัว เปิดประตูไปปล่อย เข้ามาสามตัว อะไรอย่างนี้ก็มีนะ

ถ้าเราเห็นแก่ตัว ไม่ต้องทำอะไรมากมายนักน่ะ ตีทีเดียวก็ตายแล้ว นี่เห็นแก่ตัวแล้ว เอาแต่ประโยชน์ของตนเอง ทำลายคนอื่น กระทั่งรักษาศีลนะ ต้องไม่เห็นแก่ตัว


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันจันทร์ที่ ๓๑ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า
File: 551231A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๒๔ ถึงนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๔๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ชาวพุทธต้องพัฒนาคุณงามความดีของตนเองให้ยิ่งขึ้นไป

mp3 for download : ชาวพุทธต้องพัฒนาคุณงามความดีของตนเองให้ยิ่งขึ้นไป

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : วันที่ ๓๑ แล้ว ยังแก่ไปได้อีกปีหนึ่ง แต่อย่างน้อยก็มีบุญหล่อเลี้ยงแล้ว มีชีวิตรอดมาปีหนึ่ง ไม่มีบุญหล่อเลี้ยงอยู่ไม่ได้นะ เพราะขันธ์ ๕ ร่างกาย อะไรอย่างนี้ เป็นวิบาก เป็นผลของกรรมทั้งหมดเลย ตัวขันธ์ ๕ ยกเว้นพวกกิเลส เป็นของผลิตใหม่

เรามีบุญ เราได้ร่างกาย ได้จิตใจสมประกอบ มีตา มีหู มีใจ เป็นปกติ เรียกว่าเรามีต้นทุนที่ดีแล้ว กรรมเก่าส่งผลมาดี หน้าที่ก็คือ ต้องพัฒนา ทำกรรมใหม่ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เราจะมาหยุดอยู่กับที่ พอใจในสิ่งที่เรามีเราเป็นอยู่ตอนนี้ เราไม่พัฒนาคุณภาพจิตใจขึ้นไปนะ เรียกว่าเราประมาทไป

พระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญความดีที่อยู่กับที่ ท่านส่งเสริมบอกว่า ต้องดีขึ้นไปอีก เรามาพัฒนาคุณงามความดีของเรา ไม่มีทานก็ทำทาน ทานไม่ใช่ต้องเสียเงินนะ ทานมีตั้งเยอะแยะ ยกตัวอย่างคนที่เขาไม่มีความรู้ เราให้ความรู้เขา ก็เป็นทาน ให้คำแนะนำที่ดีอะไรอย่างนี้ ก็เป็นทานทั้งหมดเลย ให้อภัยก็เป็นทาน ใช่ว่าจะต้องเสียสตางค์ คนจน ถ้าทานผูกกับเงิน คนจนก็ไม่ได้ทำทาน ไม่ใช่

ถ้าคนไหนศีลด่างพร้อยในรอบปีที่ผ่านมา ก็พยายามพัฒนา ปีต่อไปนี้รักษาศีลให้เข้มงวดขึ้น ศีลจำเป็นมากนะ เคยมีนักปฏิบัติคนหนึ่ง ชาติก่อนๆนะ รักษาศีล ยอมตายรักษาศีล ชาตินี้เขาภาวนาง่าย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันจันทร์ที่ ๓๑ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า
File: 551231A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๒ ถึงนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๒๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เคล็ดลับของสมถกรรมฐาน

mp3 for download : เคล็ดลับของสมถกรรมฐาน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นไปเพื่อความมักน้อย(สมถะ – ผู้ถอด) เพื่อความสันโดษ(พอเพียง ยินดีในสิ่งที่ตนมี ในสิ่งที่ตนได้มาตามความชอบธรรม ประกอบด้วยศีลด้วยธรรม ตามกฎหมาย – ผู้ถอด) เพื่อความไม่คลุกคลี(วิเวก – ไม่คลุกคลีด้วยอกุศล ด้วยกิเลส เว้นแต่ทำตามหน้าที่อันสมควรแก่ธรรม สมควรตามความรับผิดชอบ – ผู้ถอด) เป็นเพื่อความพัฒนาของศีล เป็นไปเพื่อความมีสมาธิ

สมาธิมี ๒ ชนิด สมาธิชนิดที่ ๑ จิตสงบในอารมณ์อันเดียว จิตใจของเราโดยปกตินี้ฟุ้งซ่านอยู่ตลอดเวลา มันวิ่งไปทางตาทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายทางใจ วิ่งไปหาอารมณ์ที่เพลิดเพลินพอใจ กลุ้มใจขึ้นมาก็ไปดูหนัง อยากจะมีความสุขวิ่งไปดูหนัง ดูแล้วยังไม่หายกลุ้มวิ่งไปฟังเพลง ฟังเพลงแล้วหิวอีกแล้วก็วิ่งไปหาอะไรกินอีก จิตใจนี้จะวิ่งพล่าน พล่าน พล่าน พล่าน ไปตลอดเวลาเลย เรียกว่าใจฟุ้งซ่าน

ถ้าต้องการฝึกสมาธิให้ใจสงบนะ เรามารู้จักเลือกอารมณ์ ถ้าจิตของเราอยู่ในอารมณ์ชนิดไหนที่มันไม่ยั่วกิเลส เป็นอารมณ์ที่ดี อยู่กับอารมณ์ชนิดนั้นแล้วมีความสุข จุดสำคัญอยู่ที่ว่า เลือกอารมณ์ที่มีความสุขมาเป็นเครื่องอยู่ของจิต เมื่อจิตได้อยู่ในอารมณ์ที่มีความสุขอันเดียวนะ จิตจะไม่วิ่งพล่านไปหาอารมณ์อื่นๆ จิตก็สงบ นี่คือหลักของสมถกรรมฐาน เคล็ดลับมีเท่านี้เอง ที่นั่งสมาธิกันปางตาย ทำแล้วยังไงก็ไม่สงบ ก็เพราะไม่รู้เคล็ดลับ หลวงพ่อนั่งสมาธิเป็นตั้งแต่ ๗ ขวบ นะ ก็เลยสรุปเคล็ดลับได้ว่าเราต้องอยู่กับอารมณ์ที่มีความสุข

อย่างหลวงพ่อตั้งแต่เด็กๆเนี่ย หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ อยู่กับลมหายใจนะ มีความสุข หายใจแล้วมีความสุข หายใจแล้วมีความสุข ใจก็ไม่ฟุ้งไปที่อื่นเลย ใจก็จะอยู่สงบอยู่กับลมหายใจ ลมหายใจกลายเป็นแสงไป ลมก็สว่างกลายเป็นแสงสว่าง เป็นดวงสว่างขึ้นมา ก็สงบอยู่กับแสง นี่คือหลักของการทำสมาธิ (หมายถึง สมถกรรมฐษน – ผู้ถอด)

สมาธิบางอย่างไม่มีแสงนะ ไม่มีดวงนิมิตร อย่างการเจริญเมตตาเนี่ย เราแผ่เมตตาไปเรื่อย จะไม่มีดวงปฏิภาคนิมิตรเกิดขึ้น จิตก็ทำความสงบปราณีตได้ คนไหนขึ้โมโห ก็แผ่เมตตาไปเรื่อยๆ เวลาที่แผ่เมตตาไม่ต้องไปเค้นเมตตาออกจากใจ แผ่ๆอย่างนี้นะ ไม่ไปหรอก เมตตานะ แต่ถ้าจะแผ่ก็นั่งนึกเอา นั่งนึกเอา “สัตว์ทั้งหลายจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย ขอให้สัตว์ทั้งหลายได้รับส่วนบุญที่เราทำแล้วทั้งหมดด้วยเถิด ทุกๆคน ทุกๆคน เลย” เนี่ยนึกไปเรื่อยนะ นึกอย่างนี้เรื่อยๆ บริกรรมไปเรื่อยๆ เดี๋ยวใจก็จะค่อยๆเย็นขึ้นมา ใจค่อยสงบสบาย พวกขี้โมโหนะ แผ่เมตตาไปเรื่อยๆ แผ่ทั้งวันเลยก็ได้ ใจมันจะค่อยเย็นๆมีความสุขขึ้นมา

คนขี้โลภ พวกราคะมากอะไรอย่างนี้ จะพิจารณาร่างกาย ดูร่างกายเป็นส่วนๆ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ของไม่สวยไม่งาม พิจารณาไปเรื่อย ใจก็สงบจากราคะ ไม่ฟุ้งไป

ใจโกรธก็คือใจมันฟุ้งไป กระทบอารมณ์แล้วไม่พอใจ ในโลภก็คือมันฟุ้งไป ไปกระทบอารมณ์แล้วพอใจ ใจหลงก็คือใจมันฟุ้งไปตามอารมณ์ต่างๆ เพราะฉะนั้นหากว่าคนไหนขี้หลง ใจลอยบ่อยอะไรบ่อยนะ หายใจไปรู้สึกตัวไป หายใจไปรู้สึกตัวไป พอจิตหนีไปแล้วก็รู้เอา ใจก็ค่อยสงบสบายอยู่ในอารมณ์อันเดียว ถ้าน้อมใจให้ไปอยู่ในอารมณ์อันเดียวที่มีความสุขได้ล่ะก็ สมาธิก็เกิด ได้สมาธิชนิดที่ ๑

สมาธิชนิดที่ ๑ เป็นสมาธิที่จิตสงบในอารมณ์อันเดียว เรียกว่า “อารัมณูปนิชฌาน” อารัมณะ ก็คือคำว่า อารมณ์นั่นเอง คนไทยไปตัดไม้หันอากาศออก ถ้าภาษาที่ถูกก็คือ อารัมณะ ยกตัวอย่างพระอานนท์นะ คนไทยเรียกพระอานนท์เนี่ย ถ้าเราย้อนขึ้นไทม์แมชชีนไปวัดเชตวัน ไปถามหาพระอานนท์ จะไม่มีใครรู้จักเลย ต้องถามหาพระอานันท์ เนี่ยเขาตัดไม้หันอากาศออกไป คนไทย

เพราะฉะนั้นอารัมณูปนิชฌานนะ ให้จิตสงบอยู่ในอารมณ์อันเดียว จิตสงบอยู่ในอารมณ์อันเดียวได้เพราะจิตรู้จักเลือกอารมณ์ที่มีความสุข ถ้าทำได้นะ จิตใจก็มีความสุข ร่มเย็นเป็นสุข ไม่เครียด ไม่เครียดเลย แต่ว่าไม่เดินปัญญา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓๐ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
File: 560209A
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๕๔ ถึงนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๒๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ถ้ารู้จักคุณค่าของศีล การรักษาศีลเป็นเรื่องง่าย

mp3 for download : ถ้ารู้จักคุณค่าของศีล การรักษาศีลเป็นเรื่องง่าย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเรามีสติปัญญาพอนะ เราจะรู้เลยว่า การรักษาศีลนี้มีคุณค่ามากเลย ทำให้เรามีความสงบสุขในจิตใจนะ ทำให้เราไม่วุ่นวายกับโลกมาก ยกตัวอย่างทำอะไรต่ออะไรนะ ถ้าผิดศีลผิดธรรมเนี่ย รวยยากนะ ค่าใช้จ่ายเยอะเลย ทำอะไรที่ผิดศีลผิดธรรม มีศีลมีธรรมนะ ก็รวยง่ายกว่า สงบง่ายกว่า เป็นคนน่าเชื่อถือมากกว่า มันมีเครดิตสูงกว่า ถ้าหากเราเข้าใจคุณค่าของศีล การรักษาศีลไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓๐ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
File: 560209A
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๑๗ ถึงนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๕๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีล ๕ จำเป็นสำหรับทุกคน

mp3 for download : ศีล ๕ จำเป็นสำหรับทุกคน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เป็นฆราวาสต้องรักษาศีล ๕ นะ แม้กระทั่งพระก็ต้องรักษาศีล ๕ นะ พระบางองค์ถือศีล ๒๒๗ แต่ลืมศีล ๕ หลวงปู่ดูลย์เคยด่านะว่า ลืมถือศีล ๕ ไปแล้ว

รักษาศีล ๕ ไว้ วิธีรักษานะ ไม่ต้องไปขอกับใคร พวกเราชอบไปขอศีลกับพระ ขอศีลน่ะตั้งใจงดเว้นเอาไว้ ว่าเราจะไม่ทำบาปทางกายทางวาจาร ๕ อย่าง ตื่นนอนขึ้นมาก็ทำใจงดเว้นเอาไว้ ก่อนจะกินข้าวกลางวันก็ตั้งใจงดเว้นเอาไว้ ก่อนจะกินข้าวเย็นก็ตั้งใจงดเว้นเอาไว้ ก่อนจะนอนก็ตั้งใจงดเว้นไว้ คล้ายๆบอกตัวเอง เตือนตัวเองเรื่อยๆ

การที่ต้องไปบอกกับพระนะ คล้ายๆกับหาพยาน คล้ายๆปฏิญาณตัวให้พระเป็นพยานว่า ต่อไปนี้ผมจะถือศีล ๕ นะ ถ้าจะทำผิดศีล ๕ จะได้ละอายใจบ้าง แต่ถ้าหน้าด้าน ไม่ต้องมาบอกขอศีลกับพระเลยนะ เพราะว่าไม่ละอาย ถ้าเรารู้จักละอายใจ เราค่อยมาบอกกับพระแล้วก็ตั้งใจรักษา แต่ถ้าเราเข้มแข็งพอนะ เราก็ตั้งใจรักษาเอาเอง

ศีล ๕ จะยากอะไร ถ้าเรารักษาได้เราจะมีความสุข ยกตัวอย่างคนที่คิดจะทำร้ายคนอื่น คิดจะฆ่าเขา คิดจะทำร้ายคนอื่น คิดจะทำร้ายสัตว์อื่นน่ะ ไม่มีความสุขความสงบในจิตใจของตัวเอง คนที่มีความเมตตากรุณานะ ต่อผู้อื่นต่อสัตว์อื่น มีความร่มเย็นเป็นสุขอยู่ในใจ เห็นมั้ยว่าคนที่มีศีลมีธรรมขึ้นมา มันมีความสุข

คนที่จะลักเขาขโมยเขาปล้นเขานะ ฟุ้งซ่านไม่มีความสุขหรอก เครียด ก่อนจะไปขโมยเขาต้องเครียดต้องวางแผน ระหว่างขโมยก็กลัวคนเห็น ขโมยแล้วก็กลัวว่าความลับจะรั่วไหลอีก ไม่มีความสงบสุข ในขณะที่คนซึ่งให้คนอื่นได้นะ ทำทานได้นะ ทำทานด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ ก่อนจะทำก็อิ่มใจ ระหว่างทำก็อิ่มใจ ทำแล้วมานึกถึงอีก ก็อิ่มใจอีก ใจก็ได้สมาธิขึ้นมา มีความสุขมีความสงบขึ้นมา

คนที่ไม่ประพฤติผิดในกามนะ สันโดษในคู่ของตัวเอง จิตใจก็สงบ คิดจะไปเป็นชู้กับเขา คิดจะไปหลอกผู้หญิงหลอกผู้ชาย ยุคนี้หลอกกันหมดนะ ผู้หญิงยุคนี้ก็มองเห็นผู้ชายเหมือนดอกไม้ริมทางเหมือนกันแหละ เชยชมแล้วก็ทิ้งได้ คิดจะหลอกกันไปหลอกกันมานะ ฟุ้งซ่าน ซื้อสัตย์อยู่ในคู่ของตนเอง สบายใจ ปลอดภัยดีด้วย

คนโกหกหลอกลวงนั้นฟุ้งซ่าน ต้องวางแผนว่าจะโกหกอย่างไรให้แนบเนียน โกหกอย่างไรก็จับไม่ได้ พูดกับคนนี้ไว้อย่างหนึ่ง พูดกับอีกคนไว้อีกอย่างหนึ่ง สองคนมาเจอกันจะทำอย่างไร ยุ่ง คนมีสัจจะนะ พูดจาน่าเชื่อถือ ไม่ต้องคิดมากเลย สบายใจกว่ากัน

คนกินเหล้าเมายานะ ขาดสติ ไม่รู้จักเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น คนมีสติสัมปชัญญะดีกว่าเยอะเลย

เห็นมั้ยว่าศีล ๕ เนี่ย ถ้าเรารู้จักคุณรู้จักประโยชน์ของศีล ๕ อย่างแท้จริงนะ เราจะเต็มใจรักษานะ ไม่งั้นเราก็ขอศีลส่งเดชแต่ปากนะ ปาวๆ วิสุงวิสุง รักขนัตถายะ วู้ย..สวดกันเหย็งๆเลยนะ แต่ไม่เคยรู้ว่าศีลมีคุณค่าอย่างไร ขอส่งเดชไปอย่างนั้นน่ะ เห็นพระให้ง่าย ขอทีไรก็ให้ทุกที ให้เสร็จแล้วก็ทิ้งไปเลย เพราะไม่เห็นคุณค่า

เนี่ย ถ้าเรามีสติปัญญาพอนะ เราจะรู้ว่า การรักษาศีลนั้นมีคุณค่ามากเลย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓๐ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
File: 560209A
ระหว่างนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๔๖ ถึงนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ไม่มีศีล ไม่มีทาง ไม่ถึงความหลุดพ้น

mp3 for download : ไม่มีศีล ไม่มีทาง ไม่ถึงความหลุดพ้น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : นี่คือลักษณะธรรมะของพระพุทธเจ้านะ มักน้อย สันโดษ ไม่คลุกคลี เป็นไปเพื่อความมีศีล ศีลเป็นของดีของวิเศษ คนยุคนี้เห็นว่าศีลเป็นของคนโง่ คนฉลาดไม่ต้องมีศีล นี่แหละโง่ยิ่งกว่าโง่ธรรมดาเสียอีก

ศีลนั้นไม่ได้ถือไปเพื่อความลำบาก แต่ศีลนั้นถือไปเพื่อความสบาย คนมีศีลนั้นสบายใจ จิตใจสงบง่าย เป็นไปเพื่อสมาธิ มีสมาธิก็ไปเดินปัญญาต่อ มีปัญญาก็หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายได้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีศีลเป็นพื้นฐานที่ดีนะ สมาธิจะไม่มีหรอก (ในที่นี้หมายถึง สมาธิเพื่อการเจริญปัญญา คือ การมีความรู้สึกตัว มีจิตตั้งมั่น มีสมาธิชนิดที่เรียกว่า ลักขณูปนิชฌาน หากไม่มีศีลก็สามารถทำสมาธิได้ แต่เป็นสมาธิชนิดที่เรียกว่า มิจฉาสมาธิ ซึ่งไม่นำไปสู่ความหลุดพ้น – ผู้ถอด) สมาธิไม่มี ปัญญาก็จะไม่มี ปัญญาไม่มีก็พ้นทุกข์ไม่ได้ เข้าถึงความบริสุทธิ์ไม่ได้

พวกเราต้องรักษาศีล ๕ ไว้ก่อน ไม่ต้องศีล ๘ ศีล ๑๐ อะไรหรอกนะ เป็นฆราวาสให้รักษาศีล ๕ เอาไว้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓๐ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
File: 560209A
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๕๖ ถึงนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๔๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

มีสมาธิก็ต้องมีสติกำกับ

mp3 (for download) : มีสมาธิก็ต้องมีสติกำกับ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเราพยายามตั้งใจรักษาศีล ๕ ใครมันจะหัวเราะก็ช่างมัน ตั้งใจฝึกจิตใจให้อยู่กับเนื้อกับตัว สภาวะที่จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวนั้นแหละ คือสภาวะที่จิตทรงสมาธิที่ถูกต้องอยู่ ความรู้เนื้อรู้ตัวนี่ขาดไม่ได้เด็ดขาดเลย บางคนนั่งสมาธิจนกระทั่งโลกธาตุดับนะ ร่างกายหายไป โลกหายไป เหลือจิตดวงเดียว ก็ยังไม่ขาดความรู้สึกตัว จิตไม่ขาดสติ มีสติรักษาจิตอยู่ เพราะฉะนั้นสมาธิก็ต้องมีสติกำกับ ขาดสติเคลิ้มไป เป็นมิจฉาสมาธิทันทีเลย

มีศีล ตั้งใจงดเว้นการทำบาปอกุศลทางกายทางวาจา มาฝึกจิตให้อยู่กับเนื้อกับตัว ได้สมาธิที่ถูกต้อง แล้วก็ไม่ทรงสมาธิอยู่เฉยๆ ต้องน้อมจิต มีสติระลึกรู้ เห็นความเปลี่ยนแปลงของกาย เห็นความเปลี่ยนแปลงของใจเรื่อยไป มาดูความเปลี่ยนแปลง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๔๑ ถึงนาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๕๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การรักษาศีลท่ามกลางผู้ทุศีล

mp3 (for download) : การรักษาศีลท่ามกลางผู้ทุศีล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : เพราะฉะนั้นพวกเราพยายามนะ รักษาศีลใหม่ๆ คนมันหัวเราะเยาะเอานะ เพราะว่าเรารักษาศีลอยู่ท่ามกลางพวกทุศีล พวกไม่มีศีล มันหัวเราะเยาะ หรือเรานั่งสมาธิเดินจงกรม เป็นของดีของวิเศษของเรา คนมันไม่เคยภาวนามันไม่เคยรู้คุณค่า มันหัวเราะเยาะ

แต่ว่านักปฏิบัติจำนวนมากก็ทำให้คนทั่วไปเขาหัวเราะเยาะได้จริงๆ ไปทำตัวแปลกๆ ตัวประหลาดๆ เช่นนุ่งผ้าถุงไปทำงานอะไรอย่างนี้ ก็แปลกไปหน่อย สังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว หรือภาวนาผิดแล้วบ้าก็มีเยอะนะ ภาวนาเพี้ยนๆไม่รู้หลัก ทำส่งเดชไป ส่วนใหญ่เป็นเพราะไปบังคับข่มจิตทั้งนั้นเลย หรือไม่ก็สะกดจิตตัวเองไปเรื่อย.. ไม่ใช่รู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง กลายไปดัดแปลงกดข่มบังคับ ในที่สุดก็บ้า มีพฤติกรรมเพี้ยนๆ คนเข้าก็เลยไม่ค่อยเชื่อถือการปฏิบัติ

หลวงพ่อตอนเป็นโยมนะ หลวงพ่อก็ภาวนาของหลวงพ่อเรื่อยๆ จนคนเขาสงสัยว่าทำเราดูผ่องใสมาก ทำไมเราดูมีความสุขมาก พอเขาสงสัยเขาก็ค่อยมาถามนะ เราถึงค่อยบอกเขา สุดท้ายไม่ค่อยมีใครกล้าหัวเราะเยาะเราว่าเราเพี้ยน เพราะตัวเองไม่มีความสุขเท่าเรา ก็ดูแล้วสุขภาพจิตของเราดีกว่าจริงๆ

หรือถ้าเราภาวนาถูกนะ เราไม่ต้องไปโฆษณาหรอก ภาวนาถูกคนอื่นเขาก็มองเห็น เดี๋ยวเขาก็มาถามเอง แล้วก็ค่อยบอก ก็ทำให้เรามีเพื่อนที่ปฏิบัติด้วยกันมากขึ้นๆ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๑๙ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๑๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

มีศีลแล้วใจก็ร่มเย็น

mp3 (for download) : มีศีลแล้วใจก็ร่มเย็น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ของอื่นนะ หวังว่าจะทำแล้วมีความสุข มันไม่ค่อยมีจริง มาฝึกจิตฝึกใจตนเอง ขัดเกลาจิตใจนะ ศีล สมาธิ ปัญญา ขัดเกลาไปเรื่อย ตั้งใจรักษาศีล ๕ ไว้ ใครมันจะว่าเราโง่ก็ช่างมันเถอะ คนฉลาดไม่มีความสุขเท่าเราหรอก เราถือศีล ๕ ได้ เราก็มีความสุขของเรา เรานึกถึงศีลที่เราถือดีแล้ว สมาธิก็เกิดแล้ว มีความร่มเย็นภายในใจ มีศีลแล้วใจก็ร่มเย็นนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๑๓ ถึงนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๕๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีลข้อมุสา ไม่ใช่เพียงไม่พูดโกหก

mp3 (for download) :ศีลข้อ 4 รักษาที่ใจ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ศีลข้อมุสานี่ยากนะ มุสาไม่ใช่แค่โกหกนะ พูดเพ้อเจ้อก็เข้าข่ายมุสา พูดเพ้อเจ้อหมายถึงไม่จำเป็นต้องพูดก็พูด พูดคำหยาบ พูดคำหยาบใครพูดคำหยาบบ้าง หลวงพ่อเคยได้ยินนะ ผู้หญิงสวยนะแต่พูดออกมานี่ อื้อหือ หมาหุบหูเลย ฟังไม่ไหวนะ มันหยาบคาย พูดส่อเสียดคือพูดให้เขาทะเลาะกัน นี่ผิดศีลทั้งนั้นนะ แล้วก็พูดโกหก ศีล ๕ นะ ยกตัวอย่างในขณะที่พระกำลังเทศน์เนี่ย เรามีหน้าที่ฟัง แล้วเราก็คุยแข่งกับพระ นี่ศีลข้อ ๔ ด่างพร้อยแล้ว นะ

การรักษาศีลน่ะมันสำคัญอย่างไร เราอย่าไปคิดว่าการรักษาศีลเป็นเรื่องทุกข์ทรมานนะ มันเป็นวิธีการฝึกตนเองขั้นต้นเลย ขั้นเบสิคที่สุดเลยนะ ศีลเนี่ยเป็นเครื่องที่จะคอยควบคุมให้กายให้วาจาของเราเรียบร้อย พฤติกรรมทางกายทางวาจาของเราให้เรียบร้อย ไม่ไประรานคนอื่น การรักษาศีลนั้นไม่ใช่อยู่ๆก็ไปขอที่พระ ศีลนั้นต้องตั้งใจรักษาเอาเอง ถึงไปขอกับพระนะ ขอเสร็จก็ไปคุยแข่งกับพระ ไม่มีศีลหรอก ศีลด่างพร้อยไปหมดแล้ว การรักษาศีลที่ดีต้องรักษาที่ใจของเรา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เมื่อวันอังคารที่ ๑๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

File: 551016
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๕๑ ถึงนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๐๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

บทสรุป สำหรับการภาวนา

mp3 for download :บทสรุป สำหรับการภาวนา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เพราะฉะนั้นพวกเราไปเรียนนะ รักษาศีล ๕ ไว้ รู้สึกตัวบ่อยๆ ฝึกไป จิตไหลไปแล้วรู้ จิตไหลไปแล้วรู้ จิตก็จะตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู พอจิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูแล้ว ก็ดูกายมันทำงานดูใจมันทำงาน แยกธาตุแยกขันธ์ไป เห็นคนอื่นทำงานไปเรื่อย ถึงวันหนึ่งปัญญาแจ้ง เห็นทุกสิ่งทุกอย่างเสมอกันด้วยไตรลักษณ์ จิตไม่ดิ้นรนต่อ มรรคผลก็จะเกิดขึ้น ไปเดินต่อนะ ไปทำเอา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
ไฟล์ 540710
ระหว่างนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๒๑ ถึง นาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๕๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หน้าที่ของศีล สมาธิ ปัญญา

mp 3 (for download) : หน้าที่ของศีล สมาธิ ปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ต้องสู้มากกว่าคนสมัยก่อนนะ พยายามสำรวม สำรวมอินทรีย์ ธรรมะดีๆต้องพยายามทำให้เยอะๆไว้ ไม่งั้นสู้มันไม่ไหวหรอก กิเลสมันรุนแรงเหลือเกินยุคนี้ สิ่งยั่วยวนมันรุนแรงเหลือเกิน หรือการที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมที่เลวๆ ถ่ายทอดวัฒนธรรมเลวๆออกมานะ ให้คนยอมรับ ว่าความเลวเป็นเรื่องปกติ โอ้นี่เรื่องเลวร้ายมากนะในสังคมเรา อย่างบอกว่าผัวใครก็ช่าง มีเพลงอะไรนะ แฟนใครไม่มีป้ายแขวนคออะไรนี้ ฉันรักเมียเขาอะไรนี้ โอ้ เลวร้ายมากเลยนะ มันถ่ายทอดวัฒนธรรมที่เลว

ให้เรายอมรับความเลวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หรือถ่ายทอดว่าคอร์รัปชั่นก็ได้นะ ขอให้มีผลงาน เนี่ยถ่ายทอดสิ่งที่ไม่ถูกต้องนะ ผลงานดีนะ ดีอยู่แล้วนะ แต่วิธีที่จะได้มาซึ่งผลงาน ต้องดีด้วย สำหรับชาวพุทธเรานะ ไม่ใช่ดีแต่ปลายทาง วิธีการต้องดีด้วย ไม่ใช่วิธีอะไรก็ได้ แล้วประสบความสำเร็จ แล้วถือว่าสำเร็จ อันนั้นไม่ใช่วิถีของชาวพุทธเลย

เนี่ยสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้นะ เป็นพิษเป็นภัย เต็มไปหมดเลยนะ เพราะนั้นเราต้องดำรงชีวิต ด้วยสติ ด้วยปัญญา อย่างแท้จริง ต้องเอาหลักธรรมของพระพุทธเจ้า มาตรวจสอบตลอดเลย กิเลสมันจะลากเราไปอย่างรวดเร็วเลย คนเค้ามายั่วกิเลสเรานะ แล้วเราก็พร้อมจะตามกิเลสอยู่แล้วด้วย ก็ต้องสู้ให้มากเลย ต้องอดทนให้มากเลย รักษาศีลเอาไว้ให้ได้ ตั้งใจรักษาศีลให้ดี แล้วก็มีสติ มีปัญญา รักษากายรักษาใจของตัวนะ รักษาจิตใจไว้ มีศีลรักษากายวาจาให้เรียบร้อย ข่มใจไม่ยอมให้ทำตามกิเลส มีสมาธิบ้าง เพื่อจะข่มกิเลส ไม่ให้มาย้อมใจ

ศีลกับสมาธิไม่เหมือนกันนะ ศีลเนี่ยข่มใจ ไม่ให้ทำตามกิเลส สมาธิเนี่ยข่มกิเลส ไม่ให้มาย้อมใจ ถ้ากิเลสมันเบาหน่อยนะ ก็ข่มมันไหว ทำสมาธิสู้ไหว กิเลสระดับกลางๆไม่รุนแรงมาก เราก็ใช้สมาธิสู้ได้ ข่มกิเลสไปเลย ปัญญาเนี่ย ขุดรากถอนโคนกิเลส ปัญญาก็คือการเห็นความจริง ของรูปนามกายใจของเราเรื่อยไป

เพราะงั้นเฝ้ารู้เฝ้าดูนะ จนปัญญามันแจ้งขึ้นมา ปัญญามันแจ่มแจ้งขึ้นมา เราก็จะพ้นจากความทุกข์ เป็นลำดับๆไป เราจะพบว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้านะ เป็นของดีของวิเศษ เป็นแสงสว่างของโลกนะ เป็นความร่มเย็นเป็นสุขของโลก ซึ่ง(โลก)มันไม่มีเลย โลกนี้มันมืดมันบอดเต็มที มันหาความสุขความสงบอะไรไม่ได้เลยนะ ทุกหัวระแหง มีแต่เรื่องเบียดเบียน เข่นฆ่าล้างผลาญ แย่งชิงทำร้ายซึ่งกันและกัน เต็มไปหมดเลย ธรรมชาติก็รุนแรง มนุษย์ก็รุนแรงต่อมนุษย์ ธรรมชาติก็รุนแรง

งั้นเราไม่มีทางเลือกนะ เราชาวพุทธเนี่ย พยายามภาวนาเข้า เรียนรู้ทันตัวเองนะ เจริญศีล สมาธิ ปัญญา ทำให้มากๆๆ ต่อไปถึงโลกจะแตกนะ ใจเราไม่กระเทือนเลยนะ โลกจะแตกก็เรื่องของโลก ไม่ใช่เรื่องของเรา  ขนาดร่างกายเราจะแตก เรายังไม่เดือดร้อนเลย ค่อยฝึกไปเรื่อยๆนะ เราจะได้ไม่จมลงไปในโลกที่สกปรก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๗
Track: ๑๔
File: 551014A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๒๗ ถึง ๒๘ วินาทีที่ ๓๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๗) สติเป็นต้นทางของกุศล

mp 3 (for download) : ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๗) สติเป็นต้นทางของกุศล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี
เอื้อเฟื้อภาพโดย บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทำยังไงกุศลจะเจริญ ทำยังไงกุศลที่ไม่มีจะมี ที่มีแล้วจะเจริญ

มีสติไว้ สติเป็นต้นทางของกุศลนะ ถ้าขาดสติอย่างเดียวเนี่ย กุศลทั้งหลายจะไม่เกิดเลย องค์ธรรมฝ่ายกุศลจะไม่มีเลย ต้องมีสติเอาไว้ ถ้ามีสติรู้ทันจิตตัวเองเรื่อยๆ จิตมันมีกิเลสขึ้นมารู้ทันมันนะ มันละอายแก่ใจนะ มีหิริ มีโอตตัปปะขึ้นมา ละอายใจเกรงกลัวบาป เกรงกลัวผลของบาป ละอายใจที่จะทำบาป หิริคือความละอายใจที่จะทำชั่ว โอตตัปปะนะ(คือ)กลัวผลของการทำชั่ว

เนี่ยถ้าเรามีสติคุ้มครองจิตอยู่ มีสติรู้ทันจิตอยู่ มันจะเกิดหิริโอตตัปปะขึ้นมาเอง คนที่มีหิริโอตตัปปะนะจะมีศีลขึ้นมาโดยง่าย เพราะถ้ามันละอายใจที่จะทำชั่ว กลัวผลของบาปซะแล้ว มันจะทำผิดศีลไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันเป็นการทำชั่ว เป็นการทำบาป

งั้นถ้าเรามีสตินะ มีหิริโอตตัปปะเกิดขึ้น ก็เกิดศีลขึ้นมา มีศีลแล้วก็เกิดสมาธิได้ง่าย ใจสงบง่าย มีสมาธิแล้วก็เกิดปัญญาง่าย พอใจสงบนะ ก็สามารถเรียนรู้ความจริงของกายของใจได้ง่าย มีปัญญาแล้ววิมุตติก็เกิดได้ง่าย มีโอกาสเกิดวิมุตติ คือใจปล่อยวางความยึดถือในรูปในนาม ในกายในใจ

เพราะงั้นมันจะเป็นทอดๆไปนะ แล้วมีสติให้มากไว้ งั้นกุศลทั้งหลายก็จะเกิดขึ้น ตัวอย่างของกุศลที่ว่ามา ก็คือหิริโอตตัปปะใช่มั้ย ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ นี่เป็นส่วนของกุศลทั้งนั้นเลย มันจะค่อยๆพัฒนาขึ้นมา

งั้นเรามีสติรักษาจิตไว้นะ นั่นแหล่ะคือการทำความเพียร เคยอ่านหนังสือนะ หลวงปู่มั่นท่านบอกว่า เมื่อไรมีสติ เมื่อนั้นมีความเพียร เมื่อไรขาดสติ เมื่อนั้นขาดความเพียร นี่ท่านสอนถูกกับตำราเป๊ะเลยนะ ทั้งๆที่ท่านภาวนา แต่ความจริงท่านอ่านอภิธรรมนะ หลวงปู่มั่นนี่ท่านอ่านอภิธรรมด้วย ลองไปดูหนังสือที่ท่านอ่าน มีอภิธรรมอยู่ งั้นท่านสอนถูกทั้งปริยัติทั้งปฏิบัติ สอนเก่ง

งั้นเราจะมีสัมมาวายามะได้นะ อาศัยมีสติรู้ทันจิตนี่ แล้วอะไรคือสัมมาสติ มีสติรู้ทันจิตเป็นสัมมาสติทั้งหมดมั้ย ไม่ใช่ทั้งหมด พระพุทธเจ้าอธิบายสัมมาสติ ด้วยสติปัฏฐาน ๔ งั้นหน้าที่ของเราเจริญสติปัฏฐานนะ ไม่ใช่มีสติแล้วก็ลอยๆอยู่เฉยๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
Track: ๑๒
File: 530425A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๓๙ ถึง นาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๖) สมาธิในองค์มรรค

mp 3 (for download) : ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๖) สมาธิในองค์มรรค

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี
เอื้อเฟื้อภาพโดย บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถัดไปเราฝึกเรื่องสมาธิ ในส่วนของเกี่ยวกับสมาธิเนี่ย มีองค์มรรคอยู่ ๓ ตัว ๓ ใช่มั้ย ๓ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาวายามะเป็นยังไง สัมมาสติเป็นยังไง สัมมาสมาธิเป็นยังไง

สัมมาวายามะคือความเพียรชอบ อะไรที่เรียกว่าความเพียรชอบ เพียรละอกุศลที่มีอยู่ เพียรปิดกั้นอกุศลใหม่ไม่ให้เกิด เพียรเจริญกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิด เพียรพัฒนากุศลที่เกิดแล้วนะให้มากยิ่งขึ้น นี่เรียกว่าสัมมาวายามะ

หน้าที่เรามีนะ ไม่ใช่บอก ฉันจะรู้สึกตัวเฉยๆ รู้สึกตัวเฉยๆ แค่นั้นไม่พอนะ ต้องสำรวจตัวเองด้วย อกุศลอะไรยังไม่ละ กุศลอะไรยังไม่เจริญ สำรวจตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะงั้นชีวิตเราจะมีทิศทาง ชีวิตเราจะมีเป้าหมาย ไม่ใช่อยู่ล่องๆลอยๆไปวันนึง หน้าที่เรานะสำรวจใจตัวเองไว้ ที่หลวงพ่อสอนให้ดูจิตๆนี่แหล่ะ จะมาทำสัมมาวายามะได้อย่างดีเลย งั้นเรารู้ทันจิตใจของเรานี่ อกุศลอะไรเกิดขึ้นให้รู้ทัน ถ้ารู้ทันแล้วมันจะละของมันเอง วิธีที่จะละอกุศลนะ ก็คือมีสติรู้ทันมัน อกุศลใดเกิดขึ้นในใจ เช่นราคะเกิดขึ้นรู้ทัน ราคะจะดับเอง โทสะเกิดขึ้นในใจมีสติรู้ทัน โทสะจะดับเอง

เพราะงั้นที่บอกเพียรปิดกั้นอกุศล เพียรละอกุศลที่มีอยู่ เพียรปิดกั้นอกุศลใหม่ไม่ให้มีขึ้นมา ไม่ให้ครอบงำใจขึ้นมาเนี่ย ทำด้วยการมีสติรู้ทันจิตนี่เอง ถ้าเรามีสติรู้ทันจิตนะ อกุศลที่มีอยู่ก็จะดับ อกุศลใหม่จะเกิดไม่ได้เลย ในขณะที่มีสติ แต่ขณะขาดสติอกุศลเกิดได้อีก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
Track: ๑๒
File: 530425A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๔๙ ถึง นาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๓๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๕) ศีลในองค์มรรค

mp 3 (for download) : ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๕) ศีลในองค์มรรค

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี
เอื้อเฟื้อภาพโดย บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : วั้นนี้ต้องเทศน์ปิดท้ายด้วยเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะพวกที่มาเรียนเข้าคอร์สวันนี้จะจบแล้ว เดี๋ยวจบไปแล้วก็รู้แต่เจริญสติไม่ต้องรักษาศีล ไปไม่รอดนะ ต้องมีให้ครบ ไม่งั้นอริยมรรคจะไม่เกิด

ถ้าไปดูในองค์มรรคนะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ องค์มรรค ๓ ตัวนี่นะเรื่องศีลทั้งนั้นเลย สัมมาวาจาเนี่ยศีลข้อ ๔ สัมมากัมมันตะ(อยู่ใน)ศีลข้อ ๑,๒,๓ ต้องให้บอกมั้ย (ศีลข้อ)๑ ๒ ๓ คืออะไร ศีลข้อ ๑ ปาณาติบาต ทำร้ายสัตว์ ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ข้อ ๒ ลักทรัพย์เค้า ฉ้อโกงเค้า ข้อ ๓ ประพฤติผิดในกาม สัมมาวาจาข้อ ๔ สัมมากัมมันตะข้อ ๑ ๒ ๓ สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีวิตของเรา ต้องเลี้ยงอย่างบริสุทธิ์นะ จนไม่เป็นไร ความจนไม่น่ารังเกียจ ความโกงน่ารังเกียจ เราอย่าปล่อยให้ค่านิยมเลวๆมันครอบงำเรา

ทุกวันนี้เราถูกเสี้ยมสอนให้เลวหนักขึ้นๆ ให้เห็นความเลวเป็นเรื่องปกติ อย่างนักการเมืองบางคนมาสอนพวกเรานะ ว่าโกงไม่เป็นไร คอรัปชั่นไม่เป็นไร ขอให้มีผลงาน นี่สอนสิ่งที่เลวร้ายให้เรานะ เราต้องไม่เชื่อฟัง ชาวพุทธเราต้องสะอาดในการดำรงชีวิต ในการจะอยู่การจะทำอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างต้องสะอาดพอ ถ้ารู้สึกว่ายอมสกปรกได้ กิเลสมันล้างไม่ได้จริงหรอก ของหยาบๆยังล้างไม่ได้เลย การจะมีชีวิตอยู่ในโลกให้สะอาด ยังทำไม่ได้เลย จะทำใจให้สะอาดเนี่ยเป็นไปไม่ได้เลย

งั้นเราต้องเลี้ยงชีวิตนะ จนไม่เป็นไรนะ อย่าไปอายกับความยากจน ให้อายกับความชั่วร้าย แล้วก็อย่าไปยกย่องคนชั่วร้ายที่ร่ำรวยด้วย มันช่วยกันสร้างค่านิยมที่เลวให้มากขึ้นๆนะ สังคมของเราทุกวันนี้ถึงร้อนเป็นฟืนเป็นไฟไปหมด ทุกหนทุกแห่งแล้ว เพราะว่าเราช่วยกันสร้างค่านิยมที่เลวๆนานาชนิดขึ้นมา เช่นใช้วิธีอะไรก็ได้เพื่อบรรลุผลสำเร็จ นี่เป็นค่านิยมที่เลวร้ายมากเลย ทุกวันนี้ดูสิบ้านเมืองจะเป็นยังไง มันเป็นอนาธิปไตยนะ อะไรก็ได้ขอให้สำเร็จเถอะ เนี่ยมันจะอยู่กันไม่ไหว

เพราะงั้นเราต้องตั้งใจนะ รักษาศีลนะ รักษาศีล เลี้ยงชีวิตของเราให้บริสุทธิ์ นี่อยู่ในองค์มรรคทั้งสิ้นเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
Track: ๑๒
File: 530425A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๑๓ ถึง นาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 512345