mp3 for download : ก่อนจะเจริญวิปัสสนา ต้องเตรียมความพร้อมของจิต
Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.
หลวงพ่อปราโมทย์ :เพราะฉะนั้นบทเรียนที่พระพุทธเจ้าสอน เราต้องทำให้ครบ บทเรียนที่ ๑ ศีลสิกขา ตั้งใจงดเว้นการทำบาปอกุศล ๕ ประการ บทเรียนที่ ๒ เรียกว่า จิตตสิกขา ใช่มั้ย เรียนเรื่องจิต ทำกรรมฐานอย่างหนึ่งแล้วรู้ทันจิตไป พุทโธก็ได้ หายใจก็ได้ พองยุบก็ได้ ขยับมือก็ได้ อะไรเหมือนกันหมด แล้วรู้ทันจิต ถึงจะเรียกว่าจิตตสิกขา เรียนรู้เรื่องจิต สิ่งที่ได้จากจิตตสิกขาก็คือสมาธิที่ถูกต้อง สมาธิที่จิตตั้งมั่น เมื่อมีสมาธิที่จิตตั้งมั่นแล้วก็ถึงบทเรียนสุดท้ายคือปัญญาสิกขา เพราะฉะนั้นเราต้องไปเตรียมจิตให้พร้อมเสียก่อนนะ ถึงจะไปเดินปัญญา
อยู่ๆไปเดินปัญญาเรื่อยไปนะ มันจะไปเพ่ง ยกตัวอย่างบางคนไปดูท้องพองยุบนะ บอกว่าจะไปเจริญปัญญา ไม่ได้เตรียมจิตให้พร้อมก่อน ไปดูท้องพองยุบเนี่ย จิตจะเคลื่อนไปเพ่งอยู่ที่ท้องเลย กลายเป็นสมถะ แล้วก็เกิดนิมิตรเกิดอะไรขึ้นมานะ นึกว่าเกิดวิปัสสนาญาณ ไม่ใช่วิปัสสนาญาณเพราะไม่ได้เดินวิปัสสนา เป็นสมถะรวดๆเลย
เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมจิตของเราให้พร้อมนะ ให้จิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จิตที่ตั้งมั่นคือจิตที่มันไม่ไหลไป ไม่ไหลไปโดยที่ไม่ได้บังคับไว้ ถ้าบังคับไม่ให้ไหลไป จิตจะแน่นๆ จิตจะเป็นอกุศล แต่ถ้ามันรู้ เรารู้เท่าทัน ว่าจิตหลงไป จิตไหลไป มันจะตั้งมั่นขึ้นเอง จิตที่ตั้งมั่นจะมีสภาวะ(ลักษณะ-ผู้ถอด)ที่เบา ถ้าหนักๆเนี่ย ไม่ใช่แล้ว จะมีความเบา มีความนุ่มนวลอ่อนโยน ถ้าแข็งๆเนี่ย ไม่ใช่ จะมีความคล่องแคล่วว่องไว ถ้าซื่อบื้อ ไม่ใช่ จะรู้อารมณ์อย่างซื่อตรง หมายถึงอะไรเกิดขึ้นก็รู้ สักว่ารู้สักว่าเห็นไป เนี่ยเราต้องมีจิตชนิดนี้ขึ้นมาให้ได้ เราถึงจะไปเจริญปัญญา
เพราะฉะนั้นพวกเราต้องเตรียมความพร้อมของจิตซะ ไปฝึกกรรมฐานอันใดอันหนึ่งแล้วคอยรู้ทันจิตที่เคลื่อนไปบ่อยๆ ไม่ห้ามว่าห้ามเคลื่อน อย่าไปห้าม ให้เคลื่อนแล้วรู้ว่าเคลื่อน ถ้าห้ามเคลื่อนจะกลายเป็นการเพ่งให้จิตนิ่ง จิตจะแน่นๆ หนักๆแน่นๆ แข็งๆ ซึมๆทื่อๆไป ใช้ไม่ได้เลย เป็นจิตอกุศลไปเลยนะ เพราะฉะนั้นให้แค่ แค่ว่า ทำกรรมฐานอย่างหนึ่งแล้วรู้ทันจิต จิตหนีไปคิดก็รู้ จิตหนีไปที่อื่นก็รู้นะ จิตหนีไปอยู่ในอารมณ์กรรมฐาน ไปเพ่งนิ่งอยู่ในอารมณ์กรรมฐาน ก็รู้
ต่อไปเราจะฝึกจนเราชำนาญได้ทั้งสองอย่าง เวลาที่เราต้องการพักผ่อนนะ เราก็น้อมจิตของเราให้ไปอยู่ในอารมณ์กรรมฐานอย่างเดียว สบายอยู่ในอารมณ์อันเดียว อันนี้ได้สมถะ เวลาที่เราจะเจริญปัญญา เราก็มีความรู้สึกตัวขึ้นมา ให้มีจิตตั้งมั่นเป็นคนดูขึ้นมา ใจเบา นุ่มนวล อ่อนโยน คล่องแคล่ว ว่องไว ควรแก่การงาน และซื่อตรงในการรู้อารมณ์ เนี่ยมีจิตตัวนี้ขึ้นมา ไม่ไหลไป โดยที่ไม่ได้ประคองไว้ ไม่ไหลไปโดยที่ไม่ได้ประคองไว้ แล้วเราจะใช้จิตชนิดนี้แหละ ไปเจริญปัญญา คือการเรียนรู้ความจริงของรูปธรรมนามธรรม
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560208
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๒๗ ถึงนาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๓๕
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่