Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

จริตสำหรับการทำสมถะและวิปัสสนา

mp 3 (for download) : จริตในการทำสมถะและวิปัสสนา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: กรรมฐานในสติปัฏฐาน ๔ แยก กาย เวทนา จิต ธรรม กายและเวทนา นี่กลุ่มหนึ่ง จิตและธรรม เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง จริตนิสัยของคนเราในเวลาทำสมถะกับวิปัสสนา การแยกจริตจะไม่เหมือนกัน

ถ้าเวลาเราจะทำสมถะ เราดูจริตมี ๖ อย่าง ๑) ราคจริต ๒) โทสจริต ๓) โมหจริต ๔) พุทธิจริต ๕) วิตกจริต ๖ สัทธาจริต

อย่างพวกศรัทธามากๆ เนี่ย ก็คิดถึงพระพุทธเจ้า คิดถึงอะไรอย่างนี้นะ ใจก็สบาย สงบ พวกฟุ้งมากๆ ก็รู้ลมหายใจไป อะไรอย่างนี้นะ พวกขี้โมโห ก็เจริญเมตตา พวกบ้ากามก็พิจารณาอสุภะอะไรอย่างนี้ พิจารณาความตายอะไรไป แล้วใจก็สงบ

แต่อารมณ์จริตนิสัย จริตที่ใช้ทำวิปัสสนานะ เราแยก ๒ ส่วนเท่านั้นเอง เรียกว่า

๑) ตัณหาจริต พวกรักสุข รักสบาย รักสวย รักงาม

๒) ทิฏฐิจริต พวกเจ้าความคิด เจ้าความเห็น

- พวกตัณหาจริต มีกรรมฐานที่เหมาะคือ การดูกาย หรือ เวทนา

- พวกทิฏฐิจริต เจ้าความคิดเจ้าความเห็น มีกรรมฐานที่เหมาะคือ ดูจิต หรือ ธรรม

ทำไมแต่ละจริตต้องมี ๒ อย่าง

-พวกรักสุข รักสบาย รักสวย รักงาม ดูกาย หรือ เวทนา พวกที่ปัญญาแก่กล้าแล้วจะไปดูที่เวทนา พวกที่ยังไม่แก่กล้าดูกาย กายดูง่ายกว่าเวทนา

-พวกเจ้าความคิด เจ้าความเห็นนี่ ดูจิตเอา เห็นจิตเป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง นี่ดูง่าย ถ้าปัญญามันแก่กล้าขึ้นไปก็ไปดูธัมมา เจริญธัมมานุปัสสนานะ จะเห็นความละเอียดลึกซึ้งประณีตของสภาวธรรมแต่ละอันๆ อย่างจิตตานุปัสสนาเห็น จิตมีโทสะ รู้ว่ามีโทสะ ดูแค่นี้เอง ถ้าขึ้นไปถึงธัมมานุปัสสนา มันจะประณีตขึ้นไปอีก อย่างจิตมีปฏิฆะ ความไม่พอใจเกิดขึ้น มีพยาบาท พยาปาทะ ไม่พอใจ คิดถึง ตรึกถึงอารมณ์ที่ไม่พอใจเนี่ยเห็นละ ไม่ต้องรอให้โกรธ มันประณีตกว่ากัน เรารู้ด้วยว่าทำไมถึงเกิดจิตที่มีความพยาบาทขึ้น รู้ด้วยว่าทำยังไงความพยาบาทจะไม่เกิดขึ้น เห็นมั้ยจะรู้เหตุ รู้ผล รู้ลึกซึ้งลงไปอีก หรือดูโพชฌงค์ จะเห็นเลยคุณธรรมมันค่อยๆ อัพเกรดขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ดูยากกว่ากัน

พวกเราสันนิษฐานไว้ก่อนก็แล้วกันนะเพื่อความปลอดภัยว่าพวกเราอินทรีย์อ่อน อินทรีย์แข็งคงไปเรียนจากพระพุทธเจ้าแล้วคงบรรลุกันไปหมดแล้วล่ะ สมัยนั้นพวกเราบางคนก็อาจจะเคยเจอพระพุทธเจ้ามาแล้วนะ แต่เราเป็นลูกศิษย์เทวทัตนะก็เลยไม่ได้ธรรมะอะไร แล้วสำคัญผิดอะไรอย่างนี้ หรือตอนเราไปเจอพระพุทธเจ้าแต่ตอนนั้นเราเป็นเดียรถีย์ เราไปแอนตี้พระพุทธเจ้าซะด้วยซ้ำไป งั้นบารมีพวกเรานี่ ตกมาถึงรุ่นนี้ ถือว่าบารมีอ่อนก็แล้วกันนะ

งั้นคนไหนรักสุข รักสบาย รักสวย รักงาม ให้ดูกายไว้ เพราะกายนี่จะสอนให้เห็นว่าไม่สุข ไม่สบาย ไม่สวย ไม่งาม

ถ้าคนไหนเจ้าความคิดเจ้าความเห็นให้ดูจิต จิตเดี๋ยวก็ดี จิตเดี๋ยวก็ร้าย คุ้มดีคุ้มร้ายทั้งวัน เดี๋ยวก็โลภ เดี๋ยวก็หายโลภ เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวหายโกรธ เดี๋ยวหลง เดี๋ยวหายหลง

งั้นเราดูจริตนิสัยของตัวเอง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๔ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๗


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๖
File: 570914A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๓๔ ถึงนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๑๕

ตัด/ถอดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คนรุ่นนี้ฟุ้งซ่าน เหมาะกับการดูจิต

mp3 for download : คนรุ่นนี้ฟุ้งซ่าน เหมาะกับการดูจิต

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : หน้าตาอย่างรุ่นพวกเรานี้ทำฌานยาก วันๆมีแต่ความฟุ้งซ่าน ระหว่างฟุ้งซ่านกับสงบ ระหว่างฟุ้งซ่านกับสงบ พวกเราเป็นแบบไหนมากกว่ากัน ใครฟุ้งซ่านมาก ยก(มือ)ซิ มีใครสงบมาก มีที่ไม่ยกมือเพราะกำลังหลับอยู่ กำลังนั่งฟังหลวงพ่อแล้วศรัทธาเลื่อมใส น้อมใจตามกระแสธรรม ตามไปไหนก็ไม่รู้…

เพราะฉะนั้นธรรมชาติของพวกเรารุ่นนี้ ฟุ้งซ่าน โอกาสที่จะนั่งสมาธิให้จิตสงบ เพื่อว่าจิตสงบแล้วจะมาดูกาย ยากมากเลย เป็นขั้นตอนที่ยาว ขั้นแรกเราไม่ผ่านเสียแล้ว แล้วถ้าสมาธิไม่พอ ดูกายไม่ได้ เพราะกายานุปัสสนา และเวทนานุปัสสนา เหมาะกับสมถยานิก เหมาะกับคนเล่นฌาน

ก็เมื่อพวกเรามันอัตคัดขาดแคลนสมาธิ จิตของเราฟุ้งซ่านมาก ก็ยังไม่ใช่ว่าสิ้นโอกาสที่จะบรรลุมรรคผลนิพพาน พระพุทธเจ้าไม่ใช่ธรรมดา ไม่ใช่สอนกรรมฐานอย่างเดียวเพื่อคนบางกลุ่ม ท่านเป็นสัพพัญญู ท่านเป็นภะคะวะโต ผู้จำแนกแจกธรรม ท่านก็มองคนจำนวนหนึ่งเหมือนกัน อย่างพวกเรานี้ก็อยู่ในสายตาของท่าน พวกฟุ้งซ่านนี่ พวกนี้จะให้นั่งสมาธิจนจิตได้ฌานแล้วมาดูกาย แล้วบรรลุมรรคผล ยากที่จะทำได้ ท่านก็มีกรรมฐานอย่างอื่นให้กับพวกเรานะ คือจิตตานุปัสสนา และธรรมานุปัสสนา

จิตตานุปัสสนาเนี่ย ดูความปรุงแต่งของจิต จิตเดี๋ยวก็โกรธเดี๋ยวก็ไม่โกรธ เดี๋ยวก็โลภเดี๋ยวก็ไม่โลภ เดี๋ยวก็หลงเดี๋ยวก็ไม่หลง เดี๋ยวฟุ้งซ่านเดี๋ยวหดหู่ เดี๋ยวมีสมาธิเดี๋ยวไม่มีสมาธิ ดูไป เดี๋ยวก็เข้าไปยึดอารมณ์เดี๋ยวก็ปล่อยออก อะไรอย่างนี้ ก็ดูไป

หรือธรรมานุปัสสนา เห็นกระบวนการของรูปธรรมและนามธรรม เช่น เห็นว่านิวรณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร โภชชงค์เกิดได้อย่างไร อริยสัจจ์ทำงานแบบไหน ปฏิจจสมุปบาททำงานอย่างไร เนี่ยเฝ้าดู เห็นกระบวนการทำงานของมัน

จิตตานุปัสสนา กับธรรมานุปัสสนา เหมาะสำหรับพวกวิปัสสนายานิก วิปัสสนายานิกหมายถึงว่า เราไม่ได้ทำฌานก่อน เราใช้จิตว่อกแว่กนี้ล่ะ มาปฏิบัติธรรม แทนที่จะไปบังคับจิตให้นิ่งแล้วไปดูกาย ให้เรารู้ทันความฟุ้งซ่านของจิตไป ถ้าเราคอยรู้ทันความฟุ้งซ่านของจิต ความฟุ้งซ่านจะดับ จิตจะสงบอัตโนมัติเลย ถ้าจิตไม่ฟุ้งซ่านจิตจะสงบ ก็มีเท่านั้น

ถ้าเรามีสติ รู้ทันจิตที่กำลังมีความฟุ้งซ่านอยู่ เมื่อใดสติเกิดเมื่อนั้นอกุศลจะดับ นี่เป็นกฎของธรรมะ เมื่อไรสติเกิดเมื่อนั้นอกุศลต้องดับ เพราะความฟุ้งซ่านเป็นอกุศล ถ้าสติเกิด คือเราระลึกได้ว่าในขณะนี้กำลังฟุ้งซ่านอยู่ ความฟุ้งซ่านจะดับทันทีเลย ทันทีที่ความฟุ้งซ่านดับ สมาธิก็จะเกิดขึ้น แต่ประเดี๋ยวก็จะฟุ้งใหม่ ฟุ้งใหม่รู้ใหม่ แล้วก็เกิดสมาธิอีกแว้บหนึ่ง สมาธิอันนี้ไม่ทรงอยู่นาน แต่มี มีสั้นๆเรียกว่า ขณิกสมาธิ

เพราะฉะนั้นเมื่อพวกเรานั่งสมาธิ ทำอัปนาสมาธิ ที่เข้าฌานไม่เป็น อุปจารสมาธิก็ทำไม่ได้ เราก็อาศัยสมาธิที่พวกเราพอจะทำได้ คือ ขณิกสมาธินี้แหละ อาศัยขณิกสมาธิมาเจริญปัญญา มาเห็นความจริงของจิตใจ มาเห็นการทำงานของจิตใจของเราเอง ดูมันไปเรื่อย สุดท้ายก็บรรลุมรรคผลนิพพานได้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๒๕ ถึงนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วิปัสสนาสำหรับผู้ทรงฌาน

mp3 for download : วิปัสสนาสำหรับผู้ทรงฌาน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : จุดสำคัญของการปฏิบัติ ในตำรายังมีอยู่ ยังใช้ได้ดีเลย ทำยังไงจะทำให้จิตสงบ ในตำราสอนเอาไว้ตั้ง ๔๐ วิธี สอนเอาไว้ให้ละเอียด ทำยังไงจะเจริญปัญญา รู้กายรู้แบบไหน รู้เวทนาจะรู้ยังไง มีเงื่อนไขอะไร

ดูกายและเวทนาเนี่ย เหมาะกับสถยานิก เหมาะกับคนเล่นฌานถ้าไม่ได้เล่นฌานแล้วไปดูกาย ไปดูท้องพองยุบนะ ไม่เคยทำฌาน ไปดูท้องพองยุบ จะกลายไปเป็นเพ่งท้องเฉยๆ ขึ้นวิปัสสนาไม่ได้

จะดูกายได้จิตต้องตั้งไม่ ทรงฌานได้ดีที่สุด ฌานที่ ๑ ก็ยังไม่พอ ต้องฌานที่ ๒ ถึงจะดี ๒-๓ ขึ้นเนี่ย เพราะฌานที่ ๒ จิตไม่เคล้ากับอารมณ์แล้ว ละวิตกละวิจารณ์ วิตกเป็นการตรึกในอารมณ์ วิจารณ์เป็นการเคล้าเคลียอยู่ในอารมณ์ จิตยังไหลไปเคล้าอยู่กับอารมณ์อยู่

พอละวิตกวิจารณ์ขึ้นฌานที่ ๒ เนี่ยนะ จิตไม่เคล้าเคลียกับอารมณ์ จิตดีดตัวออกมาเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน เนี่ยมีเอโกทิภาวะ พอจิตได้เอโกทิภาวะแล้วออกจากสมาธิ ออกจากฌานมา ตัวนี้ยังเด่นดวงอยู่ อยู่ได้นานไม่เกิน ๗ วัน แต่อยู่ได้นาน ไม่เหมือนขณิกสมาธินะ แว้บๆ แว้บๆ ก็ดับแล้ว

พอจิตเป็นผู้ออกมาเนี่ย เห็น ไปดูจิตนะ จิตจะนิ่งๆไม่มีอะไรให้ดู ต้องดูกาย ดูเวทนาในกาย หรือดูเวทนาทางใจ เช่นจิตที่ทรงฌานเนี่ย เดี๋ยวมันก็สุขเดี๋ยวมันก็อุเบกขา พลิกไปพลิกมา แสดงไตรลักษณ์ได้ หรือดูเวทนาทางกายก็ได้ ดูร่างกายก็ได้ จิตเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ เห็นเลยร่างกายไม่ใช่ตัวเรา

แต่ดูจิตตสังขารยาก เพราะอารมณ์มันละเอียด อารมณ์มันปราณีต ไม่มีของหยาบให้ดูเลย สงบ มีความสุข สบาย แน่วอยู่อย่างนั้นเอง จิตเหมือนจะเที่ยงนะ เพราะจะดูกายให้ทำสมาธิก่อน แล้วเห็นกายมันทำงาน เห็นเวทนามันทำงาน กายและเวทนาจึงเหมาะกับคนทำฌาน เหมาะกับสมถยานิก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

file : 550525B
ระหว่างนาที่ที่ ๓ วินาทีที่ ๒๕ ถึง นาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทุกคนมีจริตผสม

mp 3 (for download) : ทุกคนมีจริตผสม

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม : ควรดูกายหรือดูจิตดีครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : มีอะไรให้ดูเอาอันนั้นแหล่ะ ความจริงเป็นคนช่างคิดมั้ย

โยม : เป็นครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เป็นคนช่างคิดเนื่ย จิตมันจะดูง่าย เพราะมันจะเปลี่ยนบ่อย เป็นคนราคะแรงมั้ย

โยม : แรงครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เออเนี่ยมันผสมผสานนะ เพราะงั้นตัวไหนเด่นเอาตัวนั้นแหล่ะ

โยม : ขอบคุณครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ตอนนี้ดูจิตได้ดูจิต ดูจิตไม่ออกดูกาย ดูจิตก็ไม่ได้ดูกายก็ไม่ได้ทำสมถะ ใช้หลักนี้นะ (โยม :ขอบคุณครับ) จริตนิสัยของพวกเรานะ ส่วนมากมันผสมผสาน มันไม่ใช่ร้อยเปอร์เซนต์ตามทฤษฎี ว่าเป็นทิฐิจริต เจ้าความคิดเจ้าความเห็น หรืิอตัณหาจริต รักสุขรักสบายรักสวยรักงาม ทุกคนน่ะมันจะเป็นส่วนผสม เพียงแต่ตัวไหนเป็นหลัก เพราะงั้นถ้าดูจิตใจเห็นมันเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปได้ดูไปเลย แต่ถ้าใจมันเฉยๆดูกายเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๕
Track: ๗
File: 550429B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๕๙ ถึง นาทีที่ ๑๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่