Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

สิ่งทั้งหลาย มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้


mp3 for download : สิ่งทั้งหลาย มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

สิ่งทั้งหลาย มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้

สิ่งทั้งหลาย มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้

หลวงพ่อปราโมทย์ : ชีวิตจิตใจของเรานะ แต่ก่อนมืดๆมัวๆ แต่มืดมัวมาตลอดเนี่ย ดูไม่รู้หรอกว่ามัว เหมือนเราเป็นตาต้อ สมมุติว่าเราเป็นต้อนะ มองอะไรไม่ชัดมาตั้งหลายปีนะ เราก็รู้สึกว่าชัดดีแล้ว วันไหนไปลอกต้อออกนะ ถึงจะรู้ว่ามันชัดกว่ากันเยอะเลย

ทุกวันนี้คนในโลกมันหลงตลอด มันรู้สภาวะไม่ได้หรอก มันมืดๆมัวๆ จิตใจก็มืดบอดมัว.. แต่วันใดที่ตื่นขึ้นมาก็จะรู้เลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเนี่ยมันมืด พอเราตื่นขึ้นมา เรามีสติ เรารู้เนื้อรู้ตัวขึ้นมา จิตใจเราสว่างไสวขึ้นมา มันรู้ มันตื่น มันเบิกบาน จิตใจเข้าถึงความสงบ เข้าถึงความสะอาด เข้าถึงความสว่างขึ้นมา จิตใจมีความสุขอยู่ในตัวเอง แล้วก็คอยรู้กาย คอยรู้ใจ ของเราเรื่อยไป

เนี่ยถ้าฝึกอย่างถูกต้องนะ ประมาณเดือนเดียว เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ไม่ใช่ฝึกมาสิบปี ยิ่สิบปี ก็ยังเหมือนเดิม ถ้าสิบปี ยี่สิบปี ยังเหมือนเดิมนะ ฝึกผิดแน่นอน หรืออย่างมากที่สุดไปฝึกสมถะ แต่ถ้าฝึกวิปัสสนาจริงๆนะ หัดรู้สภาวะจนสติเกิดเอง ถัดจากนั้น รู้สภาวะทั้งหลายไปด้วยจิตที่มีความตั้งมั่น เป็นกลาง

จิตที่ตั้งมั่นเป็นกลางก็คือจิตที่ไม่ทำผิดใน ๓ กาล นั้นเอง ก่อนรู้ไม่ได้อยากรู้เที่ยวแสวงหา ระหว่างรู้ไม่ถลำลงไปรู้แต่ตั้งมั่นสักว่ารู้ว่าเห็นอยู่ รู้แล้วไม่แทรกแซง เนี่ยเรียกว่าจิตเราตั้งมั่น เป็นกลาง

ถ้าเรามีสติรู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง เราจะเห็น ทั้งกายนี้ใจนี้ไม่มีตัวเรา ร่างกายก็เป็นเพียงรูปที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จิตใจเป็นแค่นามธรรมที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงแบบฟลุ้คๆด้วย แต่เปลี่ยนแบบมีเหตุทั้งสิ้นเลย

ยกตัวอย่างเช่น ความโกรธจะเกิดขึ้นไม่ใช่อยู่ๆความโกรธจะเกิดขึ้นเอง ความโกรธต้องมีเหตุนะความโกรธถึงจะเกิด ความโลภก็ต้องมีเหตุความโลภถึงจะเกิด ความหลงก็ต้องมีเหตุของมันความหลงถึงจะเกิด สิ่งทั้งหลายนะ มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ เราจะเห็นไปเรื่อยๆ เห็นความจริงเลย ทั้งกายทั้งใจนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมานี้เป็นของไม่เที่ยง ทุกอย่างที่เกิดอยู่ก็ทนอยู่ไม่ได้นาน เดี๋ยวก็ดับไป ทุกอย่างที่เกิดนั้นเกิดเพราะเหตุ ไม่ใช่เกิดเพราะเราสั่งนะ คอยดูไปเรื่อยๆเลย เห็นเลยทั้งกายทั้งใจไม่ใช่ตัวเราหรอก มันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันเป็นอนัตตาตลอดเวลา

ฝึกมากเข้าๆนะ ใจก็ละความเห็นผิดไป ฝึกไปตั้งนาน.. สิ่งที่เกิดขึ้นคือการละความเห็นผิด เบื้องต้นจะละความเห็นผิดก่อนว่ากายนี้ใจนี้เป็นตัวเรา ละตรงนี้ได้เรียกว่าเป็นพระโสดาบัน จะเห็นแล้วว่าตัวเราจริงๆไม่มีหรอก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520426A.mp3
ลำดับที่ ๔
ระหว่างนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๓๓ ถึง นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๓๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

(Visited 1,935 times, 1 visits today)

Comments are closed.