เพราะหลุดพ้น จึงรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว
เรื่องของจิตที่พวกเราติดกันอยู่มีความหลากหลายมาก
เช่นเป็นจิตที่เฉยๆ แบบซึมๆ เพราะโมหะแทรก,
จิตสบายใจ ไม่เจริญปัญญา หยาดเยิ้มแบบคนติดยา เพราะราคะแทรก,
จิตทะยานออกนอก ไม่เข้าฐาน ประกอบด้วยโทสะ,
จิตรู้ตัววับเดียว แต่ไม่ตั้งมั่น แล้วทะยานออกคิดปรุงแต่งไปตามความฟุ้งซ่าน,
จิตมีสติ ตั้งมั่นอยู่ได้ แต่กระด้างไม่เป็นธรรมชาติธรรมดา,
ที่ยกมานี้เพื่อเป็นตัวอย่างทางการศึกษาเท่านั้นครับ
ไม่ใช่ว่าคนที่ยกมานี้ ปฏิบัติสู้คนอื่นไม่ได้
อันที่จริง ทุกคนยังติดสิ่งใดสิ่งหนึ่งทั้งนั้น
ผมเองก็ติดเหมือนกัน ไม่ใช่ไม่ติด
เพราะถ้าไม่ติด จิตต้องหลุดพ้นไปแล้วทุกคน
สิ่งที่ติด ก็คือสิ่งที่จิตยังไม่รู้ทัน
ถ้าเมื่อใด จิตรู้ทันในสิ่งที่ติดอยู่ ก็หลุดจากสิ่งนั้นได้
แล้วไปติดสิ่งที่ละเอียดกว่านั้นต่อไป
ดังนั้น จะพ้นการติดได้ เราต้องรู้สภาวะที่กำลังติดอยู่นั้นตามความเป็นจริง
จะตรงกับสภาวะที่พระศาสดาทรงแสดงไว้ว่า
“เพราะเห็นตามความเป็นจริง จึงเบื่อหน่าย
เพราะเบื่อหน่าย จึงคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จึงหลุดพ้น
เพราะหลุดพ้น จึงรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว”
กระทั่งหลุดพ้น ก็ยังหนีการ “รู้” ว่าหลุดพ้นไม่ได้เลยครับ
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวัน อังคาร ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2543
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่