คำที่ฟังแล้วเข้าใจผิดไป
หลายคำครูบาอาจารย์ ที่เราฟังแล้วเข้าใจผิดไป เช่น
- ให้ดูจิต ท่านก็บอกตรงๆ แล้วว่า ให้ดู
แต่เราก็กลับพยายามที่จะทำจิตให้เป็นตามที่คิดว่าควรจะเป็น
- ให้มีสติรักษาจิต ท่านก็บอกตรงๆ แล้วว่า
ให้สตินั่นแหละรักษาจิต ไม่ใช่ให้เราทำเป็นเก่งปั้นโน่นทำนี่มารักษาจิต
ยิ่งกว่านั้นคือ พระพุทธเจ้าตรัสชี้ทางให้ว่า
จิตมีราคะ ให้รู้ชัดว่าจิตมีราคะ
จิตมีโทสะ ให้รู้ชัดว่าจิตมีโทสะ
จิตมีโมหะ ให้รู้ชัดว่าจิตมีโมหะ
แต่เรากลับทำตรงข้ามกับที่พระพุทธเจ้าตรัส
เหมือนเราไม่เชื่อ (แต่เพราะเราไม่รู้ไม่เข้าใจ) เราก็เลยทำผิดไปเป็น
จิตมีราคะ/จิตมีโทสะ/จิตมีโมหะ เราก็รีบเข้าไปตีกับมัน
เพื่อจะทำให้จิตปราศจากราคะ ปราศจากโทสะ ปราศจากโมหะ
เพื่อให้จิตไม่ถูกกิเลสครอบงำ
ทั้งที่จิตแบบนั้นเป็นจิตของพระอรหันต์
ส่วนเรายังไม่ใช่พระอรหันต์ เราจึงต้องฝึก “รู้ชัดจิต” เอาไว้
เพราะเมื่อรู้ชัดจิตได้ สติปัญญาก็จะเจริญไปตามลำดับ
จนถึงที่สุด จิตจึงจะไม่ถูกกิเลสครอบงำได้อีก
จากการเกิดมรรคจิต ละสมุทัย เกิดผลจิต แจ้งนิโรธ
จำไว้นะว่า
เราทำให้จิตไม่ถูกกิเลสครอบงำด้วยวิธีอื่นไม่ได้หรอก
เราต้องเจริญมรรคให้ถูกต้องเท่านั้น
จิตจึงจะไม่ถูกกิเลสครอบงำได้อีกตลอดไป
(ผลพวงจากการนั่งคุยกับศิษย์หลวงพ่อปราโมทย์ ที่สวนสันติธรรม
ในวันมาฆะบูชา พุทธศักราช ๒๕๕๖) ^_^
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่