Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๑) ศรัทธา

mp 3 (for download) : พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๑) ศรัทธา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : พละ ๕ (คือ)กำลังทั้ง ๕ มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา จะหนุนเสริมซึ่งกันและกันไปเรื่อยๆ

นี่ศรัทธาของปุถุชนนะยังคลอนแคลนง่าย ทีนี้พอเราภาวนามากเข้าๆ วันหนึ่งเป็นพระอริยะ กำลังของพระอริยะเนี่ย เป็นเรื่องแปลกนะ ท่านไม่อธิบายกำลังของพระอริยะด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา กำลังของพระอริยะที่ไม่ใช่พระอรหันต์ ท่านอธิบายถึงกำลัง ๕ เหมือนกัน อันแรกคือ ศรัทธา แต่ศรัทธานี้นะ ไม่เหมีอนศรัทธาที่พวกเราศรัทธา ศรัทธาต่อพระอริยะต่อพระพุทธเจ้าเนี่ย คือไม่มีความคลอนแคลนอีกแล้ว เป็นกำลังที่ยิ่งใหญ่ทำให้ไม่คลอนแคลน เป็นความเคารพเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า รู้ว่าท่านมีจริง ท่านสอนจริง ท่านสะอาดจริง ท่านเก่งจริงนะ ท่านเมตตากรุณาจริงๆ ใจนี้ซาบซึ้งมากเลย ฝากเป็นฝากตายกับท่านได้เต็มที่เลย

เป็นกำลังของพระที่เรียกว่าพระเสขบุคคล เสขบุคคลคือตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี เป็นเสขบุคคล ส่วนพระอรหันต์เรียกว่า อเสขบุคคล เสขะ หรือสิกขา หรือ สิกขา หรือ ศึกษานี่เอง คนไทยใช้คำว่า “ศึกษา” โสดาฯ สกทาคาฯ อนาคาฯ เป็นอริยบุคคลชนิดที่ยังต้องศึกษาอีก พระอรหันต์เป็นพระอริยะประเภท อเสขะ คือไม่ต้องศึกษาอีกแล้ว เรียนจบแล้ว

กำลังของพระเสขะ คือผู้ที่ยังต้องศึกษาอยู่ จะมีศรัทธาแน่นแฟ้นในพระพุทธเจ้านะ ตัวนี้เต็มร้อยเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๒
File: 561110A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๑๒ ถึงนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๖

ตัดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ถอดคลิปส์และตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ถ้าวางกิเลสโดยมีความจงใจ หรือทำจิตให้ว่าง ทำจิตให้ไม่ยึดถือ ยังไม่ใช่พระอรหันต์

mp3 for download :ถ้าวางกิเลสโดยมีความจงใจ หรือทำจิตให้ว่าง ทำจิตให้ไม่ยึดถือ ยังไม่ใช่พระอรหันต์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เรานั้นมีหน้าที่เจริญสติเจริญปัญญาให้มาก..ไป แล้วพอถึงเวลาเขาวางของเขาเอง อย่ารีบวางนะ บางคนเอะอะก็วางแล้ว ใจของผมเข้าถึงสุญญตาแล้ว หลวงพ่อ.. บางทีมาบอกหลวงพ่อนะ จิตของผมเข้าถึงสุญญตาแล้ว มันไม่สุญญตาหรอก

ครูบาอาจารย์บางท่านก็ใช้วิธีด่าเอานะ ใช้วิธีด่าเอาเจ็บๆน่ะ ใครมาบอกว่าเป็นพระอรหันต์ บางทีท่านด่า บางทีมาบอกท่านว่าไม่มีกิเลสน่ะ ท่านก็เล่นงานเอา มีผู้หญิงคนหนึ่งนะ พวกผู้หญิงคุณนาย ไปบอกเจ้าคุณอุบาลี เจ้าคุณอุบาลีอยู่วัดบรมนิวาส ไปบอกว่า ท่าเจ้าคะดิฉันไม่มีความโกรธแล้ว ท่านเจ้าคุณหันขวั่บมา อีตอแหล โอ๊ย.. คุณนายผู้ไม่มีความโกรธน่ะลุกพรวดเลย พระปากจัด ไม่นับถือแล้ว เดินกระทืบพื้น โป้ง โป้ง โป้ง ออกไปหน้าวัดเลย ไปถึงหน้าวัดแล้วนึกได้ นี่กิเลสนะ ที่ว่าไม่มีโทสะไม่จริงหรอก มีแล้ว

หลวงปู่ดูลย์ก็เคยนะ ไปด่าพระองค์หนึ่ง พระองค์นั้นบอกว่าเป็นพระอรหันต์ ไอ้สัตว์ฯรก ไปให้พ้น ไสหัวไปให้พ้น โกรธเลย พระอรหันต์โกรธนะ อันนี้เดินเลยวัดออกไปแล้ว ๓ กิโเมตรแล้วถึงรู้ คุณนายนั่นแกคิดว่าเป็นพระอนาคามี ออกไปหน้าวัดถึงได้รู้ตัวนะ ส่วนพระรูปนี้ท่านคิดว่าท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว เดินไป ๓ กิโลเมตรถึงได้รู้ นานหน่อย แต่ยังดีที่รู้

เพราะฉะนั้นเวลาเราวัดความก้าวหน้าของการปฏิบัติ เราวัดกันที่กิเลสนะ กิเลสยังย้อมใจเราได้แค่ไหน คอยรุ้ทันันไปเรื่อย อย่าไปให้จิตติดว่างๆอยู่นะ ว่างๆไม่มีกิเลสแล้วบอกว่าไม่มีกิเลส เป็นพระอริยะแล้ว ไม่เป็นหรอก จิตธรรมดานี่แหละ กระทบอารมณ์ธรรมดานี่แหละ แล้วกิเลสมันย้อมจิตไม่ได้นี่แหละ จึงจะเชื่อได้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907B
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๙ วินาทีที่ ๖ ถึง นาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อคลายความยึดถือจะหลุดพ้น

mp3 for download :เมื่อคลายความยึดถือจะหลุดพ้น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากวัดพระธาตุโกฏิแก้ว
เอื้อเฟื้อภาพโดย คุณ มโน มยา

หลวงพ่อปราโมทย์ : คำว่า “อนัตตา” เป็นคำที่กว้าง มีความหมายหลายแบบ ในทางตำราที่พวกพระเขาเรียนกัน ในนักธรรมเอกนั้นบอกเลย มันมี ๕ แบบ คำว่าอนัตตาน่ะ ไม่อยู่ในอำนาจ ปฏิเสธความเป็นตัวตน อะไรอย่างนี้ มีหลายแบบ เป็นไปตามเหตุอะไรอย่างนี้ นั่นคือความหมายของคำว่าอนัตตา

ก็มาดูความจริงนะ ในกายในใจเรื่อยๆ เห็นแต่อนิจจังทุกขังอนัตตา ดูไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นตามความเป็นจริงจะเบื่อหน่าย เมื่อเบื่อหน่ายจะคลายความยึดถือ เมื่อคลายความยึดถือจะหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นจะรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว ชาติคือความเกิดที่จะต้องมาเสวยอารมณ์ เสวยทุกข์ ไม่มีอีกแล้ว ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์คือการประพฤติปฏิบัติธรรมเนี่ย จบแล้ว หมายถึงการปฏิบัติธรรมนี้มีที่จบนะ งานทางโลกไม่มีวันจบ แต่งานทางธรรมนั้นมีวันจบ จบตรงที่เห็นความจริงแจ่มแจ้งแล้ว

เพราะเห็นตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายความยึดถือ เพราะคลายความยึดถือจึงหลุดพ้น เพราะหลุดพ้นจึงรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจที่ควรทำในวัฏฏะของเราเนี่ย คือการยกระดับจิตใจให้พ้นจากความทุกข์ กิจทางโลกๆนี้ทำไปเพื่ออาศัยอยู่กับโลกชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นเอง ทำมาหากินหาเงินหาทอง หุงข้าวต้มแกง อะไรอย่างนี้นะ เป็นกิจทางโลก พวกนี้จะอยู่ชั่วคราว หุงข้าวมาเดี๋ยวก็กินข้าวหมด เดี๋ยวก็มาหุงใหม่อีก วนเวียนไปไม่จบ แต่กิจในการปฏิบัติธรรมนี้จบ ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้นไม่มีอีกแล้ว จิตมันจะรู้สึกเลยว่า มันหมดภาระแล้ว มันหมดสิ่งที่จะต้องทำแล้ว คำว่า “ต้อง” จะไม่มีในชีวิตอีกแล้ว

พวกเรามีคำว่า “ต้อง” เยอะมั้ย ช่วงไหนคำว่า “ต้อง” เยอะๆ เครียดมั้ย คิดดูนะ พระอรหันต์ไม่มีคำว่า “ต้อง” นะ สบายมั้ย สบ๊ายสบาย ฝึกเอานะ ฝึกเอา แล้วจะรู้ว่า นิพพานมีจริง ถ้าไม่ฝึกนะ นานๆไปก็จะรู้ว่านรกมีจริงๆนะ เลือกเอานะ ทางใครทางมัน

*หมายเหตุ ลักษณะของอนัตตา หรือ อนัตตลักษณะ ตามพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) [พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)]

อนัตตลักษณะ ลักษณะที่เป็นอนัตตา,ลักษณะที่ให้เห็นว่าเป็นของมิใช่ตัวตน โดยอรรถต่างๆ
        ๑. เป็นของสูญ คือ เป็นเพียงการประชุมเข้าขององค์ประกอบที่เป็นส่วนย่อยๆ ทั้งหลาย ว่างเปล่าจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา หรือการสมมติเป็นต่างๆ
        ๒. เป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ ไม่เป็นของใครจริง
        ๓. ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆ
        ๔. เป็นสภาวธรรมที่ดำรงอยู่หรือเป็นตามธรรมดาของมัน เช่น ธรรมที่เป็นสังขตะ คือสังขาร ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ขึ้นต่อเหตุปัจจัย ไม่มีอยู่โดยลำพังตัว แต่เป็นไปโดยสัมพันธ์ อิงอาศัยกันอยู่กับสิ่งอื่นๆ
        ๕. โดยสภาวะของมันเอง ก็แย้งหรือค้านต่อความเป็นอัตตา มีแต่ภาวะที่ตรงข้ามกับความเป็นอัตตา;


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907A
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๒๓ วินาทีที่ ๑๐ ถึง นาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๓๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ถ้าเห็นจิตกับสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งเดียวกันนะ ก็จะพ้นจากทุกข์

mp3 for download : ถ้าเห็นจิตกับสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งเดียวกันนะ ก็จะพ้นจากทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เมื่อปล่อยศูนย์กลางของโลกได้แล้วนะ โลกนี้ไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาสาหัสอะไรเลย จิตจะปล่อยอัตโนมัติเลย

เพราะฉะนั้นเมื่อเรามาฝึกปฏิบัติ ฝึกเรียนรู้ความจริง ให้เรียนรู้เข้ามาถึงกายถึงใจ ซึ่งมันถูกสำคัญมั่นหมายว่าเป็นศูนย์กลางของโลกศูนย์กลางของจักรวาล พอปล่อยวางตัวนี้ได้เพราะเห็นความจริงว่าเป็นตัวทุกข์แท้ๆเลย จะปล่อยทั้งตัวเองและปล่อยทั้งสิ่งแวดล้อมภายนอกด้วย มันจะเสมอกันไปหมดเลย

หลวงปู่ดูลย์เคยสอนหลวงพ่อไว้ประโยคหนึ่งนะ แต่ว่ากว่าจะเข้าใจต้องใช้เวลานานมากเลย ท่านบอกว่า จิตกับสิ่งที่แวดล้อมอยู่เนี่ย เป็นสิ่งเดียวกัน พวกเราไม่เห็นใช่มั้ย เราจะเห็นว่าจิตใจเป็นคนดูเป็นตัวตั้ง เป็นแกนกลางของทุกอย่าง ทุกอย่างที่แวดล้อมอยู่เป็นของถูกรู้ถูกดู

สิ่งที่แวดล้อมอยู่นั้นมีตั้งแต่ความรู้สึกภายใน มีกระทั่งร่างกายใช่มั้ย ล้นออกมาก็มีครอบครัว สามีภรรยาลูก มีทรัพย์สมบัติ มีบ้านช่อง มีกระทั่งเพื่อนร่วมงาน มีญาติมิตร อะไรอย่างนี้นะ มีศัตรู กว้างขวางออกไปเรื่อยๆ มันออกไปจาก มันตั้งต้นออกไปจากตัวเรานี่เอง

นี่ถ้าเมื่อไหร่ ท่านบอกว่า ถ้าเห็นจิตกับสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งเดียวกันนะ ก็จะพ้นจากทุกข์ ท่านว่าอย่างนี้นะ พวกเราก็ต้องมาพิสูจน์ดูว่า หลวงปู่ดูลย์ท่านพูดจริงหรือไม่จริง ห้ามเชื่อ เวลาที่หลวงปู่สอนหลวงพ่อนะ บางทีท่านถามว่าเชื่อมั้ย ท่านลองน่ะ ยังไม่เชื่อครับ ยังไม่เห็น เดี๋ยวผมจะลองไปทำดู ท่านบอกว่า เออ.. ใช่ได้ ใช้ได้ตรงไหน ใช้ได้ตรงที่จะลองไปทำดูนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907A
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๓ วินาทีที่ ๒๓ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๑๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คนทั้งหลาย ล้วนแต่เอาตนเองเป็นศูนย์กลางของโลก

mp3 for download : คนทั้งหลาย ล้วนแต่เอาตนเองเป็นศูนย์กลางของโลก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เราก็คอยรู้สึกนะ หันกลับมาคอยรู้สึกอยู่ในกายในใจของเรา ในกายก็ประกอบด้วยตาหูจมูกลิ้นกาย ในใจก็คือความรู้สึกนึกคิดทั้งหลาย ตัวความรับรู้ทั้งหลาย สิ่งที่เรียกว่าใจในที่นี้จะครอบคลุมไปถึง ตัวเวทนาหรือความรู้สึกสุขทุกข์ ความรู้สึกเฉยๆไม่สุขไม่ทุกข์ ตัวสัญญาความจำได้-หมายรู้ จำได้อันหนึ่งนะ หมายรู้อันหนึ่งนะ แล้วก็ตัวปรุงดีปรุงชั่ว แล้วก็ตัวจิตที่เกิดทางตาหูจมูกลิ้นกายใจเรียกว่าวิญญาณ วิญญาณจิต

จิตกับวิญญาณนั้นอันเดียวกัน ถ้าทำหน้าที่ไปรับรู้อารมณ์ทางอายตนะ ก็เรียกว่าวิญญาณ ถ้าทำหน้าที่อื่นๆ ไปเสพอารมณ์อะไรอย่างนี้ ก็เรียกว่าจิต มีคำว่าใจอีกคำหนึ่ง ใจเป็นตัวรู้ธรรมารมณ์นะ รู้อารมณ์ทางใจ เรียกว่าใจ จิต วิญญาณ ใจ อันเดียวกัน คือธรรมชาติที่รู้อารมณ์

ทีนี้เราจะมาเรียนรู้สิ่งเหล่านี้นะ เรียนรู้อยู่ในกายในใจของเรา ทีนี้จะมาเรียนรู้ทั้งกายทั้งใจเนี่ย เรียนรู้เพื่ออะไร เรียนรู้เพื่อให้เห็นความจริงว่ากายนี้ใจนี้ไม่ใช่ตัวเรา เป็นการเรียนรู้ในเบื้องต้น ปัญญาเบื้องต้นจะเห็นว่ากายนี้ใจนี้ไม่ใช่ตัวเรา ความทุกข์มีอยู่ การกระทำมีอยู่ มีการกระทำ มีความทุกข์ แต่ไม่มีผู้กระทำ ไม่มีผู้เป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นมีการกระทำนะแต่ไม่มีผู้กระทำ ใครเป็นคนทำ ก็ขันธ์มันทำ ไม่ใช่เราทำ

เบื้องต้นปัญญาเบื้องต้นก็จะเห็นว่าไม่มีเรา ปัญญาเบื้องปลายจะเห็นว่า สิ่งที่มีอยู่นั้นมีแต่ทุกข์ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรตั้งอยู่ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป ถ้าเห็นอย่างนี้นะ ความเพลิดเพลินพอใจในโลกในอะไรเหล่านี้จะสิ้นสุดลง เพราะโลกนี้มีอะไรเป็นศูนย์กลาง ก็มันมีตัวเราเป็นศูนย์กลางของโลก ทุกคนเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกกันทั้งหมดเลย แม้กระทั่งศูนย์กลางของโลกคือกายนี้ใจนี้ เรายังเห็นความจริงเลยว่า หาสาระไม่ได้เลย จะเกิดขึ้นมาแต่ตัวทุกข์ หาตัวดีไม่ได้เลย ไม่น่าเพลิดเพลิน ไม่น่าพอใจ เมื่อปล่อยศูนย์กลางของโลกได้แล้วนะ โลกนี้ไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาสาหัสอะไรเลย จิตจะปล่อยอัตโนมัติเลย

เพราะฉะนั้นเมื่อเรามาฝึกปฏิบัติ ฝึกเรียนรู้ความจริง ให้เรียนรู้เข้ามาถึงกายถึงใจ ซึ่งมันถูกสำคัญมั่นหมายว่าเป็นศูนย์กลางของโลกศูนย์กลางของจักรวาล พอปล่อยวางตัวนี้ได้เพราะเห็นความจริงว่าเป็นตัวทุกข์แท้ๆเลย จะปล่อยทั้งตัวเองและปล่อยทั้งสิ่งแวดล้อมภายนอกด้วย มันจะเสมอไปหมดเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907A
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๓ วินาทีที่ ๒๓ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๑๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตหนึ่ง จิตคือพุทธะ คือจิตพระอรหันต์

mp3 for download : จิตหนึ่ง จิตคือพุทธะ คือจิตพระอรหันต์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ : หลวงปู่ก็สอนอีกนะ บอกว่า ภายนอกมันว่างเปล่า คือไม่มีรูปลักษณ์ ภายในนั้นเหมือนท่อนไม้และก้อนหิน คือ ไม่มีการเคลื่อนไหว ท่านสอนลักษณะของจิตหนึ่ง จิตหนึ่งคือจิตของพระอรหันต์น่ะ

หลวงพ่อเคยได้ยิน บางคนบอกว่า ชอบคำสอนของหลวงปู่ดูลย์ ขณะนี้ปฏิบัติตามคำสอนของหลวงปู่ดูลย์ ก็ถามว่าปฏิบัติเรื่องอะไร ปฎิบัติตามเรื่องจิตคือพุทธะ อย่างนั้นก็เสร็จเลย จิตคือพุทธะ จิตหนึ่ง คือจิตพระอรหันต์ เราต้องปฏิบัติให้มันถูกเรื่องนะ อันนั้นเป็นปลายทาง เป็นผลของการปฎิบัติ ถ้าปฏิบัติต้นทางของการปฎิบัตินะ ท่านจะเจริญปัญญานะ มีญาณเห็นจิตเหมือนตาเห็นรูป คำสอนที่อ้างหลวงปู่ดูลย์ก็ต้องอ้างให้ถูกที่ด้วย อ้างผิดนะ มั่ว กลายเป็นการพยายามเลียนแบบจิตพระอรหันต์

จิตพระอรหันต์ ว่าง สว่าง บริสุทธิ์ หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกริยาของจิต ไม่มีอะไรเลย ไม่เหลืออะไรสักอย่าง เราพยายามไปทำอันนี้ขึ้นมา มันเลยไม่ว่างจริง เพราะมันยังวิ่งวุ่นวายอยู่นะ ไปสร้างขึ้นมา ไม่สว่างจริงหรอก ยังประกอบด้วยโมหะอยู่ ประกอบด้วยอวิชาอยู่ ไม่บริสุทธิ์หรอก อวิชาก็ยังอยู่ ซ่อนอยู่ในจิต ยังปรุงแต่งอยู่ ปรุงแต่งอะไร ปรุงแต่งว่าง (ปรุงแต่งความว่างขึ้นมา – ผู้ถอด) ยังแสวงหาอยู่ แสวงหาอะไร แสวงหาว่าง ยังมีการไปยังมีการมา มีนิพพานแล้วมีเข้ามีออก บางทีสอนกันนะ บอกว่า บรรลุพระอรหันต์นะ จิตสงบสันติอยู่ภายในนิรันดร มีภายนอกภายในก็ไม่ใช่หรอก ยังมีนอกมีในยังมีธรรมที่เป็นคู่อยู่ ไม่ใช่ธรรมที่เป็นหนึ่ง ไม่ใช่จิตหนึ่งหรอก

บางทีอ้างหลวงปู่นะ อ้างว่าฝึกตามที่หลวงปู่สอนนะ มั่วซั่วเลย ไปเอาปลายทางมาเป็นต้นทาง ต้องฝึกต้นทาง ต้องมีญาณเห็นจิตเหมือนตาเห็นรูป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๔๒ ถึงนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๔๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตมิใช่จิต แต่ก็มิใช่มิใช่จิต

mp3 for download : จิตมิใช่จิต แต่ก็มิใช่มิใช่จิต

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ : หลวงปู่ดูลย์เคยสอนอยู่ประโยคหนึ่งนะ “จิตมิใช่จิต แต่ก็มิใช่มิใช่จิต” ฟังแล้วโอ๊ยสำนวนโวหารสวิงสวาย เป็นอย่างนั้นจริงๆ จิตไม่ใช่จิตหรอก แต่ว่าเป็นสภาวะอย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดแล้วก็ดับไป แต่ก็ไม่ใช่มิใช่จิต เพราะอะไร เพราะว่าสภาวะอันนั้นมีหน้าที่รู้อารมณ์ สภาวะที่ทำหน้าที่รู้อารมณ์เรียกว่าจิต

จิตมิใช่จิต แต่ก็มิใช่มิใช่จิต ฟังแล้วก็เอ้อ… หลวงปู่พูดอะไรก็ไม่รู้นะ ต้องภาวนากันนานเลย โดยเฉพาะเมื่อเข้าถึงจิตหนึ่งนะ เข้าถึงจิตหนึ่งนะ ถึงจะแจ้งเต็มภูมิ จิตมิใช่จิต มันไม่ใช่จิตอย่างที่เราเคยเห็นน่ะ ไม่ใช่จิตเป็นดวงๆแบบมีขอบมีเขตมีจุดมีดวงมีที่ตั้ง จิตนั้นเต็มโลกธาตุ เต็มจักรวาล เมื่อเต็มโลกธาตุเต็มจักรวาลจิตก็ไม่มีการไปไม่มีการมา มันไม่ต้องเคลื่อนไปมา

จิตของเราเคลื่อนไปมา รู้สึกมั้ย เดี๋ยวเคลื่อนไปทางตา เคลื่อนไปทางหู เคลื่อนไปทางใจ วิ่งไปวิ่งมา ทำไมมันวิ่งได้ เพราะมันเล็กนิดเดียว ใครมีจิตน้อยๆบ้าง เรียกว่า “ใจน้อย” เล็กนิดเดียว เรียกว่าใจแคบนั้นแหละ ยิ่งเล็กมากก็ยิ่งแคบมากนะ ถ้าใจกว้างก็จะใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าถึงขีดสุดนะ ไม่มีขอบไม่มีเขต เต็ม เหมือนตัวใหญ่เท่าศาลานี้ กระดุกกระดิกไม่ได้แล้ว เต็มแล้ว ไม่มีการไปการมาแล้ว ตัวใหญ่เต็มโลกเต็มจักรวาล เคลื่อนที่ไม่ได้นะ ไม่มีการเคลื่อนไหว

หลวงปู่ก็สอนอีกนะ บอกว่า ภายนอกมันว่างเปล่า คือไม่มีรูปลักษณ์ ภายในนั้นเหมือนท่อนไม้และก้อนหิน คือ ไม่มีการเคลื่อนไหว ท่านสอนลักษณะของจิตหนึ่ง จิตหนึ่งคือจิตของพระอรหันต์น่ะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๕ ถึงนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๕๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ปุถุชนต้องมีหลักของการภาวนาให้ถูกต้องก่อน เพื่อที่จะภาวนาให้ได้โสดาบัน

mp3 for download : ปุถุชนต้องมีหลักของการภาวนาให้ถูกต้องก่อน เพื่อที่จะภาวนาให้ได้โสดาบัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :ในสมัยพุทธกาล มีอัครสาวกอยู่ ๒ องค์ รู้จักชื่อท่านใช่มั้ย พระมหาโมคคลานะ กับพระสารีบุตร พระโมคคลานะเนี่ยฤทธิ์มาก พระสารีบุตรเนี่ยปัญญามาก พระสารีบุตรเนี่ยพระพุทธเจ้าชมเชยอย่างหนึ่ง ชมเชยว่า ท่านสามารถสอนปุถุชนให้เป็นพระโสดาบันได้เยอะมากเลย ปุถุชนเนี่ยไปเรียนกับพระสารีบุตรนะ ไม่นานก็ได้เป็นพระโสดาบัน ส่วนพระโมคคลานะจะเก่งมากเลยในการสอนพระโสดาบันให้เป็นพระอรหนต์ ความเก่งของท่านคนละแบบกัน ท่านมีฤทธิ์มีเดชนะ รู้จิตรู้ใจ ดักหน้าดักหลัง แต่พระสารีบุตรจะสอนทฤษฎีเลยล่ะ หลักการเป็นอย่างนี้ๆ

เพราะฉะนั้นพวกเราต้องเรียนหลักให้แม่นก่อนนะ ต้องเรียนอย่างที่พระสารีบุตรสอนก่อนนะ พวกเราชอบไปอาศัยผู้อื่นให้ดูจิตให้ อย่างนี้ใช้ไม่ได้นะ หลักต้องแม่นก่อน มันคนละหน้าที่กันนะ คนละเวลากัน ตอนนี้เรียนหลักให้แม่น พอหลักแม่นแล้วก็ลงมือปฏิบัติไปเรื่อยๆ ถ้าได้โสดาฯแล้ว คราวนี้ล่ะต้องอาศัยระดับพระโมคคลานะช่วย จะง่าย

แต่ระหว่างพระโมคคลานะกับพระสารีบุตร ระหว่างผู้ที่สอนให้เราได้พระโสดาฯกับผู้ที่สอนให้เราบรรลุพระอรหันต์เนี่ย ความรู้สึกนะ หรือบุญคุณนะ ความรู้สึกต่อผู้ที่สอนใหเราได้โสดาฯเนี่ย คือพ่อคือแม่ของเรา ความรู้สึกต่อผู้ที่ประคับประครองเราจนบรรลุพระอรหันต์ คือพี่ของเรา ความรู้สึกจะไม่เหมือนกันนะ เนี่ยนะ ความเป็นโสดาบันสำคัญมาก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560511A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๐
ระหว่างนาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๕๙ ถึงนาทีที่ ๓๒ วินาทีที่ ๔๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตที่หลุดพ้นแล้ว

mp3 for download : จิตที่หลุดพ้นแล้ว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :เวลาหลุดพ้นเนี่ย จิตมันพรากออกไปจากขันธ์นะ ไม่ยึดถือไม่เกาะไม่เกี่ยวอะไรเลย จิตสว่างไสวเต็มโลกธาตุ ไม่มีขอบไม่มีเขตไม่มีจุดไม่มีดวง ไม่มีที่ตั้ง ไม่มีการไปไม่มีการมา ไม่มีไหลไปไหลมา ไม่มีเลย สว่าง สดชื่น เบิกบาน ผ่องใส โดยตัวของมันเอง (หมายถึง ไม่ต้องอาศัยเหตุอื่นมาทำให้จิตผ่องใสอีก เช่น ไม่ต้องอาศัยการเจริญสติ ไม่ต้องอาศัยการเจริญสมาธิ เป็นต้น – ผู้ถอด) อยู่ที่เราฝึกเอานะ

เพราะเห็นตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจึงหลุดพ้น เพราะหลุดพ้นจึงรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว แล้วท่านจะต่อท้ายว่า ชาติคือความเกิดเนี่ย หมดสิ้นแล้ว กิจที่ต้องทำเพื่อความพ้นทุกข์เนี่ย ทำเสร็จแล้ว กิจอย่างอื่น ภาระอย่างอื่น ที่จะต้องปฏิบัติอีก ไม่มี คือบอกว่า ชาตสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ คือความหลุดพ้นอย่างนี้ ไม่มีอีก นะ นี่เป็นที่สุดที่พระสาวกทั้งหลายตามพระพุทธเจ้ามา ก็เข้ามาสู่ภาวะอันนี้เอง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๑๓ ถึงนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๑๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ตราบใดที่โลกยังมีผู้เจริญสติปัฏฐานอยู่ โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์

mp3 for download : ตราบใดที่โลกยังมีผู้เจริญสติปัฏฐานอยู่ โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :>พระพุทธเจ้าสอน บอกว่า ตราบใดที่โลกยังมีผู้เจริญสติปัฏฐานอยู่ ตราบใดที่ยังมีผู้เจริญสติปัฏฐานอยู่ โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์

การเจริญสติปัฏฐานก็คือการมีสติรู้ความจริงของร่างกาย การมีสติรู้ความจริงของความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ทั้งหลาย การมีสติรู้เท่าทันความปรุงแต่งของจิตใจ ปรุงดีบ้าง ปรุงชั่วบ้าง การสติเห็นกระบวนการทำงานทางจิตใจ เช่นมันปรุงนิวรณ์ปรุงกิเลสขึ้นมาอย่างนี้ๆนะ มันปรุงโพชฌงค์ขึ้นมาได้อย่างนี้นะ หรือเห็นกระบวนการทำงานที่จิตปรุงความทุกข์ขึ้นมา เห็นกระบวนการทำงานที่ความทุกข์ดับไป นี้เรียกว่าเห็นปฏิจจสมุปบาท

หน้าที่เรา เจริญสติปัฏฐาน มีสติ รู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่น และเป็นกลาง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๕ ถึงนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๕๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความทุกข์แปรไปตามกำลังของความยึดถือ

mp3 for download : ความทุกข์แปรไปตามกำลังของความยึดถือ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :จริงๆแล้วการปฏิบัติธรรมนะ เอา Basic เลย มันไม่มีอะไรหรอก มันคือการเรียนรู้ความเป็นจริงของตัวเราเอง สิ่งที่เรียกว่าตัวเราก็คือกายกับใจของเรานี่แหละ ถ้าเราเรียนรู้ความจริงได้นะ เราจะหมด ถ้าไม่หมดนะก็ลด ความยึดถือกายยึดถือใจลงได้ ถ้าเรายึดถือมากก็ทุกข์มาก ยึดถือน้อยก็ทุกข์น้อย ไม่ยึดถือก็ไม่ทุกข์ ใจของเรามันทุกข์ขึ้นมาได้เนี่ย ก็เพราะว่ามันเข้าไปยึดถือสิ่งต่างๆ ส่วนร่างกายที่เป็นทุกข์น่ะ เป็นไปตามธรรมชาติของมัน มีร่างกายแล้วถึงอย่างไรก็ทุกข์

ร่างกายของพระอรหันต์ก็ทุกข์เหมือนที่พวกเราทุกข์นั้นแหละ แต่จิตใจเนี่ย ท่านรู้ความจริงมากก็ไม่ยึดถือ ท่านก็ไม่ทุกข์ พระอนาคามีท่านยังยึดถือจิตอยู่ แต่ว่าไม่ยึดถือกาย ร่างกายเจ็บป่วยแปรปรวนอะไรก็ไม่เดือดร้อน แต่ถ้าจิตไม่มีสมาธิอะไรอย่างนี้ ยังเดือดร้อน ยังพยายามรักษาจิตอยู่ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี ก็ยังคงยึดถือขันธ์ ๕ เหมือนที่พวกเรายึดนี่แหละ แต่ท่านยึดน้อยกว่า ของเรายึดมาก ถ้าเราเห็นว่าขันธ์ ๕ ของเรา ร่างกายจิตใจของเรา เป็นของดีของวิเศษ หวงแหนมาก รักมาก อยากให้มันอยู่อย่างนี้แหละ อมตะนิรันดร อยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเราคงที่อยู่ในสิ่งที่ดี ถ้ามีของไม่ดีมาก็อยากให้มันพ้นไปเร็วๆ

ความอยากนั้นเป็นต้นตอให้เกิดความยึดถือ เนี่ยเราจะเรียนนะ จนกระทั่งวันหนึ่งมันไม่ยึด ไม่ยึดไม่ทุกข์ ตัวที่ทำให้เข้าไปยึดถือสิ่งต่างๆนั้นน่ะคือ ความยึดถือ มีชื่อเรียกว่า “อุปาทาน”


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๒ ถึงนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อภาวนามากเข้าก็จะเห็นว่า สภาวธรรมต่างๆเหมือนเล่นละครให้เราดู

mp3 for download : เมื่อภาวนามากเข้าก็จะเห็นว่า สภาวธรรมต่างๆเหมือนเล่นละครให้เราดู

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :สติก็ต้องละเอียดขึ้น ศรัทธา วิริยะ สติ ต้องดีขึ้นๆ สมาธิคือความตั้งมั่นของจิต จิตใจต้องอยู่กับเนื้อกับตัว จิตไหลไปแล้วรู้ จิตไหลไปแล้วรู้ รู้ไวๆ เอาสตินั้นแหละไปรู้ สมาธิก็จะเพิ่มขึ้นๆ ต่อไป จิตก็จะเป็นคนดู เห็นทุกอย่างแสดง รูปธรรมแสดงละครให้ดู นามธรรมแสดงละครให้ดู โลภโกรธหลงก็แสดงละครให้เราดู สุขทุกข์ก็แสดงละครให้เราดู ใจเป็นคนดู นี่เรียกว่าใจมีสมาธินะ

ปัญญาก็จะเกิด ก็จะเห็นเลย รูปธรรมที่แสดงละคร มันก็แค่ละคร ละครมันไม่ใช่ของจริงหรอก นามธรรมทั้งหลายนะ พวกความสุขความทุกข์ กุศล-อกุศลทั้งหลายนะ ก็แสดงละครให้เราดู ไม่ใช่ของจริงอะไรหรอก ไม่มีตัวมีตน ตัวจิตเองก็แสดงละคร เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยววิ่งไปทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ก็เล่นละครให้เราดูอีกนะ ปัญญามันก็เกิดนะ มีแต่ละครนะ มีแต่ของหลอกนะ มีแต่ภาพลวงตานะ
ขันธ์ ๕ นี้ไม่มีจริง (หมายถึง ไม่ถาวรจริง) มีขึ้นมาชั่วครั้งชั่วคราว เหมือนภาพลวงตา เหมือนความฝัน เหมือนพยัพแดด เห็นปัญญาแก่กล้า ก็ปล่อย

ปล่อยขันธ์ไปตามลำดับนะ เบื้องต้นก็ปล่อยรูปธรรมไปก่อน เบื้องปลายก็ปล่อยนามธรรม ปล่อยรูปธรรมได้ ได้พระอนาคา(มี) ปล่อยนามธรรมได้ก็หมดแล้ว จบกิจ ไม่มีธุระที่จะต้องปฏิบัติอีกแล้ว

ไปฝึกเอานะ ต้องทำ ไม่ทำไม่ได้ แล้วจะรักพระพุทธเจ้า ไม่ใช่กูเก่งนะ ภาวนาแทบเป็นแทบตาย แล้วจะรู้สึกว่าพระพุทธเจ้าเก่ง ไม่ใช่กูเก่งหรอก เพราะกูไม่มี กูไม่มี มันว่างจากความเป็นตัวเป็นตน

เอ้าไปฉัน ไปทานข้าวกันไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 560111A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๒ ถึงนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

บรรลุพระอรหันต์เพราะเห็นอนิจจังของจิตบ้าง เพราะเห็นทุกขังของจิตบ้าง เพราะเห็นอนัตตาของจิตบ้าง

mp3 (for download) : บรรลุพระอรหันต์เพราะเห็นอนิจจังของจิตบ้าง เพราะเห็นทุกขังของจิตบ้าง เพราะเห็นอนัตตาของจิตบ้าง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : พวกที่ทรงสมาธิมากๆเนี่ย เวลาจะบรรลุพระอรหันต์ จะต้องบรรลุด้วยการเห็นจิตเป็นตัวทุกข์ เพียงลำพังเห็นจิตไม่เที่ยง พวกที่มีศรัทธามากๆนะเห็นจิตไม่เที่ยง พวกนี้ก็ยอมปล่อยวางจิตนะ พวกศรัทธามากเนี่ย จะเป็นพวกมาตรฐานสูง พอเห็นความไม่เที่ยงนิดๆหน่อยๆก็จะรู้สึกว่าผิดมาตรฐานแล้ว ยอมรับไม่ได้เลย ยอมทิ้งจิต ส่วนพวกปัญญามากเนี่ย จะบรรลุด้วยการเห็นอนัตตา เห็นว่าจิตไม่ใช่ตัวเรา มันทำงานของมันได้เอง พึ่งพาอาศัยอะไรไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุตามปัจจัยของมัน เอาเป็นที่พึ่งไม่ได้ จิตก็สลัด ไม่ยึดถือ สลัดคืนจิตให้โลก แต่ถ้าพวกทรงสมาธินะ เวลาบรรลุพระอรหันต์เนี่ย ก็จะเห็นความเป็นทุกข์ของจิต

ของเราไม่ต้องกังวลนะ ว่า ของเรายังไม่ต้องถามหลวงพ่อนะ ว่า หนูจะบรรลุพระอรหันต์เพราะเห็นอนิจจัง หรือทุกขัง หรืออนัตตานะ เอาให้ได้โสดาฯก่อน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๑ ถึงนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ได้พระโสดาบันแล้วชีวิตจะมั่นคง

mp3 (for download) : ได้พระโสดาบันแล้วชีวิตจะมั่นคง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : เอาให้ได้โสดาบันก่อน เมื่อได้พระโสดาบันแล้วจะรู้สึกว่าชีวิตจะมั่นคงขึ้น ไม่งั้นเวลาที่เรามีชีวิตอยู่ในโลก เราจะรู้สึกว่ามันไร้ทิศทางที่ชัดเจน เราไม่รู้ว่าเราจะไปทางไหน จะดีขึ้นหรือเลวลงอะไรอย่างนี้ ไม่แน่ มีแต่คำว่าไม่แน่ๆ

พอเป็นพระโสดาบันแล้วมันมีคำว่า “แน่” เกิดขึ้น คือแน่นอนว่าวันหนึ่งจะตรัสรู้ (แน่นอนว่า)วันหนึ่งจะต้องเป็นพระอรหันต์ (แน่นอนว่า)วันหนึ่งจะต้องพ้นทุกข์ มันมีคำว่าแน่เกิดขึ้น

ท่านเปรียบเทียบนะว่า เหมือนกับคนที่ไปเรือล่มอยู่ในทะเล เรือล่มอยู่ในทะเลเนี่ย คนทั่วๆไปเนี่ย เหมือนคนที่อยู่กลางทะเลแล้วไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหน คนที่รู้ทิศทางว่าควรจะไปทางไหนน่ะ คือพระโสดาบัน รู้ทิศทาง

พอรู้ทิศทางแล้วก็ค่อยๆว่ายน้ำนะ เกาะไม้กระดานหรือเกาะอะไรก็ได้ ค่อยๆเข้าฝั่ง ใกล้เข้าไปเป็นลำดับๆ คนที่เริ่มเคลื่อนเข้าหาฝั่ง ก็คือท่านเทียบเหมือนกับพระสกทาคามี เคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ ใกล้ฝั่ง จนกระทั่งปลายเท้าเริ่มหยั่งถึงพื้น ยังอยู่ในน้ำ ยังไม่ขึ้นจากน้ำ ถ้าคลื่นซัดมาก็ยังสำลักน้ำได้ ยังผลุบๆโผล่ๆ เหลืออีกหน่อยหนึ่ง ท่านเทียบเหมือนพระอนาคามี พระอรหันต์เปรียบเหมือนคนที่ขึ้นบกได้แล้ว ปลอดภัยแล้ว

ถ้ายังไม่ได้พระโสดาบันเนี่ย เราจะไร้ทิศทาง ไม่มีทิศทาง พระโสดาบันมีทิศทางที่ชัดเจนแล้วว่า จะพัฒนาไปเรื่อยๆ จนถึงวันหนึ่งจะขึ้นบกได้ จมน้ำตายอีกไม่เกิน ๗ ครั้ง ก็ถึงฝั่ง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๒๓ ถึงนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๒๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตนิ่งๆทื่อๆ จะบอกว่าเป็นพระโสดาบัน นั้นไม่ใช่

mp3 for download : จิตนิ่งๆทื่อๆ จะบอกว่าเป็นพระโสดาบัน นั้นไม่ใช่

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : แต่ต้องภาวนา ภาวนาเรื่อยๆ เรื่อย ถึงวันหนึ่งเราก็เห็น ขั้นแรกเราเห็นก่อนว่าขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวเรา รูปธรรมนามธรรมนี้ไม่ใช่เรานะ พอเห็นอย่างนี้ได้ จิตใจยอมรับได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เห็นว้อบแว้บๆ เดี๋ยวก็เป็นเรา เดี๋ยวก็ไม่เป็นเรา บางคนบอกเป็นพระโสดาฯนะ หลวงพ่อบอก ใจเย็นๆ โสดาฯองค์นี้ใจเย็นๆ ดูไปสัก ๓ เดือน เผลอๆมีเราขึ้นมามั้ย บางคนกลับมารายงาน ๓ เดือนแล้วก็ยังไม่มีเรา ก็บอกว่า อ๋อ อีกปีหนึ่งก็ไม่มีเพราะทำจิตเอาไว้อย่างนี้ จะเป็นเราอะไร ไม่คิดไม่นึก ทำจิตทื่อๆอยู่อย่างนี้

เพราะฉะนั้นหากว่าสงสัยนะ ใครเป็นพระโสดาฯหรือเปล่า แล้วเห็นว่าทำจิตทื่อๆนะ แกล้งมันเลย ให้จิตเคลื่อน พอจิตเคลื่อนนะ ไม่เป็นเราหรอก เป็นกู หนักกว่าเป็นเราอีก แต่ถ้าจิตนิ่งติดสมาธิอยู่ ดูไม่มีตัวตน

นะ เมื่อไหร่ที่ใจยอมรับความจริงนะ ว่าขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวเรา ยอมรับ ก็จะเป็นพระโสดาฯ ถ้าวันใดใจยอมรับความจริง ใจเห็นอย่างถ่องแท้ ว่าขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ หาสาระแก่นสารไม่ได้เลย ไม่ควรยึดถือนะ ยึดก็คือยึดเอาก้อนทุกข์ไว้ เหมือนถือถ่านไฟแดงๆเอาไว้ในมือ จิตมันจะสลัดขันธ์ ๕ คืนให้โลก เป็นพระพระอรหันต์

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
File 540716A
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๓๙ ถึงนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อรหันตผล เข้าถึงได้แม้จะไม่ใช่ผู้ทรงฌาน

mp3 for download : อรหันตผล เข้าถึงได้แม้จะไม่ใช่ผู้ทรงฌาน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : คนที่เข้าฌานได้มีน้อยกว่าคนที่เข้างฌานไม่ได้ตั้งแต่พุทธกาลแล้ว กระทั่งพระอรหันต์นะที่ชำนาญในเรื่องสมาธิ ก็มีน้อยกว่าพระอรหันต์วิปัสสกะที่ไม่ชำนาญเรื่องสมาธิ

ในพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ในสมัยพุทธกาลนั้น มีพระอรหันต์ที่ได้วิชาสาม ระลึกชาติได้ รู้การจุติ-อุบัติของสัตว์ ใครตายแล้วไปเกิดที่ไหนรู้หมดเลย แล้วล้างกิเลสได้ นี่เรียกว่าวิชาสามอย่าง วิชาสามได้ขึ้นมาก็ต้องมีสมาธิหนุนหลัง พวกนี้มีฌานหนุนหลัง

พระอรหันต์อีก ๖๐ องค์ จาก ๕๐๐ ได้อภิญญา๖ อภิญญา ๖ ก็ต้องได้สมาธิเชี่ยวชาญเลย ต้องถึงอัปนาเลยนะ เชี่ยวชาญ มีวสีด้วย จนเกิดอภิญญาจิตขึ้นได้

พระอรหันต์อีก ๖๐ องค์นะ ได้ อุภโตภาควิมุตติ อุภโตภาควิมุตติเนี่ยไม่ได้แปลว่า บรรลุด้วยสมาธิและปัญญา อันนั้นแปลแบบคร่าวๆไป ถ้าแปลโดยละเอียด อุภโตภาควิมุตติคือ หลุดโดยส่วนทั้งสอง คือหลุดจากรูปธรรมและนามธรรม พระอรหันต์อุภโตภาควิมุตติเนี่ย ท่านได้อรูปฌาน หลุดจากรูปธรรมด้วยอรูปฌาน หลุดจากนามธรรมด้วยวิปัสสนา เพราะฉะนั้นท่านหลุดโดยส่วนสอง คือเป็นพวกที่ได้อรูป(ฌาน)ด้วย และก็เดินวิปัสสนาเก่งด้วย พวกนี้มี ๖๐ องค์ จาก ๕๐๐ เหมือนกัน

เพราะฉะนั้นรวมแล้ว ๑๘๐ นะ วิชาสาม อภิญญาหก อุภโตภาคฯ อีก ๖๐ อย่างละ ๖๐ ๆ รวมเป็น ๑๘๐ เหลืออีก ๓๒๐ คือพระสุกขวิปัสกะ คนส่วนใหญ่ไม่ได้ได้ฌานนะ ที่บรรลุมรรคผลนิพพานกัน ไม่ได้ได้ฌานหรอก ภาวนาอย่างที่พวกเราดูนี่่แหละ เจริญสติไป แต่ว่ามีจิตตั้งมั่นขึ้นมาเป็นขณะๆ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
ไฟล์ 540710
ระหว่างนาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๓๓ ถึง นาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๓๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๖) ทุกอย่างในกายในใจเกิดแล้วก็ดับ

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๖) ทุกอย่างในกายในใจเกิดแล้วก็ดับ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : จะเป็นพระโสดาฯ หรือจะเป็นพระอรหันต์ มาจากจุดตั้งต้นอันเดียวกัน จุดตั้งต้นก็คือ เราต้องมาเรียนรู้ความจริง ของกายของใจตนเอง ถ้าไม่สามารถเรียนรู้ความจริง ของกายของใจได้ โสดาฯก็ไม่ได้ อย่าว่าแต่พระอรหันต์เลย

พระโสดาบันท่านเห็นแล้วว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ย่อลงมาก็คือ รูปธรรมกับนามธรรมทั้งหลาย กายกับใจของเรานี้แหล่ะ เต็มไปด้วยของที่ไม่เที่ยง เกิดแล้วดับไปทั้งสิ้น เนี่ยท่านเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกนะ ใจยอมรับ ก็เห็นทั้งกายทั้งใจเกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับ ร่ายกายหายใจเข้าก็ดับไป เกิดร่างกายหายใจออก ร่างกายหายใจออกเกิดแล้วดับ ไป กลายเป็นร่างกายหายใจเข้า ร่างกายยืนเกิดแล้วก็ดับ ร่างกายเดินเกิดแล้วก็ดับ ร่างกายนั่ง ร่างกายนอน เกิดแล้วดับ ดูความจริงเรื่อยๆไป

ในใจก็ดูง่าย ไม่มีอะไรหรอก พอตาเรามองเห็นรูป ใจเราก็เปลี่ยน เห็นรูปที่พอใจ ใจก็มีความสุขขึ้นมา ให้รู้ทัน ว่าใจมีความสุข เห็นรูปที่ไม่พอใจ ใจมีความทุกข์ขึ้นมา รู้ทัน ว่าใจมีความทุกข์ ได้ยินเสียงที่พอใจ ใจมีความสุข รู้ว่าใจมีความสุข ไม่ใช่รู้ว่าเสียงอะไรนะ เสียงนกเสียงคน เสียงบ่นเสียงด่า เสียงชม ไม่จำเป็นต้องรู้ตรงนั้นหรอก ให้คอยรู้ที่ใจของเราอันเดียวนี่แหล่ะ ตามองเห็น ก็รู้ทันที่ใจ ตามองเห็น ใจก็เปลี่ยน หูได้ยินเสียง ใจก็เปลี่ยน ให้รู้ความเปลี่ยนแปลงที่ใจ ใจนี้เดี๋ยวก็สุข ใจนี้เดี๋ยวก็ทุกข์ ใจนี้เดี๋ยวก็ดี ใจนี้เดี๋ยวก็ร้าย สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว ดีก็ชั่วคราว ร้ายก็ชั่วคราว ดูซ้ำแล้วซ้ำอีกนะ ดูกันเป็นแรมเดือนแรมปีเลยล่ะ กว่าใจจะยอมรับความจริง ว่าทุกอย่างมันชั่วคราว เราดูจนใจยอมรับนะ ไม่ใช่เราแกล้งยอมรับเอาเอง (แกล้ง)ยอมรับเอาเอง ฆ่ากิเลสไม่ตาย ถ้าจิตเห็นความจริง จิตยอมรับความจริง ถึงจะฆ่ากิเลสตาย

เรื่องมันง่ายๆแค่นี้แหล่ะ แต่ว่าทำไมคนทั่วไป ไม่สามารถที่จะดูกายดูใจ ตามความเป็นจริงได้ มันแปลกไหม ร่างกายของเรามีมาแต่เกิดใช่ไหม ทำไมเราไม่เคยดูความจริงของกาย จิตใจของเราก็มีมาตั้งแต่เกิด ทำไมเราไม่เคยดูความจริงของจิตใจ ไม่เฉพาะเรานะ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย บรรพบุรุษเราก็ไม่ได้ดู หมูหมากาไก่อะไรก็ไม่ได้ดู หาคนที่จะมาดูความจริงของกาย หาคนที่จะมาดูความจริงของใจได้เนี่ย หายากที่สุดเลย งั้นพระอริยฯเลยขาดแคลน ทั้งๆที่ไม่ได้ยากเลยนะ ที่จะพัฒนาจิตใจ ให้บรรลุอริยธรรมเนี่ย ไม่ได้ยากเลย แค่เราเห็นความจริง แค่จิตยอมรับความจริงนะ ว่าทุกอย่างเกิดแล้วดับไป ทุกอย่างในกาย เกิดแล้วดับ ทุกอย่างในใจ เกิดแล้วดับ แค่นี้เอง ทำไมทำไม่ได้ ที่ทำไม่ได้ ก็เพราะว่า เราลืมกายลืมใจของเราทั้งวัน เราไปหลงโลกภายนอกนะ เรามัวแต่สนใจสิ่งภายนอก เราไม่ย้อนมาที่ตัวเอง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๕๙ ถึง นาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๕) ในกายในใจนี้มีแต่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๕) ในกายในใจนี้มีแต่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์  : เนี่ยเฝ้าดูลงไป ในกายนี้ก็มีแต่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในจิตก็มีแต่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ถ้าเราดูได้ ใจยอมรับความจริงได้เมื่อไหร่ ก็เรียกว่าเราได้ดวงตาเห็นธรรม คือเรารู้ความจริงแล้ว ทุกอย่างในชีวิตเราชั่วคราวไปหมดเลย ถ้ายอมรับได้นะ ว่าทุกอย่างในชีวิตเราชั่วคราวเนี่ย ความทุกข์จะหายไปเยอะเลย พระโสดาบันไม่ได้เห็นอะไรมากนะ พระโสดาบันท่านเห็นแค่ว่า ทุกอย่างมันชั่วคราว สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นก็ดับไป

แล้วหลังจากนั้นก็ภาวนาให้มากขึ้นๆไปนะ จนปัญญามันมากขึ้นไปอีก มันจะเห็นเลย ว่ากายนี้ใจนี้มีแต่ทุกข์ล้วนๆ ไม่ใช่ของดีของวิเศษ ถ้ามันเห็นความจริง ว่ากายนี้ทุกข์ล้วนๆ จิตนี้ทุกข์ล้วนๆนะ มันจะปล่อยวางความยึดถือกายยึดถือใจ พอมันไม่ยึดถือกายนะ มันก็ไม่ทุกข์เพราะกาย ไม่ยึดถือจิตใจ ก็จะไม่ทุกข์เพราะจิตใจอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นในกาย ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นในใจ จะไม่ทุกข์อีกต่อไปแล้ว เนี่ยเป็นความพ้นทุกข์สิ้นเชิง เราเรียกว่าพระอรหันต์

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๕๖ ถึง นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๕๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หมูกระดาษ

mp 3 (for download) : หมูกระดาษ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : สองวันนี้ หลวงพ่อคุยกับพวกที่มาอยู่วัด บอกเคยเห็น “หมูกระดาษ” ไหม? หมูกระดาษใครเคยเห็นไหม? หมูกระดาษตัวแดงๆ ต้องคนโบราณหน่อยนะถึงจะเคยเห็น  ถ้าเดี๋ยวนี้หมูพลาสติก แต่หมูพลาสติกเอามายกเคสนี้ไม่ได้   หมูํกระดาษนี้มันทำด้วยกระดาษ ค่อยๆปะนะทีละแผ่นๆ ค่อยๆปะขึ้นมา มีแม่พิมพ์สองด้าน ปะทีละด้าน เสร็จแล้วก็เอามาเย็บตรงกลาง ทากาว ทาสี สีที่โปรดคือสีแดง หมูพวกนี้ต้องสีแดง หางก็เอาอะไรทำเป็นพู่ๆหน่อย เขียนตา เขียนหู

แต่ละคนนี้เหมือนหมูกระดาษนะ พวกเราเป็นหมูกระดาษคนละตัว แต่ บางตัวก็เป็นหมากระดาษ เราปั้นขึ้นมา ถ้าเรารู้ตัวจริง มันไม่ได้มีจริง เราค่อยๆลอกเปลือกมันออก ลอกสิ่งที่เราปรุงแต่งออกไป ลอกออกไปเป็นชั้นๆ ลอกออกไปเรื่อยๆ  ถึงจุดหนึ่งจะเข้าไปถึงตัวจริงของมัน ตัวจริงของมันไม่มีอะไรเลย มันมาจากความว่างเปล่า แล้วก็สร้างขึ้นมาจนเป็นตัวเป็นตน  แต่ถ้าเมื่อไหร่เราลอกเปลือกตัวเองไปเรื่อย ลอกความปรุงแต่งไปเรื่อย จนถึงสุดท้าย ลอกชั้นในสุดออกไป ภายในมันก็เป็นความว่างๆใช่ไหม อาจจะขังอากาศอยู่ พอเปลือกกระดาษหลุดออกไปแล้ว  อากาศนั้นกระจายรวมเข้ากับอากาศข้างนอกนั่นเอง

ฉะนั้นการภาวนานี้ก็เหมือนกันนะ ถ้าจิตพ้นจากความห่อหุ้มแล้ว จิตไม่มีเปลือกห่อหุ้ม ไม่ได้สร้างภพใดๆมาห่อหุ้มมันแล้ว มันจะกลืนเข้ากับอากาศข้างนอกนั่น จะกลืนเข้ากับโลก ฉะนั้นเราภาวนาจนถึงจุดสุดท้าย จิตกับธรรมชาติที่แวดล้อมอยู่ จะกลมกลืนเข้าเป็นอันเดียวกัน

หลวงปู่ดูลย์เคยสอนหลวงพ่อ บอกว่า ถ้าวันใดเธอเห็นจิตกับสิ่งที่แวดล้อมอยู่เป็นสิ่งเดียวกันนะ เธอจะแจ่มแจ้งฉับพลันนั้นเลย เราฟังเราก็นึกว่าเป็นวิธีปฏิบัตินะ แต่ไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไร ก็ดูจิตของเราไปเรื่อย ดูไป จนกระทั่งวันหนึ่ง พอเราไม่ยึดถือจิตซะอย่างเดียว เราสลัดคืนจิต จิตกับโลกนี้กลืนเข้าด้วยกัน เป็นอันเดียวกัน  คนไหนเป็นนักดูจิตคนอื่น ไม่ใช่นักดูจิตตัวเอง  นักดูจิตคนอื่นที่ชำนาญ พอไปเจอท่านที่ภาวนาที่ปล่อยวางจิตแล้ว จะพบว่าจิตของท่านเหล่านี้กลมกลืนเข้ากับโลก กลมกลืนเป็นอันเดียวกันกับโลก แต่อันนี้เขาไม่สามารถเห็นจิตที่พ้นโลกได้ เขาเห็นแต่จิตที่กลมกลืนเข้ากับโลก เหมือนอากาศในหมูกระดาษนี้ที่รวมเข้ากับอากาศ กับโลกข้างนอก เป็นอันเดียวกันนั่นเอง  อันนี้เล่าให้ฟังเล่นๆนะ เพื่อยั่วน้ำลาย

วันหนึ่งถ้าพากเพียรไป ดูกายดูใจของเราไป เราปอกเปลือกของตัวเองออกไปจนล้อนจ้อนไม่มีอะไรเหลือเลย เราจะพบตัวจริง ของเราซึ่งไม่มีอะไรเลย  เพราะฉะนั้น เราภาวนาไปแล้วเราจะไม่ได้อะไรมา และเราจะไม่ได้เสียอะไรไป เพราะเราไม่มีอะไรอยู่ตั้งแต่้แรกแล้ว จะไม่มีอะไรเลย

จิตถัดจากนั้นจะเป็นอย่างไร จิตที่ปล่อยวางจิตไปแล้ว จะมีแต่ความสุขล้วนๆ ยืนเดินนั่งนอนมีแต่ความสุขล้วนๆเลย  เกิดอะไรขึ้น จิตจะไม่มีกระเพื่อมไหวเลย  กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับธรรมชาติ  ฉะนั้นจิตกับธรรมะก็เป็นอันเดียวกัน หลอมหลวมเข้าด้วยกัน จิตที่หลอมรวมเข้ากับธรรมแล้ว จิตกับธรรมะก็เป็นอันเดียวกัน จิตอันนั้นเรียกว่า “พระสงฆ์”  จิตอันนั้นเป็น “พระพุทธ-พุทธะ”  พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นอันเดียวกัน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๐ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๓
File: 501229B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๔๗ ถึง นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๔๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นอันเดียวกันด้วยความบริสุทธิ์

mp 3 (for download) : พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นอันเดียวกันด้วยความบริสุทธิ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นอันเดียวกันด้วยความบริสุทธิ์

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นอันเดียวกันด้วยความบริสุทธิ์

หลวงพ่อปราโมทย์ : จิตเป็นหนึ่งนะ จิตกับธรรมเป็นอันเดียวกัน อันนั้นเกิดในสภาวะที่สิ้นตัณหาแล้ว แจ้งพระนิพพาน

จิตจะเข้าถึงความบริสุทธิ์ ธรรมะก็เป็นความบริสุทธิ์ จิตก็เป็นความบริสุทธิ์ ระลึกถึงพระพุทธเจ้าก็คือความบริสุทธิ์ เป็นความบริสุทธิ์อันเดียวกันแล้วเสมอกัน

ระหว่างสาวกกับพระพุทธเจ้านะมีสิ่งเดียวที่เสมอกันนะคือความบริสุทธิ์ ส่วนปัญญานะไม่เท่าท่าน กรุณาไม่เท่าท่าน แต่ว่าความบริสุทธิ์นั้นเป็นอันเดียวกัน เพราะงั้นจะกลืนเป็นอันเดียวกันนะ ไม่แบ่งแยกหรอก จะรู้สึกเป็นอันเดียว

ตรงที่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กับจิตรวมเป็นอันเดียวกันนะ จะแจ้งพระนิพพานอยู่นะ จิตกับพระนิพพาน จิตจะสลายตัวลง ไม่มีขอบไม่มีเขต ไม่มีจุดไม่มีดวง ไม่มีที่ตั้ง สลายตัวรวมเข้ากับพระนิพพานเข้ากับความว่างของจักรวาล เป็นหนึ่ง เรียกว่านิพพาน

เพราะงั้นไอ้ที่ว่าน้อมใจให้ว่างโดยที่มีจิตเป็นคู่ ไม่ใช่หรอกนะ หลงทางแล้ว จะแจ้งพระนิพพานได้ต้องรู้รูปนามตามความเป็นจริง จนกระทั่งละความยึดถือในรูปนามได้ ก็จะละความอยากในรูปนาม หมดความอยากได้ก็จะแจ้งพระนิพพาน แจ้งพระนิพพานนะ จิตกับพระนิพพาน จิตจะรวมเข้ากับพระนิพพานเป็นหนึ่ง รวมเข้ากับความว่าง ไม่ยึดถืออะไร ว่างอยู่อย่างนั้นแหล่ะตัวนั้นแหล่ะ

ภาวนาตัวนี้บางทีท่านเรียกว่าธรรมธาตุ ครูบาอาจารย์บางองค์นะ ท่านเรียกสภาวะที่จิตที่สัมผัสพระนิพพานเนี่ยว่าธรรมธาตุ อาจารย์มหาบัวเรียกธรรมธาตุ หลวงปู่ดูลย์เรียกว่าจิตหนึ่ง สมเด็จพระญาณสังวรฯท่านไม่ธรรมดานะ ถ้าฟังธรรมะเป็นจะรู้ว่าท่านสุดยอดเลย ท่านเรียกสภาวะอันนี้ว่าวิญญาณธาตุ อาจารย์พุทธทาสท่านเรียกสภาวะนี้ว่าจิตเดิมแท้ หลวงปู่เทสก์ท่านเรียกสภาวะนี้ว่าใจ หลวงปู่บุุดดาท่านเรียกว่าจิตเดียวหรือใจเดียวจำไม่ได้แล้ว แต่ละองค์ๆเนี่ยท่านพูดถึงสภาวะอันเดียวกัน แต่โดยสมมติบัญญัติที่แตกต่างกัน

แต่ถ้าเราไม่ได้ภาวนาเราไม่เข้าใจเรา(จะ)รู้สึกแต่ละองค์พูดไม่เหมือนกัน ไปติดอยู่ที่คำพูด

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๒
Track: ๑๘
File: 541118B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๓๖ ถึง นาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๑๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 212