เมื่อเสียความมั่นใจในการภาวนาและหลักในการนับหนึ่ง
ถาม : ถ้าโดยปกติเห็นกิเลสได้มากมายและสนุกที่เห็น
แต่เวลาส่งการบ้านต่อหน้า หรือพูดกับใครต่อหน้า มันมองไม่เห็นจิต
แม้เรื่องง่ายๆ เช่นหนักเบาต่างกัน เป็นเพราะอะไรคะ?
ที่ว่าเห็นกิเลสต่างๆ นั้น เป็นการดูไม่ถึงจิต
เห็นการรู้จักกิเลสด้วยสมองใช่ไหมคะ?
เช่น เห็นว่าจิตมันแล่นไปเพ่งโทษ มันหงุดหงิด มันอิจฉา
ขอหลักในการนับหนึ่งด้วยนะคะ
ตอนนี้เสียความมั่นใจ
จึงย่อมที่จะขาดสติได้ ย่อมที่จะไม่เห็นกายไม่เห็นจิตได้
ไม่ใช่ว่าจะต้องเก็นจิตเห็นกิเลสได้ตลอดเวลาหรือในทุกโอกาส
(ผู้ที่ไม่ขาดสติเลยนั้น มีแต่ระดับพระอรหันต์เท่านั้นครับ)
ตอนนี้เราเห็นกิเลสได้แค่ไหน เห็นจิตได้แค่ไหน
ก็ให้หัดดูไปเท่าที่จะเห็นได้เท่าที่จะหัดได้
แต่ขอให้หัดไปทุกวันตามสมควร ไม่ละทิ้งไม่ละเว้นโดยเจตนา
จิตก็จะค่อยๆ พัฒนาจนเกิดสติได้บ่อย เห็นกิเลสเห็นจิตได้บ่อยไปตามลำดับครับ
ส่วนที่ว่า เห็นกิเลสแต่เห็นไม่ถึงจิตนั้น ไม่ใช่รู้ด้วยสมองหรอกครับ
แต่ที่ไม่เห็น ก็เพราะยังหัดดูกิเลสไม่มากพอที่จะเกิดสติได้เอง
เช่นพอเห็นกิเลส สติยังไม่เกิด จิตก็เลยปรุงแต่งเพ่งโทษต่อไปอีก
แต่ถ้าตามรู้ตามดูไปเรื่อย ๆ ถึงจุดหนึ่ง
พอเกิดกิเลสที่คุ้นเคยที่เคยหัดดูมาจนจำได้
ก็จะเกิดสติขึ้นเอง พอเกิดสติจิตก็ไม่ปรุงแต่งต่อ
ความเพ่งโทษ ความหงุดหงิด ฯลฯ ที่เคยเกิดตามมาก็จะไม่เกิดขึ้นไปเองครับ
สำหรับหลักในการนับหนึ่งคือ
ให้รู้สึกตัว ให้รู้กายรู้ใจที่กำลังปรากฏไปสบาย ๆ ไม่เพ่งจ้อง
ไม่แทรกแซงทำให้กิเลสดับไปตามที่ใจอยาก
เพราะฉะนั้น พอเห็นกายเห็นใจ หรือเห็นกิเลส
ก็ให้นับหนึ่งไว้ ไม่ต้องทำอะไรที่มากไปกว่ารู้ครับ
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่