เรื่องของจิตเบิกบานจากการภาวนา
เรื่องความเบิกบานนั้น ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า เบิกบานนั้นหมายความว่ายังไง เรื่องความหมายของคำนี้ค่อนข้างจะยุ่งยากพอสมควร แต่ละคนก็เข้าใจไปตามที่ตัวเองเคยรู้เคยประสบมา อย่างเช่นถ้าใครทำสมถะเป็น ก็อาจจะเข้าใจว่าจิตที่เบาๆ สบายๆ เป็นจิตที่เบิกบาน หรือคนที่ทำฌาณได้สูงๆ ก็อาจบอกว่าจิตตอนที่เกิดฌานเป็นจิตที่เบิกบาน ผมเองก็เข้าใจ จิตที่เบิกบานไปอีกแบบหนึ่ง โดยผมเข้าใจจากการฝึกรู้ตัวไปเรื่อยๆ เผลอบ้าง รู้บ้าง เพ่งบ้าง จนวันหนึ่งผมเกิดไปเห็นอาการของจิตที่เข้าไปเพ่งอารมณ์หลังจากที่รู้ตัวอยู่ เห็นว่าจิตขณะที่เข้าไปเพ่งอารมณ์จะมีอาการเหมือนหดวูบเข้าไป (เหมือนดอกไม้หุบ) แล้วพอรู้ตัวอีกที จิตก็จะกว้างออก เหมือนดอกไม้บานออก ก็เลยเข้าใจว่า จิตเบิกบานนี่เป็นอย่างนี้เอง (ซึ่งก็อาจไม่ใช่จิตเบิกบานในความหมายของอีกหลายๆ คน)
ทีนี้ที่ถามว่า การตามรู้จะต้องเห็นจิตเบิกบานทุกครั้งหรือไม่ ผมคิดว่า ไม่จำเป็นต้องเห็น แต่ต้องเบิกบาน เพราะจิตที่เบิกบานเป็นอาการอย่างหนึ่ง จึงอาจไม่ใช่อาการที่จิตสนใจจะไปรู้ในขณะนั้น ถ้าไม่สนใจจะรู้ แต่สนใจไปรู้อาการหรืออารมณ์อื่นแทน ก็จะไม่เห็นความเบิกบาน แต่ในขณะเดียวกันถ้าเราไปมัวจะดูว่าเบิกบานไหม ก็เท่ากับเราไปเพ่งจ้องที่จะดู ดังนั้นมันจะเห็นหรือไม่ก็ช่างมันเถอะ มันจะเบิกบานหรือไม่ก็ช่างมันเถอะ ขอแค่ให้รู้ว่า เผลอไป-เพ่งไป เท่านี้ก็พอแล้ว
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่