Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

โสดาปัตติมรรค เป็นอนันตริยกรรมฝ่ายดี

mp 3 (for download) : การได้โสดาบันเป็นอนันตริยกรรมฝ่ายดี

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เจริญสติไว้นะ มีสติไว้ ความรู้สึกอะไรเกิดที่ใจคอยรู้ ความรู้สึกอะไรเกิดที่ใจคอยรู้ รู้บ่อยๆ รู้จนมันเคยชินที่จะรู้ ไม่ได้เจตนาจะรู้ ก็รู้ขึ้นได้เอง พอเราภาวนาถึงจุดที่ไม่เจตนาจะรู้ก็รู้ได้เอง ต่อไปเวลานิมิตไม่ดีเกิดตอนจะตายนะ สติเกิดเองเลย ถ้านิมิตดีเกิดนะ จิตใจก็ร่าเริงไป นิมิตไม่ดีเกิด จิตใจตกใจขึ้นมา จิตใจกลัวขึ้นมา มันเห็นปั๊บ ขาดสะบั้นเลยนะ

เป็นวิธีเอาตัวรอดของพวกเรานะ ถ้าหลายๆคนก็ยังทำบาปอยู่ ต่อไปก็ลดๆ นะ พยายามถือศีลห้าไว้ ใจมันจะรวมง่าย มีสมาธิเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ถือศีลห้าไว้ แล้วก็ค่อยๆ ฝึกรู้ทันใจของตัวเองบ่อยๆ ใจของเราเปลี่ยนแปลงทั้งวัน เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ชั่ว หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คอยรู้อยู่เท่านี้แหละพอแล้ว เหลือเฟือแล้วนะ งั้นใจจะสุขก็รู้ ก็จะเห็นเลยว่า ความสุขมันมาแล้วมันก็ไป ใจจะทุกข์ก็รู้ ก็จะเห็นว่า ความทุกข์มาแล้วก็ไป ใจเป็นกุศลก็รู้ ใจโลภ โกรธ หลง ก็รู้ ก็เห็นอีกว่าทุกอย่างมาแล้วก็ไป เนี่ยมันเห็นซ้ำ ๆ ๆ นะ

บางคนมีบุญวาสนามาก ไม่ต้องเอาไปใช้ตอนตาย ตอนที่เราคอยรู้กายรู้ใจอยู่อย่างนี้ เราเห็นทุกอย่างเกิดแล้วก็ดับไป ดับไป นะ สุข-ทุกข์ ดี-ชั่ว มาแล้วก็ไปหมด ใจมันเกิดปัญญาขึ้นมาอย่างแก่กล้า มันเห็นความจริงว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดดับไปเป็นธรรมดา ใจสรุปได้ ไม่ใช่เราสรุป ไม่ใช่ใช้สมองคิดเอง เนี่ย ใจมันเข้าถึงความจริง ใจมันยอมรับความจริง ตรงนี้นะ เป็นพระโสดาบัน

ถ้าได้โสดาบันเนี่ย ได้อนันตริยกรรมฝ่ายดีละ จะไม่ไปอบาย สบายหน่อย สบายใจได้หน่อย แต่ถามว่า แล้วกรรมฝ่ายชั่วที่เคยทำมาก่อนเป็นพระโสดาบัน มันจะให้ผลมั๊ย มันจะไปให้ผลหลังจากการเกิดแล้ว หมายถึงว่า มันอาจจะให้ผลในชีวิตนี้ก็ได้ ตอนนี้ก็เป็นชีวิตหลังที่เกิดมาแล้ว มันจะไม่ให้ผลในการพาไปเกิด เพราะอนันตริยกรรมการบรรลุโสดาฯเนี่ย เป็นอนันตริยกรรมฝ่ายดี เป็นตัวพาเราไปเกิด ไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ เป็นเทพก็ได้ เป็นพรหมก็ได้ แล้วแต่คุณภาพของจิตใจ ถ้าเราไปมีศีลมีธรรมอะไรอยู่อย่างนี้พอดีๆ อย่างนี้ ก็เป็นมนุษย์ไป หรือถ้าใจเป็นบุญเป็นกุศลมาก ร่าเริงในธรรมมาก ก็เป็นเทพไป ใจเราสงบมาก ก็ไปเป็นพรหมไปนะ ใจมันก็ไปตามกรรมพาไป ก็จะไม่ไปอบาย ก็ปลอดภัยหน่อย

เพราะฉะนั้นชาตินี้นะเพื่อความปลอดภัย ไม่ต้องซื้อประกันชีวิต พยายามเจริญสติให้มาก ถ้าใครขายประกันก็ไม่ว่านะ ใครจะซื้อก็ไม่ว่าหรอก หลวงพ่อพูดให้ฟัง เปรียบเทียบให้ฟัง ประกันชีวิตมันก็ตายอยู่ดีแหละ ก็ไม่แน่นอน ไม่รู้จะได้นานแค่ไหน ประกันไม่ได้จริงหรอก มันประกันว่าตายแล้วได้เงินต่างหาก ไม่ได้ประกันชีวิตหรอก ชีวิตเราไม่มีใครค้ำประกันได้ ไม่เหมือนได้โสดาบันนะ เรามีหลักประกันแน่นอนแล้ว

ถ้าก่อนเป็นโสดาบัน เจอใครแล้วด่าเขาไปเรื่อยๆ หรือชกเขาไปเรื่อยๆ ตีเขาไปเรื่อยๆ เคยลักเคยขโมย ตอนไปเกิด(หลังจากได้โสดาฯ – ผู้ถอด) ไปเกิดเป็นมนุษย์นะ เป็นมนุษย์แต่โดนเขาตีโดนเขาด่า โดนเขาขโมยอะไรอย่างนี้ ความชั่วจะตามไปให้ผลหลังการเกิดแล้ว ส่วนอนันตริยกรรมฝ่ายดี คือการเป็นโสดาฯ ให้ผลพาไปเกิดที่ดี ตัวนี้ให้ผลก่อน เพราะฉะนั้นพยายามพยายามพากเพียรนะ พยายามมีสติ รักษาศีล ๕ เอาไว้ให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ ฆราวาสรักษาศีล ๕ ยาก แค่ ๕ ข้อก็ยากแล้วฆราวาส ต้องพยายาม ต้องอดทนเอา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๒ เดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๗


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๗
File: 571012.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๕๓ ถึงนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๕๘

ตัด/ถอดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๔) วิริยะ

mp 3 (for download) : พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๔) วิริยะ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: แล้วท่านก็มีวิริยะพละ ตัวที่ ๔ ของท่าน คือ วิริยะพละ คือจะขวนขวาย จะไม่ยอมอยู่เฉย จะขวนขวายไปอีก มันจะมีความรู้สึกว่า งานของเรายังไม่เสร็จ มีกิจที่ต้องทำอีก ยังมีความรู้สึกอยู่เฉยไม่ได้ จะต้องพากเพียรปฏิบัติ พระโสดาฯก็เฉยได้มากหน่อยนะ พอสูงขึ้นๆนะ จะรู้สึกว่าอยู่เฉยไม่ได้แล้ว งานยังมีอยู่

ยกเว้นนะ ยกเว้นพระอนาคาฯ บางองค์ ซึ่งไม่ได้ฟังธรรมให้ดี ท่านไปติดตัวรู้อยู่ เข้ามาถึงจิตแล้วรักษาจิตไว้โดดเด่น เด่นดวงอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน ท่านคิดว่าสุดทางแล้ว อย่างนี้ท่านจะไม่มีวิริยะต่อแล้ว เพราะไม่รู้ว่ายังมีทาง(ที่ต้องเดินอีก) ไม่รู้ว่ายังมีงานต้องทำอีก

แต่ถ้าเคยได้ยินได้ฟังครูบาอาจารย์สอนนะว่า ขั้นสุดท้ายมันต้องปล่อยวางจิตได้นะ ยังยึดถือตัวรู้อยู่ ยังใช้ไม่ได้นะ ใจจะยอมนิ่งเฉยไม่ได้เลย จะไม่ไปค้างไปคาอยู่ในขั้นพระอนาคาฯเลย ดิ้นรนหาทางออก มีความเพียรมากนะ พยายามๆมากจนกระทั่งวันหนึ่งมานั่งนึกว่า อยากจะเร่งความเพียรอีก แต่ไม่รู้ว่าจะเร่งอย่างไร เพราะว่ามาถึงจุดที่สติก็อัตโนมัติ สมาธิก็อัตโนมัติ ปัญญาก็อัตโนมัติ ก็หมดแล้ว ไม่รู้จะเร่งกว่านี้ได้อย่างไร ในใจยังอยากเร่งความเพียรอีกนะ แต่ว่าไม่มีปัญญาจะเร่งแล้ว เพราะไม่มีช่องว่างอะไรจะเร่ง คล้ายๆมีรถยนตร์นะ เหยียบจนมิดคันเร่งแล้ว ไม่รู้จะเร่งอย่างไรอีก เนี่ยใจจะมีความดิ้นรนขวนขวายนะที่จะออกจากกองทุกข์ให้ได้

กำลังของพวกเราไม่มีขนาดนั้นหรอกนะ เราแค่กำลังว่า จะภาวนาให้ได้ทุกวัน ยังกระพร่องกระแพร่งเลยนะ ใช่มั้ย พระโสดาฯ พระสกทาคาฯ พระอนาคาฯ ที่ท่านเห็นทุกข์เห็นโทษแล้วท่านอยากไป วิริยะของท่านเนี่ย เข้มงวดมาก พยายามมากเลยที่จะให้พ้นไปให้ได้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๒
File: 561110A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๒๕ ถึงนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๔๔

ตัดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ถอดคลิปส์และตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๓) โอตตัปปะ

mp 3 (for download) : พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๓) โอตตัปปะ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: ศีลท่านจะบริสุทธิ์ เพราะท่านมีหิริ กำลังของหิริแรงกล้า ท่านมีกำลังของโอตตัปปะแรงกล้า

ไม่มีความ.. ท่านจะรู้โดยตัวเอง ถ้าท่านทำชั่วเมื่อไหร่นะ ใจจะเร่าร้อนขึ้นมา แค่คิดผิดคิดชั่วนิดเดียวนะ ใจก็เร่าร้อนแล้ว เห็นโทษเห็นทุกข์ของการทำชั่วเลย อย่างพวกเรา เวลาทำความผิด หรือเราโกหก บางคนไม่รู้สึกเร่าร้อนเลย เฉยๆ โกหกได้สนุกดี อะไรอย่างนี้ ไม่ละอายใจด้วย แล้วก็ไม่รู้สึกจะต้องเร่าร้อนใจ ถ้าเป็นอริยบุคคลนะ โสดาฯ สกทาคาฯ อนาคาฯ แค่ไปคิดอะไรไม่ดีนิดเดียวนะ ชักจะร้อนใจตัวเอง เดือดร้อน รู้เลยว่านำทุกข์มาให้จริงๆ พูดไม่ดีก็นำทุกข์มาให้จริงๆ คิดไม่ดีก็นำทุกข์มาให้ ทำไม่ดีก็นำทุกข์มาให้ อย่างนี้เรียกว่าโอตตัปปะพละ

คือกลัว กลัวผลของการทำไม่ดี การพูดไม่ดี การคิดไม่ดี อย่าว่าแต่ทำเลย แค่คิดก็ไม่ได้นะ ไปคิดไม่ดีปุ๊บ ใจจะเร่าร้อนขึ้นมาเลย สมมุติว่า วันหนึ่งก็คิดขึ้นมานะ พระเวสสันดรจะแน่สักแค่ไหน คนไม่มีความรับผิดชอบ คิดแค่นี้นะ ใจร้อนเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาเลยนะ ไม่ได้เลย นิดเดียวก็ไม่ได้เลย คิดไม่ดีนิดเดียวก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นอาศัย หิริพละ โอตตัปปพละ ทำให้ศีลของท่านบริบูรณ์ขึ้นมา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๒
File: 561110A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๔๑ ถึงนาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๒๕

ตัดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ถอดคลิปส์และตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๒) หิริ

mp 3 (for download) : พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๒) หิริ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : กำลังของพระเสขะ หรือผู้ที่ยังต้องศึกษาอยู่เนี่ย จะมีศรัทธาแน่นแฟ้นในพระพุทธเจ้านะ ตัวนี้เต็มร้อยเลย จะมีหิริ หิริพละนะ เราไม่เคยได้ยินใช่มั้ยคำนี้ เราเคยได้ยินแต่ศรัทธาพละ วิริยะพละ สติพละ สมาธิพละ ปัญญาพละ เป็นพระโสดาบันเนี่ย ตั้งแต่พระโสดาบันมีหิริพละ มีกำลังของความละอายใจ เวลาที่จะทำชั่วจะพูดชั่วจะคิดชั่วเนี่ย จะละอายใจ แล้วความละอายใจเนี่ย จะยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆนะ ตามกำลัง เพราะฉะนั้นศีลของท่านจะบริสุทธิ์ เพราะท่านมีหิริ กำลังของหิริแรงกล้า


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๒
File: 561110A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๕๖ ถึงนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๔๘

ตัดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ถอดคลิปส์และตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๑) ศรัทธา

mp 3 (for download) : พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๑) ศรัทธา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : พละ ๕ (คือ)กำลังทั้ง ๕ มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา จะหนุนเสริมซึ่งกันและกันไปเรื่อยๆ

นี่ศรัทธาของปุถุชนนะยังคลอนแคลนง่าย ทีนี้พอเราภาวนามากเข้าๆ วันหนึ่งเป็นพระอริยะ กำลังของพระอริยะเนี่ย เป็นเรื่องแปลกนะ ท่านไม่อธิบายกำลังของพระอริยะด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา กำลังของพระอริยะที่ไม่ใช่พระอรหันต์ ท่านอธิบายถึงกำลัง ๕ เหมือนกัน อันแรกคือ ศรัทธา แต่ศรัทธานี้นะ ไม่เหมีอนศรัทธาที่พวกเราศรัทธา ศรัทธาต่อพระอริยะต่อพระพุทธเจ้าเนี่ย คือไม่มีความคลอนแคลนอีกแล้ว เป็นกำลังที่ยิ่งใหญ่ทำให้ไม่คลอนแคลน เป็นความเคารพเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า รู้ว่าท่านมีจริง ท่านสอนจริง ท่านสะอาดจริง ท่านเก่งจริงนะ ท่านเมตตากรุณาจริงๆ ใจนี้ซาบซึ้งมากเลย ฝากเป็นฝากตายกับท่านได้เต็มที่เลย

เป็นกำลังของพระที่เรียกว่าพระเสขบุคคล เสขบุคคลคือตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี เป็นเสขบุคคล ส่วนพระอรหันต์เรียกว่า อเสขบุคคล เสขะ หรือสิกขา หรือ สิกขา หรือ ศึกษานี่เอง คนไทยใช้คำว่า “ศึกษา” โสดาฯ สกทาคาฯ อนาคาฯ เป็นอริยบุคคลชนิดที่ยังต้องศึกษาอีก พระอรหันต์เป็นพระอริยะประเภท อเสขะ คือไม่ต้องศึกษาอีกแล้ว เรียนจบแล้ว

กำลังของพระเสขะ คือผู้ที่ยังต้องศึกษาอยู่ จะมีศรัทธาแน่นแฟ้นในพระพุทธเจ้านะ ตัวนี้เต็มร้อยเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๒
File: 561110A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๑๒ ถึงนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๖

ตัดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ถอดคลิปส์และตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คนทั้งหลาย ล้วนแต่เอาตนเองเป็นศูนย์กลางของโลก

mp3 for download : คนทั้งหลาย ล้วนแต่เอาตนเองเป็นศูนย์กลางของโลก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เราก็คอยรู้สึกนะ หันกลับมาคอยรู้สึกอยู่ในกายในใจของเรา ในกายก็ประกอบด้วยตาหูจมูกลิ้นกาย ในใจก็คือความรู้สึกนึกคิดทั้งหลาย ตัวความรับรู้ทั้งหลาย สิ่งที่เรียกว่าใจในที่นี้จะครอบคลุมไปถึง ตัวเวทนาหรือความรู้สึกสุขทุกข์ ความรู้สึกเฉยๆไม่สุขไม่ทุกข์ ตัวสัญญาความจำได้-หมายรู้ จำได้อันหนึ่งนะ หมายรู้อันหนึ่งนะ แล้วก็ตัวปรุงดีปรุงชั่ว แล้วก็ตัวจิตที่เกิดทางตาหูจมูกลิ้นกายใจเรียกว่าวิญญาณ วิญญาณจิต

จิตกับวิญญาณนั้นอันเดียวกัน ถ้าทำหน้าที่ไปรับรู้อารมณ์ทางอายตนะ ก็เรียกว่าวิญญาณ ถ้าทำหน้าที่อื่นๆ ไปเสพอารมณ์อะไรอย่างนี้ ก็เรียกว่าจิต มีคำว่าใจอีกคำหนึ่ง ใจเป็นตัวรู้ธรรมารมณ์นะ รู้อารมณ์ทางใจ เรียกว่าใจ จิต วิญญาณ ใจ อันเดียวกัน คือธรรมชาติที่รู้อารมณ์

ทีนี้เราจะมาเรียนรู้สิ่งเหล่านี้นะ เรียนรู้อยู่ในกายในใจของเรา ทีนี้จะมาเรียนรู้ทั้งกายทั้งใจเนี่ย เรียนรู้เพื่ออะไร เรียนรู้เพื่อให้เห็นความจริงว่ากายนี้ใจนี้ไม่ใช่ตัวเรา เป็นการเรียนรู้ในเบื้องต้น ปัญญาเบื้องต้นจะเห็นว่ากายนี้ใจนี้ไม่ใช่ตัวเรา ความทุกข์มีอยู่ การกระทำมีอยู่ มีการกระทำ มีความทุกข์ แต่ไม่มีผู้กระทำ ไม่มีผู้เป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นมีการกระทำนะแต่ไม่มีผู้กระทำ ใครเป็นคนทำ ก็ขันธ์มันทำ ไม่ใช่เราทำ

เบื้องต้นปัญญาเบื้องต้นก็จะเห็นว่าไม่มีเรา ปัญญาเบื้องปลายจะเห็นว่า สิ่งที่มีอยู่นั้นมีแต่ทุกข์ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรตั้งอยู่ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป ถ้าเห็นอย่างนี้นะ ความเพลิดเพลินพอใจในโลกในอะไรเหล่านี้จะสิ้นสุดลง เพราะโลกนี้มีอะไรเป็นศูนย์กลาง ก็มันมีตัวเราเป็นศูนย์กลางของโลก ทุกคนเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกกันทั้งหมดเลย แม้กระทั่งศูนย์กลางของโลกคือกายนี้ใจนี้ เรายังเห็นความจริงเลยว่า หาสาระไม่ได้เลย จะเกิดขึ้นมาแต่ตัวทุกข์ หาตัวดีไม่ได้เลย ไม่น่าเพลิดเพลิน ไม่น่าพอใจ เมื่อปล่อยศูนย์กลางของโลกได้แล้วนะ โลกนี้ไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาสาหัสอะไรเลย จิตจะปล่อยอัตโนมัติเลย

เพราะฉะนั้นเมื่อเรามาฝึกปฏิบัติ ฝึกเรียนรู้ความจริง ให้เรียนรู้เข้ามาถึงกายถึงใจ ซึ่งมันถูกสำคัญมั่นหมายว่าเป็นศูนย์กลางของโลกศูนย์กลางของจักรวาล พอปล่อยวางตัวนี้ได้เพราะเห็นความจริงว่าเป็นตัวทุกข์แท้ๆเลย จะปล่อยทั้งตัวเองและปล่อยทั้งสิ่งแวดล้อมภายนอกด้วย มันจะเสมอไปหมดเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907A
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๓ วินาทีที่ ๒๓ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๑๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

โสดาปัตติมรรค มีคุณค่ายิ่งกว่าสมบัติพระจักรพรรดิ

mp3 for download : โสดาปัตติมรรค มีคุณค่ายิ่งกว่าสมบัติพระจักรพรรดิ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :ความเป็นโสดาบันเนี่ย สำคัญมาก พระพุทธเจ้าชมนะ บอกว่า โสดาปัตติมรรคน่ะ เป็นเลิศ ประเสริฐยิ่งกว่าสมบัติพระจักรพรรดิอีก เป็นจ้าวโลกครองโลกได้ มีทรัพย์สมบัติมาก มีเกียรติยศชื่อเสียง มีอำนาจ มีทุกสิ่งทุกอย่างมาก แต่เทียบคุณค่ากันแล้วนะ สมบัติจักรพรรดิเนี่ย สู้โสดาปัตติมรรคไม่ได้เลย เพราะสมบัติพระจักรพรรดินั้น เป็นของไม่เที่ยง แปรปรวน ไม่นานก็หลุดมือไป แต่โสดาปัตติมรรคเมื่อได้แล้วได้เลยนะ มีแต่นานวันไปจะยิ่งมากขึ้นๆ จนไปสู่ความบริสุทธิ์หลุดพ้น

เพราะฉะนั้นตั้งใจไว้นะ ชาตินี้ ยังไงก็ขอโสดาฯก่อน แล้ววิธีที่จะได้โสดาบันนะ ก็มาฝึกใจ รักษาศีล ๕ ขั้นแรกต้องมารักษาศีล ๕ ขั้นที่สองมาฝึกจิตใจให้อยู่กับเนื้อกับตัว หรือฝึกสมาธิชนิดที่มีจิตใจตั้งมั่นอยู่กับเนื้อกับตัว ต่อมาก็เดินปัญญา เดินปัญญาด้วยการหัดแยกรูปแยกนาม แยกธาตุแยกขันธ์ก่อน พอจิตใจตั้งมั่นแล้วก็จะเห็นร่างกายอยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่อีกส่วนหนึ่งนะ ความสุขความทุกข์กุศล-อกุศลอยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่อีกส่วนหนึ่ง แยกออกไปหมด แล้วต่อไปก็จะเห็นว่าทุกๆอย่าง ทุกๆสิ่งที่แยกออกไปได้นั้น เกิดได้ก็ดับได้ สิ่งทั้งหลายมีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ จะเห็นอย่างนี้นะ เห็นซ้ำๆซ้ำไปจนใจมันยอม จะได้โสดาฯนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560511A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๐
ระหว่างนาทีที่ ๓๒ วินาทีที่ ๓๘ ถึงนาทีที่ ๓๔ วินาทีที่ ๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ปุถุชนต้องมีหลักของการภาวนาให้ถูกต้องก่อน เพื่อที่จะภาวนาให้ได้โสดาบัน

mp3 for download : ปุถุชนต้องมีหลักของการภาวนาให้ถูกต้องก่อน เพื่อที่จะภาวนาให้ได้โสดาบัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :ในสมัยพุทธกาล มีอัครสาวกอยู่ ๒ องค์ รู้จักชื่อท่านใช่มั้ย พระมหาโมคคลานะ กับพระสารีบุตร พระโมคคลานะเนี่ยฤทธิ์มาก พระสารีบุตรเนี่ยปัญญามาก พระสารีบุตรเนี่ยพระพุทธเจ้าชมเชยอย่างหนึ่ง ชมเชยว่า ท่านสามารถสอนปุถุชนให้เป็นพระโสดาบันได้เยอะมากเลย ปุถุชนเนี่ยไปเรียนกับพระสารีบุตรนะ ไม่นานก็ได้เป็นพระโสดาบัน ส่วนพระโมคคลานะจะเก่งมากเลยในการสอนพระโสดาบันให้เป็นพระอรหนต์ ความเก่งของท่านคนละแบบกัน ท่านมีฤทธิ์มีเดชนะ รู้จิตรู้ใจ ดักหน้าดักหลัง แต่พระสารีบุตรจะสอนทฤษฎีเลยล่ะ หลักการเป็นอย่างนี้ๆ

เพราะฉะนั้นพวกเราต้องเรียนหลักให้แม่นก่อนนะ ต้องเรียนอย่างที่พระสารีบุตรสอนก่อนนะ พวกเราชอบไปอาศัยผู้อื่นให้ดูจิตให้ อย่างนี้ใช้ไม่ได้นะ หลักต้องแม่นก่อน มันคนละหน้าที่กันนะ คนละเวลากัน ตอนนี้เรียนหลักให้แม่น พอหลักแม่นแล้วก็ลงมือปฏิบัติไปเรื่อยๆ ถ้าได้โสดาฯแล้ว คราวนี้ล่ะต้องอาศัยระดับพระโมคคลานะช่วย จะง่าย

แต่ระหว่างพระโมคคลานะกับพระสารีบุตร ระหว่างผู้ที่สอนให้เราได้พระโสดาฯกับผู้ที่สอนให้เราบรรลุพระอรหันต์เนี่ย ความรู้สึกนะ หรือบุญคุณนะ ความรู้สึกต่อผู้ที่สอนใหเราได้โสดาฯเนี่ย คือพ่อคือแม่ของเรา ความรู้สึกต่อผู้ที่ประคับประครองเราจนบรรลุพระอรหันต์ คือพี่ของเรา ความรู้สึกจะไม่เหมือนกันนะ เนี่ยนะ ความเป็นโสดาบันสำคัญมาก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560511A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๐
ระหว่างนาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๕๙ ถึงนาทีที่ ๓๒ วินาทีที่ ๔๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ยากที่สุดก็ตอนเริ่มต้นนี่แหละ

mp3 for download : ยากที่สุดก็ตอนเริ่มต้นนี่แหละ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :จะทำวิปัสสนาได้ต้องแยกธาตุแยกขันธ์เป็นเสียก่อน วิปัสสนาเนี่ยเรียกอุทยัพพยญาณ เริ่มจากอุทยัพพยญาณ ญาณที่ ๔ นะ ญาณที่ ๑ เนี่ย หัดแยกรูปแยกนาม ญาณที่ ๒ จะเห็นเลย รูปแต่ละรูปที่ปรากฎขึ้นมา มีเหตุให้เกิดไม่ใช่เกิดลอยๆ นามแต่ละนามมีเหตุให้เกิด แล้วญาณที่ ๓ จะทำให้เห็นเลยว่า รูปแต่ละรูปนั้นไม่คงที่หรอก ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ นามแต่ละนามไม่คงที่ ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ แต่นี่เป็นการเห็นด้วยการเปรียบเทียบ เช่น ส่องกระจกดู อุ๊ย เมื่อว่าไม่มีสิว วันนี้มีสิว นี่ไงรูปไม่คงที่ นี่มีการเปรียบเทียบคนละห้วงเวลานะ แต่ถ้าขึ้นญาณที่ ๔ ขึ้นวิปัสสนาเนี่ย ไมใช่การเปรียบเทียบคนละห้วงเวลานะ แต่เห็นการเปลี่ยนแปลงในขณะปัจจุบันนี้แหละนะ

เดินมาถึงตรงนี้ได้ ขั้นแรกต้องแยกรูปแยกนามก่อน ถึงจะเห็นรูปนามแต่ละอย่าง แสดงไตรลักษณ์ได้ รูปนั้นแสดงความเป็นไตรลักษณ์อยู่ตลอดเวลา นามธรรมทั้งหลายคือความสุขความทุกข์ กุศล-อกุศลทั้งหลาย กระทั่งตัวจิต ที่เกิดที่ตา เกิดแล้วก็ดับ เกิดที่หูแล้วก็ดับ เกิดที่จมูกแล้วก็ดับ เกิดที่ลิ้นที่กายที่ใจแล้วก็ดับ เนี่ยแสดงไตรลักษณ์อยู่ตลอดเวลา

ดูของจริงซ้ำแล้วซ้ำอีกนะ ว่ารูปธรรมนี้แสดงไตรลักษณ์อยู่ตลอด นามธรรมนี้แสดงไตรลักษณ์อยู่ตลอด ดูซ้ำแล้วซ้ำอีก ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี ดูจนใจมันเชื่อ ใจมันยอม ใจมันยอมจำนนต่อข้อเท็จจริง ว่าตัวเราไม่มีหรอก มีแต่รูปธรรมและนามธรรม ซึ่งมีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ เมื่อได้ตรงนี้จะได้ธรรมะขั้นต้น ชาตินี้ยังไงก็ขอให้ได้โสดาบันนะ อย่าให้พลาดนะ ไม่ต้องมากกว่านั้นหรอก เอาโสดาบันให้ได้ ที่เหลือนั้นง่ายแล้วล่ะ ยากที่สุดก็ตอนเริ่มต้นนี่แหละ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560511A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๐
ระหว่างนาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๘ ถึงนาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๕๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ตัวเราเป็นเพียงภาพลวงตา เห็นแจ่มแจ้งเมื่อใด ได้เป็นพระโสดาบัน

mp3 for download : ตัวเราเป็นเพียงภาพลวงตา เห็นแจ่มแจ้งเมื่อใด ได้เป็นพระโสดาบัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :เนี่ยพอเราแยกสิ่งที่มีอยู่จริงๆที่เรานึกว่ามีอยู่จริงๆออกเป็นส่วนย่อยๆนะ ความเป็นตัวเป็นตนจะหายไป ความเป็นรถยนต์มันจะหายไป พอมันถอดออกไปเป็นส่วนๆแล้ว รถยนต์จะหายไป สิ่งที่เรียกว่าตัวเรานี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราสามารถถอดด้วยปัญญา ไม่ต้องถอดจริงๆนะ ไม่ใช่ไปตัดแขนตัดขาทีละส่วนหรอก ถอดได้ด้วยปัญญาจริงๆเราจะพบว่า ตัวเราหายไป ตัวตนไม่มี แบบเดียวกันเลย วิธีทีจะเรียนเพื่อให้เห็นว่าตัวตนหายไปด้วยการหัดแยกเป็นส่วนๆอย่างนี้ มีชื่อภาษาแขกว่า วิภัชชวิธี วอแหวนสระอิภอสำเภาไม้หันอากาศชอช้าง จะเขียนด้วยชอช้างตัวเดียวหรือสองตัวก็ตามใจ วิภัชชวิธี คือหัดแยก พอแยกได้แล้วแต่ละส่วนๆจะไม่มีตัวเรา แล้วสุดท้ายพอแยกได้หมด ถี่ถ้วนจริงๆนะ จะรู้เลยว่าตัวเราไม่มีหรอก เป็นภาพลวงตาเท่านั้นเอง เป็นมายาหลอกลวง เหมือนฝัน ฝันไปว่ามีตัวเรา จริงๆไม่มีเรา

ถ้าเมื่อไหร่ปัญญาแทงทะลุลงไปว่าจริงๆไม่มีเราหรอก เป็นภาพลวงตาทั้งหมดเลย นั่นแหละคือภูมิธรรมของพระโสดาบัน ฟังแล้วเหมือนยากนะ แต่ลงมือทำจริงไม่ยากหรอก บางคนใช้เวลาไม่กี่วันด้วยซ้ำไป บางคนใช้เวลาสั้นนิดเดียวนะ อย่าว่าแต่พระโสดาบันเลย บางท่านฟังธรรมะไม่กี่ประโยค ท่านก็เป็นพระอรหันต์ ยกตัวอย่างพระพาหิยะ ฟังธรรมะนิดเดียว ฟังอยู่กลางตลาดเลย ท่านได้เป็นพระอรหันต์


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560511A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๐
ระหว่างนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๕๙ ถึงนาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๒๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความทุกข์แปรไปตามกำลังของความยึดถือ

mp3 for download : ความทุกข์แปรไปตามกำลังของความยึดถือ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :จริงๆแล้วการปฏิบัติธรรมนะ เอา Basic เลย มันไม่มีอะไรหรอก มันคือการเรียนรู้ความเป็นจริงของตัวเราเอง สิ่งที่เรียกว่าตัวเราก็คือกายกับใจของเรานี่แหละ ถ้าเราเรียนรู้ความจริงได้นะ เราจะหมด ถ้าไม่หมดนะก็ลด ความยึดถือกายยึดถือใจลงได้ ถ้าเรายึดถือมากก็ทุกข์มาก ยึดถือน้อยก็ทุกข์น้อย ไม่ยึดถือก็ไม่ทุกข์ ใจของเรามันทุกข์ขึ้นมาได้เนี่ย ก็เพราะว่ามันเข้าไปยึดถือสิ่งต่างๆ ส่วนร่างกายที่เป็นทุกข์น่ะ เป็นไปตามธรรมชาติของมัน มีร่างกายแล้วถึงอย่างไรก็ทุกข์

ร่างกายของพระอรหันต์ก็ทุกข์เหมือนที่พวกเราทุกข์นั้นแหละ แต่จิตใจเนี่ย ท่านรู้ความจริงมากก็ไม่ยึดถือ ท่านก็ไม่ทุกข์ พระอนาคามีท่านยังยึดถือจิตอยู่ แต่ว่าไม่ยึดถือกาย ร่างกายเจ็บป่วยแปรปรวนอะไรก็ไม่เดือดร้อน แต่ถ้าจิตไม่มีสมาธิอะไรอย่างนี้ ยังเดือดร้อน ยังพยายามรักษาจิตอยู่ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี ก็ยังคงยึดถือขันธ์ ๕ เหมือนที่พวกเรายึดนี่แหละ แต่ท่านยึดน้อยกว่า ของเรายึดมาก ถ้าเราเห็นว่าขันธ์ ๕ ของเรา ร่างกายจิตใจของเรา เป็นของดีของวิเศษ หวงแหนมาก รักมาก อยากให้มันอยู่อย่างนี้แหละ อมตะนิรันดร อยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเราคงที่อยู่ในสิ่งที่ดี ถ้ามีของไม่ดีมาก็อยากให้มันพ้นไปเร็วๆ

ความอยากนั้นเป็นต้นตอให้เกิดความยึดถือ เนี่ยเราจะเรียนนะ จนกระทั่งวันหนึ่งมันไม่ยึด ไม่ยึดไม่ทุกข์ ตัวที่ทำให้เข้าไปยึดถือสิ่งต่างๆนั้นน่ะคือ ความยึดถือ มีชื่อเรียกว่า “อุปาทาน”


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๒ ถึงนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กระบวนท่าการดูจิต

mp3 for download : กระบวนท่าการดูจิต

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ตามองเห็นรูปเกิดสุขเกิดทุกข์ขึ้นที่ใจ หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายกระทบสัมผัส เกิดสุขเกิดทุกข์ที่ใจ มีสติรู้ทัน ใจคิดนึกปรุงแต่งไป เกิดสุขเกิดทุกข์ที่ใจ มีสติรู้ทัน

รู้ทันแล้วก็จะเห็น เกิดสุขอยู่ชั่วคราวแล้วก็ดับ เกิดทุกข์อยู่ชั่วคราวแล้วก็ดับ นี่แหละเรียกว่าการเจริญปัญญา จะเห็นว่าความสุขมีแล้วก็หายไป ความทุกข์มีแล้วก็หายไป ดูอยู่อย่างนี้เรื่อยๆไป

แต่ถ้าดูสุขทุกข์ไม่ทันนะ ต่อไปก็จะเป็นกุศล-อกุศล มีความสุขขึ้นมา บางทีจิตก็มีราคะ มีความทุกข์ขึ้นมา บางทีจิตก็มีโทสะขึ้นมา ดูเวทนาไม่ทัน ดูสุขทุกข์ไม่ทัน ก็มาดูกิเลสเอา ดูง่ายๆ แค่นี้เอง

อย่าไปบังคับจิตให้นิ่ง ถ้าบังคับจิตให้นิ่ง จะไม่มีอะไรให้ดู ให้กระทบอารมณ์ไป บางทีใจคิด คิดเรื่องนี้มีความสุข ให้รู้ว่ามีความสุขเกิดขึ้น ไม่ใช่รู้ว่าคิดเรื่องอะไรนะ คิดเรื่องอะไรไม่สำคัญหรอก แต่ถ้าคิดอะไรขึ้นมาแล้วใจมีความสุข ให้รู้ทัน (รู้ทันว่าใจมีความสุข – ผู้ถอด) คิดอะไรก็ได้ ใจมีความทุกข์ขึ้นมาให้รู้ทัน รู้ทันใจที่สุด ใจที่ทุกข์ ใจที่เป็นกุศล ใจที่เป็นอกุศล ไม่ใช่รู้เรื่องที่คิดนะ

นี่แหละการดูจิตดูใจเขาดูกันอย่างนี้นะ ถึงจะเกิดปัญญา สุดท้ายก็จะเกิดปัญญาขึ้นว่า ทุกอย่างที่จิตไปรู้เข้านี่แหละ เป็นของชั่วคราว ความสุขเกิดขึ้นแล้วก็อยู่ชั่วคราวแล้วก็หายไป ความทุกข์อยู่ชั่วคราวแล้วก็หายไป กุศลอยู่ชั่วคราวแล้วก็หายไป โลภ โกรธ หลง ฟุ้งซ่าน หดหู่ อยู่ชั่วคราวแล้วก็หายไป เห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า เห็นจนถึงจุดหนึ่ง จิตจะเกิดความรู้รวบยอดขึ้น ว่าทุกสิ่งที่เกิดนั้น ดับทั้งสิ้น ตรงที่เกิดความรู้รวบยอดนี่แหละที่เรียกว่า “ได้ดวงตาเห็นธรรม” เป็นพระโสดาบัน

พระโสดาบันนั้นมีความรู้รวบยอดว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดดับไปเป็นธรรมดา” something(สิ่งใด) ที่เกิดขึ้น อะไรเป็น something บ้าง สุขก็เป็น something ใช่มั้ย ทุกข์ก็เป็น(something) โลภโกรธหลงก็เป็น(something) จะเห็นแต่ละอันๆนะ จนในที่สุดสรุปออกมาได้ในภาพรวม จิตเขาสรุปของเขาเอง ไม่ใช่เราคิดเอา ตรงที่เราคิดเอาไม่ล้างกิเลส แต่ถ้าจิตสรุปของจิตเอง จะล้างกิเลสได้

เนี่ยฝึกไปเรื่อยนะ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ต.บางพระ อ.ศรีราชา ชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๔ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕
File: 550804B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
ระหว่างนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๒๔ ถึงนาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๕๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พระโสดาบันจะเห็นว่าไม่อะไรที่เป็นตัวเราถาวร

mp3 (for download) : 551208A.26m03-27m57

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เอาให้ได้โสดาฯก่อนนะ อย่าใจร้อน จะได้โสดาฯ โสดาฯเห็นความจริงว่าตัวเราไม่มีหรอก เห็นแต่ของที่เกิดแล้วดับ ไม่มีอะไรที่เป็นอมตะถาวรที่จะเป็นตัวเราที่แท้จริง

ำว่าตัวเราๆ หมายถึงตัวเราที่ถาวร ความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา มีเป็นแว้บๆ เกิดแล้วก็ดับไป แต่ว่าความสำคัญมั่นหมาย สัญญาที่ผิดๆ สำคัญมั่นหมายว่ามีตัวเราถาวร ถ้าเป็นพระโสดาฯก็ล้างความสำคัญมั่นหมายผิดๆนี้ได้ เพราะได้เห็นความจริงแล้วว่าไม่มีอะไรถาวรเลย

รูปธรรมทั้งหลายก็ไม่ถาวร เวทนาความสุขความทุกข์ทั้งหลายก็ไม่ถาวร ความจำได้หมายรู้ทั้งหลายก็ไม่ถาวร ความปรุงดีปรุงชั่ว กิเลสทั้งหลาย ก็ไม่ถาวร จิตใจก็ไม่ถาวร เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยววิ่งไปทางตาทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายทางใจ จะเห็นอยู่อย่างนี้นะ

เวลาที่เราดูจิตดูใจเรานะ ถ้าคนไหนชำนาญ ชอบดูขันธ์ ถ้าชอบดูขันธ์ก็จะเห็นเลยว่า เวทนาเกิดดับ สัญญาเกิดดับ สังขารเกิดดับ จิตอยู่ต่างหาก เราก็จะเห็นว่าจิตนี้ไม่เที่ยง เพราะจิตที่สุขเกิดแล้วดับ จิตที่ทุกข์เกิดแล้วดับ จิตที่โลภโกรธหลงเกิดแล้วดับ อย่างนี้สำหรับพวกที่ถนัดดูขันธ์นะ

ถ้าพวกที่ชำนาญดูอายตนะนั้นก็จะเห็นเลย จิตที่เกิดที่ตาเกิดแล้วก็ดับ จิตที่เกิดที่หูเกิดแล้วก็ดับ จิตที่เกิดที่จมูกที่ลิ้นที่กายที่ใจเกิดแล้วก็ดับ พวกนี้เห็นจิตเกิดดับโดยอิงเข้ากับอายตนะ แต่ว่าส่วนมากก็จะดูแค่เห็นกิเลสเห็นอะไรอย่างนั้นไป ดูไม่ค่อยถึงอายตนะเท่าไหร่ ไม่จำเป็นหรอก เอาไว้ให้คนที่เขาชอบเล่นอายตนะเขาดู


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๓ ถึงนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๕๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

บรรลุพระอรหันต์เพราะเห็นอนิจจังของจิตบ้าง เพราะเห็นทุกขังของจิตบ้าง เพราะเห็นอนัตตาของจิตบ้าง

mp3 (for download) : บรรลุพระอรหันต์เพราะเห็นอนิจจังของจิตบ้าง เพราะเห็นทุกขังของจิตบ้าง เพราะเห็นอนัตตาของจิตบ้าง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : พวกที่ทรงสมาธิมากๆเนี่ย เวลาจะบรรลุพระอรหันต์ จะต้องบรรลุด้วยการเห็นจิตเป็นตัวทุกข์ เพียงลำพังเห็นจิตไม่เที่ยง พวกที่มีศรัทธามากๆนะเห็นจิตไม่เที่ยง พวกนี้ก็ยอมปล่อยวางจิตนะ พวกศรัทธามากเนี่ย จะเป็นพวกมาตรฐานสูง พอเห็นความไม่เที่ยงนิดๆหน่อยๆก็จะรู้สึกว่าผิดมาตรฐานแล้ว ยอมรับไม่ได้เลย ยอมทิ้งจิต ส่วนพวกปัญญามากเนี่ย จะบรรลุด้วยการเห็นอนัตตา เห็นว่าจิตไม่ใช่ตัวเรา มันทำงานของมันได้เอง พึ่งพาอาศัยอะไรไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุตามปัจจัยของมัน เอาเป็นที่พึ่งไม่ได้ จิตก็สลัด ไม่ยึดถือ สลัดคืนจิตให้โลก แต่ถ้าพวกทรงสมาธินะ เวลาบรรลุพระอรหันต์เนี่ย ก็จะเห็นความเป็นทุกข์ของจิต

ของเราไม่ต้องกังวลนะ ว่า ของเรายังไม่ต้องถามหลวงพ่อนะ ว่า หนูจะบรรลุพระอรหันต์เพราะเห็นอนิจจัง หรือทุกขัง หรืออนัตตานะ เอาให้ได้โสดาฯก่อน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๑ ถึงนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พระโสดาบันยังมีอินทรีย์ที่ต่างกัน

mp3 (for download) : พระโสดาบันยังมีอินทรีย์ที่ต่างกัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ไม่ใช่พระโสดาบันทุกองค์ต้อง ๗ ชาตินะ อยู่ที่กำลัง เวลาบรรลุโสดาปัตติมรรค ถ้าปัญญาแก่กล้า ก็เหลือชาติเดียว สมาธิกล้าๆจะเหลือ ๓ ชาติ ถ้าทั่วๆไป อินทรีย์ไม่แกกล้า ก็จะไม่เกิน ๗ ชาติ (อ่านเรื่อง อินทรีย์ เพิ่มเติมตามลิงก์ในหมายเหตุ – ผู้ถอด)

เวลาบรรลุ ก็จะเห็นภาวธรรมเกิดดับ ๒ ขณะนะ แล้วก็เกิดอริยมรรค เกิดอริยผล เกิดอริยมรรค ๑ ขณะ แล้วเกิดอริยผล ๓ ขณะ ตรงนี้เป็นพวกปัญญากล้า ไม่ถึง ๗ ชาติหรอก

แต่ถ้าพวกปัญญาไม่แก่กล้า เกิดสภาวะเกิดดับให้ดูภายใน ๓ ขณะ แล้วทวนเข้ามาหาจิต ๑ ขณะ เข้ามาถึงตัวรู้ เข้ามาถึงธาตุรู้ แหวกธาตุรู้ออก เกิดอริยมรรค ๑ ขณะจิต เกิดอริยผล ๒ ขณะจิต สัมผัสพระนิพพาน ๒ ขณะ พวกนี้ปัญญาไม่กล้า พวกนี้อาจจะ ๓ ชาติ ๗ ชาติ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๒๓ ถึงนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๔๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ได้พระโสดาบันแล้วชีวิตจะมั่นคง

mp3 (for download) : ได้พระโสดาบันแล้วชีวิตจะมั่นคง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : เอาให้ได้โสดาบันก่อน เมื่อได้พระโสดาบันแล้วจะรู้สึกว่าชีวิตจะมั่นคงขึ้น ไม่งั้นเวลาที่เรามีชีวิตอยู่ในโลก เราจะรู้สึกว่ามันไร้ทิศทางที่ชัดเจน เราไม่รู้ว่าเราจะไปทางไหน จะดีขึ้นหรือเลวลงอะไรอย่างนี้ ไม่แน่ มีแต่คำว่าไม่แน่ๆ

พอเป็นพระโสดาบันแล้วมันมีคำว่า “แน่” เกิดขึ้น คือแน่นอนว่าวันหนึ่งจะตรัสรู้ (แน่นอนว่า)วันหนึ่งจะต้องเป็นพระอรหันต์ (แน่นอนว่า)วันหนึ่งจะต้องพ้นทุกข์ มันมีคำว่าแน่เกิดขึ้น

ท่านเปรียบเทียบนะว่า เหมือนกับคนที่ไปเรือล่มอยู่ในทะเล เรือล่มอยู่ในทะเลเนี่ย คนทั่วๆไปเนี่ย เหมือนคนที่อยู่กลางทะเลแล้วไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหน คนที่รู้ทิศทางว่าควรจะไปทางไหนน่ะ คือพระโสดาบัน รู้ทิศทาง

พอรู้ทิศทางแล้วก็ค่อยๆว่ายน้ำนะ เกาะไม้กระดานหรือเกาะอะไรก็ได้ ค่อยๆเข้าฝั่ง ใกล้เข้าไปเป็นลำดับๆ คนที่เริ่มเคลื่อนเข้าหาฝั่ง ก็คือท่านเทียบเหมือนกับพระสกทาคามี เคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ ใกล้ฝั่ง จนกระทั่งปลายเท้าเริ่มหยั่งถึงพื้น ยังอยู่ในน้ำ ยังไม่ขึ้นจากน้ำ ถ้าคลื่นซัดมาก็ยังสำลักน้ำได้ ยังผลุบๆโผล่ๆ เหลืออีกหน่อยหนึ่ง ท่านเทียบเหมือนพระอนาคามี พระอรหันต์เปรียบเหมือนคนที่ขึ้นบกได้แล้ว ปลอดภัยแล้ว

ถ้ายังไม่ได้พระโสดาบันเนี่ย เราจะไร้ทิศทาง ไม่มีทิศทาง พระโสดาบันมีทิศทางที่ชัดเจนแล้วว่า จะพัฒนาไปเรื่อยๆ จนถึงวันหนึ่งจะขึ้นบกได้ จมน้ำตายอีกไม่เกิน ๗ ครั้ง ก็ถึงฝั่ง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๒๓ ถึงนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๒๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตนิ่งๆทื่อๆ จะบอกว่าเป็นพระโสดาบัน นั้นไม่ใช่

mp3 for download : จิตนิ่งๆทื่อๆ จะบอกว่าเป็นพระโสดาบัน นั้นไม่ใช่

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : แต่ต้องภาวนา ภาวนาเรื่อยๆ เรื่อย ถึงวันหนึ่งเราก็เห็น ขั้นแรกเราเห็นก่อนว่าขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวเรา รูปธรรมนามธรรมนี้ไม่ใช่เรานะ พอเห็นอย่างนี้ได้ จิตใจยอมรับได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เห็นว้อบแว้บๆ เดี๋ยวก็เป็นเรา เดี๋ยวก็ไม่เป็นเรา บางคนบอกเป็นพระโสดาฯนะ หลวงพ่อบอก ใจเย็นๆ โสดาฯองค์นี้ใจเย็นๆ ดูไปสัก ๓ เดือน เผลอๆมีเราขึ้นมามั้ย บางคนกลับมารายงาน ๓ เดือนแล้วก็ยังไม่มีเรา ก็บอกว่า อ๋อ อีกปีหนึ่งก็ไม่มีเพราะทำจิตเอาไว้อย่างนี้ จะเป็นเราอะไร ไม่คิดไม่นึก ทำจิตทื่อๆอยู่อย่างนี้

เพราะฉะนั้นหากว่าสงสัยนะ ใครเป็นพระโสดาฯหรือเปล่า แล้วเห็นว่าทำจิตทื่อๆนะ แกล้งมันเลย ให้จิตเคลื่อน พอจิตเคลื่อนนะ ไม่เป็นเราหรอก เป็นกู หนักกว่าเป็นเราอีก แต่ถ้าจิตนิ่งติดสมาธิอยู่ ดูไม่มีตัวตน

นะ เมื่อไหร่ที่ใจยอมรับความจริงนะ ว่าขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวเรา ยอมรับ ก็จะเป็นพระโสดาฯ ถ้าวันใดใจยอมรับความจริง ใจเห็นอย่างถ่องแท้ ว่าขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ หาสาระแก่นสารไม่ได้เลย ไม่ควรยึดถือนะ ยึดก็คือยึดเอาก้อนทุกข์ไว้ เหมือนถือถ่านไฟแดงๆเอาไว้ในมือ จิตมันจะสลัดขันธ์ ๕ คืนให้โลก เป็นพระพระอรหันต์

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
File 540716A
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๓๙ ถึงนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ปุถุชนที่ไม่ได้ฟังธรรม ก็ยังเห็นได้ว่าร่างกายไม่ใช่เรา

mp3 for download : ปุถุชนที่ไม่ได้ฟังธรรม ก็ยังเห็นได้ว่าร่างกายไม่ใช่เรา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : ขันธ์ที่เรียนยากที่สุดก็คือตัวจิตนั่นเอง ตัวรูปนี้เรียนง่าย ใครเคยเห็นร่างกายไม่ใช่ตัวเราบ้าง เห็นสักแว้บสองแว้บก็มีมั้ย ยกมือซิ ใครเห็นกายไม่ใช่เรา ยกสูงๆหน่อย ยกสูงๆ โอ้..เยอะมาก พวกที่เห็นกายไม่ใช่เรา เป็นชาวพุทธแท้มั้ย แท้หรือยัง ยัง

พระพุทธเจ้าบอก ดูกระภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนที่ไม่ได้สดับ (คือ คนที่ไม่ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า – ผู้ถอด) พวกคือปุถุชนที่ได้สดับนะ เนี่ยเรามีเกรดสูงกว่าเขานะ พูดเพื่อให้เพิ่มมานะอัตตา จะได้เอามานะอัตตามาเป็นกำลังใจภาวนา

ท่านบอกว่า ดูกระภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนที่ไม่ได้สดับเนี่ย สามารถเห็นได้ว่าร่างกายไม่ใช่ตัวเรา เพราะอะไร เพราะร่างกายมันอยู่ไม่ทนน่ะ มันเห็นได้ เดี๋ยวมันก็แก่ใช่มั้ย หน้าตาของเราในวันนี้ กับหน้าตาของเราในปีกลายไม่เหมือนกันหรอก อาจจะไม่รู้สึกนะแต่ไปดูรูปถ่ายแล้วจะรู้ จะแก่ขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ดูรูปไม่รู้หรอก ยังรู้สึกว่ายังสาวเหมือนเดิม เราตอนเด็กๆกับเราตอนนี้ไม่เหมือนกัน ร่างกายนี้เห็นง่ายว่าแปรปรวนนะ แต่จิตนี้เห็นยากที่สุด

ใครเห็นความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์แปรปรวน ไม่ใช่ตัวเรา เป็นของที่แยกออกไปจากจิต ใครเห็นอันนี้ยกมือซิ มีมั้ย? ก็ยังเยอะ เห็นมั้ย ใครเห็นว่ากุศล-อกุศล อย่างความโลภความโกรธความหลงไม่ใช่จิตบ้าง มีมั้ย ยกมือซิ ก็เยอะนะ พอๆกันแหละ คือถ้าเห็นได้ว่าเวทนาไม่ใช่เรานะ ก็เห็นสังขารไม่ใช่เราได้

ใครเห็นจิตไม่ใช่เราบ้าง เห็นเป็นแว้บๆเป็นคราวๆ มีมั้ย ก็มี ยังเห็นได้ แต่จิตยังยอมรับไม่ได้ ถ้าวันใดที่จิตยอมรับได้นะ พระโสดาบัน

พวกเรารู้สึกมั้ย เราเป็นปุถุชน แบบเดียวกันกับปุถุชนที่ไม่ได้สดับ คือเห็นว่าร่างกายไม่ใช่ตัวเรา มีมาก นึกออกมั้ย แต่พวกเราไม่ได้เป็นปุถุชนที่ไม่ได้สดับนะ เราได้สดับแล้ว และเราก็เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ตัวเรา เราเห็นกันเยอะ

ส่วนที่น้อยขึ้นมา เราเริ่มเห็นนามธรรม เวทนาคือความสุขทุกข์ เห็นกุศล-อกุศลไม่ใช่เรา เราก็ยังเห็นได้ มีส่วนหนึ่งเห็นได้ มีส่วนน้อยลงไปอีกนะว่าจิตไม่ใช่เรา นะ

*หมายเหตุ ธรรมะของพระพุทธเจ้า ในที่นี้หมายถึง ธรรมะในเรื่องของไตรลักษณ์, ตัณหา ๓, ธาตุ ๔, ขันธ์ ๕, อายตนะ ๖,

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
File 540716A
ระหว่างนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๓๒ ถึงนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๒๑) ความรู้รวบยอด คือทุกอย่างเกิดแล้วดับทั้งสิ้น

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๒๑) ความรู้รวบยอด คือทุกอย่างเกิดแล้วดับทั้งสิ้น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ในขณะที่ฟังหลวงพ่อเทศน์ รู้สึกไหม จิตมันทำงานสลับไปสลับมา เดี๋ยวก็มองหน้าหลวงพ่อ เดี๋ยวก็ตั้งใจฟัง เดี๋ยวก็หนีไปคิด สลับไปสลับมาอยู่ตลอดเวลา เนี่ยจิตมันทำงานได้เอง เนี่ยเฝ้ารู้เฝ้าดูอย่างนี้เรื่อยไปนะ วันนึงมันจะปิ๊งขึ้นมา ตรงที่มันปิ๊งขึ้นมา เป็นความรู้รวบยอด ตรงที่ว่าได้ดวงตาเห็นธรรมๆ คือจิตมันได้ความรู้รวบยอด ว่าทุกสิ่งที่เกิดน่ะ ดับทั้งสิ้น

เพราะอะไร เพราะมันเห็นอยู่ ร่างกายที่ยิ้ม มันเกิดแล้วก็หายไป ร่างกายที่พยักหน้า เกิดแล้วก็หายไป ร่างกายยืนเดินนั่งนอน เกิดแล้วก็หายไป มีความสุข ความสุขเกิดแล้วก็หาย ความทุกข์เกิดแล้วก็หาย จิตใจมีความสุขความทุกข์ ความเฉยๆขึ้นมา ก็เห็นอีก ความสุข ความทุกข์ ความเฉยๆ เกิดขึ้นมาแล้วก็หายไป จิตใจมีกุศล มีอกุศล มีโลภโกรธหลง ก็เห็นอีกนะ กุศลเกิดแล้วก็ดับ โลภโกรธหลงเกิดแล้วก็ดับ จิตเองก็เกิดดับ เดี๋ยวก็ไปเกิดที่ตา ไปดูรูป เดี๋ยวไปเกิดที่หู ไปฟังเสียง เดี๋ยวไปเกิดทางใจ คือไปคิด ทางใจก็เกิดได้หลายแบบ เดี๋ยวก็เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เดี๋ยวก็เป็นผู้หลงไปคิดนึกปรุงแต่ง เพราะนั้นเราเห็นจิตเนี่ยเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย มีแต่ของไม่เที่ยง มีแต่ของห้ามไม่ได้ บังคับไม่ได้

เห็นซ้ำๆไปนะ สุดท้ายมันจะรู้เลย ว่าชีวิตที่เรามีอยู่ เราคิดว่าชีวิตเรามีจริงๆนั้นน่ะ แท้จริงแล้วมีชีวิตอยู่ชั่วขณะจิตเดียวนี่เอง พอจิตเกิด แล้วก็ดับไป ก็คือเราตายไปหนึ่งชาติแล้วนะ หนึ่งชีวิตแล้ว เกิดแล้วก็ดับไป เกิดแล้วก็ดับไป เราตายอยู่ทุกขณะ แต่ไม่เคยเห็น ต่อไปมาคอยดูนะ เราจะเห็นน่ะ มันมีแต่เกิดแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ ถ้าใจทีแรกก็เห็นโลภโกรธหลง เกิดแล้วดับ สุขทุกข์เกิดแล้วดับ หายใจออก หายใจเข้า เกิดแล้วดับ ต่อไปตอนที่ใจมันแจ้งธรรมะเนี่ย มันจะปิ๊งขึ้นมาเลยว่า ทุกอย่างแหล่ะเกิดแล้วดับ เพราะนั้นตอนที่เข้าใจธรรมะ ไม่ใช่รู้ว่าโลภโกรธหลงเกิดแล้วดับน่ะ แต่รู้ว่า อะไรเกิด อันนั้นแหล่ะดับ everything ทุกอย่างเลย เกิดแล้วดับ เห็นอย่างนี้

ไม่ใช่ว่า อันนี้คืออันนี้ๆ ไม่มีภาษามนุษย์จะมายุ่งด้วยแล้วนะ ไม่ใช่ว่า อ้อ นี่โลภเกิดแล้วดับ โกรธเกิดแล้วดับ อันนี้อยู่ในขั้นของการปฏิบัติ แต่ตอนที่(ถึง)ขั้นใจมันปิ๊ง ใจมีดวงตาเห็นธรรม มันจะสรุปเลยว่า ทุกอย่างนั่นแหล่ะ เกิดแล้วดับ ไม่มีตัวตนถาวร ถ้าเห็นอย่างนี้ได้ เราจะได้ธรรมะแล้ว เรียกว่าตกกระแสธรรมนะ เป็นพระโสดาบัน พึ่งตัวเองได้แล้ว


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๘ วินาทีที่ ๔๘ ถึง นาทีที่ ๔๑ วินาทีที่ ๑๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๖) ทุกอย่างในกายในใจเกิดแล้วก็ดับ

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๖) ทุกอย่างในกายในใจเกิดแล้วก็ดับ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : จะเป็นพระโสดาฯ หรือจะเป็นพระอรหันต์ มาจากจุดตั้งต้นอันเดียวกัน จุดตั้งต้นก็คือ เราต้องมาเรียนรู้ความจริง ของกายของใจตนเอง ถ้าไม่สามารถเรียนรู้ความจริง ของกายของใจได้ โสดาฯก็ไม่ได้ อย่าว่าแต่พระอรหันต์เลย

พระโสดาบันท่านเห็นแล้วว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ย่อลงมาก็คือ รูปธรรมกับนามธรรมทั้งหลาย กายกับใจของเรานี้แหล่ะ เต็มไปด้วยของที่ไม่เที่ยง เกิดแล้วดับไปทั้งสิ้น เนี่ยท่านเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกนะ ใจยอมรับ ก็เห็นทั้งกายทั้งใจเกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับ ร่ายกายหายใจเข้าก็ดับไป เกิดร่างกายหายใจออก ร่างกายหายใจออกเกิดแล้วดับ ไป กลายเป็นร่างกายหายใจเข้า ร่างกายยืนเกิดแล้วก็ดับ ร่างกายเดินเกิดแล้วก็ดับ ร่างกายนั่ง ร่างกายนอน เกิดแล้วดับ ดูความจริงเรื่อยๆไป

ในใจก็ดูง่าย ไม่มีอะไรหรอก พอตาเรามองเห็นรูป ใจเราก็เปลี่ยน เห็นรูปที่พอใจ ใจก็มีความสุขขึ้นมา ให้รู้ทัน ว่าใจมีความสุข เห็นรูปที่ไม่พอใจ ใจมีความทุกข์ขึ้นมา รู้ทัน ว่าใจมีความทุกข์ ได้ยินเสียงที่พอใจ ใจมีความสุข รู้ว่าใจมีความสุข ไม่ใช่รู้ว่าเสียงอะไรนะ เสียงนกเสียงคน เสียงบ่นเสียงด่า เสียงชม ไม่จำเป็นต้องรู้ตรงนั้นหรอก ให้คอยรู้ที่ใจของเราอันเดียวนี่แหล่ะ ตามองเห็น ก็รู้ทันที่ใจ ตามองเห็น ใจก็เปลี่ยน หูได้ยินเสียง ใจก็เปลี่ยน ให้รู้ความเปลี่ยนแปลงที่ใจ ใจนี้เดี๋ยวก็สุข ใจนี้เดี๋ยวก็ทุกข์ ใจนี้เดี๋ยวก็ดี ใจนี้เดี๋ยวก็ร้าย สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว ดีก็ชั่วคราว ร้ายก็ชั่วคราว ดูซ้ำแล้วซ้ำอีกนะ ดูกันเป็นแรมเดือนแรมปีเลยล่ะ กว่าใจจะยอมรับความจริง ว่าทุกอย่างมันชั่วคราว เราดูจนใจยอมรับนะ ไม่ใช่เราแกล้งยอมรับเอาเอง (แกล้ง)ยอมรับเอาเอง ฆ่ากิเลสไม่ตาย ถ้าจิตเห็นความจริง จิตยอมรับความจริง ถึงจะฆ่ากิเลสตาย

เรื่องมันง่ายๆแค่นี้แหล่ะ แต่ว่าทำไมคนทั่วไป ไม่สามารถที่จะดูกายดูใจ ตามความเป็นจริงได้ มันแปลกไหม ร่างกายของเรามีมาแต่เกิดใช่ไหม ทำไมเราไม่เคยดูความจริงของกาย จิตใจของเราก็มีมาตั้งแต่เกิด ทำไมเราไม่เคยดูความจริงของจิตใจ ไม่เฉพาะเรานะ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย บรรพบุรุษเราก็ไม่ได้ดู หมูหมากาไก่อะไรก็ไม่ได้ดู หาคนที่จะมาดูความจริงของกาย หาคนที่จะมาดูความจริงของใจได้เนี่ย หายากที่สุดเลย งั้นพระอริยฯเลยขาดแคลน ทั้งๆที่ไม่ได้ยากเลยนะ ที่จะพัฒนาจิตใจ ให้บรรลุอริยธรรมเนี่ย ไม่ได้ยากเลย แค่เราเห็นความจริง แค่จิตยอมรับความจริงนะ ว่าทุกอย่างเกิดแล้วดับไป ทุกอย่างในกาย เกิดแล้วดับ ทุกอย่างในใจ เกิดแล้วดับ แค่นี้เอง ทำไมทำไม่ได้ ที่ทำไม่ได้ ก็เพราะว่า เราลืมกายลืมใจของเราทั้งวัน เราไปหลงโลกภายนอกนะ เรามัวแต่สนใจสิ่งภายนอก เราไม่ย้อนมาที่ตัวเอง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๕๙ ถึง นาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 212