Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

V-Clip : จุดแยกระหว่างความรู้สึกตัว(สติตัวจริง)กับการเพ่ง (เทคนิคสำคัญในการทำจิตตานุปัสสนา)

จุดแยกระหว่างความรู้สึกตัว(สติตัวจริง)กับการเพ่ง (เทคนิคสำคัญในการทำจิตตานุปัสสนา)

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อสงสัยว่ารู้จริงๆหรือคิดไปเอง

mp3 (for download): เมื่อสงสัยว่ารู้จริงๆหรือคิดไปเอง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

เมื่อสงสัยว่ารู้จริงๆหรือคิดไปเอง

เมื่อสงสัยว่ารู้จริงๆหรือคิดไปเอง

โยม : แล้วอย่างเวลาที่เราปฏิบัติไปเนี่ยค่ะ เวลาที่เกิดสภาวธรรมเกิดขึ้นเนี่ย เราจะทราบได้อย่างไรว่าสภาวธรรมอันนั้นเกิดเพราะเรารู้ หรือว่าเพราะเราคิดไปเอง

หลวงพ่อปราโมทย์ : โอ้.. ถ้าอย่างนั้นให้รู้ทันว่ากำลังสงสัยนะ ลงปัจจุบันเลย ไม่ต้องสนใจหรอก มันง่ายกว่าที่นึก มันง่ายนะ

อย่างใจมันโกรธขึ้นมาเนี่ย โกรธก็โกรธ เราก็เห็น ความโกรธมันผุดขึ้นมา เราจะต้องมานั่งนึกว่านี่คิดเอาเองว่าโกรธหรือว่าโกรธจริงๆเนี่ย ไม่ต้อง ไม่ต้องคิดเยอะ มันรู้เอง ภาวนาแบบเด็กๆน่ะ นะ เด็กมันซื่อๆนะ ไม่คิดมาก ไม่ซับซ้อน การภาวนาต้องแบบนั้นนะ เรียนไปซื่อๆ ไม่ซับซ้อนหรอก ของง่ายๆทั้งนั้นเลยนะ ง่าย ไม่ยากหรอก

โยม : อย่างบางคนน่ะค่ะ แบบภาวนาไปแล้วอาจจะเห็น ตัวเป็นท่อน อะไรอย่างนี้ค่ะ แล้วก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเรารู้จริงๆ เหมือนกับแยกธาตุแยกขันธ์ได้จริงๆ หรือว่ามันเป็นเราที่คิดเองว่า ตัวไม่ใช่เราๆ อะไรอย่างนี้เจ้าค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ตอนที่เห็นเป็นท่อนๆได้นี่นะ ตอนนั้นไม่ได้คิดหรอก อาจจะคิดไว้ก่อน แต่ตอนที่มันรู้สึกขึ้นมาเนี่ย รู้สึกขึ้นมาเนี่ย ตอนนั้นไม่ได้คิด มันจะรู้สึกเอา ว่าเป็นท่อนๆ แต่ถ้าเกิดเห็นเป็นท่อนๆแล้วมันสงสัยว่า เอ๊..คิดไปหรือเปล่า หรือว่าเห็นจริงๆ เราก็รู้ลงปัจจุบัน ท่อนๆเป็นอดีตไปแล้วโยนมันทิ้งไปเลย ดูลงปัจจุบัน ปัจจุบันก็คือ กำลังสงสัยอยู่ นะ เราเอาปัจจุบันนะ การไปใคร่ครวญอันนั้นจะเป็นอดีตไป ปล่อยมันไป

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
แสดงธรรมเมื่อ วันพุธที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔

CD: แสดงธรรมเทศนานอกสถานที่ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
File: 540810A
ระหว่างนาทีที่ ๕๗ วินาทีที่ ๐๘ ถึง นาทีที่ ๕๘ วินาทีที่ ๓๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เราคิด หรือ จิตคิด?

mp 3 (for download) : เราคิด หรือ จิตคิด?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

เราคิด หรือจิตคิด

เราคิด หรือจิตคิด

โยม: เมื่อวาน หลวงพ่อบอกว่า อย่าคิดมาก ก็ สรุปแล้ว ทำไม่ได้ค่ะ หมายความว่า มันไม่สามารถทำได้

หลวงพ่อปราโมทย์: ไม่ๆ อย่าคิดมากของหลวงพ่อ หมายถึงว่า อย่าไปช่วยมันคิด ส่วนจิตเนี่ย มันคิดทั้งวันอยู่แล้ว ต่อไปนี้พอจิตมันไหลไปคิดนะ รู้ทันแว้บเลย อย่าไปช่วยมันคิด ภาษามนุษย์นะ บางทีไม่ค่อยสื่อนะ ลำบาก ตัวสภาวธรรมก็คือ ปล่อยให้จิตมันคิดไป แล้วมีสติรู้ทัน อย่าไปช่วยมันคิด

สมมุติว่า อยู่ๆมันคิดถึงยายชีคนนี้อยู่วัด อยู่กับเรา ที่ ที่อื่นนะ เกลี๊ยดเกลียดมัน อยู่ๆ ก็คิดถึงมันนะ ให้มีสติรู้ว่าไปคิดถึงเขาละ ให้มีสติรู้ว่าโทสะเกิด ให้รู้อย่างนี้นะ ไม่ใช่ไปช่วยเขาคิด

ช่วยเขาคิดมีหลายแบบนะ ช่วยเพิ่มกิเลส ไปช่วยแบบสู้กิเลส ช่วยเพิ่มกิเลสก็คือ ป่านนี้มันคงตายไปแล้ว มันทำชั่วมาก ช่วยแบบเพิ่มกิเลสตัวเอง อีกช่วย อีกช่วยหนึ่ง ช่วยข่มกิเลส อย่าไปโกรธเขาเลยน่ะ เขาหลงผิดไปชั่วครั้งชั่วคราว อีกหน่อยเขาคงจะดี เห็นมั้ย ขณะที่ไปช่วยคิดเพื่อจะไปสู้กิเลส ลืมตัวเองอีกแล้ว

เพราะฉะนั้นเรา ใจของเรานะ เหมือนเรืออยู่ในแม่น้ำทอดสมอไว้ ไม่ไหลตามน้ำไป ไม่ต้านน้ำ ให้น้ำไหลผ่านไป ปล่อยให้ความคิด ให้จิตใจนี่แหละทำงานไปตามปกติ ไม่ไปต้านมัน ปล่อย มีหน้าที่รู้ลูกเดียว แต่อย่าไปคล้อยตามมัน พอรู้เรื่องมั้ย สำนวนนี้ หรือต้องเปลี่ยน เปลี่ยนสำนวน

โยม: เข้าใจค่ะ เวลาที่มันมีความคิดเกิดน่ะค่ะ มัน มันเห็นเหมือนว่า มี หมายความว่าความคิด กับสิ่งที่มันคิด มันคนละอย่างกัน

หลวงพ่อปราโมทย์: ใช่.. แล้วคนที่รู้ว่าคิด ก็มีอยู่ต่างหาก นะ มัน ขันธ์นะกระจายตัวออกไป เห็นมั้ยเรื่องราวที่คิดอันหนึ่ง ใจที่คิดอันหนึ่ง ให้รู้อาการที่ใจคิดนะ ไม่ใช่รู้เรื่องที่คิด รู้เรื่องที่คิดเป็นการรู้อารมณ์บัญญัติ คนที่ไม่ภาวนาก็รู้เหมือนกัน หมาก็รู้นะ อย่างไอ้เหลืองมันคิดได้นะ หมาก็ฝันเป็นนะ เออ.. ไม่ใช่ว่าหมาฝันไม่เป็น คิดไม่เป็น

เพราะฉะนั้น ไปรู้เรื่องราวที่คิดที่ฝันเนี่ย กระทั่งสัตว์ก็ทำเป็น ตัวสำคัญคือ รู้..ว่าใจไปคิด เนี่ย ที่หลวงพ่อเทียนสอนน่ะ รู้ว่าจิตไปคิดน่ะได้ต้นทางแล้ว

พอเรารู้ว่าจิตไปคิด จิตจะหลุดออกจากโลกของความคิด มาเกิดโลกของความรู้สึกตัวขึ้นมา จะตื่นขึ้นมา พอตื่นขึ้นมา มันให้เห็นกายที่เคลื่อนไหวอยู่นี่ ที่ขยับอยู่เนี่ย ท่านให้ขยับไปเรื่อย เห็นกายที่เคลื่อนไหวอยู่นี่ไม่ใช่ตัวเราเลย เห็นทันทีนะ ไม่ต้องคิดเลยว่าเป็นเรามั้ย จะเห็นทันทีว่าไม่ใช่เรา

และถ้าจิตเคลื่อนไหว ทำงานขึ้นมา ก็จะเห็นทันทีว่าไม่ใช่เราอีก ตัวเราไม่มี เพราะฉะนั้น ถ้าใจหนีไปคิด ให้รู้ว่าไปคิดนะ ให้รู้อาการที่ใจหนีไปคิด ไม่ใช่รู้เรื่องที่คิดนะ ถ้ารู้เรื่องที่คิดเป็นสมมุติบัญญัติ หมามันก็รู้เหมือนกัน ไม่เห็นบรรลุอะไร แต่ถ้ารู้อาการที่ใจคิดเนี่ย รู้อารมณ์ปรมัตถ์ เรารู้จิตที่คิด การรู้อารมณ์ปรมัตถ์นี่เป็นการทำวิปัสสนา เราจะเห็นเลย จิตจะคิดห้ามมันไม่ได้นะ มันคิดของมันเอง มันทำงานได้เอง มันไม่ใช่ตัวเราหรอก


หลวงพ่อปราโมทย์ แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๐

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๐
Track: ๑๕
File: 500615A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๒ วินาทีที่ ๘ ถึง นาทีที่ ๓๕ วินาทีที่ ๒๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ถ้ายังเจือด้วยความคิดอยู่ ไม่ใช่การรู้ที่แท้จริง

mp3 (for download) : ถ้ายังเจือด้วยความคิดอยู่ ไม่ใช่การรู้ที่แท้จริง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : การที่พยายามจะรู้นะ จงใจรู้ก่อน เบื้องต้นจงใจรู้ จงใจรู้สติยังไม่เกิด แต่ว่าพอหัดตามรู้สภาวะมากเข้าๆ ถึงจุดหนึ่งสติมันเกิดนะ แล้วมันมีปัญญาขึ้นมาด้วย อย่างหลายคนหัดรู้สึกๆ ไปเรื่ือยนะ ใจลอยไปแล้วรู้ ใจลอยแล้วรู้ หรือโลภขึ้นมาก็รู้ โกรธขึ้นมาก็รู้ ฟุ้งซ่านก็รู้ หดหู่ก็รู้ สุขก็รู้ ทุกข์ก็รู้ หายใจออกหายใจเข้าก็รู้ หัดรู้ไปเรื่อยๆ ถึงวันหนึ่ง อยู่ๆ ขึ้นมานี่ กำลังอาบน้ำอยู่ ส่วนใหญ่จะตอนอาบน้ำ พวกเราสังเกตไหม อาบน้ำ ถูสบู่ ถูขี้ไคล ถูตัว ถูๆ ไป สติปัญญามันเกิดขึ้นมา มันเห็นเลย ตัวที่กำลังลูบอยู่นี่เป็นวัตถุเท่านั้นเอง เป็นก้อนธาตุเท่านั้นเอง เนี่ีย มันเกิดปัญญาแล้วนะ มันมีสติที่ีแท้จริงนะ มันระลึกลงไป โดยที่ใจไม่เข้าไปแทรกแซง สักว่ารู้สักว่าเห็นจริงๆ ไม่ใช่พอระลึกรู้อันนี้ใจก็พากย์ต่อเลยว่า อันนี้คืออันนี้ อันนี้คืออันนี้

เพราะฉะนั้น พอสติมันระลึกนะ อย่างอาบน้ำอยู่ ถูสบู่อยู่ ปั๊บ มันระลึกขึ้นได้  นี่เป็นแค่รูปเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรา บางคนพอเห็นว่าไม่ใช่เรานะ ใจสะเทือนขึ้นมาเลย ตกอกตกใจขึ้นมาเลยว่าตัวเราหายไป บางคนก็เบื่ือขึ้นมาเลย บางคนก็รู้แจ้งขึ้นมาว่าตัวเราไม่มี แล้วแต่ว่าจิตใจนั้นมีคุณภาพระดับไหน แต่ตอนนี้คนที่สามารถเห็นได้ว่า ร่างกายไม่ใช่ตัวเรามีไม่รู้จำนวนเท่าไหร่แล้วนะ มีเป็นพันๆ คนที่เรียน การที่เราเรียนจนสามารถเห็นโดยไม่เจตนาจะเห็น คือการรู้จริงๆ ถ้ายังเจือด้วยการคิดอยู่ ไม่ใช่การรู้ที่แท้จริง อย่างสมมติเรานั่งถูไปแล้วเราก็นั่งคิด นี่ไม่ใช่ตัวเรานะ นี่ไม่ใช่ตัวเรา นั่งคิดอย่างนี้ยังไม่รู้จริง

แต่ถ้าเราฝึกสติไปเรื่อย แล้วใจมันตั้งมั่นขึ้นมา วิธีฝึกให้ใจตั้งมั่นก็มีเหมือนกัน เราคอยสังเกตใจของเรา ใจของเราชอบไหลไปไหลมา เดี๋ยวไหลไปดู เดี๋ยวไหลไปฟัง เดี๋ยวไหลไปคิด ใจที่ไหลไปไหลมาเรียกว่า “ใจไม่ตั้งมั่น” แต่ใจที่ไม่ไหล แต่เข้าไปจ่อนิ่งๆอ ยู่กับอารมณ์อันเดียวก็ไม่เรียกว่าใจตั่งมั่น เรียกว่าเพ่งเอาไว้ ใจที่ตั้งมั่นนี่มันรู้เนื้อรู้ตัว ใจมันเบิกบาน ใจมันเบา ใจมันสบาย ใจมันทำตัวเป็นแค่ผู้รู้ผู้ดูเท่านั้นเอง

ใจมันจะเกิดสภาวะอย่างนี้ได้ เราหัดรู้ไป เวลาใจเราหลงไปคิด หลงไปดู หลงไปฟัง โดยเฉพาะหลงไปคิด ใจชอบหลงคิดทั้งวัน ใจหลงไปคิดเรารู้ ใจหลงไปคิดเรารู้ อันนี้จะฝึกได้ทั้งสติ ฝึกได้ทั้งสมาธิคือ ความตั้งมั่น ใจหลงไปคิดเราก็รู้สึกนะ เราก็เห็นเลย เมื่อกี้หลงไปคิดตอนนี้รู้ขึ้นมา คนละอันกัน รู้กับคิดนี่คนละอันกันนะ และตรงที่รู้ว่าหลงไปคิด ความหลงไปคิดดับไป ความหลงความไหลออกไปดับ ใจก็ตั้งมั่นขึ้นมา ตั้งขึ้นชั่วขณะ เราค่อยๆ ฝึกไป การที่รู้ว่าใจหลงไปคิดๆ ฝึกบ่อยๆ สติและสมาธิจะมีขึ้นมาเป็นวิธีเรียนแบบรวบยอดเลย เรียนง่ายที่สุดเลยมีทั้งสติทั้งสมาธิรวบขึ้นมาในที่เดียวกันเลย

ศาลาลุงชิน ๓๒

520816

12.49 – 16.09

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เวลาดูจิตรู้ได้แวบเดียวทีละขณะๆ

MP3 (for download): เวลาดูจิตรู้ได้แวบเดียวทีละขณะๆ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม: จะเห็นได้บางมาก แล้วก็แป๊บเดียวเองครับ

หลวงพ่อปราโมทย์: แป๊บเดียวหมายถึงอย่างไร หลงนานหรือว่าเวลารู้ๆ แป๊บเดียว

โยม: เวลารู้ๆ แป๊บเดียวเองครับ

หลวงพ่อปราโมทย์: ก็ถูกแล้วล่ะ ปัจจุบันสั้นนิดเดียว ปัจจุบันไม่ใช่หนึ่งนาที ไม่ใช่หนึ่งชั่วโมง เวลารู้ๆ ทีละขณะๆ ได้แว๊บเดียว หลงก็หลงทีละแว๊บนะ เพียงแต่มัน แว๊บๆๆๆ บ่อย ก็เลยรู้สึกยาว อย่างตอนนี้ใจหลงไปแล้วทราบไหม นี่รู้อย่างนี้ ตรงที่รู้ตะกี้มันก็รู้ขึ้นมาแว๊บหนึ่ง แล้วตอนนี้มันก็หลงไปคิดใหม่ ดูออกไหม มันรู้ได้แว๊บหนึ่งแล้วมันก็หลงไปคิดอีก คิดอีกรู้อีก คิดอีกรู้อีกนะ รู้เล่นๆ ไม่ต้องรู้ตลอดเวลา ถ้าอยากจะรู้ตลอดเวลาจะเครียด การภาวนาถ้าเครียดเมื่อไร ผิดเมื่อนั้น เพราะจิตที่เครียดเป็นอกุศลจิต การภาวนาต้องรู้ไปด้วยจิตที่สบายๆ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คิดว่าจิตไม่ใช่เราอย่างนี้ถูกไหม?

mp3 (for download): คิดว่าจิตไม่ใช่เราถูกไหม

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

เจ้าคุณนรรัตนฯ วัดเทพศิรินทร์ฯ

เจ้าคุณนรรัตนฯ วัดเทพศิรินทร์ฯ

โยม: ตอนเจริญสมถะนะครับ ก่อนหน้านี้ผมจะเจริญด้วยลักษณะที่ว่า..พากษ์ตัวเองว่าลมหายใจเข้านี่ไม่ใช่ของเรา พอเห็นจิตมันฟุ้งรู้สึกว่า อ้อ จิตมันคุมไม่ได้นะไม่ใช่ของเรา อย่างนี้ถูกไหมครับ?

หลวงพ่อปราโมทย์ : อันนั้นก็ถูกนะ แต่ถูกแบบสมถะ เราสอนมันไปเรื่อย ๆ แล้วจิตก็สงบลงมา

แต่ถ้าวิปัสสนาเนี่ย จิตฟุ้งซ่านก็รู้ว่าฟุ้งซ่าน เรารู้ไปเรื่อย ๆ จนวันนึงเรารู้เองแหละว่ามันบังคับไม่ได้ เราไม่ได้พูดนะ เราไม่ได้สอน

ถ้ายังพูดอยู่ ยังสอนอยู่ ยังเป็นสมถะอยู่ ถ้าวิปัสสนาแท้ ๆ ไม่มีคำพูด ไม่มีการคิด

เจ้าคุณนรฯ เคยได้ยินชื่อท่านไหม เจ้าคุณนรฯ เด็กรุ่นนี้ไม่รู้จักแล้ว เจ้าคุณนรฯ เป็นพระดีนะ อยู่วัดเทพศิรินทร์ ท่านสอนบอกว่าของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง

ใจเรายังพูดอยู่ เห็นไหม ส่วนของจริงเป็นอย่างไร ความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นเรารู้เรื่อย ๆ ไป รู้ความรู้สึกนะ ไม่มีคำพูดอะไรหรอก

เราจะเห็นว่าความรู้สึกทุกชนิดเกิดขึ้นล้วนแต่ดับทั้งสิ้น ไม่ต้องพูดนะแต่เราเห็นจริง ๆ อย่างความโกรธเกิดขึ้น เราก็ไปรู้มัน มันก็หายไป หายไปเอง เราไม่ต้องทำอะไร ความโลภความอะไรต่ออะไรเกิดขึ้น เราคอยดูไปเรื่อย มันก็หายไปให้ดู ถึงจุดหนึ่งก็หายหมด เราดูไปอย่างนี้เรื่อย ๆ จนใจมันเห็นจริงว่าทุกอย่างเกิดแล้วก็ดับไป ไม่ได้คิดเอา ไม่ได้พูดเอา แต่ใจมันเห็นความจริงนะ

*หมายเหตุ* เจ้าคุณนรฯ คือท่านธมมฺวิตกโกภิกขุ หรือพระยานรรัตนราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอังคาร ที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑

CD: สวนสันติธรรม 23
๕๑๐๑๐๑
นาทีที่ ๓๒.๔๑ ถึง ๓๔.๔๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่