Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : อยากให้สภาวะที่ทำให้ทุกข์ใจหายไป

อยากให้สภาวะที่ทำให้ทุกข์ใจหายไป

ทำไมต้องทำให้หายละครับ พอมันเกิดขึ้นเดี๋ยวก็ดับลงไป
เกิดกี่ครั้งกี่ครั้ง ก็ย่อมดับไปทุกครั้ง ไม่มีหรอกครับที่เกิดแล้วจะไม่ดับลงไป
การภาวนาเราไม่ได้หัดเพื่อจะกำจัดสภาวะใดๆที่ไม่ชอบทิ้งไปหรอกนะครับ
แต่เป็นการหัดดูทุกสภาวะที่เกิดขึ้น หัดดูมันเกิดดับของมันเอง
เพื่อให้จิตได้เรียนรู้ว่า ทุกอย่างจะเป็นกายหรือจิตใจก็ตาม
เกิดขึ้นแล้วย่อมดับ ไม่มีตัวตนที่แท้จริงอะไรเลย

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ดูจิตแล้วเครียด

Mp3 for download :ดูจิตแล้วเครียด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จ้องจิตเอาไว้ จิตจะนิ่ง

โยม : มีความรู้สึกว่าเวลาที่รู้ ตามรู้จิต ดูกิเลสเนี่ย มันไม่เบิกบาน มันเครียด มันเหมือนกับว่ามันยังตามไปอยู่กับกิเลสอันนั้นๆ ตามไปอยู่กับความโมโหอันนั้นๆอยู่

หลวงพ่อปราโมทย์: เวลารู้นะ ให้สภาวะเกิดก่อนแล้วค่อยรู้ อย่าไปจงใจที่จะรู้ตลอดเวลา ถ้าเราพยายามจะรู้มากๆ มันจะกลายเป็นการเพ่งๆไว้ ใจจะเครียดๆ ไม่มีความสุขหรอก เผลอไปก่อนแล้วรู้ว่าเผลอ โลภไปก่อนแล้วรู้ว่าโลภ โกรธไปก่อนแล้วรู้โกรธ ฝึกอย่างนี้นะ ฝึกไป

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ
วันศุกร์ ที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๒ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
File: 520731B
ระหว่างนาทีที่  ๓๑ วินาทีที่ ๑๔ ถึง นาทีที่ ๓๑วินาทีที่ ๕๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สุขทุกข์อยู่ที่ใจเราเอง

mp3 (for download) : 530228B_suffering

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

สุขทุกข์อยู่ที่ใจเราเอง

สุขทุกข์อยู่ที่ใจเราเอง

โยม : พอจุดที่ไปอยู่แล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ที่ๆ มีความสุขนะเจ้าคะ มันก็ไปอินกับความเศร้าอยู่พักนึง แล้วก็มันไม่มีกำลัง

หลวงพ่อปราโมทย์ : ที่ๆ อยู่ จุดที่อยู่หมายถึงอะไร จุดข้างในนี้หรือ

โยม : ที่ๆ เลือก สถานที่ที่เลือกไปเจ้าคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : จะบอกให้ว่า จะไปอยู่ที่ไหนก็จะไม่มีความสุขหรอก เพราะว่าความทุกข์มันอยู่กับตัวเราเอง ไม่ว่าจุ๊จะย้ายไปอยู่ตรงไหน ความทุกข์ก็จะตามไป

โยม : แล้วตอนนี้มันก็ มันเหมือนเริ่มเห็นว่าจุดที่จะเลือกใหม่ มันก็กลัวเจ้าคะ ก็เลยจะกลับไปสู้กันอีกตั้งนึง

หลวงพ่อปราโมทย์ : ที่ไหนก็ทุกข์เหมือนกันนะ เราไม่ต้องกังวลมากหรอก เพราะว่าอะไร เพราะว่าที่ทุกข์มากๆ ก็เพราะใจเรานี่เอง ใจเราปฎิเสธสิ่งแวดล้อม เราไม่อยากได้อย่างนี้ เราก็ทุกข์สิ ถ้าเรารู้ทันเนี่ย โอ้ ความทุกข์มาเกิดขึ้นในใจเราเนี่ย เพราะใจเราไม่เป็นกลาง มีวิภวตัณหาเกิดขึ้น ไม่ชอบ เป็นตัณหา มีตัณหาก็ต้องมีทุกข์แหละ

โยม : จุ๊ก็เลยนับหนึ่งใหม่ พอีหนอณัฐบอกให้กระตุ้นความรู้สึกตัว ก็เลยเริ่มพยายามที่กลับมาทำ ก็เลยมากราบขอคำแนะนำหลวงพ่อค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : นั้นแหละ ก็แนะถูกแล้วนะ รู้สึกตัวไป รู้สึกบ่อยๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๓ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
File: 530228B
ระหว่างนาทีที่ ๔๓ วินาทีที่ ๐๓ ถึง นาทีที่ ๔๔ วินาทีที่ ๑๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตเหมือนลูก ให้การศึกษาเขาได้ แต่ดีชั่วเป็นเรื่องเขาเอง

mp3 (for download) : จิตเหมือนลูก ให้การศึกษาเขาได้ แต่ดีชั่วเป็นเรื่องเขาเอง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


โยม​ : เอ่อ อย่างเมื่อคืนตอนดึกๆ อาจจะเป็นว่ากลัวความมืดด้วย ก็เลยแบบว่าจงใจภาวนา มันจะเห็นความเครียดน่ะเจ้าค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : โลภนะ โลภอยากภาวนาก็ไปบังคับจิต จิตถูกบังคับจิตก็เครียด เหมือนเวลาเราบังคับลูกนะ ลูกก็เครียดนะ จิตเหมือนลูกแหล่ะ ให้การศึกษาเค้าไป ส่วนเค้าจะดีเค้าจะเลว เค้าจะสุขเค้าจะทุกข์ ก็ขึ้นกับกรรมของเค้า เราให้การศึกษากับลูก ลูกเป็นยังไงเค้าก็ต้องเป็นไปตามกรรมของเค้า จิตนี้ก็เหมือนลูกนะ เราให้การศึกษากับเค้าไป พาเค้าดูกายดูใจให้เห็นไตรลักษณ์ไป ส่วนเค้าจะสุขเค้าจะทุกข์ เค้าจะดีเค้าจะชั่ว เรื่องของเค้าแล้ว จัดการจิตเหมือนจัดการลูกนะ ไม่ใช่ตัวเรา

(หลวงพ่อปราโมทย์ มักจะสอนอยู่เนืองๆว่า จิตจะดีหรือจะชั่ว เราจะไปบังคับไม่ได้ เราไม่ได้ภาวนาเพื่อให้จิตดี แต่เราภาวนาเพื่อให้จิตเห็นความจริงว่า ใจนี้ กายนี้ ล้วนแต่อยู่ในอำนาจของไตรลักษณ์  คือ มีเกิดแล้วก็ดับไม่คงทนถาวร แปรเปลี่ยนตลอดเวลา บังคับไม่ได้อย่างแท้จริง แล้วก็ไม่ได้มีตัวตน หรือตัวเราของเราอย่างที่เราคิด แต่แม้จะปล่อยจิตให้ดีชั่วตามธรรมชาติ แต่เราก็ต้อง มีศีล ไม่ไปทำให้ผู้อื่นหรือตนเอง เดือดร้อน แม้ในภาวะที่จิตชั่ว - ผู้เรียบเรียง)

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๔

CD: ๔๐
File: 540709B
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๕๕ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๔๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วิธีวัดผลการภาวนาด้วยตัวเอง

mp3 (for download): วิธีสังเกตผลของการภาวนาด้วยตัวเอง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


วิธีวัดผลการภาวนาด้วยตัวเอง

วิธีวัดผลการภาวนาด้วยตัวเอง

โยม : มีคำถามฝากไว้ว่า มีข้อสังเกตอย่างไรครับว่า เวลาที่เราภาวนา เราปฏิบัติอยู่กับตัวเองนี้ อย่างไรถึงจะเป็นการบ่งบอกว่าเราปฏิบัติไม่ถูกต้องอยู่ หรือว่าจะต้องทำอย่างไร อย่างเช่นปฏิบัติแล้วมันเครียด มันอึดอัด ต้องแก้อย่างไร

หลวงพ่อปราโมทย์ : ก็ดูเอานะ จะสุดโต่งไปสู่สองฝั่งนั่นเอง เห็นในหนังสือเล่มหลังก็มีแต่เรื่องสองข้างนี้ ไปหาอ่านเอาก็แล้วกัน

ตัวสำคัญมากเลยนะที่ช่วยเราได้ คือ โยนิโสมนสิการ ความแยบคายในการสังเกตตนเอง ตัวนี้จำเป็นมากเลย บางคนไม่มีโยนิโสมนสิการนะ ภาวนาไม่ได้ดีหรอก หรือไม่ก็โง่งมงายไปเลยนะ เชื่ออาจารย์แล้วก็อาจจะหลงตามอาจารย์ไปเลยก็ได้

ตัวโยนิโสมนสิการคือการมีความแยบคายในการสังเกตในการพิจารณาสิ่งที่ปฏิบัติอยู่ ว่ามันนอกลู่นอกทางหรือเปล่า มันสุดโต่งไปข้างย่อหย่อน หรือสุดโต่งไปข้างตึงเครียดเกินไปมั้ย สังเกตเอา แล้วก็วัดผลของตัวเองเป็นช่วงๆไปนะ ว่าศีลสมาธิปัญญาของเราดีขึ้นมั้ย อกุศลครอบงำจิตได้น้อยลงมั้ย กุศลเจริญขึ้นมั้ย ต้องคอยวัดตัวเองอยู่เป็นช่วงๆนะ แต่ไม่ได้วัดรายวัน บางวันจิตมันก็ดีบางวันจิตมันไม่ดีก็ไม่เป็นไร แต่ดูช่วงไตรมาสหนึ่งเนี่ย เราจะเห็นเลย จะมีความเปลี่ยนแปลง ศีล สมาธิ ปัญญา มันควรจะดีขึ้น ไม่ใช่ไม่ดี ไม่ควรจะเท่าเดิมด้วย ถ้าเท่าเดิมก็ถือว่าล้มเหลวแล้ว

พระพุทธเจ้าท่านบอก ท่านไม่สรรเสริญคุณงามความดีที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ดูรายวันไม่ได้นะ ดูรายวันแล้วงง บางวันจะภาวนาดี บางวันภาวนาไม่ดี เราจะมองด้วยภาพรวม

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
แสดงธรรมเมื่อ วันพุธที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔

CD: แสดงธรรมเทศนานอกสถานที่ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
File: 540810A
ระหว่างนาทีที่ ๖๑ วินาทีที่ ๔๔ ถึง นาทีที่ ๖๓ วินาทีที่ ๓๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ภาวนาเป็นแล้วจะสงบแต่ร่าเริง

mp 3 (for download) : ภาวนาเป็นแล้วจะสงบแต่ร่าเริง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาวนาเป็นแล้วจะสงบแต่ร่าเริง

ภาวนาเป็นแล้วจะสงบแต่ร่าเริง

หลวงพ่อปราโมทย์: พอใจของเรารู้ตื่นขึ้นมานะ มีความสุข มีความตั้งมั่น มีความสงบ สังเกตมั้ยคนที่นั่งแถวหน้าๆ เนี่ย ดูเขาสงบ รู้สึกมั้ย

โยม: รู้สึก

หลวงพ่อปราโมทย์: แต่ดูอีกอย่างนึง ดูออกไหม เขาร่าเริงด้วย เขาสงบแต่ร่าเริงนะ ไม่ใช่สงบแบบแห้งแล้งแข็งกระด้าง ชาวพุทธเมื่อภาวนาเป็นเนี่ย จะสงบแต่ร่าเริง ไม่ใช่สงบแบบแห้งแล้งนะ หรือไม่ใช่ว่าฟุ้งซ่าน ไม่ใช่

สมัยพุทธกาล หลวงพ่อจำไม่ได้แล้ว พระสูตรอะไรไม่รู้จำชื่อไม่ได้ ต้องถามป๋อง ป๋องจำไม่ได้เหรอ มีคนไปเฝ้าพระพุทธเจ้า แล้วไปชมกับพระพุทธเจ้า บอกสาวกของพระองค์ สงบแต่ร่าเริง ไม่ได้มีไปชมกับพระพุทธเจ้านะ สาวกของพระองค์ซึมๆ พระเจ้าข้า น่าเลื่อมใสเพราะซึม ไม่ได้ชมอย่างนั้นนะ หรือสาวกของพระองค์เครียดดีพระเจ้าข้า แสดงว่าจริงจัง เครียดดีจังเลย ไม่ได้ชมอย่างนั้นนะ สงบแต่ร่าเริง

เพราะฉะนั้นถ้าเมื่อไรมีสติขึ้นมา เราจะสงบแล้วก็ร่าเริง ทำไมล่ะ เพราะจิตมันเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น เป็นผู้เบิกบาน มีความสุข ไอ้หนุ่มนี่ดีขึ้นเยอะเลยนะ ดีแล้วเข้าร่องเข้ารอยแล้ว ดีละ ดูไปเรื่อยๆ แล้วมันก็เจริญมั่งเสื่อมมั่งนะ ไม่ต้องดีตลอดนะ พยายามให้ดีตลอดเดี๋ยวเสียหมด ดูไปเรื่อยๆ ใช้ได้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๙ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๖
Track: ๕
File: 491105B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๔๒ วินาทีที่ ๓๘ ถึง นาทีที่ ๔๔ วินาทีที่ ๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

โยนิโสมนสิการ

mp 3 (for download) : โยนิโสมนสิการ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยนิโสมนสิการ

โยนิโสมนสิการ

หลวงพ่อปราโมทย์: อยู่นอกวัดหลวงพ่อก็ไม่ได้ไปตามดูนะขี้เกียจดูนะ ลูกศิษย์รุ่นโบราณรุ่นแรกๆเลย ไล่จี้ไล่จิก อยู่บ้านยังไล่จิก เคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งภาวนาทำอย่างอื่นไม่ได้นะต้องเดิน หลวงพ่อไล่จิกให้เดินทั้งวันนะ พอไม่เดินก็บอกให้ไปเดิน แกบอกแกเดินจนแกจะเดินขึ้นบันไดบ้านไม่ได้แล้วนะ เดินจนน่วมไปหมดแล้ว บอกไม่ได้ต้องเดิน พอไม่เดินต้องไล่เอา

แต่เดี๋ยวนี้ไม่ไหวแล้วคนมันเยอะ ขืนดูอย่างนั้นหลวงพ่อต้องตายก่อน ช่วยตัวเองให้เยอะๆ ช่วยตัวเองให้มาก สังเกต สู้ด้วยสติด้วยปัญญา มีสติก็คืออย่าลืมตัวเอง คอยรู้กาย คอยรู้ใจไว้เรื่อยๆ มีปัญญาก็คอยตรวจสอบตัวเองไปเรื่อยเลย ที่ทำอยู่นี้มันถูกหรือมันผิด

ยกตัวอย่างเราภาวนาไปแล้วใจของเราหนักๆ แน่นๆ แข็งๆ อะไรอย่างนี้ ผิดแน่นอน เวลาภาวนาไปแล้วเครียดๆขึ้นมานี่ ผิดแน่นอน ภาวนาแล้วต้องสบาย ต้องโปร่ง ต้องโล่ง ต้องสบาย

หรือภาวนาไปแล้วแหมมันสบายมาเจ็ดวันเจ็ดคืนแล้ว ต้องผิดแน่นอน  อะไรมันจะเที่ยงขนาดนั้น อย่างนี้เรียกว่า โยนิโสมนสิการ ก็ต้องมีพวกนี้ มีสติมีปัญญา ปัญญาเบื้องต้นของเรานี่แหละเรียกว่า โยนิโสมนสิการ แยบคายในการสังเกตตัวเอง ว่าสิ่งที่เดินนี่มันถูกหรือผิด

หรือแยบคายเช่น เรารู้สึกว่าเราภาวนาแล้วช่วงนี้มันเนือยๆ ไป สังเกตตัวเองนะว่ามันเนือยๆ ไป ก็ต้องแยบคายนะให้มัน Active ขึ้นมาหน่อย

หรือช่วงนี้ขยันดูทั้งวันทั้งคืนเลยนะ จนเพื่อนถามว่าไปกัดกับใครมาดูโทรมนะ ภาวนาจนโทรมอะไรอย่างนี้ ก็ต้องรู้นะว่าเร่งมากไป จิตใจไม่มีความสุข แห้งแล้ง

ต้องวัดตัวเองเรื่อยๆ ต้องช่วยตัวเองให้มาก มีสติรู้กายรู้ใจเรื่อยๆ อย่าลืมกายอย่าลืมใจ ลืมได้แต่อย่าลืมนาน มีปัญญา คือโยนิโสมนสิการ คอยตรวจสอบตัวเองเรื่อยๆ ว่าที่ทำอยู่นี่มันอยู่ในร่องในรอยไหม

โยนิโสมนสิการจะเกิดได้ต้องฟังธรรมนะ ต้องฟังธรรม ฟังที่หลวงพ่อพูดหรือหนังสือที่หลวงพ่อเขียนไว้ โยนิโสมนสิการไม่ใช่การคิดพิจารณาตามใจชอบ แต่การคิดการพิจารณานั้นจะต้องสอดคล้องถูกในหลักเกณฑ์ที่พระพุทธเจ้าสอนไว้

ยกตัวอย่างถ้าเราภาวนาไปแล้วเราพยายามจะดูจิตให้ทัน โมโหตัวเองดูยังไงก็ไม่ทันซะที ถ้ามีโยนิโสมนสิการแยบคายเคยได้ยินได้ฟังมาว่า การดูจิตนี่ต้องตามดู เราก็จะระลึกขึ้นได้ว่าพลาดแล้ว ไปพยายามทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือพยายามดูจิตให้เป็นปัจจุบัน เนี่ย โยนิโสมนสิการไม่ใช่คิดเรื่อยเปื่อยตามใจชอบนะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๙ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๖
Track: ๙
File: 491118A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๕ ถึง นาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เคล็ดลับของสมาธิ เคล็ดลับของสมถะ

 mp 3 (for download) : เคล็ดลับของสมาธิ เคล็ดลับของสมถะ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

เคล็ดลับของสมาธิ เคล็ดลับของสมถะ

เคล็ดลับของสมาธิ เคล็ดลับของสมถะ

หลวงพ่อปราโมทย์: สมถกรรมฐาน มุ่งไปที่ความสุข ความสงบ ความดี วิปัสสนามุ่งให้เกิดปัญญา ปัญญาคือการเห็นความจริงของกายของใจ เพราะฉะนั้น วัตถุประสงค์ไม่เหมือนกัน วิธีการก็ไม่เหมือนกัน เราจะต้องเรียน ต้องแยกแยะให้ออกนะว่า การดำเนินจิตแบบไหนเป็นสมถกรรมฐาน การดำเนินจิตแบบไหนเป็นวิปัสสนากรรมฐาน ถ้าแยกไม่ได้ ส่วนใหญ่จะไปทำสมถะ แล้วคิดว่าทำวิปัสสนาอยู่

สมถกรรมฐาน หลักการของมัน ไม่ยากเท่าไหร่ หลักการของสมถกรรมฐานก็คือ ให้เราสังเกตความจริงของจิตใจของเราเองก่อน จิตใจของเรานั้น ร่อนเร่ ซัดส่าย ตลอดเวลา เดี๋ยวหลงไปทางโน้น เดี๋ยวหลงไปทางนี้ เดี๋ยวจับอารมณ์อันโน้น เดี๋ยวจับอารมณ์อันนี้ ฟุ้งซ่าน จับอารมณ์โน้นอารมณ์นี้ จิตใจนั้นเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง อุตลุดตลอดเวลา คนที่ภาวนาไม่เป็นก็พยายามบังคับใจ ให้สงบ ให้ดี บังคับยังไงมันก็ไม่สงบนะ มีแต่เครียด เพราะฉะนั้นพวกที่ภาวนาแล้วเครียดนะ แสดงว่าไปทำสมถะแบบผิด ผิดวิธีด้วย ถ้าทำถูกวิธีจะไม่เครียด

จิต ถ้าเรารู้จักลักษณะของจิตนะ จิตมันคล้ายๆเด็ก เหมือนเด็กซนๆคนหนึ่ง จิต เดี๋ยวก็วิ่งไปทางโน้น เดี๋ยวก็วิ่งไปทางนี้ เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ จิตมันเป็นอย่างนี้ ถ้าเราทำสมถะผิดนะ ก็คล้ายๆว่าเราเอาไม้เรียวไป ไปยืนเฝ้าเด็กไว้ บังคับไม่ให้มันกระดุกกระดิก เด็กมันจะเครียด จิตนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราไปบังคับให้มันนิ่งนะ มันจะเครียด เราต้องใช้อุบายวิธี หาอารมณ์ที่จิตชอบใจมาเป็นเหยื่อล่อ หาอารมณ์ที่จิตชอบใจมาเป็นเหยื่อล่อ คล้ายๆกับว่า เรารู้ว่าเด็กคนนี้ชอบกินไอติม เราก็บอกเด็กว่า อย่าซนนอกบ้าน มา เข้ามาในบ้าน มากินไอติมให้สบายใจ เห็นมั้ย เด็กจะสมัครใจเข้ามาในบ้าน เด็กก็มีความสุขด้วย ใช่มั้ย แล้วเด็กก็ไม่ร่อนเร่ออกไปนอกบ้านด้วย

หลักของการทำสมถกรรมฐานก็แบบเดียวกัน เราต้องเลือก ว่าจิตใจของเรานี้ รู้อารมณ์ชนิดไหนแล้วมีความสุข บางคนรู้ลมหายใจแล้วมีความสุข ก็รู้ลมหายใจไปอย่างมีความสุข ไม่ต้องไปคิด ว่าจะทำอย่างไรจิตจะสงบ ถ้ารู้ลมแล้วสบายใจนะ รู้ลมไป บางคนดูท้องพองยุบแล้วจิตสบายใจ ก็ดูท้องพองยุบ บางคนเดินจงกรม บางคนภาวนาพุทโธ บางคนขยับมือ ทำจังหวะแบบหลวงพ่อเทียน ทำแล้วจิตใจสบาย มีความสุข ก็ทำอย่างนั้น ความสุขนี้แหละเป็นเหตุใกล้ให้เกิดสมาธิ พอจิตมันมีความสุขนะ จิตจะไม่หนี ซัดส่าย ไปที่อื่น มันจะเคล้าเคลียอยู่ในอารมณ์ที่มันมีความสุข นี่เคล็ดลับมันอยู่ตรงนี้

เพราะฉะนั้นบางคนภาวนานะ ทำอย่างไรก็ไม่สงบๆ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะไปพยายามบังคับจิตให้สงบ มันไม่ยอมสงบหรอก ต้องหาอารมณ์ที่มีความสุขมาล่อมัน ยกตัวอย่างหลวงพ่อตอนเด็กๆ หลวงพ่อชอบลมหายใจ ไปเรียนหายใจออก หายใจเข้า จากท่านพ่อลี วัดอโศการาม ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๒ ส่วนใหญ่ในห้องนี้ยังไม่เกิด พอหายใจแล้วมีความสุข พอมีความสุขแล้วจิตสงบ คล้ายๆเด็กได้กินไอติม เด็กก็ไม่ไปซน นี่เคล็ดลับของสมาธินะ เคล็ดลับของสมถะ คือเลือกอารมณ์ที่เรามีความสุข แล้วจิตจะสงบเอง ถ้าจิตสงบโดยที่ไม่ได้บังคับ จิตจะไม่เครียด

ถ้าคนไหนภาวนาแล้วก็เครียด แสดงว่าสมถะก็ไม่มี วิปัสสนาก็ไม่มี ถ้าภาวนาแล้วจิตใจมีความสุข มีความสงบ อยู่ในตัวเอง ได้สมถะ โดยไม่ได้บังคับ ทีนี้พอมีความสุขแล้ว มีความสงบแล้ว อย่าหยุดอยู่แค่นี้ ถ้าลำพังการปฏิบัติธรรมนะ มุ่งเอาความสุข ความสงบ ยังตื้นเกินไป ศาสนาพุทธมีสิ่งที่ปราณีต ลึกซึ้ง กว่านั้นอีกเยอะ ลำพังแค่ภาวนาเพื่อให้จิตมีความสุข มีความสงบเนี่ย ไม่มีพระพุทธเจ้า เขาก็สอนกันได้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมา แล้วคนอื่นไม่มี คือ วิปัสสนากรรมฐาน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
เมื่อ วันพุธที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๒

CD: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วันที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๒
File: 520429.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๓๖ ถึง นาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๔๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ข้อแตกต่างระหว่างผู้ปฏิบัติกับคนปฏิบัติไม่เป็น

mp 3 (for download) : ข้อแตกต่างระหว่างผู้ปฏิบัติกับคนปฏิบัติไม่เป็น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ข้อแตกต่างระหว่างผู้ปฏิบัติกับคนปฏิบัติไม่เป็น

ข้อแตกต่างระหว่างผู้ปฏิบัติกับคนปฏิบัติไม่เป็น

หลวงพ่อปราโมทย์: จิตนะมันก็คล้ายๆเด็กคนหนึ่ง เป็นเด็กซนด้วย จิตของทุกคนเป็นเด็กซนๆ นะ เพราะฉะนั้นจิตจะเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง ทำงานอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราเป็นแบบผู้ใหญ่ใจร้าย เราไปถือไม้เรียวเฝ้าเด็กไว้เนี่ย เด็กก็ตัวแข็งๆ ไม่กล้ากระดุกกระดิก เด็กก็ผิดธรรมชาติแล้ว เด็กไม่กล้าเคลื่อนไหว

จิตนี้เหมือนกัน ถ้าเราไปนั่งเพ่ง นั่งจ้อง นะ จิตก็จะนิ่ง ไม่กล้าเคลื่อนไหว ไม่กล้ากระดุกกระดิก เพราะฉะนั้นเราอย่าไปเพ่งมัน ปล่อยให้มันทำงานเป็นอิสระเลย แล้วมีสติตามดู ผู้ปฏิบัติกับคนปฏิบัติไม่เป็นเนี่ย ต่างกันนิดเดียว เด็กๆที่ปฏิบัติไม่เป็นนะ จิตมันเดี๋ยวก็แกว่งขึ้น เดี๋ยวก็แกว่งลง เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ตลอดเวลา จิตมันเป็นอย่างนั้นเอง เป็นธรรมชาติ เจอสิ่งนี้มันดีใจ เจอสิ่งนี้มันไม่พอใจนะ เปลี่ยนแปลงไป

แต่ว่าเด็กนั้นอารมณ์มันเปลี่ยนแปลงนะ แต่มันไม่รู้ นะ มันไม่รู้ มันมัวแต่หลงออกไปภายนอก ผู้ปฏิบัติต่างจากเด็กนิดเดียว ตรงที่ว่าเรารู้ทัน จิตเราโลภขึ้นมาเรารู้ทัน จิตเราโกรธขึ้นมาเรารู้ทัน จิตเราหลงขึ้นมารู้ทัน จิตฟุ้งซ่าน จิตหดหู่ จิตสงสัย จิตเป็นอย่างไรคอยรู้ทันไปเรื่อยๆ แต่ว่าปล่อยจิตให้มันทำงานไปอย่างอิสระนะ เหมือนเราเป็นเด็กๆ ปล่อยจิตมันให้ทำงานไป เหมือนจิตใจของเด็กธรรมดานั่นเอง

นี่ฝึกไปอย่างนี้ ง่ายๆ เราก็จะได้เห็นความจริง ว่าจิตนี้เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นี่คือ “ไม่เที่ยง” นะ จิตนั้นทนอยู่ในสภาวะอันใดอันหนึ่งไม่ได้ เช่นสุขก็สุขไม่นานนะ ทุกข์ก็ทุกข์ได้ชั่วคราว เนี่ยเรียกว่ามันเป็น “ทุกขัง” มันทนอยู่ไม่ได้ มันถูกบีบคั้นตลอดเวลา จิตนี้นะ เราสั่งมันไม่ได้ มันจะสุข มันจะทุกข์ มันจะดี จะชั่ว เราสั่งมันไม่ได้ นี่เรียกว่า “อนัตตา”

เราดูของจริงนะ เราจะเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดูในกาย ดูในจิตนะ ดูไปเรื่อยๆ ดูเขาทำงานไปเรื่อย อย่าไปบังคับเขา ถ้าเราลืมดู เรียกว่า “หลงไป” นะ ใช้ไม่ได้ ถ้าเราไปเพ่งกายเพ่งจิต มันก็นิ่งๆ ไม่เห็นความจริง ก็ใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นให้เรารู้เล่นๆ

เพราะฉะนั้น เด็กๆ เนี่ย จิตใจมันจะเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง มันอยากจะวิ่งมันก็วิ่งนะ ร่างกายมันก็เคลื่อนไหวไป หกล้มขึ้นมา มันเจ็บมันก็ร้องไห้ มันไม่ได้มีมารยา นะ ของเราถ้าหกล้มใช่มั้ย เราเจ็บเนี้ยไม่เท่าไหร่ แต่อายมากกว่า เห็นมั้ย เด็กไม่อาย รู้สึกมั้ย แต่หลวงพ่อไม่ได้สอนให้พวกเราหน้าด้านนะ แต่เทียบให้ฟังน่ะ อย่างเด็กหกล้มเนี่ย เด็กเจ็บ แต่ของเราเนี่ยอาย ใช่มั้ย เจ็บด้วย แล้วอายด้วย นี่บวกมารยาเข้าไป นะ ถ้าเรามีใจอย่างเด็กๆ นะ ใจซื่อๆ ความรู้สึกใดๆ เกิดขึ้น ก็มีสติรู้ทันนะ ต่างกับเด็กตรงที่เด็กมันไม่รู้เท่านั้นเอง

แต่เด็กบางคนรู้นะ หลวงพ่อตอนอายุสิบขวบ ไฟไหม้ข้างบ้าน ตกใจ วิ่งจะไปบอกพ่อ วิ่งไป ตึ๊บ ตึ๊บ ตึ๊บ วิ่งไปสามก้าวเท่านั้น มันไปเห็นจิตที่ตกใจเข้า ความตกใจมันดับลงตรงนั้นเลย นะ มันตื่นขึ้นมา เพราะฉะนั้นเด็กบางคนมันก็เป็นเหมือนกันนะ ทีนี้พวกเรานะ ปล่อย..ให้กายให้ใจเขาทำงาน ให้เขาเคลื่อนไหว ให้เขาเปลี่ยนแปลงแล้วเราตามดู

ผู้ปฏิบัติไปพลาดตรงไหน พลาดตรงที่ไปทำลายหัวใจของเด็กๆ เสียนะ เป็นหัวใจที่เต็มไปด้วยมารยานะ เรากดข่ม บังคับตัวเองสารพัดเลยนะ จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ก็ไม่เป็นธรรมชาตินะ ใจเราจะมีความรู้สึกอะไร เราก็คอยควบคุม คอยบังคับ คอยกดข่ม จนเครียดไปหมดเลย นะ เพราะฉะนั้นเราเต็มไปด้วยความทุกข์ เราสร้างความทุกข์ขึ้นมาเอง เราสร้างความลำบากในกายในใจขึ้นมาเอง

ลองเปลี่ยนซะนะ อย่าไปเพ่งกาย อย่าไปเพ่งใจ อย่าไปกำหนดกาย อย่าไปกำหนดใจ ให้มีสติรู้กาย ให้มีสติรู้ใจ รู้ไปเรื่อยๆ รู้ไปเล่นๆ วันหนึ่งเราจะเห็นความจริงเลย ทั้งกายทั้งใจนี้ เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตานะ เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันไม่ใช่ตัวเราที่แท้จริง เห็นแต่สภาวธรรม แต่ไม่มีตัวเรา

เช่น ความโกรธเกิดขึ้น เราเห็นเลย ความโกรธไม่ใช่ตัวเราหรอก เป็นสภาวธรรมที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ความโลภเกิดขึ้นก็ไม่ใช่ตัวเรา เป็นแค่สภาวธรรมอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไปหมดเลย ความสุขเกิดขึ้นนี่ เรามีสติรู้อยู่ มีใจตั้งมั่น เห็นเลย ความสุขนั้นเป็นแค่สิ่งที่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป เป็นของแปลกปลอมมาชั่วครั้งชั่วคราว ความสุขไม่ใช่ตัวเรา นะ

เราจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างผ่านมาผ่านไปล้วนแต่ไม่ใช่ตัวเรา นี่เราคอยรู้สึกไป รู้สึกไปนะ ในกายนี้ก็มีแต่สภาวธรรม ไม่ใช่ตัวเรา ในจิตก็มีแต่สภาวธรรม ไม่ใช่ตัวเรา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเศก (ศาลาลุงชิน) ครั้งที่ ๒๗
เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕๒
CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๒๗
File: 520215.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๖ ถึง นาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๔๑

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ดูจิต กับความเครียด

mp3 for download: ดูจิต กับความเครียด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ดูจิต กับความเครียด

ดูจิต กับความเครียด

หลวงพ่อปราโมทย์: เอ้า.. ต่อไป เชิญยกมือ.. เชิญยกป้าย เอาอย่างนี้ก่อนนะ ขออย่างนี้ก่อน ยกเยอะๆ หลวงพ่อเวียนหัว ใครที่ยังไม่เคยส่งการบ้านเลย แล้วอยากส่ง มีมั้ย เบอร์ ๔๐ เบอร์ ๔๐ เชิญ

โยม:
กราบนมัสการหลวงพ่อค่ะ คือหนูมาส่งการบ้านครั้งแรกค่ะ ก็ฟังซีดีหลวงพ่อบ้าง แล้วก็ปฏิบัติมาอยู่เรื่อยๆค่ะ คือ มี ดูเป็นอยู่สองอย่างก็คือ อย่างแรกก็คือ บางทีเห็นจิตหงุดหงิดอะไรอย่างนี้ค่ะ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งก็คือ เหมือนมีลมมันวืดๆ อยู่ในตัวค่ะ อันนี้หนูดูถูกหรือเปล่าค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์: ถูกสิ ถ้ามันมีจริงๆ ดูแล้วเห็นอย่างนั้น ก็ถูกสิ เพราะฉะนั้นต่อไปนะ เริ่มไปดู จิตโกรธขึ้นมาก็รู้ทันนะ จิตหายโกรธก็รู้ทัน ดูจิตไป เดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็เฉยๆ เดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็เฉยๆ ดูอย่างนี้บ่อยๆ นะ ส่วนอะไรจะวูบๆ วาบๆ ก็แค่รู้เท่านั้นล่ะ ทีนี้พอรู้แล้วเกิดสงสัยว่ามันคืออะไร รู้..ว่าสงสัย นะ รู้ รู้ทันใจตัวเองแบบนี้เรื่อยๆ

โยม: ค่ะ แล้วก็มีอีกคำถาม คือว่า เวลา เคียด เวลาทำงานหรือคิดมาก..

หลวงพ่อปราโมทย์: เครียด เครียด ถ้าเคียดนี่แปลว่าแค้น เอ้า..เวลาเครียด เอ้า..

โยม:
ค่ะ เวลาเครียดน่ะค่ะ แล้วแบบว่า เหมือนจิต จะ เหมือนจะเข้าไปอยู่ในความเครียด แล้วก็..

หลวงพ่อปราโมทย์: ใช่

โยม:
ออกมาได้แป๊บนึง แล้วก็เข้าไปอีก แล้วเหมือนมันจะเหนื่อยๆ อันนี้จะมีวิธียังไงคะ

หลวงพ่อปราโมทย์: อย่าอยากออกมา จิตเข้าไปรวมอยู่กับความเครียด รู้ว่าจิตรวมอยู่กับความเครียด อยากหลุดออกมา รู้ว่าอยาก เนี่ยถึงจะเรียกว่า “รู้ทันจิต” เราไม่มีหน้าที่ไปดึงจิตให้หลุดออกจากอารมณ์นะ จิตเข้าไปเกาะอยู่ก็รู้ จิตแยกออกมาก็รู้ สังเกตมั้ยเดี๋ยวก็เกาะเดี๋ยวก็แยก สั่งไม่ได้หรอกนะ อย่าไปสั่งมัน ค่อยๆฝึกไป ต่อไปมันไม่เข้าไปหรอก ถ้าจิตฉลาดแล้วมันไม่เข้าไป จิตเข้าไปคลุกอารมณ์เพราะว่ามันยังโง่ นะ ถ้าต่อไปเราฝึกมากเข้า มากเข้า จิตฉลาด จิตรู้ว่าถ้ามีความอยากเมื่อไร ถ้ามีความยึดเมื่อไร จิตจะทุกข์ จิตก็เลยไม่อยาก ไม่ยึดนะ จิตก็ไม่เข้าไปคลุกกับอารมณ์อีก ต่างคนต่างอยู่ ค่อยๆฝึกไปแล้วมันจะดีขึ้นนะ ใช้ได้

โยม:
ขอบคุณค่ะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๑ หลังฉันเช้า
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๓
File: 521204B.mp3
ลำดับที่ ๔
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๕๗ ถึง นาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๑๘

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่