Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

ข้ามโอฆะได้ด้วยการไม่พักไม่เพียร

mp 3 (for download) : ข้ามโอฆะได้ด้วยการไม่พักไม่เพียร

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ครั้งหนึ่งมีเทวดา ไปทูลถามพระพุทธเจ้า เทวดานี้ท่านนึกว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ ก็ไปทูลถามพระพุทธเจ้า คล้ายๆจะไปแลกเปลี่ยนความรู้กัน มาที่วัดนะ กลางคืน ยังราตรีให้สว่างไสวไปหมดเลย ด้วยรัศมีของเทวดา พระที่มีหูทิพย์ตาทิพย์ก็จะเห็น ถ้าไม่มีก็ไม่เห็น สว่างไสวด้วยรัศมีของเทวดานี้

เทวดาไปถึงก็ยืนพนมมือนะ แล้วทูลถามพระพุทธเจ้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ข้ามโอฆะ โอฆะแปลว่าห้วงน้ำ ห้วงกิเลสนั่นเองแหละ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ข้ามโอฆะได้อย่างไร คล้ายๆชวนแลกเปลี่ยนทัศนะกันนะ เดี๋ยวท่านตอบแล้วเราจะตอบบ้าง ว่าชั้นข้ามมาด้วยวิธีนี้นะ ท่านข้ามมาได้ด้วยวิธีไหน กะจะมาชวนคุยธรรมะนะ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ข้ามโอฆะได้อย่างไร

พระพุทธเจ้าท่านก็ตอบ ดูกรท่านนิรทุกข์ นิรทุกข์แปลว่าผู้ไม่มีความทุกข์ อันนี้เป็นคำยกย่องนะ จริงๆเทวดานี้ยังทุกข์แต่ยังไม่เห็นหรอก ดูก่อนท่านนิรทุกข์ เราข้ามโอฆะได้นะ เพราะเราไม่พักและเราไม่เพียร เทวดาเจอหมัดเด็ดเข้า ไม่พักไม่เพียร หา..ข้ามโอฆะได้ด้วยการไม่พักและไม่เพียรเหรอ ไม่พักเนี่ยพอเข้าใจใช่มั้ย ขยันปฏิบัติไป ไม่เพียรด้วยเหรอ เออ..

เทวดาผู้(คิดว่าตนเอง – ผู้ถอด)เป็นพระอรหันต์งงแล้ว เอ๊ะ พระพุทธเจ้าข้ามโอฆะด้วยการไม่พักและไม่เพียร เป็นไปได้อย่างไร มีแต่บอกให้เพียรเยอะๆไปเลย ใช่มั้ย เนี่ยท่านแกล้งน็อคนะ น็อค ทำให้งง เทวดาก็หมดความถือตัวนะ ทูลถามท่าน เป็นอย่างไรพระเจ้าข้า ไม่พักไม่เพียร ให้ช่วยขยายความหน่อย ไม่เข้าใจ ยอมรับแล้วนะว่าไม่เข้าใจ

พระพุทธเจ้าท่านขยายความ ดูกรท่านผู้นิรทุกข์ ถ้าเราพักอยู่เราจะจมลง ถ้าเราเพียรอยู่เราจะลอยขึ้น เราไม่พักเราไม่เพียร เราข้ามโอฆะได้ด้วยวิธีนี้ เทวดาได้พระโสดาบันเลย ได้มั้ย พวกเราฟังเหมือนเทวดา ใครได้ยกมือสิ เห็นมั้ย บารมีสู้เขาไม่ได้นะ เทวดาแจ้งแล้วเทวดาก็ไป แต่พอพระพุทธเจ้ามาเล่าให้พระอานนท์ฟังใช่มั้ย มนุษย์ทั้งหลายที่ฟังตามหลังเนี่ย ไม่แจ้ง อรรถกถาก็เลยต้องมาขยายความให้อีกนะ พระพุทธเจ้าขยายความให้เทวดามา ๑ ชั้นแล้ว ทีแรกท่านบอกว่าท่านไม่พักไม่เพียร พอขยายความท่านบอกว่า ถ้าพักอยู่เราจะจมลง ถ้าเพียรอยู่เราจะลอยขึ้น เราไม่พักไม่เพียร เราข้ามโอฆะได้ด้วยวิธีนี้ อรรถกถาต้องมาแปลต่ออีกทีเพื่อให้คนรุ่นเรารู้เรื่อง

คำว่าพักอยู่เนี่ย ก็คือการปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกิเลส คือกามสุขัลลิกานุโยคนั่นเอง การที่เราวิ่งพล่านไปทางตา วิ่งพล่านไปทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย วิ่งคิดนึกปรุงแต่งฟุ้งซ่านไป นั่นแหละคือการหลงโลก เราติดต่อโลกภายนอกผ่านทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั่นเอง เรียกว่าอายตนะที่เชื่อมต่อสัมผัสโลกข้างนอก ถ้าจิตวิ่งพล่านออกไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อันนี้เรียกว่าหย่อนเกินไป แล้วทำไมท่านบอกว่า ถ้าเราพักอยู่เราจะจมลง ถ้าเราปล่อยจิตใจของเรานะ ร่อนเร่ไปเรื่อย ตามกิเลสไปเรื่อย จะจมลง นึกออกหรือยังว่าจะจมลงอย่างไร จะลงอบาย(ภูมิ)นะ ใจจะลงอบาย ลงที่ต่ำไปเรื่อย

คำว่าเพียรอยู่เนี่ย ก็คือการฝึกหัดตัวเอง บังคับควบคุมตัวเอง คือ อัตตกิลมถานุโยค ยกตัวอย่างเวลาที่พวกเราคิดถึงการเดินจงกรม เราก็เริ่มบังคับกาย เริ่มบังคับใจ เวลาเราคิดถึงเรื่องการนั่งสมาธิ เราก็บังคับกาย บังคับใจ มีแต่บังคับจนมันนิ่งๆแข็งๆทื่อๆ ไม่แสดงไตรลักษณ์ แล้วท่านก็บอกว่า ถ้าเราเพียรอยู่คือบังคับตัวเองอยู่เนี่ย เราจะลอยขึ้น ลอยขึ้นไปอย่างไร ก็ไปสุคติใช่มั้ย สุคติมีตั้งแต่เป็นมนุษย์นะ เป็นเทวดา เป็นพรหม ลอยขึ้น

ถ้าพักอยู่ คือปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกิเลสจะจมลง สู่อบาย อบายภูมิทั้ง ๔ นะ ตั้งแต่สัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน อสุรกาย เปรต ขึ้นมาใกล้มนุษย์แล้ว ถ้าเพียรอยู่ พยายามควบคุมตัวเองบังคับตัวเอง ไม่ให้ตามใจกิเลส ก็จะได้เป็นมนุษย์ ได้เป็นเทวดา ได้เป็นพรหม ไม่นิพพาน ทั้งสองฝั่ง เห็นมั้ยว่าไม่มีช่องของพระนิพพาน ช่องของพระนิพพานนั้น ไม่พักและไม่เพียร ไม่พักคือไม่หลงไปไม่เผลอไป ไม่เพียรคือไม่ควบคุมกดข่มบังคับตัวเอง

ช่องตรงกลางก็คือ การรู้รูปนามตามความเป็นจริง รู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง ไม่ใช่เรื่องคิดเอาเอง และไม่ใช่เรื่องบังคับกายบังคับใจให้นิ่งนะ เพราะฉะนั้นทางสายกลางอยู่ตรงที่เราไม่พักไม่เพียร ไม่หย่อนไม่ตึงนั่นเอง ให้รู้รูปนามตามความเป็นจริง ที่หลวงพ่อย่อลงมาบอกว่า “ให้มีสติ รู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง”

ถ้าเราไม่รู้กายรู้ใจเราก็ย่อหย่อนไป ลืมกายลืมใจเมื่อไหร่ นึกเลยนะ ถ้าเมื่อไหร่เผลอ ขาดสติ ลืมกายลืมใจ ต้องรู้นะ ขณะนั้นย่อหย่อนแล้ว โอกาสที่จะไปอบายภูมิเริ่มเกิดขึ้นแล้ว

ถ้าขณะไหนลงมือปฏิบัติแล้วก็แน่นไปหมดเลย ควบคุมตัวเองแน่นไปหมดเลย ขณะนั้นตึงเกินไป ไปสุคติได้แต่ไปนิพพานไม่ได้ เพราะอะไร เพราะไม่เห็นไตรลักษณ์ กายก็จะนิ่ง ใจก็จะนิ่ง เมื่อไม่เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของรูปของนาม เรียกว่าไม่เห็นความจริง เมื่อไม่เห็นความจริงย่อมไม่เบื่อหน่ายไม่คลายความยึดถือ ไม่หลุดพ้นนะ

เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเรา เดินจิตเข้าสู่ทางสายกลางให้ได้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
Track: ๙
File: 550722
ระหว่างนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๕๗ ถึง นาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทางวิปัสสนา (๑๔) เมื่อหมดความยึดถือในกายในใจได้ คือ พระอรหันต์

mp3 for download : ทางวิปัสสนา (๑๔) เมื่อหมดความยึดถือในกายในใจได้ คือ พระอรหันต์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทางวิปัสสนา

ทางวิปัสสนา

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าภาวนาต่อไปอีกนะ เราก็ดูแต่ละส่วนนั้นต่อไปอีก (หากเพิ่งได้ฟังตอนนี้เป็นตอนแรก ขอให้ท่านฟังเรื่อง ทางวิปัสสนา ตั้งแต่ตอนแรกตามลำดับ ที่นี่) เห็นแต่ละส่วนนั้นมีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไป

ยกตัวอย่างร่างกายเราบังคับไม่ได้จริงนะ สั่งไม่ให้แก่มันก็แก่ใช่มั้ย สั่งไม่ให้เจ็บมันก็เจ็บ สั่งไม่ให้ตายมันก็ตาย จิตใจเราก็บังคับไม่ได้นะ สั่งมันให้สุขมันก็ไม่ยอมจะสุข ห้ามทุกข์มันก็จะทุกข์ อะไรอย่างนี้ สั่งให้ดีมันก็ไม่ค่อยจะดีนะ ห้ามชั่วมันก็ขยันชั่ว ไม่อยู่ในอำนาจจริง เฝ้ารู้เฝ้าดูลงในกายในใจนะ ไม่เห็นมีสาระแก่นสาร

พอเห็นความจริงว่ากายนี้ใจนี้ หาสาระแก่นสารที่แท้จริงไม่ได้ มันจะหมดความยึดถือในกายในใจ ถ้าหมดความยึดถือในกายในใจเมื่อไหร่นะ จิตจะสลัดคืนกายคืนใจให้โลก รู้เลยว่านี่คือสมบัติของโลก ขันธ์ ๕ นี้ กายใจนี้ เป็นสมบัติของโลก เรามาอาศัยอยู่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นเอง จิตหมดความยึดถือในรูปในนาม นั่นแหละคือสิ่งที่เขาสมมุติเรียกกันว่า “พระอรหันต์”

550409.29m56-30m-56

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ห้องสุวรรณภูมิบอลรูม ชั้น ๒ อาคารบี
บจก. เตียวฮงสีลม บางพลี
วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
ระหว่างเวลา ๑๓:๐๐ – ๑๕:๐๐ น.

File: 550409.mp3 (ไทย)
File: 550409.mp3 (สหรัฐอเมริกาและยุโรป)
เสียงพระธรรมเทศนา ระหว่างนาที่ ๒๙ วินาทีที่ ๕๖ ถึง นาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทางบรรลุธรรม (๙) เมื่ออริยมรรคเกิด อริยผลเกิด จิตจะสัมผัสพระนิพพาน (จบ)

mp3 for download : ทางบรรลุธรรม (๙) เมื่ออริยมรรคเกิด อริยผลเกิด จิตจะสัมผัสพระนิพพาน (จบ)

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทางบรรลุธรรม (๙) เมื่ออริยมรรคเกิด อริยผลเกิด จิตจะสัมผัสพระนิพพาน (จบ)

ทางบรรลุธรรม (๙) เมื่ออริยมรรคเกิด อริยผลเกิด จิตจะสัมผัสพระนิพพาน (จบ)

หลวงพ่อปราโมทย์ : ข้ามเข้ามา ทวนเข้ามาถึงจิตแท้ ถึงวิญญาณธาตุ ธาตุรู้แท้ๆแล้ว ธรรมธาตุ ตัวนี้ แล้วอริยมรรคก็จะเกิดขึ้น อาสวกิเลสที่ห่อหุ้มจิตอยู่นี้ ถูกอริยมรรคแหวกออก แหวกออกทำลายออก ก็ล้างกิเลส ล้างในพริบตาเดียว ในขณะเดียว วับเดียว ขาดเลย

มันคล้ายๆ เปิดสวิตช์ไฟปั๊บ สว่างวูบเดียว ความมืดหายไปเลยนะ ในพริบตานั้นเลย จิตถัดจากนั้นนะ จะเห็นพระนิพพานอีก ๒ – ๓ ขณะ เห็นไม่เท่ากันหรอก บางคนเห็น ๒ ขณะ บางคนเห็น ๓ ขณะ ถ้าพวกอินทรีย์กล้ามากๆก็เห็น ๓ ขณะ พวกอินทรีย์ไม่กล้ามาก ก็เห็น ๒ ขณะ

เพราะฉะน้นพระอริยะในภูมิเดียวกันนะ ระดับเดียวกัน ความรู้ความเข้าใจไม่เท่ากัน ความแตกฉานอะไรอย่างนี้ไม่เท่ากัน เห็นพระนิพพาน ก็รู้ว่าพระนิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตา นิพพานไม่เคยหายไปไหน อยู่ต่อหน้าต่อตานี้แหละ แต่โง่เอง ไม่เห็น

ทำไมไม่เห็น มัวแต่เห็นแต่กาม มัวแต่เห็นรูปภพ มัวแต่เห็นอรูปภพ จิตไม่รู้จักปล่อย ตรงที่เขาปล่อย เขาข้ามแล้ว เขาทิ้งแล้ว ตรงโคตรภูญาณที่จิตข้ามโคตรน่ะ ข้ามจากปุถุชน มาเป็นพระอริยะ ข้ามทิ้งตรงนี้ มันทิ้งหมดเลยนะ มันทิ้งกามภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ ทิ้งหมดเลย ข้ามมาสู่อริยภูมิ โลกุตรภูมิ ข้ามเอง

ทีนี้พวกเราก็มีหน้าที่ภาวนาให้มันพอเท่านั้นแหละ ถ้ามันพอเมื่อไหร่ มันก็ข้ามโคตร เปลี่ยนสกุล ก็ไม่ใช่นามสกุลเดิม โดยสมมุติบัญญัติก็เป็นนามสกุลเดิม โดยปรมัตถ์แท้ๆก็ไม่ใช่ละ ก็มาเป็นลูกพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นเวลาพระพุทธเจ้าท่านพูดถึงพระอริยะนะ ท่านจะบอกว่า ลูกของเรา

540805.18m38-20m44

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 41
File (ประเทศไทย): 540805.mp3
File (สหรัฐอเมริกาและยุโรป): 540805.mp3

นาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๓๘ ถึง นาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๔๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ดูรูปนามแสดงละคร

mp 3 (for download) : ดูรูปนามแสดงละคร

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ดูรูปนามแสดงละคร

ดูรูปนามแสดงละคร

หลวงพ่อปราโมทย์ : การเจริญปัญญานั้นจะรู้รูปธรรมนามธรรมว่าเป็น“ไตรลักษณ์” ต้องการเห็นตรงนี้

เราจะเจริญปัญญาได้นะ ถ้าหากเรามีสติรู้รูปรู้นาม รู้ตามความเป็นจริง คือไม่เข้าไปแทรกแซงนะ มันเป็นยังไงรู้ว่าเป็นอย่างนั้น มีสติรู้กายรู้ใจรู้รูปรู้นามตามความเป็นจริง รู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง ถ้าทำได้อย่างนี้นะปัญญาจะเกิด มันจะเห็นความจริงของรูปของนามได้

จิตมันเป็นแค่คนดู รูปนามนั้นแสดงละครให้จิตดู จิตเหมือนคนดูละคร รูปนามเป็นตัวละครผลัดกันมาแสดง เดี๋ยวตัวดีมาเดี๋ยวตัวร้ายมา เดี๋ยวตัวสุขมาเดี๋ยวตัวทุกข์มา เดี๋ยวรูปธรรมมาเดี๋ยวนามธรรมมา มันแสดงให้เราดู เราเป็นคนดูเฉยๆ ถ้าเราดูได้อย่างนี้ เราก็จะรู้เลยตัวละครทุกตัวเมื่อออกมาแสดงแล้ว ไม่นานก็ต้องไป

มีมั้ยตัวละครที่ไม่ยอมเข้าไปในโรงเลยมีมั้ย เราคงไม่ดูหรอก มันต้องไหลไปเรื่อย เปลี่ยน ตัวนี้มาตัวนี้ไปตัวนี้มาตัวนี้ไป หมุนเวียนไปเรื่อย ดูไปดูไปถึงรู้เลยโลกนี้เป็นโรงละครเท่านั้น ไม่ได้มีจริงหรอก ขันธ์ทั้งหลายที่แสดงละครให้เราดูเป็นแค่ตัวละครหลอกๆ เหมือนเราดูละครเรารู้แล้วละครไม่ใช่เรื่องจริง เราเห็นขันธ์ห้าแสดงละคร เรารู้เลยนี่มันแค่สมมติขึ้นมา แค่ตัวหลอกๆขึ้นมา

ใจไม่ไปหลงยินดียินร้ายในขันธ์ห้าเนี่ย ใจจะคลายความยึดถือในขันธ์ห้าออก ถ้าใจไม่ยึดในขันธ์ห้านะก็ที่สุดแห่งทุกข์อยู่ตรงนั้นเอง ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น ไม่ยึดตรงนั้น ไม่ยึดเพราะปัญญา ไม่ใช่ไม่ยึดเพราะน้อมใจให้ไม่ยึด ไม่ใช่ไม่ยึดเพราะเจตนาไม่ยึด แต่จิตมันไม่ยึดของมันเองเพราะมันเห็นความจริงแล้วว่า รูปธรรมนามธรรมทั้งหลาย ล้วนแต่เป็นของไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา หาสาระแก่นสารไม่ได้ เค้าถึงไม่ยึด เค้าไม่ยึดของเค้าเอง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๒
Track: ๖
File: 541008B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๓๕ ถึง นาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๓๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ภาวนาเก่งแค่ไหนจิตก็ต้องเสื่อม (เป็นอกุศล)

Mp3 for download: 451117B_decay

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: มาเล่าบอกกรรมฐานมันเสื่อม  เคาะๆไปแล้วจิตมันเสื่อมไปเนี่ยนะ หาทางแก้มาเป็นปีๆ แก้ไม่ตกหรอก บอกอ๋อ แก้ยังไงก็ไม่ตกหรอก ที่จริงเนี่ยเคาะไปเนี่ยนะ เคาะกระทบๆไป จิตตื่นขึ้นมาละ ต่อมากระทบอยู่อย่างเก่าเนี่ย จิตเสื่อม จิตแสดงธรรมะให้ดูแล้วว่าจิตเป็นของที่บังคับไม่ได้ เจริญได้ก็เสื่อมได้ แต่ว่าเราไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง พอเจริญแล้วเราก็ดีใจใช่มั้ย ทั้งๆที่ทำอย่างเดิมมันเสื่อมได้นี่ เสื่อมคราวนี้ไม่พอใจละ หาทางแก้ไขจะไม่ให้เสื่อม นี่กำลังทำอะไร เหมือนคนที่หาทางจะไม่ตายน่ะ เกิดแล้วจะไม่ตายน่ะ พอมันแก่ลง ตีนกาขึ้น โอ๊ยทำยังไง  ทำอะไรไม่ได้ก็ไปหลอก ดึงเอา แก้จากข้างในไม่ได้แล้วนี่

จิตก็เหมือนกัน มันเจริญได้ก็เสื่อมได้ ถ้าเข้าใจธรรมชาติตรงนี้ปั๊บนะ ไม่ยึดมั่นในความเสื่อม จิตก็ผ่านไปเลย ง่ายนิดเดียว ทีนี้พอมาเสื่อม ตกใจ ตกใจหาทางแก้กรรมฐานใหญ่ ยิ่งแก้ยิ่งไปสิ เพราะยิ่งปรุงแทนที่จะรู้ ก็เลยไม่ตื่นเลย เพราะฉะนั้นนักปฏิบัตินะ ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนนะ จิตก็ต้องเสื่อม

รู้จักหลวงตามหาบัวมั้ย เรอะ เป็นเพื่อนกับท่านเรอะถึงรู้จัก หรือว่าแค่เคยเห็น อ้อเคยเห็นท่าน บอกว่ารู้จัก หึๆ หลวงตานะ ท่านจะเป็นพระอรหันต์หรือไม่เป็นอะไรนี่ก็เรื่องของท่าน ไม่ต้องวิพากษ์วิจารณ์ เดี๋ยวท่านเป็นจะเดือดร้อน ท่านบอกว่าตอนที่ท่านอาจารย์มั่นสิ้นเนี่ย  ท่านไม่มีอาจารย์ละต้องช่วยตัวเอง ท่านก็ไปปฏิบัติอยู่บนดอยธรรมเจดีย์

จิตของท่านเนี่ยเป็นผู้รู้ รู้ตัวอยู่ได้ตลอดเลย ท่านก็พยายามรักษาความรู้สึกตัวนี้้ไว้ รักษาตัวรู้ไว้ รู้ตัวไปเรื่อยไม่ให้เผลอไม่ให้หลงน่ะ จิตใจไม่เศร้าหมองเลย รู้หมด อะไรกิเลสอะไรมา เห็นหมดเลย รู้มาแล้วดับไปหมด ท่านก็พยายามจะรักษาจิตผู้รู้ให้มันอยู่ตลอดไป

วันหนึ่งท่านเริ่มสังเกตว่าจิตผู้รู้มันไม่เที่ยง มันหมองๆได้อีก พยายามทำยังไงมันก็ยังเสื่อมได้ พอรู้ว่ามันเสื่อมได้นะ หาทางแก้ยังไงก็ไม่สำเร็จนะ วันนึงก็เฉลียวใจขึ้นมาว่า โอ้ จิตมันเป็นอนัตตานี่ บังคับมันไม่ได้นี่ พอเห็นว่าจิตเป็นของบังคับไม่ได้ เลิกคิดที่จะบังคับมัน เลิกคิดที่จะให้มันดีตลอด มันจะเป็นยังไงเรื่องของมันต่างหากล่ะ ท่านปล่อยวางจิตนะ ท่านบอกว่า ตอนนั้นท่านหลุดพ้นเลย

เพราะฉะนั้น ความหลุดพ้นเนี่ยไม่ได้เกิดจากการที่เราฝึกจิตของเราให้ดี ดีจนเที่ยง ดีถาวร ไม่ใช่ แต่เกิดจากการที่เราเข้าไปเห็นความจริงของธรรมชาติ ของขันธ์น่ะ ขันธ์ห้าทั้งหมด รวมทั้งจิตด้วย มันอยู่ในวิญญาณขันธ์น่ะ ว่ามันเจริญแล้วเสื่อมๆ พอเห็นความจริงแล้วปล่อยวาง แล้วถึงจะหลุดพ้น ความหลุดพ้นเกิดจากการปล่อยวาง ความหลุดพ้นไม่ได้เกิดจากการทำสิ่งที่ไม่เที่ยงให้เที่ยง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๕ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑

File: 451117B
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๕๔ ถึง นาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๕๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เพราะมีตัวกู จึงมีกิเลสอีกนานาชนิด

mp3 for download : เพราะมีตัวกู จึงมีกิเลสอีกนานาชนิด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

เพราะมีตัวกู จึงมีกิเลสอีกนานาชนิด

เพราะมีตัวกู จึงมีกิเลสอีกนานาชนิด

หลวงพ่อปราโมทย์ : หลวงปู่เทสก์บางทีท่านก็เล่านิทานก็มีเหมือนกันนะ เคยฟังท่านเล่าเรื่องลิงติดตัง บอกว่าคนโบราณเวลาจะจับลิง เขาจะเอามะพร้าวมาลูกหนึ่งแล้วเฉาะให้มันมีรู เฉาะแล้วก็ตั้งไว้โคนต้นไม้ เจาะรู แล้วลิงนี่นะ พอมาเจอมะพร้าวมันจะเอามือแหย่เข้าไปในลูกมะพร้าว แล้วก็ไปควักเนื้อมะพร้าว จะเอามากิน มันควักเนื้อมะพร้าวปุ๊บ มือมันก็จะกำใช่มั้ย มือมันโต ตอนมันเอามือใส่เข้าไปในรู มือมันอย่างนี้ไง เสร็จแล้วมือมันโตอย่างนี้ ท่านบอกว่ามันจะสะบัด มันไปไหนไม่ได้แล้ว มันจะต้องถูกเขาจับไปฆ่ากิน ท่านบอกว่าเนี่ยเรียกว่าลิงติดตัง ที่จริงง่ายนิดเดียวนะ แค่ปล่อยมือซะ ก็หลุดแล้ว

การภาวนาก็เหมือนกันนะ ที่เราดิ้นขล่อกแขล่กๆ ดิ้นไม่หลุดเนี่ยเพราะเราไม่ปล่อยต่างหาก รู้สึกมั้ยว่ารากเหง้าของมันจริงๆคือตัวกู ตัวกู ตัวกูนี่แหละ มีตัวกูอันเดียวนี่นะ จิตจะพลิกแพลงออกไปสารพัดเลย เป็นกิเลสนานาชนิดเลย ยกตัวอย่างบางคนมีตัวกูแล้วก็มีมานะอัตตา กูเก่งๆ มีตัวกูแล้วก็กูเก่ง บางคนมีตัวกูแล้วก็มีตัวมึงด้วย กูดีมึงมันเลว กูถูกมึงมันผิด อีกพวกหนึ่งดูเหมือนดีนะ มีตัวกูเหมือนกันนะแต่ทำยังไงกูจะดี ไม่ชอบเลยนะถ้าตัวเองคิดไม่ดีซักนิดเดียวก็ไม่ได้นะ รู้สึกทนไม่ได้เลยที่ตัวเองชั่ว นี่ก็ตัวกูอีกนั่นแหละ รักดีเพราะว่ากูจะได้ดี เพราะฉะนั้นรากเหง้าของกิเลสนานาชนิดนะ เจาะลึกลงไปถึงที่สุดก็คือ มันรู้สึกว่ามีตัวกูอยู่ มีตัวเราอยู่ อาจารย์พุทธทาสเก่งนะ เจาะลงมาตรงนี้เลย

อยู่ที่เราต้องรู้สึกขึ้นมา รู้ลงมาๆ รู้ลงมาในกายในใจ วันหนึ่งเห็นเลยกายใจไม่ใช่ตัวเราหรอก กายนี้เป็นวัตถุเป็นก้อนธาตุ เป็นเครื่องอาศัยอยู่ในโลกเท่านั้นเอง เป็นการยืมของโลกมาใช้ จิตใจก็เป็นธาตุอย่างหนึ่งนะ เรียกว่าธาตุรู้ เกิดดับเปลี่ยนแปลงหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ของยืมเขามาใช้ทั้งหมดเลย ตัวเราไม่มีหรอกในกายในใจนี้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๐๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐

CD: ๑๗
File: 500115
ระหว่างนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๕๖ ถึงนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๑๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ภาวนาแล้วยังดิ้นรน เพราะยังมีตัวกู

mp3 (for download): ภาวนาแล้วยังดิ้นรน เพราะยังมีตัวกู

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาวนาแล้วยังดิ้นรน เพราะมีตัวกู[/caption]

หลวงพ่อปราโมทย์ : หลวงปู่เทสก์บางทีท่านก็เล่านิทานก็มีเหมือนกันนะ เคยฟังท่าน ท่านเล่าเรื่องลิงติดตัง บอกคนโบราณเวลาจะจับลิง เขาจะเอามะพร้าวลูกนึงมาเฉาะให้มันมีรู เฉาะแล้วก็ตั้งไว้โคนต้นไม้  ไอ้ลิงพอมันเจอมะพร้าวเนี่ยนะ มันจะเอามือแหย่เข้าไปในลูกมะพร้าว แล้วก็ไปควักเนื้อมะพร้าว จะเอามากิน มันควักเนื้อมะพร้าวปุ๊บ มือมันก็จะกำใช่มั้ย มือมันโต ตอนมันใส่เข้าไปในรูมือมันอย่างนี้ เสร็จแล้วมือมันโตอย่างเนี้ย ท่านบอกมันจะสะบัดอย่างนี้ มันจะไปไหนไม่ได้แล้ว มันจะต้องถูกจับไปฆ่ากิน ท่านบอกว่าเนี่ย เรียกว่าลิงติดตัง จริงๆแล้วง่ายนิดเดียว แค่ปล่อยมือเท่านั้นเองก็หลุดแล้ว

การภาวนาก็เหมือนกันนะ ที่เราดิ้นข่อกแข็กๆ ดิ้นไม่หลุดเนี่ย เพราะเราไม่ปล่อยต่างหาก รู้สึกมั้ยรากเหง้าของมันจริงๆ คือตัวกูๆ ตัวกูนี่แหละ มีตัวกูอันเดียวนี่นะ จิตจะพลิกแพลงออกไปสารพัดเลย เป็นกิเลสนานาชนิดเลย ยกตัวอย่าง บางคนมีตัวกูแล้วก็มีมานะอัตตา กูเก่งๆ มีตัวกูแล้วก็กูเก่ง บางคนมีตัวกูแล้วก็มีตัวมึงด้วย กูดีมึงมันเลว กูถูก มึงมันผิด อีกพวกนึงดูเหมือนดีนะ มีตัวกูเหมือนกันนะ แต่ทำยังไงกูจะดี ไม่ชอบเลยนะ ถ้าตัวเองคิดไม่ดีสักนิดเดียวก็ไม่ได้นะ รู้สึกทนไม่ได้เลยที่ตัวเองชั่ว นี่ก็ตัวกูอีกแหละ รักดี รักดีเพราะว่ากูจะได้ดี

เพราะงั้นรากเหง้าของกิเลสนานาชนิดนะ เจาะลึกลงไปถึงที่สุด มันรู้สึกว่ามีตัวกูอยู่ มีตัวเราอยู่ อาจารย์พุทธทาสเก่งนะ เจาะลงมาตรงนี้เลย เพราะฉะนั้นอยู่ที่เราต้องรู้สึกขึ้นมา เรารู้ลงมาๆ ในกายในใจ วันนึงเห็นเลยกายใจนี้ไม่ใช่ตัวเราหรอก กายใจนี้ก็เป็นวัตถุเป็นก้อนธาตุ เป็นเครื่องอาศัยอยู่ในโลกเท่านั้นเอง แต่ยืมของโลกมาใช้ จิตใจก็เป็นธาตุอย่างหนึ่งนะ เรียกว่าธาตุรู้ เกิดดับเปลี่ยนแปลงหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ของยืมเขามาใช้ทั้งหมดเลย ตัวเราไม่มีหรอกในกายในใจนี้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๗
File: 500105
ระหว่างนาทีที่  ๑๙ วินาทีที่  ๕๖ ถึง นาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๑๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ปล่อยวางได้เพราะรู้ความเป็นจริงของกายของใจอย่างแจ่มแจ้ง

mp3 (for download): ปล่อยวางได้เพราะรู้ความเป็นจริงของกายของใจอย่างแจ่มแจ้ง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ปล่อยวางได้เพราะรู้ความเป็นจริงของกายของใจอย่างแจ่มแจ้ง

ปล่อยวางได้เพราะรู้ความเป็นจริงของกายของใจอย่างแจ่มแจ้ง

หลวงพ่อปราโมทย์: แต่เดิมเราไม่รู้ เราไปจับไว้ สมมตินี่เป็นสภาวธรรมอันหนึ่ง เรารู้สึกว่าดีวิเศษ นี่คือตัวเรา เรายึดไว้เหนียวแน่น ยังไงก็ไม่ปล่อย ปล่อยไม่ได้ เสียดาย กลัวว่าตัวเราหายไป วันหนึ่งปัญญามันแจ้ง นี่ตัวทุกข์นะ สมมติแทนที่จะเป็นทองคำสักก้อนหนึ่ง กลายเป็นกิ้งกือ พอเห็นว่าเป็นกิ้งกือเนี่ย มันคลายออกเองนะ มันคลายแล้วมันจะหลุดนะ เห็นมั้ย คลายแล้วมันจะหลุด ถ้าถือไว้ไม่หลุดนะ ถ้าคลายแล้วหลุดนะ ถ้าคลายแล้วหลุด ไม่ต้องทำอะไร มันหลุดไปเอง

เพราะฉะนั้น ให้รู้กายรู้ใจไปนะ วันหนึ่งมันหลุดไปเอง รู้ตามความเป็นจริงก็เบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายก็คลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดก็หลุดพ้น เพราะหลุดพ้นก็รู้ว่าหลุดพ้นแล้ว รู้ความเป็นจริงของมัน หลุดไปแล้ว

หลุดแล้วมีอะไรเกิดขึ้น หลุดแล้วก็พ้นทุกข์สิ เราจะพบภาวะซึ่งไม่ต้องแบกต้องหามอะไร ขันธ์ ๕ เป็นภาระ ขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ ขันธ์ ๕ เป็นของหนัก พระอริยเจ้า คือพระอรหันต์ วางของหนักลงไปแล้ว แล้วก็ไม่ไปหยิบฉวยขึ้นมาอีก พระอริยเจ้าชั้นอื่นๆนะ วางของหนักชั่วคราวแล้วจะหยิบมาอีก ยกตัวอย่างดูไปเรื่อย.. เห็นจิตมันเป็นตัวทุกข์นะ วางปุ๊บไป วางปุ๊บไปเดี๋ยวก็ไปคว้ามาอีกแล้ว ยังรู้ไม่แจ่มแจ้ง เรียกว่าเห็นจิตไม่แจ่มแจ้ง ถ้าเห็นจิตแจ่มแจ้ง จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง แจ่มแจ้งว่าเป็นตัวทุกข์ล้วนๆ จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง มันจะสลัดคืนจิตให้โลกไปเลย ไม่ยึดถืออะไรอีก ยึดถือจิตอันเดียวก็จะไปยึดถือทุกอย่าง มันยังงอกออกไปจากจิตนี้เอง ปล่อยวางจิตก็จะปล่อยวางทุกอย่าง เพราะจิตเป็นตัวต้นตอของสิ่งอื่นๆเลย เพราะฉะนั้นให้รู้ลงมานะ ค่อยๆฝึก ค่อยๆรู้ไป

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๔
ลำดับที่  ๔
File: 510223
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๔๓ ถึง นาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๔๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ภาวนาไม่ได้ปฏิเสธสมมุตินะ แต่เข้าใจสมมุติ

ภาวนาไม่ได้ปฏิเสธสมมุตินะ แต่เข้าใจสมมุติ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาวนาไม่ได้ปฏิเสธสมมุตินะ แต่เข้าใจสมมุติ

ภาวนาไม่ได้ปฏิเสธสมมุตินะ แต่เข้าใจสมมุติ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ขันธ์ ๕ นั้น เป็นตัวทุกข์โดยตัวของมันเอง แต่ถ้าจิตนี้ไม่ไปหยิบฉวยมันขึ้นมานะ จิตจะไม่ทุกข์ไปกับมันหรอก ร่างกายนี้เป็นทุกข์ ถูกความทุกข์บีบคั้น มันต้องแตกสลาย มันแก่ มันเจ็บ มันตาย ธาตุทั้งหลายแปรปรวนไปเรื่อย

นี่พูดโดยสมมุตินะว่า พอคนตาย ธาตุก็แยกออกจากกัน ความจริงธาตุไม่แยก ยกตัวอย่าง ในน้ำ ก็มีทั้ง ดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุไม่แยกหรอก ธาตุก็อยู่ด้วยกันทั้งนั้น บางทีธาตุมันแปรรูปไป ธาตุอย่างนี้เรียกว่าคน ธาตุอย่างนี้เรียกว่าศพ ความจริงก็ธาตุนั่นแหละ เพราะฉะนั้นจริงๆแล้ว คนก็สมมุตินะ ศพก็สมมุตินะ แต่ปฏิบัติต่อคนอย่างหนึ่งใช่มั้ย ปฏิบัติต่อศพอีกอย่างหนึ่งใช่มั้ย เนี่ย ปฏิบัติถูกต้อง

เพราะฉะนั้นภาวนาไม่ได้ปฏิเสธสมมุตินะ แต่เข้าใจสมมุติ ไม่ถูกสมมุติหลอกลวง จนเห็นว่า มีสัตว์ มีคน มีเรา มีเขา เมื่อใจมีปัญญา เบื้องต้นมีปัญญา รู้แล้วว่า ไม่มีสัตว์ ไม่มีคน ไม่มีเรา ไม่มีเขา เป็นพระโสดาบัน ต่อไปมีปัญญาแก่รอบขึ้นอีก รู้เลยว่า ถ้าเข้าไปยึดถือมันอยู่ ทุกข์ ถ้าไม่ยึดถือมันนะ ขันธ์ ๕ นี้ไม่เข้าไปยึดมันก็ยังไม่ทุกข์อะไร ใจก็คลายออกนะ คลาย ไม่ไปหยิบฉวยขันธ์ขึ้นมาเป็นภาระอีกแล้ว ไม่ไปหมายเอาขันธ์มาเป็นเราอีก

พอไม่ยึดนะ ขันธ์มันเป็นตัวทุกข์นะ พอเราไม่ยึดขันธ์ ก็คือเราไม่ไปหยิบเอาตัวทุกข์ขึ้นมา ขันธ์เหมือนถ่านไฟแดงๆ ร้อน ไม่ไปหยิบขึ้นมาก็ไม่ร้อน เพราะฉะนั้นเมื่อไม่หยิบขันธ์เพราะรู้ความจริงของมันนะ มันทุกข์น่ะ พอไม่ยึดขึ้นมาก็ไม่ทุกข์ไปกับมันแล้ว มีความสุขนะ ฝึกไปเรื่อย มีความสุข เพราะรู้ความจริงของสภาวะ เห็นความจริงของสภาวะได้เพราะไม่ไปติดอยู่แค่สมมุติ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๓


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๓
File: 530103.mp3
ลำดับที่ ๑๒
ระหว่างนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๑๔ ถึง นาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วันใดมีปัญญาเห็นขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ล้วนๆ ใจจะปล่อยวางขันธ์ ๕ โดยอัตโนมัติ

มีปัญญาเห็นขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ล้วนๆ ใจจะปล่อยวางขันธ์ ๕

มีปัญญาเห็นขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ล้วนๆ ใจจะปล่อยวางขันธ์ ๕

mp3 (for download) : วันใดมีปัญญาเห็นขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ล้วนๆ ใจจะปล่อยวางขันธ์ ๕ โดยอัตโนมัติ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าวันใดปัญญาเราเห็นว่าขันธ์ห้าเป็นตัวทุกข์ล้วนๆ  ใจจะปล่อยวางขันธ์ห้าโดยอัตโนมัติ ไม่ยึดถือขันธ์ห้า มีความสุขล้วนๆเลยคราวนี้ เพราะพ้นจากตัวทุกข์มาได้

พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้หาความสุขนะ  ท่านสอนวิธีให้พ้นจากทุกข์ พ้นจากทุกข์คือพ้นจากอะไร? พ้นจากทุกข์คือพ้นจากขันธ์ ขันธ์นั่นแหล่ะตัวทุกข์  ถ้าเมื่อไรใจพ้นจากขันธ์ ก็พ้นจากทุกข์ ใจจะพ้นจากขันธ์ได้ด้วยปัญญาเห็นจริง ว่าขันธ์เป็นทุกข์

ปัญญาจะเกิดได้ ก็ต้องอาศัยสมาธิ ใจตั้งมั่น จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว คอยรู้ลงในกายในใจเนืองๆ เราค่อยๆ ฝึกของเราไปนะ  เดินไป ทุกวี่ทุกวันนะ สำรวจตัวเองไป  องค์มรรคแปดประการอันไหนของเรายังย่อหย่อน เราก็พัฒนาขึ้นมา


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่  ๓๔
ลำดับที่ ๑
File: 530228A
ระหว่างนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๔๑ ถึงนาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๔๐
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่