Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

รู้สภาวะแล้วให้รู้ทันความไม่เป็นกลางต่อสภาวะนั้น

mp 3 (for download) : รู้สภาวะแล้วให้รู้ทันความไม่เป็นกลางต่อสภาวะนั้น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

รู้สภาวะแล้วให้รู้ทันความไม่เป็นกลางต่อสภาวะนั้น

รู้สภาวะแล้วให้รู้ทันความไม่เป็นกลางต่อสภาวะนั้น



หลวงพ่อปราโมทย์ :
ให้เรารู้สึกกายรู้สึกใจเรื่อยๆ เมื่อเรารู้สึกนะ ต่อไป พอเห็นสภาวธรรมเกิดขึ้นนะ ทีแรกเราก็เริ่มรู้ตัวสภาวะแล้ว ถัดจากนั้น พอสติปัญญาของเราเชียวชาญขึ้น เราเริ่มเห็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามา เวลาที่จิตไปรู้สภาวะ เนี่ยบางทีจิตไม่เป็นกลาง แต่จิตแอบยินดียินร้ายต่อสภาวะนะ เนี่ยเราเริ่มพัฒนาการรู้ของเราให้ปราณีตขึ้นไปอีกละ เรารู้(อย่าง)ไม่เป็นกลาง รู้(โดย)ไม่เป็นกลางนะ ใช้ไม่ได้ อริยมรรคจะไม่เกิด

เพราะฉะนั้น ยกตัวอย่าง สมมุติว่า เราขับรถอยู่ มีคนปาดหน้า พอเราโกรธ เรามีสติรู้ว่าโกรธ ถัดจากนั้นเนี่ย ขาดสติอีกละ เราเกิดความโกรธตัวที่สอง ไปเกลียดความโกรธตัวแรก เมื่อไหร่มันจะดับ เมื่อไหร่มันจะหาย หรือเวลาเรามีความทุกข์เกิดขึ้น แทนที่เราจะรู้สภาวะว่า ร่างกายนี้เป็นทุกข์ หรือจิตใจเป็นทุกข์ เราไปเกลียดความทุกข์นั้นเข้า ความยินร้ายเกิดขึ้น

เพราะฉะนั้นถ้าหาก เรารู้สภาวะแล้วนะ (แล้ว)ความยินดียินร้ายเกิดขึ้น ให้มีสติรู้ทันลงไปอีกชั้นหนึ่ง ถ้ารู้ไม่ทันใช้ไม่ได้จริงหรอก ถูกกิเลสครอบงำได้อีกรอบหนึ่ง มันจะซ้อนๆ กิเลสซ้อนๆเข้าไปเรื่อย ทีนี้ถ้าเรารู้ทันนะ อย่างเห็นความโกรธเกิดขึ้น พอเรารู้ปั๊บ รู้อย่างเป็นกลางจริงๆ มันจะดับทันที

บางคนบอกว่าเห็นความโกรธแล้วทำไมมันไม่ดับ ที่มันไม่ดับเพราะจิตเป็นอกุศล จิตในขณะนั้นกำลังเกลียดความโกรธนั้นอยู่ ไม่เห็น เนี่ย กิเลสซ้อนกิเลส สติไม่เกิด

แล้วเราคอยรู้ทันนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบอารมณ์แล้วนะ ก็รู้ทัน อะไรเกิดขึ้นเราก็รู้ทัน ในกายในใจ รู้ทันอารมณ์นั้น แล้วถ้าหากจิตเกิดปฏิกริยาเป็นความยินดียินร้ายขึ้นมา ให้เรารู้ทันจิตลงไปอีกชั้นหนึ่งนะ

แต่อย่างจงใจนะ ฟังหลวงพ่อพูด ฟังเล่นๆนะ ฟังเล่นๆนำร่องให้จิตมันรู้เท่านั้นแหละ ต่อไปเวลาเราไปรู้ไปเห็นสภาวะแล้ว พอความยินดียินร้ายเกิดนะ สติจะระลึกเองนะ สติระลึกเองนะ ไม่ต้องจงใจทำ บางคนจงใจนะ สมมุติมองหน้าคุณอำพล มองปั๊บ ยินดีหรือยินร้าย(วะ) เอ๊ะ!เฉยๆ เอ้ามองคุณมาลีบ้าง สวยกว่าคุณอำพล นะ มอง ฮึ ยินดีหรือยินร้าย(วะ) ดู ก็เฉยๆ เนี่ย..แกล้งมอง

เพราะฉะนั้นไม่ต้องแกล้งนะ หลวงพ่อพูดนำร่อง ให้รู้ว่าต่อไปเราต้องรู้ทัน ความยินดียินร้าย เห็นหน้าตาคุณอำพลนะ หน้าตาน่ายืมเงินหุ่นอาเสี่ย นะ เห็นในใจมีโลภะ เอ๊ะ!แต่แกคงไม่ให้หรอก ใจมีโทสะ เนี่ย พลิกอย่างนี้ก็รู้ทันนะ พอเห็นกิเลสของตัวเอง เดี๋ยวก็มีราคะ เดี๋ยวโทสะ โมโหตัวเอง ตอนนี้ชักไม่เห็นแล้ว โมโหตัวเองนี่ชักไม่เห็นแล้ว เริ่มมีปฏิฆะแล้ว เริ่มมี โทมนัส อภิฌา-ยินดี โทมนัส-ยินร้าย มีความยินร้ายเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นให้เรารู้ทันนะ ความยินดียินร้ายใดๆเกิดขึ้นให้รู้ทัน เนี่ยฝึกอยู่อย่างนี้นะ ถึงจุดหนึ่งอริยมรรคจะเกิดขึ้น


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กรกฎาคมพ.ศ.๒๕๕๑ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๖
Track: ๑
File: 510717.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๓๓ ถึง นาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๓๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทางบรรลุธรรม (๓) ขั้นแรกของการฝึก การเจริญวิปัสสนา

mp3 for download : ทางบรรลุธรรม (๓) ขั้นแรกของการฝึก การเจริญวิปัสสนา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทางบรรลุธรรม (๓) ขั้นแรกของการฝึก การเจริญวิปัสสนา

ทางบรรลุธรรม (๓) ขั้นแรกของการฝึก การเจริญวิปัสสนา

หลวงพ่อปราโมทย์ : คือการเจริญปัญญา การทำวิปัสสนา ไม่ใช่อะไรที่ลึกลับอะไรหรอก มันคือการฝึกจิตให้มองต่างมุม เดิมจิตเคยมองแต่ว่า “มีตัวเรา มีตัวเรา” มองอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา เรามาฝึกจิตให้หัดมองต่างมุม ให้เห็นความจริง ว่าขันธ์ไม่ใช่ตัวเรา ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวเรา หัดดูไปเรื่อยๆ

เบื้องต้นก็ช่วยมันคิดหน่อยนึงก็ได้ สำหรับบางคนซึ่งชาติก่อนๆไม่เคยเดินปัญญามา คนที่ถ้าไม่เคยเจริญปัญญามาแต่ปางก่อนนะ เคยแต่ทำสมาธินะ พอจิตมีกำลัง จิตตั้งมั่นขึ้นมา ขนาดจิตตั้งมั่นแล้วนะ เป็นผู้รู้ผู้ตื่นแล้วนะ มันยังไม่ยอมดูธาตุดูขันธ์ทำงานเลย มันก็ตื่นอยู่เฉยๆ ว่างอยู่เฉยๆ จิตอย่างนั้นใช้ไม่ได้ จิตไม่เดินปัญญา

ถ้ามันไม่เดินปัญญา ก็ต้องช่วยมันพิจารณา ช่วยมันคิด คิดนำให้มันหัดมองต่างมุม ดูบ้างว่าร่างกายนี้ไม่เที่ยงนะ ร่างกายเป็นทุกข์ ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา สอนมัน พอมันหัดมองต่างมุม พอมันชำนาญในการมอง ต่อไปมันมองเอง ตรงที่พามันมองเนี่ย ยังไม่ขึ้นวิปัสสนา ตรงที่มันมองได้เองถึงจะเป็นวิปัสสนานะ

เพราะฉะนั้นบางคน ถ้าอินทรีย์ไม่แก่กล้านะ ต้องช่วยมันพิจารณา ถ้าอินทรีย์แก่กล้าจริงนะ ขันธ์มันแตกออกไปเลย พอจับตัวผู้รู้ได้แล้วขันธ์จะแตกออกไปนะ

เคยมีโยมคนหนึ่ง ไปเรียนกับครูบาอาจารย์ เรียนตอนเช้า ตอนเย็นนะ ขันธ์แตกออกมาแล้ว มีตัวผู้รู้ เพราะตัวผู้รู้ทำมาได้ตั้งแต่เด็ก ทำสมถะ ทำลมหายใจ หายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ นับหนึ่ง อะไรอย่างนี้ มีจิตตั้งมั่นขึ้นมาเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แล้ว แต่ต่อไม่เป็น ไม่รู้จะเดินปัญญายังไง ก็ไปอยู่แค่นั้นเอง

ไปเจอครูบาอาจารย์ท่านสอนมา ให้ไปดูจิตต่อ พอจะมาดูจิตก็มาดู จิตต้องอยู่ในร่างกาย เห็นร่างกาย ดูซิจิตอยู่ตรงไหน อยู่ในผมมั้ย อยู่ในขนเล็บฟันหนังเนื้อเอ็นกระดูกมั้ย ไล่ๆ ไล่ไปเรื่อยๆ สุดท้ายร่างกายก็แยกไปอยู่ส่วนหนึ่ง เพราะจิตเป็นผู้รู้อยู่แล้ว

พอไปดูกายเข้า จงใจมาดูกายนี้ ก็เห็นกายแยกออกไปอยู่ต่างหาก มาดูเวทนาก็เห็นเวทนาแยกออกไปอยู่ต่างหาก มาดูสังขาร ความปรุงต่างๆของจิต ก็แยกออกไปอยู่ต่างหาก กระทั่งเรื่องราวที่คิดนะ คิด อย่างคิดบทสวดมนต์ พุทโธ สุสุทโธ กรุณา มหรรณโว คิดบทสวดมนต์นี้ จิตเป็นคนรู้ขึ้นมานะ ความคิดกับจิตก็แยกออกจากกัน พอจิตกับความคิดแยกออกจากกันได้นะ ตัวรู้มันก็ผุดขึ้นมาอีก เป็นตัวรู้ที่มีคุณภาพมาก ไม่ใช่รู้อยู่เฉยๆด้วย คราวนี้ รู้แล้วเห็นขันธ์ทำงานได้

540805.03m41-06m37


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 41
File (ประเทศไทย): 540805.mp3
File (สหรัฐอเมริกาและยุโรป): 540805.mp3

นาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๔๑ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๓๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ภาวนามีแต่หลงกับรู้สลับกันทั้งวัน

Mp3 for download: ภาวนามีแต่หลงกับรู้สลับกันทั้งวัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาวนามีแต่หลงกับรู้สลับกันทั้งวัน

ภาวนามีแต่หลงกับรู้สลับกันทั้งวัน

โยม : คือรู้สึกตัวแล้วประเดี๋ยวก็จะเป็นเรื่องอื่นต่อ (หลวงพ่อปราโมทย์ : ใช่) มันก็เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทั้งวันมีอยู่ ๒ อย่าง (โยม : ค่ะ) หลงกับรู้ หลงกับรู้ สลับกันไปเรื่อย ไม่ได้ภาวนาเพื่อจะให้รู้ตลอดเวลา

โยม : แต่คำถามคือว่า แล้วอย่างนี้ ดิฉันจะต้องไปปฏิบัติยังไงต่อ นอกจากที่เป็นอยู่อย่างนี้

หลวงพ่อปราโมทย์ : ดูหลงไปแล้วรู้ หลงไปแล้วรู้ นี่ล่ะ ดูอย่างนี้เรื่อยๆไปนะ ถึงเวลาไหว้พระสวดมนต์ ทำในรูปแบบบ้าง เช่นเดินจงกรม ถ้าไม่ถนัดเดินก็นั่งเอา นั่งดูใจที่เดี๋ยวหลงเดี๋ยวรู้ไปเรื่อยๆ ซ้อมน่ะ ซ้อมดูหลง

โยม : ก็ยังทำอย่างนี้ต่อไป

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใช่…

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
File: 530422
ระหว่างนาทีที่  ๔๗วินาทีที่ ๐๔ ถึง นาทีที่ ๔๗วินาทีที่ ๓๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วิธีหัดเดินปัญญาแยกธาตุแยกขันธ์

Mp3 for download: วิธีหัดเดินปัญญาแยกธาตุแยกขันธ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

วิธีหัดเดินปัญญาแยกธาตุแยกขันธ์

วิธีหัดเดินปัญญาแยกธาตุแยกขันธ์

โยม: บางครั้งเนี่ยเวลาที่ปฏิบัติพอเรานั่งหลับตาเนี่ย มันมีความรู้สึกเหมือนเราเห็นตัวเรา แต่ว่าไม่ได้เห็นชัดนะคะ แต่เห็นว่าเนี่ยๆ ตัวนั่งอยู่นะ แล้วก็ไม่ทราบทำยังไงต่อดีคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : อย่างนั้นแหล่ะดี ดูลงไปเลย ไอ้ตัวนี้เป็นของที่ใจเราไปรู้เข้า ใจเราเป็นคนไปเห็นมัน สังเกตมั้ย ไอ้ตัวนี้เป็นของถูกรู้ ใจเป็นคนดู ร่างกายกับใจเนี่ยคนละอันกัน เนี่ยค่อยฝึกอย่างนี้เรื่อยนะ จนเห็นว่ากายอยู่ส่วนนึง ใจที่เป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ต่างหาก อยู่อีกอัน

โยม: ไม่ต้องคิดอะไรใช่มั้ยคะ ก็เห็นไปอย่างนี้ใช่มั้ยคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ไม่ต้อง เห็นไปนะแล้วแค่รู้สึกนิดนึงว่า เออ ไอ้ร่างกายที่ถูกเห็นเนี่ย ถูกรู้ถูกดูนะ ใจมันเป็นแค่คนดูมันอยู่ต่างหาก กายกับใจเนี่ยคนละอันกัน

โยม: คือไม่แน่ใจว่า ถ้าสมมติว่าพิจารณาต่อว่ากายกับใจเนี่ยมันเป็นคนละส่วนกันเนี่ย เรากำลังจะเริ่ม เริ่มไปคิดรึเปล่าอะไรงี้ค่ะ อันนี้ได้ใช่มั้ยคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เราคิดก่อนก็ได้ คิดก่อนก็ได้ บางคนต้องอาศัยการคิดช่วยมัน

โยม: เพราะว่าไม่งั้นก็นึก เอ๊ะแล้วเรารู้ตัวแล้วมันจะเป็นยังไงต่อเนี่ย ไม่เข้าใจ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ก็ดูไปเลย ร่างกายก็อยู่ส่วนนึง จิตก็อยู่ส่วนนึงนะ พอนั่งไปนานๆมันเมื่อย เราก็เห็นความเมื่อยเป็นอีกส่วนนึง ร่างกายก็เป็นอีกส่วนนึง คนละอันกับความเมื่อย ร่างกายนั่งอยู่ก่อนนะความเมื่อยมาทีหลัง คนละอันกัน จิตก็เป็นคนดูรู้ว่าร่างกายมีอยู่ รู้ว่าความเมื่อยเกิดขึ้น

โยม: แต่ในความรู้อันนี้คือมันจะต้องมีความคิดขึ้นมาก่อนว่าเรากำลังรู้อันนี้นะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เออนะ ช่วยมันคิดนิดหน่อยก่อน แต่ไม่ใช่คิดจนวุ่นวายนะ พอเมื่อยมากๆใจกระสับกระส่าย ก็ดูไป จิตตะกี๊ไม่กระสับกระส่าย ตอนนี้กระสับกระส่าย แสดงว่าความกระสับกระส่ายเป็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามาทีหลัง ความกระสับกระส่ายไม่ใช่จิตหรอกนะ นี่หัดแยกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นี่เป็นการหัดที่จะเดินปัญญา แยกธาตุแยกขันธ์ไปเรื่อย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันพฤหัสบดีที่
๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
File: 530422
ระหว่างนาทีที่  ๔๗ วินาทีที่ ๔๓ ถึง นาทีที่ ๔๙ วินาทีที่ ๓๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ไม่ได้ฝึกเพื่อจะทำอะไร แต่ฝึกให้รู้ทันว่าจิตแอบไปทำ

mp3 for download : ไมได้ฝึกเพื่อจะทำอะไร แต่ฝึกให้รู้ทันว่าจิตแอบไปทำ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ไม่ได้ฝึกเพื่อจะทำอะไร แต่ฝึกให้รู้ทันว่าจิตแอบไปทำ

ไม่ได้ฝึกเพื่อจะทำอะไร แต่ฝึกให้รู้ทันว่าจิตแอบไปทำ

โยม : แต่พอ หลังจาก 2 – 3 วัน ก็ปรากฎว่า มันค่อยๆหายไปแล้ว จนถึงตอนนี้ก็คือ เหมือนทำอะไรไม่เป็นแล้ว

หลวงพ่อปราโมทย์ : ก็ดีแล้วนี่ ก็ไม่ต้องทำอะไร นะ ก็รู้ตัวไปอย่างนี้แหละ รู้ว่าไม่ได้ทำอะไร รู้ว่าทำอะไร รู้ว่าทำอะไรไม่ได้

แต่สังเกตมั้ย ใจมันโปร่งๆ โล่งๆ ก็รู้ว่ามันโปร่งๆโล่งๆ เพราะมันไม่ได้ทำอะไร เราไม่ได้ฝึกเพื่อจะทำนะ เราฝึกเพื่อรู้ทันว่าจิตแอบไปทำอะไร ฝึกตรงนี้ต่างหาก ไม่ได้ฝึกทำอะไร แต่ฝึกเพื่อรู้ทันว่าจิตแอบไปทำอะไรอยู่ เช่นจิตแอบไปเพ่ง เรารู้ทัน มันก็เลิกเพ่ง จิตแอบไปคิด เรารู้ทัน มันก็เลิกคิดไป จิตปรุงแต่งขึ้นมา เรารู้ทัน มันก็หมดความปรุงแต่งไป

*หมายเหตุ เมื่อรู้ทัน กระบวนการปรุงแต่งต่างๆก่อนหน้านั้นจะดับไป แต่เมื่อดับไปแล้วก็อาจไปปรุงแต่งอย่างเก่ากลับมาได้ใหม่ ให้ตามรู้ตามดูต่อไปเป็นระยะๆ อย่าไปพยายามทำให้ไม่ปรุงแต่ง อย่าไปพยายามทำให้จิตปรุงแต่งแต่กุศล อย่าไปพยายามห้ามจิตไม่ให้มีกิเลส – ผู้ถอด

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๑ หลังฉันเช้า

CD: ๒๔
File: 510315
ระหว่างนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๓๗ ถึงนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๒๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตดีหรือไม่ดีก็ได้ ถ้ารู้ทัน

mp3 for download : จิตดีหรือไม่ดีก็ได้ ถ้ารู้ทัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตดีหรือไม่ดีก็ได้ ถ้ารู้ทัน

จิตดีหรือไม่ดีก็ได้ ถ้ารู้ทัน

โยม : แต่นิ่งๆแบบวันนี้ ตอนที่หลวงพ่อเทศน์หลังอาหารนี้ ไม่ดีใช่มั้ยเจ้าคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เป็นเพราะเพิ่งจะทานข้าวมั้ง มั้นก็มัวไปนิดหน่อย

โยม : อ๋อ.. เจ้าค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ไม่มีปัญหา

โยม : แต่..เบิกบานอย่างเมื่อเช้านี้โอเคใช่มั้ยเจ้าคะ?

หลวงพ่อปราโมทย์ : ก็โอเคนะ แต่จริงๆน่ะโอเคทั้งหมดเลย ถ้าเรารู้สภาวะ จิตเราเศร้าหมองรู้ว่าเศร้าหมองก็โอเค จิตเบิกบานรู้ว่าเบิกบานก็โอเค จิตเบิกบานแล้วไม่รู้ว่าเบิกบานไม่โอเคนะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันจันทร์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๑ หลังฉันเช้า

CD: ๒๕
File: 510428B
ระหว่างนาทีที่ ๓๔ วินาทีที่ ๔๕ ถึงนาทีที่ ๓๕ วินาทีที่ ๑๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รู้ว่าโกรธแล้ว ทำไมยังไม่หายโกรธ

mp3 (for download): รู้ว่าโกรธแล้ว ทำไมยังไม่หายโกรธ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

รู้ว่าโกรธแล้ว ทำไมยังไม่หายโกรธ

รู้ว่าโกรธแล้ว ทำไมยังไม่หายโกรธ

โยม : ถ้าเรารู้ สมมุติว่าเรารู้ว่าเราฟุ้งซ่านอยู่ เราโกรธอยู่ เราหงุดหงิดอยู่ เรารู้แล้วทำไมมันไม่หายไปสักทีล่ะคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : โอ้.. ถ้าอยากให้หาย ไม่หายหรอกนะ ความอยากเป็นต้นเหตุให้เกิดความทุกข์นะ ยิ่งอยากมากยิ่งทุกข์มาก ก็เอาอย่างที่หลวงพ่อสอนตะกี้นี้นะ ความโกรธเกิดขึ้นเราก็ดูไป ความโกรธเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า เราเป็นคนดูเฉยๆนะ ไม่ไปต่อต้านมัน ไม่ไปคล้อยตามมัน ต่อต้านมันก็คืออยากให้มันหายไป นี่สุดโต่งไปในข้างบังคับตัวเอง จะยิ่งเครียดหนักเลย ยกตัวอย่างโมโหขึ้นมาแล้วอยากหายโมโห มันไม่ยอมหายเลย โมโหตัวเองอีกที่มันโมโหไม่หาย เออ..นะ เลยยิ่งโมโหซ้อนโมโหไป อันนี้สุดโต่งไปในข้างทรมานตัวเองมากไป อีกพวกหนึ่งสุดโต่งตามใจกิเลส โมโหแล้วไปตีกับเขาเลย ลืมตัว ถูกกิเลสครอบเอา

เราเอาทางสายกลางนะ จิตมันโกรธก็เห็นเลย ความโกรธมันแยกขึ้นมา จิตเป็นคนดูนะ ความโกรธอยู่ต่างหาก ถ้าเห็นได้อย่างนี้นะ ความโกรธมันมาไม่ถึงจิตหรอก ศีล สมาธิ ปัญญา มันเกิดนะ ค่อยๆฝึกเอา ไม่ยากนะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
แสดงธรรมเมื่อ วันพุธที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔

CD: แสดงธรรมเทศนานอกสถานที่ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
File: 540810A
ระหว่างนาทีที่ ๔๘ วินาทีที่ ๕๒ ถึง นาทีที่ ๔๙ วินาทีที่ ๕๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตที่เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานนั้น เป็นจุดตั้งต้นของการเดินปัญญา

mp3 for download : จิตที่เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานนั้น เป็นจุดตั้งต้นของการเดินปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตที่เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานนั้น เป็นจุดตั้งต้นของการเดินปัญญา

จิตที่เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานนั้น เป็นจุดตั้งต้นของการเดินปัญญา

หลวงพ่อปราโมทย์ : ตอนนี้ออกไปหลายจังหวัด ไปเห็น เราก็ไปเทศน์ที่โน่นที่นี่ ก็พบปรากฏการณ์อันหนึ่งก็คือ ทั้งพระทั้งโยมนะ ภาวนามาถึงขั้น แยกธาตุแยกขันธ์เป็นน่ะ เยอะมาก เยอะๆ ยังไม่เคยเจอว่าทำกันได้เยอะขนาดนี้มาก่อน

ช่วงปีแรกๆที่หลวงพ่อเทศน์นะ พวกเราตื่นกันเยอะนะ จิตก็ตื่นขึ้นๆ จิตเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน นับไม่ถ้วน ตอนนี้เลยขั้นนั้นมาแล้ว พอจิตเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานแล้วนะ ก็ต้องมาฝึกแยกธาตุแยกขันธ์ เข้าสู่การเดินปัญญา จิตที่เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานนั้น เป็นจุดตั้งต้นของการเดินปัญญา ถ้าเราไม่มีจิตเป็นผู้รู้นะ เราเดินปัญญาไม่ได้ เพราะจิตที่ไม่เป็นผู้รู้มันจะเป็นสองอย่าง ถ้าไม่เป็นผู้คิดก็เป็นผู้เพ่ง จิตที่ไปหลงไปคิด แล้วเพ่ง

เพราะฉะนั้นช่วงแรกๆสอนพวกเรานะ จะสอนให้รู้จักสภาวะสองอย่าง เผลอไปกับเพ่งไว้ คนทั่วไปมันเผลอ ไม่เคยรู้เรื่องเลย หลงตลอดชีวิตไม่เคยรู้สึกตัว นักปฏิบัติก็เพ่งไม่ว่าไปที่ไหนก็เพ่งๆนะ ฝึกแบบไหนก็เพ่งทุกแบบเลย เหมือนกันหมดเลย พอเราไม่เผลอไม่เพ่งนะ ใจเราเป็นกลาง รู้ตื่นขึ้นมาได้ ค่อยๆฝึก ใจค่อย..

แต่เดิมคิดว่าการปฏิบัติธรรมต้องเพ่งเอา คนละเรื่องเลย การเพ่งจิตให้นิ่ง เป็นสมาธิชนิดทำสมถะ เรียกว่า อารัมณูปนิชฌาน เพ่งอารมณ์อันเดียว จิตแนบอยู่ในอารมณ์อันเดียวนิ่งๆ ไม่เดินปัญญา แต่การที่เรารู้ทันจิตที่เผลอไป แล้วก็ไม่ไปเพ่งไว้ จิตเผลอไปทำอะไร จิตเผลอไปคิดเป็นส่วนใหญ่ ทันทีที่เรารู้ว่าจิตเผลอไปคิดนะ หัดใหม่ๆมันจะเพ่ง ถัดจากรู้ว่าเผลอจะเพ่ง ก็ฝึกไปเรื่อย เผลออีกก็รู้แล้วก็เพ่ง เผลอแล้วก็รู้แล้วก็เพ่ง

ทีแรกจับรู้ไม่ติดหรอก มองไม่ออกว่ามีรู้มาคั่น ระหว่างเผลอกับเพ่ง ทีนี้ฝึกมาช่วงหนึ่งแล้วเริ่มเห็นน่ะ จิตเผลอไป ตรงที่รู้ว่าเผลอนี่ ไม่เผลอด้วยไม่เพ่งด้วย อยู่ตรงกลางนี่เอง ทีนี้ความรักดี กล้วจะเผลออีกก็เลยไปเพ่งเอาไว้ นักปฏิบัติ พอรู้ทันว่าเอ้า..มันเกินจากรู้ไปแล้ว เริ่มคุ้นเคยกับรู้นะ จิตเผลอไปคิดแล้วรู้ทัน จิตเผลอไปคิดแล้วรู้ทัน ไม่ไปเพ่งต่อ คราวนี้ “รู้” ค่อยเด่นขึ้นๆ

พอรู้เด่นขึ้นหลวงพ่อก็บอกว่า จิตมันตื่นแล้ว จิตตื่นแล้ว จิตตื่นเนี่ยจิตมันเข้าถึงฐานจริงๆนะ จิตเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน จิตสงบ สะอาด สว่าง จิตเบา จิตนุ่มนวล อ่อนโยน คล่องแคล่วว่องไว จิตซื่อตรงในการรู้อารมณ์ จิตควรแก่การทำวิปัสสนา ควรแก่การงาน นี่ล่ะคือจิตที่เป็นผู้รู้ผู้ตื่นขึ้นมา

หลวงพ่อก็พยายามพาพวกเราเดินมาเป็นลำดับๆนะ หัดรู้เผลอรู้เพ่งก่อน จนกระทั่งในที่สุด ตัวรู้ก็ค่อยๆเด่นขึ้นๆ พอตัวรู้เด่นแล้วอย่าหยุดอยู่แค่นั้น มาเดินต่อ เรามาฝึกจนได้ตัวรู้มานี่น่ะ คล้ายๆเราเตรียมความพร้อมของจิตเพื่อการเดินวิปัสสนา เพื่อการเจริญปัญญา การเจริญปัญญาก็คือการทำวิปัสสนากรรมฐานนั่นแหละ

หลักของการเดินปัญญาก็คือ ให้มีสติ รู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริง ตามความเป็นจริงไม่เข้าไปแทรกแซง และต้องรู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่น จิตที่เป็นกลาง คือจิตที่เป็นผู้รู้ผู้ตื่นนั่นเอง มิใช่จิตผู้คิดผู้นึกผู้ปรุงผู้แต่ง ไม่ใช่จิตผู้เพ่ง ให้ไปรู้ด้วยจิตที่เป็นผู้รู้ จิตที่หลุดออกจากโลกของความคิด มาอยู่ในโลกของความรับรู้ รู้กายอย่างที่เขาเป็น รู้จิตใจอย่างที่เขาเป็น เรียนรู้ทุกอย่างอย่างที่มันเป็น ทำตัวเป็นแค่คนดู ไม่เข้าไปแทรกแซง

เมื่อเราทำตัวเป็นแค่คนดูโดยไม่เข้าไปแทรกแซง เราจะเห็นความจริง ถ้าเราเป็นคนดูแล้วแทรกแซงไปด้วย จะดูไม่ตรงกับความจริง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: ๓๙
File: 540226A
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๐ ถึง นาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๔๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทำไมปฏิบัติแล้วความโกรธไม่ลดลง?

mp3 (for download) : anger not stable

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม : การสังเกตอารมณ์ที่รู้ทัน เช่น เวลาที่เราดีใจ เสียใจ หรือโกรธ คือ หลังจากปฏิบัติแล้วไม่ได้ลดน้อยลง เพียงแต่รู้ทันว่าตอนนี้กำลังโกรธ ตอนนี้กำลังอารมณ์ไม่ดี

หลวงพ่อปราโมทย์ : เราไม่ได้ฝึกให้ลดน้อย แต่เราฝึกให้เห็นความจริงว่าทุกสิ่งเกิดแล้วดับ เห็นตรงนี้มั้ย โกรธแล้วก็ดับ โลภเกิดแล้วก็ดับ ดีใจเสียใจเกิดแล้วก็ดับเราเรียนเพื่อสิ่งนี้ต่างหาก หลวงพ่อบอกแล้วว่าเราไม่ได้เรียนเอาดี

โยม : มันดับเร็วขึ้นกว่าเดิม

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใช่ นั่นแหละดีแล้ว นั่นมีพัฒนาการแล้ว แต่เดิมเคยโกรธทีนึงหลายชั่วโมง เดี๋ยวนี้พอความโกรธผุดแว้บก็ขาดสะบั้นไปแล้ว ภพชาติของเราสั้นลง แทนที่จะเป็นภพขี้โมโหหลายชั่วโมงนะ ก็เป็นภพขี้โมโหหนึ่งแว้บ อะไรงี้ สังสารวัฏเราก็หดสั้นลงๆ

เพราะฉะนั้นเรียนนี่ไม่ใช่เรียนเพื่อไม่ให้โกรธ ความโกรธก็เป็นอนัตตาเหมือนกัน ถ้าเหตุของความโกรธยังมีมันจะต้องโกรธอีก เหตุของความโกรธคืออะไร อันแรกเลยคือมีอนุสัยขี้โมโห พูดภาษาไทยคือมีสันดานขี้โมโห มันคุ้นเคยที่จะโมโห มันจะโมโหบ่อย มีสันดานขี้โมโหอย่างเดียวก็ยังไม่โกรธ ต้องมีอันอื่นอีก ต้องได้กระทบอารมณ์ที่ไม่พอใจถึงจะโกรธ ถ้ากระทบอารมณ์ที่ไม่พอใจอย่างเดียว แต่ไม่มีอนุสัยขี้โมโห มันก็ไม่โกรธนะ เพราะงั้นความโกรธ เกิดจากเหตุตั้งหลายอย่างมาประชุมกัน แล้วก็ปรุงเป็นความโกรธขึ้นมา ถ้าเหตุของมันยังอยู่ มันยังโกรธอีก ถ้าวันนึงเราภาวนาจนอนุนัยขี้โมโหนี้หายไป มันจะไม่โกรธละ เพราะฉะนั้น เราไม่ได้เรียนเพื่อจะไปบังคับเพื่อแทรกแซงสังสารวัฏนะ ไม่ใช่ไปแทรกแซงสภาวะนะ แต่เรียนว่าทุกสิ่งเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับ สิ่งนั้นก็ดับ

CD สวนสันติธรรมแผ่นที่ 12

ไฟล์ 080749B

26min49-28min43

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การรู้สภาวะต้องใส่ชื่อหรือไม่?

MP3 (for download): การรู้สภาวะต้องใส่ชื่อหรือไม่?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม: คือเราไม่ต้องไปตั้งชื่อใช่ไหมฮะ

หลวงพ่อปราโมทย์: ไม่ต้อง แต่ถ้าจิตมันจะใส่ชื่อให้ ไม่เป็นไร เราไม่ต้องไปหาชื่อให้มัน ชื่ออะไรก็ได้ ชื่อนั้นไม่สำคัญ

ของจริงไม่มีชื่อหรอก มีชื่อนี่ใส่บัญญัติลงไปแล้ว เช่น อันนี้คือความโกรธ ตัวความโกรธไม่มีชื่อ ตัวชื่อของมันเราใส่ขึ้นทีหลัง

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่