Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

ทาน ศีล สมาธิ วิปัสสนา นิพพาน

mp3 for download : ทาน ศีล สมาธิ วิปัสสนา นิพพาน

หลวงพ่อปราโมทย์ : ขออนุญาตท่านอาจารย์ครับ หลวงพ่อจะมาเยี่ยมครูบาอาจารย์เฉยๆนะ มาเยี่ยมหลวงพ่อ.. กับหลวงพ่อคำเขียน ๒ องค์ ไม่ได้มาเทศน์หรอก เทศน์ไม่ได้ ผิดธรรมเนียม ครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่กว่าอยู่ต้องนิมนต์ท่านเทศน์หรอก แต่นี่ท่านอนุญาตนะ ครูบาอาจารย์อนุญาตให้เราเทศน์ เราก็เทศน์ได้ แต่เทศน์แล้วต้องทำนะ จะให้หลวงพ่อเทศน์เปล่าๆ บาปนะ คือเราให้พระเหนื่อยฟรีๆแล้วขี้เกียจ

อย่าขี้เกียจนะ ความทุกข์มันบีบคั้นเราอยู่ทั้งวันทั้งคืน คนมีปัญญาถึงจะมองเห็น คนไม่มีปัญญาก็จะเห็นแต่มีความสุขนะ หลงระเริงไปเรื่อยๆ วนไปวันหนึ่งๆนะ เดี๋ยวก็เดือนเดี๋ยวก็ปี ไม่นานก็ตาย สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรติดเนื้อติดตัวไป น่าเสียดายที่สุดเลย

พวกเรามีบุญนะ พวกเราอุตส่าห์มาวัด มาหาครูบาอาจารย์ มาอะไรนี่ ได้รักษาศีล ได้ฟังธรรม ก็ต้องมาปฏิบัติ ธรรมะที่เราจะปฏิบัตินะ ก็มีทานมีศีลมีภาวนานะ ทำทานก็ไม่ใช่ว่าต้องเสียเงินเสียทองนะ ยกตัวอย่างเราโกรธคน คนเขาด่าเรา เราอภัยให้เขาอะไรอย่างนี้ ก็เป็นทานอย่างหนึ่ง คนเขาไม่มีความรู้ แล้วเราให้ความรู้เขา ก็เป็นทานอย่างหนึ่ง ทานก็มีหลายอย่าง ไม่ต้องเสียเงินเสียทองอะไร ให้ความรู้เขาให้ความเข้าใจนะ ได้บุญแรง

ต้องรักษาศีล ของเรามาอยู่วัด อุตส่าห์แต่งขาว เรามีสตินะ แต่งชุดขาวๆ ขาดสติเดี๋ยวก็เลอะแล้ว เพราะฉะนั้นท่านให้แต่งขาวๆไว้ก็ดี จะกระดุกกระดิก จะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวนะ รู้สึก คอยรู้สึกไว้เรื่อยๆนะ เวลาโมโหใครขึ้นมา รู้ทันที่ใจเรา

มาอยู่วัดมาหาความสุขความสงบ หาความดีให้ตัวเอง ฝึกจิตฝึกใจของเราทุกวันๆนะ ภาวนาไปพุทโธๆไปก็ยังดี หายใจไปรู้สึกตัวไป มีสติ คอยรู้ทันใจตัวเองไว้เสมอๆ ถ้าเรามีสติรู้ทันใจของเราได้บ่อยๆนะ กิเลสอะไรเกิดขึ้นในใจเราคอยรู้ทัน ถ้าเรารู้ทันกิเลสที่เกิดขึ้นในใจของเราได้นะ กิเลสจะครอบงำใจเราไม่ได้ ถ้ากิเลสมันครอบงำจิตใจของเราไม่ได้นะ เราจะไม่ผิดศีลหรอก คนมันทำผิดศีลนะเพราะมันถูกกิเลสหลอกเอาไป

ยกตัวอย่างมันไปฆ่าเขามันไปตีเขานะ เพราะโทสะมันครอบงำใจ คอยหลอกลวงเขาอะไรอย่างนี้ หรือไปเป็นชู้กับเขาอะไรอย่างนี้ ก็เพราะโลภะครอบงำใจ เพราะฉะนั้นมันมาจากกิเลสทั้งนั้นเลยนะ ทำให้เราทำผิดศีลผิดธรรมเพราะฉะนั้นเรารักษาศีลให้มั่นคงแข็งแรงนะ ทุกคนต้องมีศีล ถ้าเราไม่มีศีลนะ เราเสียความเป็นมนุษย์แล้ว เราจะไปอบาย

ทีนี้เรามีศีลเท่านั้นไม่พอนะ เราต้องมีฝึกใจของเราให้สงบบ้าง ใจของเราร่อนเร่หนีเที่ยวทั้งวันทั้งคืน ไม่เคยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย เรามาฝึกให้จิตใจอยู่กับตัวเอง การฝึกให้ใจอยู่กับตัวเองนี้แหละที่เรียกว่าฝึกให้มีความสงบมีความตั้งมั่นมีสมาธิขึ้นมา เราก็เอาสตินี้แหละมารู้ทันใจ เป็นวิธีที่ง่ายๆนะ ถ้าใจเราแอบไปคิดเรารู้ทัน ใจเราแอบไปคิดเรารู้ทัน รู้อย่างนี้บ่อยๆนะ พอใจเราไหลไปแว้บมันจะรู้สึกขึ้นมา ใจมันจะตื่น มันจะตั้งมั่น จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว ได้สมาธิเบื้องต้น สมาธิที่เรามีสติรู้ทีละแว้บๆ เขาเรียกว่าขณิกสมาธินะ สมาธิชั่วขณะเท่านั้นแหละ ได้สมาธิชั่วขณะก็ดีกว่าไม่มีเลย

คนไหนมีบุญมีวาสนานะ ภาวนาทุกวัน รู้ลมหายใจเข้าหายใจออกนะ พุทโธไป ภาวนาไป จิตใจไม่หนีไปที่อื่น จิตสงบอยู่กับลมหายใจ นั่นแหละจะได้สมาธิที่ละเอียดที่ปราณีตขึ้นไป ได้อุปจารสมาธิ ได้อัปนาสมาธิ จิตใจจะตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน ใจจะเป็นผู้รู้นะ ใจไม่ใช่ผู้หลงคิด ใจที่ไม่มีสมาธิจะเป็นใจผู้หลงคิด ใจที่มีสมาธิมีความตั้งมั่นอยู่กับเนื้อกับตัวจะเป็นจิตที่เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานนะ มันจะมีความสุขอยู่ในตัวเอง

เพราะฉะนั้นเราฝึกจิตฝึกใจของเรานะให้อยู่ในอารมณ์อันเดียว ฝึกไปเรื่อย จะอยู่กับพุทโธก็อยู่นะ จะอยู่ในลมหายใจก็อยู่ ถ้าทำได้ก็ดีจะได้ความสุขความสงบที่ปราณีต ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าเสียใจ ให้อาศัยสติคอยรู้ทันจิตเป็นขณะๆไปก็ได้สมาธิเหมือนกัน แต่เป็นสมาธิแค่ขณิกสมาธิชั่วขณะ ดีกว่าไม่มีเลย ก็เหมือนกับคนยากคนจนนะ มีเงินร้อยบาท สองร้อยบาท สิบบาท ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย ไม่มีเงินล้านเงินแสนอย่างคืนอื่นก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้มีฌานมากมายอย่างคนอื่นก็ไม่ต้องเสียใจ ได้ความสงบที่เป็นขณะๆอย่างนี้ก็พอที่จะไปมรรคผลนิพพานได้นะ

ทีนี้พอจิตใจเราอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ลืมเนื้อลืมตัว ไม่ใจลอยล่องลอยหนีไปเรื่อยแล้วเนี่ย ให้มาคอยเจริญปัญญาต่อ เห็นมั้ยมามีศีลมีสมาธิแล้วมามีปัญญา มีศีลเพราะมีสติรู้ทันกิเลสนะ กิเลสครอบงำจิตไม่ได้ จิตก็มีศีลขึ้นมา มีสติที่รู้ทันจิตที่ฟุ้งซ่านไป จิตก็สงบขึ้นมาได้สมาธิ ถัดจากนั้นพอจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วต้องเดินปัญญา ถ้าเราไม่ได้เจริญปัญญาเราจะไม่ได้คุณค่าของศาสนาพุทธหรอก เพราะการรักษาศีล การทำสมาธิเนี่ย ถึงไม่มีพระพุทธเจ้านะ นักปราชญ์ทั้งหลายเขาก็สอนกันได้

ต้องมาเจริญปัญญาให้ได้ มาทำวิปัสสนานะ ถึงจะเป็นชาวพุทธแท้ๆได้รับประโยชน์จากพระศาสนาอย่างแท้จริง การเจริญปัญญาคือการเรียนรู้ตัวเอง สิ่งที่เรียกว่าตัวเราเองก็คือกายกับใจนะ เพราะฉะนั้นเราคอยมีสติรู้อยู่ที่กายมีสติรู้อยู่ที่ใจ รู้ไปอย่างสบายๆ รู้ด้วยจิตใจที่ตั้งมั่นจิตใจที่เป็นกลาง จิตใจที่มีสมาธิหนุนหลัง เพราะฉะนั้นจิตใจของเราต้องตั้งมั่นนะ สงบ ตั้งมั่น แล้วมาคอยรู้กายมาคอยรู้ใจ

เห็นกายทำงานเห็นใจทำงานไปเรื่อย ควรจะเห็นเหมือนเห็นคนอื่นนะ ร่างกายยืนเดินนั่งนอน เหมือนจะรู้สึกเหมือนกับว่าคนอื่นยืนเดินนั่งนอน ไม่ใช่ตัวเราแล้ว เห็นร่างกายหายใจออกร่างกายหายใจเข้า เนี่ยร่างกายมันหายใจไม่ใช่เราหายใจ จะไม่มีความรู้สึกว่าเป็นตัวเราจะเห็นเป็นเพียงวัตถุเท่านั้น เป็นก้อนธาตุนะ มีธาตุไหลเข้ามีธาตุไหลออก หายใจเข้าหายใจออก ก็แค่วัตถุเท่านั้นเอง ไม่ใช่คนไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่เราไม่ใช่เขา

มาดูจิตดูใจนะ เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย เฝ้ารู้ไปเรื่อย พวกเราเป็น.. ส่วนใหญ่คนรุ่นนี้เป็นพวกคิดมาก จิตคิดทั้งวันนะ คิดไปแล้วเดียวก็สุข คิดไปแล้วเดี๋ยวก็ทุกข์ มีมั้ยคิดแล้วทุกข์ บางทีเขาด่าเรามาสิบปีแล้วนะมาคิดใหม่ทุกข์ใหม่ เออ.. เป็นมั้ย โกรธใหม่ก็ได้ เรื่องตั้งนานแล้วนะ คิดซ้ำก็เป็นอีกนะ เนี่ยใจของเราชอบหลง หลงๆไปนะ ให้เราคอยมีสติรู้ทันนะ รู้ทันใจ ใจหลงไปคิดเรื่องนี้-รู้ทัน คิดแล้วเกิดความสุขก็รู้ทันว่ามีความสุขแล้ว ความทุกข์เกิดขึ้นในใจเราก็รู้ทันนะ กุศล-อกุศล โลภโกรธหลงอะไรเกิดขึ้นในใจ คอยรู้ทัน รู้เฉยๆ

ในขั้นของการเดินปัญญา ไม่เหมือนในขั้นของการทำสมาธิ ขั้นการทำสมาธินี่นะ จิตไม่ดีทำให้ดี จิตไม่สุขทำให้สุข จิตไม่สงบทำให้สงบ แต่ในขั้นปัญญาเนี่ย จิตไม่ดีรู้ว่าไม่ดี จิตไม่สุขรู้ว่าไม่สุข จิตไม่สงบรู้ว่าไม่สงบ รู้ลูกเดียวเลย รู้อย่างที่มันเป็นนะ เราจะเห็นเลยความสุขที่เกิดขึ้นในใจเราก็อยู่ชั่วคราว ความทุกข์ก็ชั่วคราวนะ โลภโกรธหลงอะไรๆก็ชั่วคราว นี่หัดดูลงไปนะ ทุกอย่างในชีวิตนี้เป็นของชั่วคราว นี่ล่ะคือการการเดินปัญญานะ ดูลงไป ค้นคว้าพิจารณาลงไปนะ

ถ้าจิตมันไม่ยอมดูของมันเองก็ต้องช่วยมันคิดช่วยมันพิจารณาก่อนในเบื้องต้น ยกตัวอย่างพิจารณาร่างกายนะ เป็นปฏิกูล เป็นอสุภะ เป็นธาตุเป็นขันธ์ นี่คือช่วยมันคิดก่อน แต่ถ้าจิตมันมีปัญญามีกำลังพอนะ มันจะเห็นเอง ร่างกายที่หายใจอยู่ไม่ใช่เรา จิตใจที่สุขจิตใจที่ทุกข์นั้น ความสุขความทุกข์ นั้นก็ไม่ใช่เรา จิตเป็นธรรมชาติรู้ จิตรู้ว่ามีความสุข จิตรู้ว่ามีความทุกข์ ตัวที่รู้นี้ก็ไม่ใช่เรา ตัวเราไม่มี ฝึกไปเรื่อยๆนะแล้วเราจะเห็นความจริงว่าตัวเราไม่มีหรอก

ภาวนาจนล้างความเห็นผิดว่ามีตัวเรา มีตัวตน ถ้าตัวเราไม่มีแล้วใครจะทุกข์ล่ะ ก็ขันธ์ ๕ มันทุกข์นะ ไม่ใช่เราทุกข์อีกต่อไปแล้ว เนี่ยเฝ้ารู้เฝ้าดูต่อไปนะ สติปัญญาแก่รอบขึ้นไปเรื่อย มันจะเห็นเลยว่าขันธ์ ๕ มีแต่ทุกข์ล้วนๆ อย่างพวกเราตอนนี้ปัญญาเราไม่พอ ศีลสมาธิปัญญาต้องฝึกให้แก่รอบนะ วันหนึ่งถึงจะพอ ถ้าพอจริงจะเห็นเลย กายนี้ทุกข์ล้วนๆ จิตนี้ทุกข์ล้วนๆ

พวกเราไม่เห็นหรอก พวกเราเห็นว่าร่างกายนี้เป็นสุขบ้างเป็นทุกข์บ้าง ใช่ม้้ย เห็นมั้ยว่าจิตนี้เป็นสุขบ้างเป็นทุกข์บ้าง เห็นอย่างนี้ใช่มั้ย นี่เราไม่รู้จริงหรอก พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ ท่านไม่ได้บอกว่าทุกข์บ้างสุขบ้างนะ เพราะฉะนั้นเรายังไม่ได้เห็นอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนหรอก เพราะฉะนั้นเรายังไม่ได้พ้นทุกข์หรอกนะ เพราะฉะนั้นต้องรู้ลงไปในกายรู้ลงไปในใจบ่อยๆ อย่าใจลอยนะ รู้สึกอยู่ในกายรู้สึกอยู่ในใจบ่อยๆนะ วันหนึ่งเราจะเห็นได้ว่ากายนี้ทุกข์ล้วนๆเลย

ยกตัวอย่างนั่งอยู่ก็ทุกข์นะ เดินอยู่ก็ทุกข์ นอนอยู่ก็ทุกข์ หิวก็ทุกข์ อิ่มก็ทุกข์ ง่วงก็ทุกข์นะ เจ็บป่วยขึ้นมาก็ทุกข์ นั่งอยู่เฉยๆก็คัน มีมั้ยนั่งแล้วไม่คัน คันก็ทุกข์นะ ทีนี้พวกเราพอทุกข์นะ เราก็เปลี่ยนอิริยาบถปับเลย เรายังไม่ทันจะรู้สึกเลยว่าทุกข์ ยกตัวอย่างคันขึ้นมารีบเกาเลย ยังไม่ทันรู้ตัวเลยว่าคันนะ เกาไปก่อนแล้ว เราก็ไม่เห็นทุกข์ มันเมื่อยขึ้นมาเราก็ขยับซ้ายขยับขวานะ เรายังไม่ทันรู้สึกเลยว่าเมื่อยนะ ยังไม่ทันรู้เลยว่ากายนี้เป็นทุกข์ ขยับหนีความทุกข์ไปเสียก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นก่อนที่จะขยับตัวนะ รู้สึกตัวเสียก่อน ก็จะเห็นว่ามีแต่ทุกข์ล้วนๆเลยนะ

จิตใจนี้ก็เหมือนกันนะ คอยรู้ทันบ่อยๆจะเห็นว่ามีแต่ทุกข์ล้วนๆเลย ถ้าเห็นว่ามีแต่ทุกข์ล้วนๆเมื่อไหร่ก็ข้ามโลกได้แล้วนะ ถ้ายังเห็นว่าทุกข์บ้างสุขบ้างก็ไปไหนไม่รอดหรอก

ก็ฝึกเอานะ ขั้นแรกเลย รักษาศีล อุตส่าห์แต่งขาวๆน่ะ อย่าปากร้ายนะ ปากร้ายนี้มันมาจากใจร้ายก่อน ใช่ม้้ย แล้วมันลดลงมา เพราะฉะนั้นเรามีศีลไว้ก่อนนะ ต่อไปเราก็มาฝึกใจให้สงบ กายสงบวาจาสงบแล้วด้วยศีล ฝึกให้ใจสงบด้วยสมาธิ แล้วก็ขั้นสุดท้ายฝึกให้จิตเกิดปัญญาด้วยวิปัสสนา กิเลสมี ๓ ขั้นนะ กิเลสอย่างหยาบเนี่ยคือ โลภ โกรธ หลง ของหยาบที่สุด สู้ด้วยศีลนะ กิเลสอย่างกลางชื่อนิวรณ์ สู้ด้วยสมาธิ ใจอยู่กับเนื้อกับตัว ใจไม่ฟุ้งไป จิตมีสมาธิ นิวรณ์ครอบงำไม่ได้ กิเลสที่ละเอียดที่สุดนะ คือความเห็นผิด คืออวิชา ความเห็นผิด คือมิจฉาทิฎฐิ เราสู้ด้วยความเห็นถูก รู้ลงในกายรู้ลงในใจดูว่าจริงๆมันเป็นอย่างไร จริงๆมีแต่ทุกข์นะ ดูไป เอ้า..เท่านี้เนาะ เทศน์แค่นี้ก็ถึงนิพพานแล้วล่ะ เหลือแต่ทำเอา ก่อนจะถึงนิพพาน ศีล ๕ ก่อนเน่อ เดี๋ยวหลวงพ่อต้องไปแล้วล่ะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่เกาะสีชัง จ.ชลบุรี
เมื่อวันจันทร์ที่ ๘ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๓

File: 530308
Whole track

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สิ่งใดที่ถูกรู้ถูกดู จิตจะรู้สึกได้เอง ว่าไม่ใช่ตัวเรา

mp3 for download : สิ่งใดที่ถูกรู้ถูกดู จิตจะรู้สึกได้เอง ว่าไม่ใช่ตัวเรา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ : อย่างที่หลวงพ่อสอนแยกธาตุแยกขันธ์ ก็แยกออกไป รูปส่วนรูป พอแยกรูปออกไปปุ๊บ รูปไม่ใช่เราแล้ว เวทนาแยกออกไป เวทนาไม่ใช่เรา สัญญาแยกออกไป สัญญาไม่ใช่เรา สังขารวิญญาณแยกออกไป ไม่มีเราแล้ว เพราะฉะนั้นความที่ขันธ์ ๕ มารวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน หรืออายตนะ ๖ มารวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนเนี่่ย อยู่ด้วยกันนะ สัญญาจะเข้าไปหมายว่ามีตัวเราขึ้นมา ถ้ามันแตกออกแล้วจะไปหมายว่าเป็นเราไม่ได้

ยกตัวอย่างพัดอันนี้ ใครรู้สึกว่าพัดเป็นตัวเราบ้าง มีมั้ย ไม่มีหรอก เพราะอะไร เพราะพัดเป็นสิ่งที่เราไปรู้เข้า เรายกมือของเราขึ้นมาดู ลองดูมือตัวเราเองซิ รู้สึกมั้ยว่ามือเป็นเรา ถ้าไม่คิดไม่เป็นหรอก ถ้าไม่คิดไม่เป็นหรอก ถ้าเราค่อยๆสังเกต ร่างกายอยู่ส่วนหนึ่ง จิตเป็นคนดู ตัวเราจะหายไปแล้ว ถ้าร่างกายอยู่ส่วนหนึ่ง จิตเป็นคนดูเนี่ย ร่างกายจะไม่เป็นเราอีกต่อไปแล้ว เพราะอะไร เพราะว่าอะไรก็ตามที่ถูกรู้ถูกดูเนี่ย จะไม่ถูกรู้สึกว่าเป็นตัวเราอีกต่อไปแล้ว ยกตัวอย่างเห็นพัดเนี่ย พัดเป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู พัดไม่ใช่เราแล้ว ร่างกายเป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู

แต่ถ้าจิตไม่ตั้งมั่นออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดูนะ ดูไปปุ๊บมันจะกลายเป็นร่างกายของเราแล้ว มันไปรวมเป็นก้อนเดียวกันแล้วก็มีตัวเราขึ้นมา แต่ถ้าไอ้ก้อนนี้แตกออก ขันธ์นี้แตกออกเป็นส่วนๆ ร่างกายก็คือส่วนของร่างกายเป็นส่วนของรูป ความรู้สึกสุขทุกข์ก็ส่วนของความรู้สึกสุขทุกข์ จิตเป็นคนไปรู้สุขรู้ทุกข์เข้า สุขทุกข์ก็ไม่ใช่เรา ความจำได้หมายรู้ จิตก็เป็นคนไปรู้มันเข้า มันก็ไม่ใช่เรา สังขารคือความปรุงดีปรุงชั่ว จิตไปรู้มันเข้า มันก็ไม่ใช่เรา

จิตที่เกิดดับทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ มีจิตอีกตัวหนึ่ง(ที่เกิดขึ้นตามหลังไปติดๆ – ผู้ถอด)ไปรู้ จะรู้เลยว่าจิตที่เวียนเกิดทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ท่านเรียกว่า “วิญญาณ” วิญญาณเป็นการหยั่งรู้อารมณ์ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ท่านเรียกว่าวิญญาณนะ ทำไมเป็นวิญญาณขันธ์ วิญญาณน่ะไม่ใช่ตัวเรา เป็นสิ่งที่ถูกรู้อีก มันก็เกิดแล้วก็ดับไป เกิดแล้วก็ดับไป ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ยกตัวอย่างเวลาเราสังเกตกายใจนะ เดี๋ยวก็วิ่งไปดู เดี๋ยวก็วิ่งไปฟัง เดี๋ยวก็วิ่งไปคิด ดูก็ดูแว้บเดียว แล้วก็มาคิด

คิดก็คิดหน่อยหนึ่ง บางทีก็คิดยาว คิดมากกว่าดูนะ คิดมากกว่าดู คิดมากกว่าฟัง เพราะฉะนั้นที่ว่าพอฟังแล้วเราเข้าใจน่ะ อันนี้คิดเอาเองเกือบทั้งหมดเลย ระหว่างฟังกับคิดเนี่ย คิดมากกว่าฟัง ระหว่างดูกับคิดนะ คิดมากกว่าดูเสียอีก ดูนิดเดียวเอามาคิดตั้งยาว เพราะฉะนั้นมันมี Bias (ความลำเอียงหรืออคติ-ผู้ถอด) อยู่แล้วล่ะ ความรู้ที่เกิดจากการคิดเอา มันมีกิเลสซ่อนอยู่

เนี่ยเราค่อยๆดูนะ เราจะเห็นเลย จิตก็เกิดไปทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ร่างกายก็ถูกรู้ถูกดู จิตก็ถูกรู้ถูกดู อะไรๆก็ถูกรู้ถูกดู ตัวเราไม่มี


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๓๒ ถึงนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๔๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การพิจารณาไตรลักษณ์เมื่อดูจิตดูนามธรรม

mp3 for download : การพิจารณาไตรลักษณ์เมื่อดูจิตดูนามธรรม

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ :เวลาสอนไตรลักษณ์เกี่ยวกับนามธรรมนะ ท่านจะสอนอนิจจังกับอนัตตา ท่านโดด บางทีโดดข้ามทุกขังไปเฉยๆเลย เพราะอะไร เพราะว่านามธรรมนี้ ตัวที่เด่นคือตัวอนิจจังกับอนัตตา แต่ถ้าดูรูปธรรมนะ ตัวที่เด่นคือตัวทุกขัง มันถูกบีบคั้น นั่งอยู่ก็ถูกบีบคั้น ทำให้นั่งต่อไปไม่ได้ เดินอยู่ก็ถูกบีบคั้น ทำให้เดินต่อไปไม่ได้ นอนอยู่ก็ถูกบีบคั้น ทำให้นอนต่อไปไม่ได้ พลิกไปพลิกมา หายใจออกก็ต้องถูกบีบคั้นต้องหายใจเข้า หายใจเข้าก็ถูกบีบคั้นต้องหายใจออก เนี่ยมันถูกบีบคั้นตลอดเลยตัวรูป รูปเป็นของที่แตกสลายได้ ถูกทำลายได้ด้วยดินน้ำไฟลมอะไรพวกนี้ ส่วนนามธรรมนั้นมันเหมือนภาพลวงตา ไหวตัวขึ้นมาแว้บแล้วสลาย ไหวตัวแว้บแล้วสลาย เต็มไปด้วยของไม่เที่ยง ดูง่าย

ทำทำวัตรเช้าน่าฟังมากเลย เริ่มสอนตั้งแต่ขันธ์ ๕ มีอยู่บทหนึ่ง นึกออกมั้ย ที่สอนจำแนกขันธ์ ๕ ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือรูป ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ท่านสอนบอกว่า พระพุทธเจ้าสอนให้เราดูขันธ์นั่นแหละ ก็เห็นว่า รูปังอนิจจัง ก็เห็นตามความเป็นจริงว่า รูปํอนิจฺจํ รูปไม่เที่ยง เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง รูปํ อนตฺตา ใช่มั้ย โดดข้ามจาก รูปํ อนิจฺจํ ไป รูปํ อนตฺตา รูปังอนัตตา รูปเป็นอนัตตา เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนัตตา ท่านข้ามทุกขังไป

หลวงพ่อมองว่า ที่ท่านข้ามเพราะว่า คำสอนเรื่องขันธ์ ๕ นี้ ไปเน้นกับพวกที่ควรจะดูนาม ตัวนามที่เด่นชัดก็คืออนิจจังกับอนัตตา อันนี้ในตำราไม่มีหรอกนะ หลวงพ่อพิจารณาเอาเอง ในตำราเขาจะอธิบายอีกอย่าง ในอรรถกถาจะอธิบายไปในทำนองว่า สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นมันเป็นอันเดียวกัน ดังนั้นเมื่อไม่เที่ยงแล้วก็เลยไปอนัตตา ไม่อธิบายให้จบนี่ พระพุทธเจ้าบอกว่าสิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นเป็นอนัตตา เพราะฉะนั้นก็น่าจะเหลือแต่ไม่เที่ยง อธิบายไม่ได้ อธิบายไม่จบหรอก

ถ้าเราภาวนาเราจะรู้เลย ตัวร่างกายนี้ ตัวทุกข์นี้เด่นมากเลย เราได้อาศัยความเคลื่อนไหวนี่แหละ กลบเกลื่อนความทุกข์ไม่ให้รู้สึก พอนั่งเมื่อยแล้วขยับ นั่งเมื่อยแล้วขยับ ก็ขยับไปเรื่อยนะ นอนเมื่อยก็พลิกไปพลิกมา ไม่ทันจะเห็นทุกข์เลย หายใจออกไปยังไม่ทันจะเห็นทุกข์ก็หายใจเข้า กลบมันไว้ มันเริ่มทุกข์นิดหน่อยก็กลบมันไว้ ท่านจึงสอนบอกว่า อิริยาบถนั้นมันปิดบังทุกข์ไว้ เปลี่ยนท่าทาง หายใจออกก็เปลี่ยนเป็นหายใจเข้า หายใจเข้าก็เปลี่ยนเป็นหายใจออก ยืนแล้วก็เปลี่ยนไปเดิน ไปนั่ง ไปนอน เปลี่ยนอิริยาบถปิดบัง ทำให้ไม่เห็นทุกข์

อนิจจังนะ เราดู บางทีสติเราไม่ไวพอ เราก็นึกว่ามันคงที่อยู่ ยกตัวอย่างเราเห็นว่าจิตมีดวงเดียว จิตวิ่งไปทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ จิตวิ่งไปแล้วก็วิ่งกลับมา วิ่งไปแล้วก็วิ่งกลับมา ใครเห็นจิตวิ่งไปวิ่งมาได้บ้าง ยกมือสิยกมือ เห็นจิตวิ่งพรึ่บไปแล้วก็กลับมา วิ่งพรึ่บไปแล้วก็กลับมา เห็นถูกมั้ย เห็นถูก แต่ยังถูกไม่เต็มที่ สันตติไม่ขาด ก็เลยยังเห็นว่าจิตเที่ยงอยู่ ถ้าสันตติขาดเราจะเห็นว่า จิตเกิดที่ตาแล้วก็ดับลงที่ตา จะเกิดจิตอีกดวงหนึ่งขึ้นที่ใจ เกิดที่ใจแล้วก็ดับลงที่ใจ แล้วอาจจะเกิดจิตอีกดวงหนึ่งที่หูก็ได้ ที่ตา ที่จมูก ที่ลิ้น ที่กาย ที่ใจ จิตคนละดวงกัน เกิดแล้วก็ดับไป เกิดแล้วก็ดับไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๓๖ ถึงนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กรรมฐานและไตรลักษณ์ ต้องเลือกไปตามความถนัด

mp3 for download : กรรมฐานและไตรลักษณ์ ต้องเลือกไปตามความถนัด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ :เวลาเราพูดถึงรูปนะ เวลาดูรูป ตัวทุกข์เนี่ยจะเด่น รูปธรรมนั้นตัวทุกข์จะเด่น นามธรรมนะ อนิจจัง อนัตตา จะเด่น คนที่ทำกรรมฐานที่เหมาะแก่การดูรูปเนี่ย พระพุทธเจ้าท่านจะสอนเรื่องอายตนะให้ คนที่ทำกรรมฐานที่เหมาะกับการดูนาม พระพุทธเจ้าท่านจะสอน

เรื่องขันธ์ ๕ ให้ มันก็อันเดียวกันนะ เป็นการแยกสิ่งที่เรียกว่า “ตัวเรา” ออกเป็นส่วนๆ ถ้าเป็นพวกที่ชำนาญในรูปธรรมนะ ท่านจะแยกออกไปเป็น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตาหูจมูกลิ้นกายเป็นรูป มีใจเป็นนามอันเดียว ส่วนใหญ่ที่ให้ดูเป็นรูป แต่ถ้าเป็นพวกถนัดนาม ท่านจะสอนขันธ์ ๕ รูป รูปเป็นตัวรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นนามธรรม มีนามมาก มีรูปน้อย ดูนามมาก

เวลาสอนไตรลักษณ์เกี่ยวกับนามธรรมนะ ท่านจะสอนอนิจจังกับอนัตตา ท่านโดด บางทีโดดข้ามทุกขังไปเฉยๆเลย เพราะอะไร เพราะว่านามธรรมนี้ ตัวที่เด่นคือตัวอนิจจังกับอนัตตา แต่ถ้าดูรูปธรรมนะ ตัวที่เด่นคือตัวทุกขัง มันถูกบีบคั้น นั่งอยู่ก็ถูกบีบคั้น ทำให้นั่งต่อไปไม่ได้ เดินอยู่ก็ถูกบีบคั้น ทำให้เดินต่อไปไม่ได้ นอนอยู่ก็ถูกบีบคั้น ทำให้นอนต่อไปไม่ได้ พลิกไปพลิกมา หายใจออกก็ต้องถูกบีบคั้นต้องหายใจเข้า หายใจเข้าก็ถูกบีบคั้นต้องหายใจออก เนี่ยมันถูกบีบคั้นตลอดเลยตัวรูป รูปเป็นของที่แตกสลายได้ ถูกทำลายได้ด้วยดินน้ำไฟลมอะไรพวกนี้ ส่วนนามธรรมนั้นมันเหมือนภาพลวงตา ไหวตัวขึ้นมาแว้บแล้วสลาย ไหวตัวแว้บแล้วสลาย เต็มไปด้วยของไม่เที่ยง ดูง่าย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๓๓ ถึงนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๓๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ไตรลักษณ์ เป็นสิ่งที่เนื่องกันหมด

mp3 for download : ไตรลักษณ์ เป็นสิ่งที่เนื่องกันหมด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ :>พวกเรามาหัดดูสภาวะไป ในขั้นของการเจริญปัญญาเนี่ย ดูสภาวธรรม รูปธรรมก็ได้นามธรรมก็ได้ เราดูแล้วจะเห็น สภาวะทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เป็นอันเดียวกันนะ มันเนื่องกันหมดแหละ ของไม่เที่ยงก็คือ ของมันมีแล้วมันก็ไม่มี ของที่มันมีอยู่ ก็บีบคั้นให้สลายตัว นี่ล่ะเป็นทุกข์ สิ่งทั้งหลายจะมี จะตั้งอยู่ หรือว่าสลายตัวไป ล้วนแต่บังคับไม่ได้ เป็นอนัตตา มันเนื่องกันหมด

เวลาเราพูดถึงรูปนะ เวลาดูรูป ตัวทุกข์เนี่ยจะเด่น รูปธรรมนั้นตัวทุกข์จะเด่น นามธรรมนะ อนิจจัง อนัตตา จะเด่น คนที่ทำกรรมฐานที่เหมาะแก่การดูรูปเนี่ย พระพุทธเจ้าท่านจะสอนเรื่องอายตนะให้ คนที่ทำกรรมฐานที่เหมาะกับการดูนาม พระพุทธเจ้าท่านจะสอนเรื่องขันธ์ ๕ ให้ มันก็อันเดียวกันนะ เป็นการแยกสิ่งที่เรียกว่า “ตัวเรา” ออกเป็นส่วนๆ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๕๗ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

แต่ละส่วนนั้นไม่มีตัวเราตรงไหนเลย มีแต่ของที่เกิดขึ้นแล้วดับไปทั้งสิ้นเลย

mp3 for download : แต่ละส่วนนั้นไม่มีตัวเราตรงไหนเลย มีแต่ของที่เกิดขึ้นแล้วดับไปทั้งสิ้นเลย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :เนี่ยเฝ้ารู้ลงมานะ ค่อยๆแยกขันธ์ไป หัดแยกเป็นส่วนๆไป ร่างกายก็ส่วนหนึ่ง ความสุขความทุกข์ก็เป็นส่วนหนึ่ง ความจำได้หมายรู้เป็นส่วนหนึ่ง ความปรุงดีปรุงชั่วเป็นส่วนหนึ่ง ความรับรู้ทางหูตามจมูกลิ้นกายใจเป็นอีกส่วนหนึ่ง คำว่าส่วนในภาษาไทยเนี่ย ตรงกับคำว่าขันธ์ในภาษาบาลี พวกเราพอได้ยินคำว่า “ขันธ์ ๕” แล้วกลัวเลยใช่มั้ย อะไรก็ไม่รู้ ขันธ์ ๕ ถ้าจะยากมาก ขันธ์แปลว่าส่วน แปลว่ากอง ภาษาอังกฤษแปลว่า Division ด้วยซ้ำไป เป็นกองๆนะ เป็นส่วน คล้ายๆแต่ละส่วนงานอะไรอย่างนี้

แต่ละส่วนก็มีหน้าที่เฉพาะของตัวเอง แต่ละส่วนนั้นไม่มีตัวเราตรงไหนเลย มีแต่ของที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทั้งสิ้นเลย เนี่ยเราค่อยๆมาแยกนะ สิ่งที่เรียกว่าตัวเรา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560511A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๐
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๓๒ ถึงนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๒๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิต ใจ วิญญาณ คือสิ่งเดียวกัน

mp3 for download : จิต ใจ วิญญาณ คือสิ่งเดียวกัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :การเจริญปัญญานะ เราตามดูตามดูสภาวะที่มันเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ตามรู้ตามดูในรูปธรรมนามธรรมที่มันเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง เราตามรู้ตามดูไปเรื่อย ปัญญาก็ค่อยๆสะสมขึ้น ต่อไป เบื้องต้น มันจะได้ปัญญา มันจะเห็นความจริงว่ารูปธรรมนี้ไม่ใช่เราหรอก มันเป็นรูปธรรมไม่ใช่ตัวเราร่างกายนี้ นามธรรมทั้งหลายก็ไม่ใช่ตัวเรา มันไม่ใช่เรา ก็เป็นแค่สภาวธรรม เป็นนามธรรม เป็นเวทนาบ้าง คือความสุขความทุกข์เป็นความไม่สุขไม่ทุกข์บ้าง เป็นสัญญาคือความจำได้หมายรู้บ้าง เป็นสังขารคือความปรุงดีปรุงชั่วบ้าง ปรุงไม่ดีไม่ชั่วบ้าง เป็นวิญญาณคือการรับรู้ทางตา การรับรู้ทางหู การรับรู้ทางจมูก การรับรู้ทางลิ้น การรับรู้ทางกาย การรับรู้ทางใจ

วิญญากับจิตนั้นอันเดียวกันนะ คำว่าจิต คำว่าวิญญาณ คำว่าใจ คือสิ่งเดียวกันนั้นแหละ คือ ธรรมชาติที่รู้อารมณ์ แต่ทำไมมีหลายชื่อ เวลาทำหน้าที่นี้ก็เรียกอย่างนี้ เวลาทำหน้าที่นี้ก็เรียกอย่างนี้ ทำหน้าที่รับรู้อารมณ์ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจก็เรียกว่า “วิญญาณ” วิญญาณทางตา (จักขุวิญญาณ – ผู้ถอด) วิญญาณทางหู (โสตวิญญาณ – ผู้ถอด) วิญญาณทางจมูก (ฆานวิญญาณ – ผู้ถอด) วิญญาณทางลิ้น (ชิวหาวิญญาณ – ผู้ถอด) วิญญาณทางกาย (กายวิญญาณ – ผู้ถอด) วิญญาณทางใจ (มโนวิญญาณ – ผู้ถอด) ถ้ามันเป็นจิตนะ ก็จะทำงานพิศดารมากกว่าการรับรู้ (หมายเหตุ คำว่า พิศดาร ตามคำแปลที่แท้จริง แปลว่า “โดยละเอียด” – ผู้ถอด) ก็เรียกว่าจิต ก็ทำได้สารพัดเลย ส่วนใจ ทำหน้าที่รับรู้ธรรมารมณ์ (ธรรมารมณ์คืออารมณ์ที่เกิดขึ้นทางใจ) ก็คือจิตนั่นแหละ จิตที่ไปรับรู้ธรรมารมณ์ก็เรียกว่าใจ ถ้าไปกระทบธรรมารมณ์นะ ตรงที่กระทบและรับรู้การกระทบนั้น เรียกว่าวิญญาณ ตรงที่กระทบแล้วเสวยอารมณ์นะ เกิดสุขเกิดทุกข์เกิดดีเกิดชั่ว เรียกว่าจิต ตัวเดียวกันนั่นแหละ คือ ธรรมชาติที่รู้อารมณ์นะ เพียงแต่ว่าถ้าเกิดมาทำหน้าที่นี้ ก็จะเรียกอย่างนี้แล้วดับไป แล้วก็เกิดมาทำหน้าที่นี้แล้วก็ดับไป แต่จริงๆก็คือจิตที่เกิดดับอยู่ทางทวารทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560511A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๐
ระหว่างนาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๔๗ ถึงนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๕๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พรหมลูกฟัก เจริญวิปัสสนาไม่ได้

mp3 for download : พรหมลูกฟัก เจริญวิปัสสนาไม่ได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :เนี่ยมันมีการที่ทำให้เราเสียความเป็นมนุษย์ธรรมดาของเราไป ไปเป็นพรหมนิ่งๆว่างๆก็มี ไปเป็นพรหมแบบไม่มีจิตเลยก็มี บางทีไปเป็นพรหมที่ไม่มีร่างกาย มีจิตแต่ไม่มีร่างกายก็มี แต่นี่ไม่แปลกอะไร เวลาที่เรานั่งสมาธิไป บางทีร่างกายก็หายไป เหลือแต่จิต อันนี้ถ้าเราดูจิตเป็นเราก็เดินปัญญาต่อได้ อันนี้ไม่มีปัญหา คือขอให้มีจิตนะ แล้วก็ยังมีสัญญาอยู่

พระสารีบุตรน่ะสอนเอาไว้บอกว่า ถ้ายังเป็นสัญญาอยู่ ยังมีสัญญาอยู่ สัญญาสมาบัติอะไรอย่างนี้ ก็ยังเดินวิปัสสนาได้ แต่ถ้าดับลงไปนะ เป็นพรหมลูกฟัก พรหมลูกฟักก็คืออสัญญสัตตาพรหม ทำวิปัสสนาไม่ได้ ไปคิดว่าเป็นพระอรหันต์เป็นนิพพานเสียอีก คนละเรื่องเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560511A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๐
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๒๘ ถึงนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๕๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อมีความอยากก็มีความยึดถือ มีความยึดถือก็มีความทุกข์

mp3 for download : เมื่อมีความอยากก็มีความยึดถือ มีความยึดถือก็มีความทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :อะไรเป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน ก็ตัณหา-ความอยาก เป็นปัจจัยให้เกิดความยึดถือ เพราะอยากถึงยึด เพราะเขามีความอยากจึงมีความยึด ความอยากนั้นเกิดจากว่า เรารู้สึกว่านำความสุขมาให้ หรือไม่นำความทุกข์มาให้ สิ่งที่มากระทบเรานี้

ถ้าเรารู้สึกว่ามันนำความสุขมาให้ เราก็อยากให้มันอยู่นานๆ หรือหากมันยังไม่มาก็อยากให้มันมา มันมาแล้วก็อยากให้มันอยู่ตลอด ถ้ารู้สึกว่ามันนำความทุกข์มาให้ เราก็อยากให้มันไม่มา มาแล้วก็อยากให้มันไปเร็วๆ ตัวเวทนานะ ความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ก็เลย เป็นปัจจัยให้เกิดความอยาก พอมันสุขก็อยากให้มันมา มาแล้วก็อยากให้มันอยู่นานๆ มันทุกข์ขึ้นมา ก็อยากให้มันไม่มา ถ้ามันมาก็อยากให้มันไปเร็วๆ

อาศัยเวทนานะเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา อาศัยตัณหาคือความอยากก็ทำให้เกิดความยึด มีความยึดขึ้นมานะ ก็ไปหยิบฉวยเอาตัวทุกข์ขึ้นมา กายนี้ใจนี้โดยตัวของมันเองนะ เป็นตัวทุกข์

สติปัญญาของเราไม่พอที่จะเห็นว่ามันเป็นตัวทุกข์ เราเห็นว่ามันเป็นของดีของวิเศษเราจึงเข้าไปยึดมัน แต่ถ้าวันใดเราเห็นความจริงว่ากายนี้ใจนี้เป็นตัวทุกข์ เห็นของไม่ใช่ของดีของวิเศษอย่างที่เคยนึกเคยคิดไว้ ถ้าเห็นความจริงตรงนี้ได้นะ ความยึดถือจะหมดไป ความอยากความยึดก็จะหมดไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๑๐ ถึงนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๑๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตเรียกว่าวิญญาณขันธ์ เพราะหยั่งรู้ลงใน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

mp3 for download :จิตเรียกว่าวิญญาณขันธ์ เพราะหยั่งรู้ลงใน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : พยายามแยกไป ร่างกายอยู่ส่วนร่างกาย เวทนาคือความรู้สึกสุขทุกข์อยู่ส่วนของเวทนา สังขารคือความปรุงดีปรุงชั่ว เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็อยู่ส่วนของ ความโลภ ความโกรธ ความหลง จิตที่เป็นผู้รู้ผู้ดูก็อยู่ส่วนจิต

จิตก็ไม่ได้เป็นผู้รู้อยู่ตลอดเวลา บางทีก็เป็น ผู้นึก ผู้คิด ผู้ปรุง ผู้แต่ง บางทีจิตก็วิ่งไปดู บางทีจิตก็วิ่งไปฟัง บางทีจิตก็วิ่งไปคิด สลับไปสลับมาทางอายตนะทั้ง ๖ ท่านถึงเรียกว่า ขันธ์ ขันธ์แปลว่ากอง จิตมีดวงเดียวทำไมมีกอง เพราะจิตนี้เกิดดับสารพัดที่นะ เกิดดับได้ ๖ แห่ง เกิดดับทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ท่านเลยเรียกว่า “วิญญาณ”

วิญญาณเป็นความหยั่งรู้อารมณ์ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันมีเยอะแยะ เดี๋ยวไปรู้ที่ตา เดี๋ยวไปรู้ที่หู สลับไปเรื่อยๆ ก็เลยรวมเป็นขันธ์ๆหนึ่งขึ้นมา เป็นวิญญาณขันธ์ ความรับรู้อารมณ์ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

ถ้ารับรู้อยู่ในธรรมธาตุอันเดียว ก็ไม่ได้เป็นขันธ์หรอก ก็เป็นธรรมไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒o เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

File: 550120
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
ระหว่างนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๒ ถึงนาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๑๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เริ่มหัดภาวนา อย่าไปยุ่งหรือดัดแปลงสัญญาขันธ์

mp3 for download : เริ่มหัดภาวนา อย่าไปยุ่งหรือดัดแปลงสัญญาขันธ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : นี่เป็นการหัดแยกขันธ์นะ แยกขันธ์ออกเป็นส่วนๆ รูปขันธ์ก็อยู่ส่วนหนึ่ง เวทนาขันธ์อยู่ส่วนหนึ่ง สังขารขันธ์อยู่ส่วนหนึ่ง วิญญาณขันธ์อยู่ส่วนหนึ่ง ทำไมหลวงพ่อไม่พูดถึงสัญญาขันธ์ สัญญาอย่าเพิ่งไปยุ่ง สัญญาของเราตอนนี้เป็นสัญญาวิปลาส พวกเราตอนนี้ สัญญาเพี้ยนอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไปยุ่งกับมัน ตอนนี้

สัญญาเพี้ยนอย่างไร มันเห็นของไม่เที่ยงว่าเที่ยง ยกตัวอย่างนะจิตใจของเราเกิดดับอยู่ตลอดเวลา เราไปเห็นว่าในนี้มีเราอยู่คนหนึ่ง คนนี้กับตอนเด็กๆก็คนเดิม คนนี้ในวันนี้กับคนนี้ในวันพรุ่งนี้ก็ยังเป็นคนเดิม เราไปเห็นของไม่เที่ยงว่าเที่ยง เห็นของทนอยู่ไม่ได้ว่าทนอยู่ได้ เห็นของบังคับไม่ได้ว่าบังคับได้ รู้สึกมั้ยว่าร่างกายมันเป็นของเรา เราสั่งได้ รู้สึกอย่างนี้ สั่งได้ไม่ตลอดหรอก

เพราะฉะนั้นสัญญาของเรายังเพี้ยนอยู่ ตอนนี้ปล่อยไปก่อน พามันดูในของจริง ในรูป ในเวทนา ในสังขาร ในจิต พามันดูของจริงตัวนี้ให้มากนะ ต่อไปพอจิตมันฉลาดขึ้นมาสัญญามันก็ถูก สัญญาตอนนี้วิปลาส ต่อไปไม่วิปลาส มันยอมรับความจริงว่า เออ.. ขันธ์ทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง เนี่ยหายวิปลาสแล้ว ขันธ์ทั้งหลายเป็นทุกข์ นี่หายวิปลาสแล้ว ขันธ์ทั้งหลายไม่ใช่ตัวเรา หายวิปลาสแล้ว เพราะฉะนั้นสัญญาแขวนมันเอาไว้ก่อน

บางคนไปใจร้อนนะ พยายามไปดัดแปลงสัญญา เคยมีนะ คนหนึ่ง เห็นโต๊ะเรียกเก้าอี้ เห็นสีเหลืองเรียกสีแดง สุดท้ายสติแตกเลย ไม่รู้จักสมมุติบัญญัติของโลกนะ ใช้ไม่ได้นะอย่างนั้นเพี้ยน อย่าไปทำอย่างนั้น

เราดูลงไปในสติปัฏฐานใช่มั้ย ท่านสอนเรื่องกาย เรื่องเวทนา เรื่องจิต เรื่องธรรม แต่ในธรรม (หมายถึง ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน – ผู้ถอด) จึงค่อยมีตัวสัญญาอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นตอนนี้เว้นไว้ก่อน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒o เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

File: 550120
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
ระหว่างนาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๕ ถึงนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๑๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คำว่า “อารมณ์” ในพระพุทธศาสนา หมายถึงสิ่งที่ถูกรู้

mp3 (for download) : คำว่า “อารมณ์” ในพระพุทธศาสนา หมายถึงสิ่งที่ถูกรู้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : มันจะมีสองอย่างเกิดร่วมกัน ก็คือจิต ซึ่งเป็นผู้รู้ กับอารมณ์ คำว่าอารมณ์เนี่ยเป็นศัพท์เฉพาะเป็นเทคนิคอลเทอมของพระพุทธเจ้านะ คำว่าอารมณ์ไม่ใช่ Emotion อารมณ์หมายถึง Objective หมายถึงสิ่งที่จิตไปรู้เข้า

เพราะฉะนั้นมันจะมีผู้รู้ กับสิ่งที่ถูกรู้ มี Ojectvie กับ Subjective จะมี ๒ ตัว เกิดร่วมกันเสมอ ไม่เกิดตัวเดียวหรอก เราพยายามแยก ๒ ตัวนี้ออกจากกัน ร่างกายยืนเดินนั่งนอนนี้เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า จิตซึ่งเป็นคนที่ไปรู้ร่างกายที่ยืนเดินนั่งนอนนั้น เป็นคนละส่วนกับร่างกาย ค่อยๆหัดอย่างนี้

นั่งไปนานมันปวดมันเมื่อยก็เห็นอีก ความปวดความเมื่อยเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า ความปวดความเมื่อยไม่ใช่ร่างกาย ร่างกายมันนั่งมาก่อน ความปวดความเมื่อยมันมาทีหลัง เพราะฉะนั้นเป็นคนละอันกัน ความปวดความเมื่อยไม่ใช่ร่างกายหรอก และความปวดความเมื่อยก็ไม่ใช่จิต เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า พอมันปวดก็อย่าเพิ่งขยับ นั่งดูมันไปเรื่อย หัดแยกไป ร่างกายอยู่ส่วนหนึ่งความปวดความเมื่อยอยู่ส่วนหนึ่ง จิตเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ส่วนหนึ่ง อย่าเพิ่งเปลี่ยนอิริยาบถ อดทนไว้ก่อน อยากได้ของดีเบื้องต้นทนไว้หน่อย

พอนั่งไปนานมันปวดมากนะ ใจมันเริ่มทุรนทุราย ใจมันเริ่มกระสับกระส่าย เริ่มกังวล นั่งนานๆจะเป็นอัมพาตมั้ย นั่งนานๆถ้าจะไม่ดี อะไรอย่างนี้ เปลี่ยนอิริยาบถเสียเถิด หลวงพ่อปราโมทย์บอกให้ทางสายกลาง นั่งนานไปทรมานเป็นอัตตกิลมถานุโยค นี่กิเลสหลอกทั้งนั้นเลย จิตมันดิ้นรนแล้ว ความฟุ้งซ่านของจิตมันเกิด พอมันเจ็บปวดมากๆนะ จิตมันฟุ้งซ่าน เราก็ดูลงไป ความฟุ้งซ่านเนี่ย ไม่ใช่ความเจ็บปวด ความเจ็บปวดมันอยู่ที่ร่างกาย ความฟุ้งซ่านมันอยู่ที่ใจเรา เพราะฉะนั้นความเจ็บปวดกับความฟุ้งซ่านเป็นคนละขันธ์กัน คนละอันกัน ความฟุ้งซ่านไม่ใช่ร่างกาย ไม่ใช่ความเจ็บปวด ไม่ใช่เวทนา ไม่ใช่จิต แต่เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒o เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

File: 550120
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๕ ถึงนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๒๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พระโสดาบันจะเห็นว่าไม่อะไรที่เป็นตัวเราถาวร

mp3 (for download) : 551208A.26m03-27m57

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เอาให้ได้โสดาฯก่อนนะ อย่าใจร้อน จะได้โสดาฯ โสดาฯเห็นความจริงว่าตัวเราไม่มีหรอก เห็นแต่ของที่เกิดแล้วดับ ไม่มีอะไรที่เป็นอมตะถาวรที่จะเป็นตัวเราที่แท้จริง

ำว่าตัวเราๆ หมายถึงตัวเราที่ถาวร ความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา มีเป็นแว้บๆ เกิดแล้วก็ดับไป แต่ว่าความสำคัญมั่นหมาย สัญญาที่ผิดๆ สำคัญมั่นหมายว่ามีตัวเราถาวร ถ้าเป็นพระโสดาฯก็ล้างความสำคัญมั่นหมายผิดๆนี้ได้ เพราะได้เห็นความจริงแล้วว่าไม่มีอะไรถาวรเลย

รูปธรรมทั้งหลายก็ไม่ถาวร เวทนาความสุขความทุกข์ทั้งหลายก็ไม่ถาวร ความจำได้หมายรู้ทั้งหลายก็ไม่ถาวร ความปรุงดีปรุงชั่ว กิเลสทั้งหลาย ก็ไม่ถาวร จิตใจก็ไม่ถาวร เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยววิ่งไปทางตาทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายทางใจ จะเห็นอยู่อย่างนี้นะ

เวลาที่เราดูจิตดูใจเรานะ ถ้าคนไหนชำนาญ ชอบดูขันธ์ ถ้าชอบดูขันธ์ก็จะเห็นเลยว่า เวทนาเกิดดับ สัญญาเกิดดับ สังขารเกิดดับ จิตอยู่ต่างหาก เราก็จะเห็นว่าจิตนี้ไม่เที่ยง เพราะจิตที่สุขเกิดแล้วดับ จิตที่ทุกข์เกิดแล้วดับ จิตที่โลภโกรธหลงเกิดแล้วดับ อย่างนี้สำหรับพวกที่ถนัดดูขันธ์นะ

ถ้าพวกที่ชำนาญดูอายตนะนั้นก็จะเห็นเลย จิตที่เกิดที่ตาเกิดแล้วก็ดับ จิตที่เกิดที่หูเกิดแล้วก็ดับ จิตที่เกิดที่จมูกที่ลิ้นที่กายที่ใจเกิดแล้วก็ดับ พวกนี้เห็นจิตเกิดดับโดยอิงเข้ากับอายตนะ แต่ว่าส่วนมากก็จะดูแค่เห็นกิเลสเห็นอะไรอย่างนั้นไป ดูไม่ค่อยถึงอายตนะเท่าไหร่ ไม่จำเป็นหรอก เอาไว้ให้คนที่เขาชอบเล่นอายตนะเขาดู


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๓ ถึงนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๕๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สังขารขันธ์

mp3 for download : สังขารขันธ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :ส่วนสังขารในขันธ์ ๕ เรียกว่า สังขารขันธ์ เป็นอีกอย่างหนึ่ง เป็นความปรุงของจิต ปรุงดีปรุงชั่ว

สังขารนั้นมีหลายอย่าง สังขารบางอย่าง อย่างกายสังขารคือลมหายใจ แยกแยะไป จิตตสังขารคืออะไร คือสัญญากับเวทนา จิตตสังขาร วจีสังขารคือวิตกวิจาร จะแยกสังขารอย่างนี้ แยกอย่างนี้เพื่อจะพูดเรื่องฌานสมาบัติ ถ้าแยกสังขารแบบนี้ กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร นี่เป็นการแยกเพื่อเป็นเรื่องของฌานสมาบัติ

ยกตัวอย่างเวลาเข้านิโรธสมาบัติ วจีสังขารดับก่อน คือหยุดความตรึกความตรองได้ก่อน ถัดจากนั้นลมหายใจดับ มันเข้าถึงฌานที่ ๔ ถัดจากนั้นสัญญาและเวทนาดับ เข้าสัญญาเวทนยิตนิโรธ สังขารที่แยกชนิดอย่างนี้นะ อย่าไปใช้ผิดที่นะ สังขารถ้าแยกแบบนี้จะนำไปใช้เพื่อฌานสมาบัติ อธิบายเรื่องการเข้านิโรธสมาบัติ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑o เดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๓


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๗
File: 531010B
ระหว่างนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๔๖ ถึงนาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๕๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา เกิดขึ้นเพราะสัญญาเข้าไปหมายผิด

mp3 for download : ความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา เกิดขึ้นเพราะสัญญาเข้าไปหมายผิด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี

หลวงพ่อปราโมย์ : การดูรูปไม่ใช่ตัวเรา ดูง่ายๆว่ามันเป็นวัตถุ เป็นก้อนธาตุ มีธาตุไหลเข้ามีธาตุไหลออก ไม่ใช่ตัวเราหรอก เป็นวัตถุ ดูนามธรรมดูว่าเป็นวัตถุเป็นธาตุ ดูไม่ได้

เราดูจิตใจของเรานี้ว่าเป็นอนัตตา ดูในแง่ที่ว่าเราบังคับมันไม่ได้ สั่งให้มันสุขมันไม่สุข ห้ามทุกข์มันก็จะทุกข์ สั่งให้ดีมันก็ไม่ดี ห้ามชั่วมันก็ยังชั่วได้อีก สั่งว่าอย่าไปคิดมันก็จะยังไปคิด สั่งไม่ได้ บังคับไม่ได้จริง ไม่อยู่ในอำนาจจริง

เนี่ยเฝ้ารู้ลงไปในรูปธรรมนามธรรมทั้งหลาย ในกายในใจทั้งหลาย เห็นแต่ของไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา มีแต่มีแล้วก็หายไป มีแล้วก็หายไป ไม่มีอะไรที่เป็นตัวตนถาวร วันใดที่จิตเรายอมรับความจริงแล้วนะ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าตัวเราถาวร มีแต่การประชุมกันขึ้นมาเป็นคราวๆ มีสัญญาเข้าไปหมายผิดๆว่ามีตัวเรา

วัตถุธาตุมารวมกัน ก็มาเป็นร่างกายนี้ สัญญาเข้าไปหมายรู้ ว่าร่างกายนี้คือตัวเรา สัญญามันหมายผิดๆว่าเป็นตัวเราขึ้นมา ก็รู้สึกว่ามีตัวเราขึ้นเป็นคราวๆ ถ้าไม่หมายมันก็ไม่เป็น หมายขึ้นมาก็เป็น

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๘ ถึงนาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๓๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เห็นรูปนามตามความเป็นจริง เห็นไตรลักษณ์ของรูปนาม

mp3 for download : เห็นรูปนามตามความเป็นจริง เห็นไตรลักษณ์ของรูปนาม

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แสดงธรรม

หลวงพ่อปราโมย์ : ทีนี้เราก็มาหัดเรียนให้เห็นความจริง เราจะเห็นเลยว่า รูปทั้งหลายมีแต่ความไม่เที่ยง รูปทั้งหลายมีแต่ความเป็นทุกข์ รูปทั้งหลายมิใช่ตัวเรา เป็นแค่วัตถุเป็นแค่ก้อนธาตุ นามธรรมทั้งหลายไม่เที่ยง นามธรรมทั้งหลายทนอยู่ไม่ได้ ถูกบีบคั้นตลอดเวลา นามธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัวเรา เราบังคับไม่ได้

เวลาดูรูปไม่ใช่ตัวเรา ดูง่ายๆว่า มันเป็นวัตถุ เป็นก้อนธาตุ มีธาตุไหลเข้า มีธาตุไหลออก ไม่ใช่ตัวเราหรอก เป็นวัตถุ ดูนามธรรม ดูว่าเป็นวัตถุเป็นธาตุนั้น ดูไม่ได้ เราดูจิตใจของเราว่าเป็นอนัตตา เราดูในแง่ที่ว่าบังคับมันไม่ได้ สั่งให้มันสุขมันก็ไม่สุข ห้ามทุกข์มันก็จะทุกข์ สั่งให้ดีมันก็ไม่ดี ห้ามชั่วมันก็ยังชั่วได้อีก สั่งว่าอย่าไปคิดมันก็จะคิด สั่งไม่ได้บังคับไม่ได้จริง ไม่อยู่ในอำนาจจริง

เนี่ย เฝ้ารู้ลงไปในรูปธรรมนามธรรมทั้งหลาย ในกายในใจทั้งหลาย เห็นแต่ของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีแต่มีแล้วก็หายไป มีแล้วก็หายไป ไม่มีอะไรที่เป็นตัวตนถาวร

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๔๓ ถึงนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๕๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รูปนามเกาะกลุ่มด้วยกรรม ทำกรรมใหม่

mp3 for download : รูปนามเกาะกลุ่มด้วยกรรม ทำกรรมใหม่

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แสดงธรรม

หลวงพ่อปราโมย์ : พอจับแยกออกไปแล้วด้วยสติด้วยปัญญาอย่างแท้จริง ก็พบว่าตัวเราไม่มีหรอก มีแต่รูปธรรมนามธรรมจำนวนมาก มาประชุมร่วมกันมาทำงานร่วมกัน มีกรรมเป็นตัวผลักดันให้รูปธรรมและนามธรรมเหล่านี้มาเกาะกลุ่มกัน

เมื่อได้รูปธรรมนามธรรมมาแล้วก็ไปทำกรรมใหม่ ทำกรรมดีบ้าง ทำกรรมชั่วบ้าง ก็ส่งเสริมและเป็นปัจจัยให้เกิดรูปธรรมนามธรรมใหม่ในอนาคตต่อไปอีก ดีบ้างร้ายบ้าง ก็หมุนไปอย่างนี้เรื่อยๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๙ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ตัวเรา แท้จริงคือรูปธรรมนามธรรมจำนวนมาก มาประชุมกัน

mp3 for download : ตัวเรา แท้จริงคือรูปธรรมนามธรรมจำนวนมาก มาประชุมกัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : การที่เราหัดแยกธาตุแยกขันธ์เนี่ย เป็นวิธีการที่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ เป็นวิธีเรียนรู้ความจริง เพื่อจะมาดูว่า จริงๆแล้วตัวเราไม่มี เป็นวิธีการที่ท่านพบน่ะ ถ้าเดินตามวิธีที่ท่านบอกแล้ว เราจะรู้ว่าตัวเราไม่มี บางคนไม่เดินตามวิธีนี้ พอจิตมีสมาธิแล้วไปนั่งคิดพิจารณาร่างกาย ผมไม่ใช่เรา ขนไม่ใช่เรา เล็บไม่ใช่เรา ฟันไม่ใช่เรา หนังไม่ใช่เรา เนื้อเอ็นกระดูกไม่ใช่เรา นั่งคิดๆเอา ไม่ใช่วิธีการของพระพุทธเจ้า

วิธีของพระพุทธเจ้านี้เรียกว่า วิภัชวิธี วอแหวนสระอิ ภอสำเภา ไม้หันอากาศ ชอช้าง วิภัชชะ วิภัชชะแปลว่าแยก คล้ายๆว่าเราเห็นรถยนต์ ๑ คัน เราคิดว่ารถยนต์มีจริงๆ เราจับรถยนต์มาถอดเป็นชิ้นๆ เราจะพบว่าลูกล้อไม่ใช่รถยนต์ พวงมาลัยไม่ใช่รถยนต์ ตัวถังไม่ใช่รถยนต์ เบาะไม่ใช่รถยนต์ ถังน้ำมันไม่ใช่รถยนต์ กันชนไม่ใช่รถยนต์ เครื่องยนต์เองก็ไม่ใช่รถยนต์ แต่รถยนต์ต้องประกอบด้วยสิ่งทั้งหมดเหล่านี้มารวมกัน

สิ่งที่เรียกว่าตัวเราก็เหมือนกัน ถ้าเราแยกสิ่งที่เรียกว่าตัวเราออกไป รูปไม่ใช่ตัวเราละ เวทนาไม่ใช่ตัวเรา สัญญาไม่ใช่ตัวเรา สังขารไม่ใช่ตัวเรา วิญญาณ-ความรับรู้ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจไม่ใช่ตัวเรา คล้ายๆเราถอดรถยนต์เป็นชิ้นๆ แต่นี่เราถอดสิ่งที่เรียกว่าตัวเราเป็นชิ้นๆ เป็นส่วนๆ ส่วนของรูปธรรม ส่วนของนามธรรม รูปธรรมก็แยกออกไปได้อีก นามธรรมก็แยกออกไปได้อีก เราจะพบว่าแต่ละอย่างๆนั้นไม่ใช่ตัวเรา ไม่มีตัวเรา อันนี้ดูจากของจริงๆ

ถอดรถยนต์ก็มีรถยนต์จริงๆเอามาถอด นึกว่ามีรถยนต์อยู่ เราถอดเป็นชิ้นๆ พบว่ารถยนต์หายไป พบว่ารถยนต์นั้นเป็นการประกอบกันของวัตถุจำนวนมาก สิ่งที่เรียกว่าตัวเรา ที่เราคิดว่ามีอยู่จริงๆ พอจับแยกออกไปแล้ว ด้วยสติด้วยปัญญาอย่างแท้จริง ก็พบว่าตัวเราไม่มีหรอก มีแต่รูปธรรมนามธรรมจำนวนมากมาประชุมร่วมกัน มาทำงานร่วมกัน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๐ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๒๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อจิตตื่นแล้ว ให้แยกธาตุแยกขันธ์

mp3 for download : เมื่อจิตตื่นแล้ว ให้แยกธาตุแยกขันธ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : ในขั้นของการเดินปัญญานั้นคือขั้นรู้ทุกข์ ไม่ใช่ขั้นเสพสุข พอใจเรามีความสุข ใจเราตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานแล้ว ต้องเจริญปัญญา วิธีเจริญปัญญา ขั้นแรกสุดเลย ต้องแยกธาตุแยกขันธ์ให้เป็น ให้เห็นเลยว่า ร่างกายอยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่ส่วนหนึ่ง รูปกับนามเป็นคนละอันกัน

ถ้าสมาธิเรามาก และเราชำนาญในการดูกาย แยกกายต่อไปอีก ร่างกายก็แยกเป็นธาตุ ๔ ดินน้ำไฟลม แยกธาตุออกไป

ถ้าเราชำนาญการดูจิต เรามาแยกขันธ์ จิตใจของเราไม่ใช่อยู่ลำพัง จิตใจประกอบด้วย ความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ ความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์นี้เรียกว่า เวทนาขันธ์ ความจำได้หมายรู้เรียกว่าสัญญาขันธ์ ความปรุงดีปรุงชั่วปรุงไม่ดีไม่ชั่วเรียกว่าสังขารขันธ์

จิตที่เกิดทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เรียกว่าวิญญาณ วิญญาณทางตาคือจิตที่ไปรับรู้รูป วิญญาณทางหูคือจิตที่ไปรับรู้เสียง วิญญาณทางทวารทั้ง ๖ ไม่ได้มีจิตดวงเดียว คือจิตเกิดดับทางทวารทั้ง ๖ เรียกจักขุวิญญาณจิต โสตวิญญาณจิต เป็นมโนวิญญาณ จิตเกิดทางใจ รับรู้อารมณ์ทางใจ เช่นเรื่องราวที่เราคิด

เพราะฉะนั้นจิตไม่ได้มีดวงเดียว เป็นกลุ่มเป็นกองเหมือนกัน เรียกว่า วิญญาณขันธ์ เป็นกองของวิญญาณ กลุ่มของวิญญาณ แต่เวลามันเกิด มันเกิดทีละตัว เกิดทีละดวง เรามาแยก

พอใจเราเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานแล้ว แยกร่างกายกับใจออกจากกัน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๓๘ ถึงนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๓๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตนิ่งๆทื่อๆ จะบอกว่าเป็นพระโสดาบัน นั้นไม่ใช่

mp3 for download : จิตนิ่งๆทื่อๆ จะบอกว่าเป็นพระโสดาบัน นั้นไม่ใช่

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : แต่ต้องภาวนา ภาวนาเรื่อยๆ เรื่อย ถึงวันหนึ่งเราก็เห็น ขั้นแรกเราเห็นก่อนว่าขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวเรา รูปธรรมนามธรรมนี้ไม่ใช่เรานะ พอเห็นอย่างนี้ได้ จิตใจยอมรับได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เห็นว้อบแว้บๆ เดี๋ยวก็เป็นเรา เดี๋ยวก็ไม่เป็นเรา บางคนบอกเป็นพระโสดาฯนะ หลวงพ่อบอก ใจเย็นๆ โสดาฯองค์นี้ใจเย็นๆ ดูไปสัก ๓ เดือน เผลอๆมีเราขึ้นมามั้ย บางคนกลับมารายงาน ๓ เดือนแล้วก็ยังไม่มีเรา ก็บอกว่า อ๋อ อีกปีหนึ่งก็ไม่มีเพราะทำจิตเอาไว้อย่างนี้ จะเป็นเราอะไร ไม่คิดไม่นึก ทำจิตทื่อๆอยู่อย่างนี้

เพราะฉะนั้นหากว่าสงสัยนะ ใครเป็นพระโสดาฯหรือเปล่า แล้วเห็นว่าทำจิตทื่อๆนะ แกล้งมันเลย ให้จิตเคลื่อน พอจิตเคลื่อนนะ ไม่เป็นเราหรอก เป็นกู หนักกว่าเป็นเราอีก แต่ถ้าจิตนิ่งติดสมาธิอยู่ ดูไม่มีตัวตน

นะ เมื่อไหร่ที่ใจยอมรับความจริงนะ ว่าขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวเรา ยอมรับ ก็จะเป็นพระโสดาฯ ถ้าวันใดใจยอมรับความจริง ใจเห็นอย่างถ่องแท้ ว่าขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ หาสาระแก่นสารไม่ได้เลย ไม่ควรยึดถือนะ ยึดก็คือยึดเอาก้อนทุกข์ไว้ เหมือนถือถ่านไฟแดงๆเอาไว้ในมือ จิตมันจะสลัดขันธ์ ๕ คืนให้โลก เป็นพระพระอรหันต์

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
File 540716A
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๓๙ ถึงนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 612345...Last »