Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

สมาธิ คือ สภาวะที่จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว

mp3 for download : สมาธิ คือ สภาวะที่จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :เรามาฝึกจิตฝึกใจของเราไม่ให้ออกนอกนะ จิตเคลื่อนไปรู้ว่าจิตเคลื่อนไป รู้ จิตจะอยู่กับเนื้อกับตัว สมาธิที่แท้จริง ถ้าจะพูดง่ายๆนะ ที่ว่าความตั้งมั่นๆน่ะ ถ้าจะแปลมาเป็นภาษาไทยยุคนี้นะ ก็คือสภาวะที่จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว

พวกเราลืมเนื้อลืมตัวตลอดเวลานะ เรียกว่าไม่มีสมาธิ งั้นก็พยายามนะ ทุกวันต้องซ้อม ทุกวันต้องซ้อมไหว้พระสวดมนต์ สวดมากไม่ได้ก็สวดนิดๆหน่อยๆก็ยังดี ซ้อมไว้นะ อย่างน้อย อิติปิโสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ เอาให้ได้ แค่นี้ก็ยังดี นะโมฯได้มั้ย นะโมตัสสะฯได้มั้ย หรือ นะโมพุทธายะ นะโมอย่างโน้นอย่างนี้แล้วลืมนะโมตัสสะฯไม่ได้นะ ต้องซ้อมไว้ สวดไว้ แล้วก็นึกถึงพระพุทธเจ้า อะไรอย่างนี้นะ ใจก็จะมีความสุขขึ้นมา หายใจไป คราวนี้หายใจไปอย่างมีความสุข หายใจไปแล้วใจหนีไปคิด รู้ทัน ใจไหลไปอยู่ที่ลมหายใจแล้วรู้ทัน หายใจไปอย่างมีความสุขนะ แล้วก็รู้ทันไปเรื่อย

เบื้องต้นน่ะ ทำไมต้องไปสวดมนต์สวดอะไรก่อน เป็นการปรับให้ใจมีความสุขก่อน แต่ถ้าคนไหนขี้เกียจสวดมนต์มากเลยนะ ไปเริ่มต้นด้วยการสวดมนต์แล้วจะขี้เกียจหนัก ถ้าไม่ชอบ ใจจะไม่สงบนะ เพราะฉะนั้นเบื้องต้นทำอะไรให้มัน Relax เสียก่อน พอใจเราฟุ้งมาก วันนี้ฟุ้งมาก สวดมนต์ไม่ไหวแล้ว สวดมนต์แล้วหงุดหงิดนะ หาหนังสืออะไรมาอ่านสักเล่มหนึ่งนะ ที่ไม่ยั่วกิเลส หนังสือธรรมะ หนังสืออิงธรรมะ แต่อย่าอ่านหนังสือนิยายนะ อ่านนิยายอิงธรรมะไม่มีใครบรรลุธรรมหรอกนะ เพราะมันลุ้นพระเอกนางเอก อคติมันเกิด มันไม่เป็นกลาง ไม่ได้สมาธิจริงหรอก อ่านอย่างพุทธประวัติ ประวัติพระสาวกอะไรอย่างนี้นะ อ่านแล้วใจเคล้า ใจมีความสุขนะ พอใจมีความสุขนะ หรืออ่าน ใครเคยอ่านธรรมบทบ้าง อรรถกถาของธรรมบท ไปหาซื้อมาอ่านนะ มี ๘ เล่ม แนะนำ เป็นหนังสือแนะนำประจำปี ไปหาอ่านนะ เล่มเล็กๆหรอก เล่มขนาดพ็อกเก็ตบุ๊คเท่านั้นแหละ มีขายที่มหามกุฎ (มูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ๒๔๑ พระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรฯ ๐-๒๖๒๙-๑๔๑๗ – ผู้ถอด Google Street View) โฆษณาให้เขาด้วย ไม่ได้ตังค์หรอก หลวงพ่อยังไปซื้อมาอ่านเลย สมัยเป็นโยม อ่านไปวันละเรื่องสองเรื่องนะ เวลาที่ใจเราฟุ้งซ่านมากก็มานั่งอ่าน วันนี้มีเรื่องพระโพธิละ อะไรอย่างนี้นะ วันนี้เรื่องพระวักลิ อะไรอย่างนี้ จะมีเรื่องแบบนี้ อ่านไปแล้วใจจะมีความสุขนะ ใจจะมีความสุข ไปนั่งสมาธิต่อแป๊บเดียวสงบเลย ถ้าใจฟุ้ง…. เค้นๆ เค้นๆ ไม่สงบหรอก

เพราะฉะนั้นถ้าไหว้พระสวดมนต์ได้แล้วสงบ ก็ไหว้พระสวดมนต์ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆนะ หาหนังสือมาอ่านก็ได้ ให้ใจมันคลาย เมื่อใจมันคลายแล้วก็ค่อยมาไหว้พระสวดมนต์ มารู้ลมหายใจ แล้วก็มารู้ทันจิตไป ใจไหลแล้วรู้ ใจไหลแล้วรู้ ต่อไปจากนี้นะ ง่าย ไม่ต้องเริ่มต้นไกลเลย คิดถึงพระพุทธเจ้านิดหน่อยก็พอแล้ว ใจจะสบายมีความสุข คิดถึงพระพุทธเจ้าแล้ว นะโมตัสสะ ยังไม่ทันภะคะวะโต จิตก็สงบแล้ว เอา.. ค่อยๆฝึก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันจันทร์ที่ ๓๑ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า
File: 551231A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๕๓ ถึงนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การรักษาศีลท่ามกลางผู้ทุศีล

mp3 (for download) : การรักษาศีลท่ามกลางผู้ทุศีล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : เพราะฉะนั้นพวกเราพยายามนะ รักษาศีลใหม่ๆ คนมันหัวเราะเยาะเอานะ เพราะว่าเรารักษาศีลอยู่ท่ามกลางพวกทุศีล พวกไม่มีศีล มันหัวเราะเยาะ หรือเรานั่งสมาธิเดินจงกรม เป็นของดีของวิเศษของเรา คนมันไม่เคยภาวนามันไม่เคยรู้คุณค่า มันหัวเราะเยาะ

แต่ว่านักปฏิบัติจำนวนมากก็ทำให้คนทั่วไปเขาหัวเราะเยาะได้จริงๆ ไปทำตัวแปลกๆ ตัวประหลาดๆ เช่นนุ่งผ้าถุงไปทำงานอะไรอย่างนี้ ก็แปลกไปหน่อย สังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว หรือภาวนาผิดแล้วบ้าก็มีเยอะนะ ภาวนาเพี้ยนๆไม่รู้หลัก ทำส่งเดชไป ส่วนใหญ่เป็นเพราะไปบังคับข่มจิตทั้งนั้นเลย หรือไม่ก็สะกดจิตตัวเองไปเรื่อย.. ไม่ใช่รู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง กลายไปดัดแปลงกดข่มบังคับ ในที่สุดก็บ้า มีพฤติกรรมเพี้ยนๆ คนเข้าก็เลยไม่ค่อยเชื่อถือการปฏิบัติ

หลวงพ่อตอนเป็นโยมนะ หลวงพ่อก็ภาวนาของหลวงพ่อเรื่อยๆ จนคนเขาสงสัยว่าทำเราดูผ่องใสมาก ทำไมเราดูมีความสุขมาก พอเขาสงสัยเขาก็ค่อยมาถามนะ เราถึงค่อยบอกเขา สุดท้ายไม่ค่อยมีใครกล้าหัวเราะเยาะเราว่าเราเพี้ยน เพราะตัวเองไม่มีความสุขเท่าเรา ก็ดูแล้วสุขภาพจิตของเราดีกว่าจริงๆ

หรือถ้าเราภาวนาถูกนะ เราไม่ต้องไปโฆษณาหรอก ภาวนาถูกคนอื่นเขาก็มองเห็น เดี๋ยวเขาก็มาถามเอง แล้วก็ค่อยบอก ก็ทำให้เรามีเพื่อนที่ปฏิบัติด้วยกันมากขึ้นๆ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๑๙ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๑๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ไม่ได้ฝึกห้ามคิด ไม่ได้ฝึกข่มจิต แต่ฝึกให้รู้ตามความเป็นจริง

mp3 for download: ไม่ได้ฝึกห้ามคิด ไม่ได้ฝึกข่มจิต แต่ฝึกให้รู้ตามความเป็นจริง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เราไม่ได้นั่งสมาธิให้ไม่คิดหรอก นั่งสมาธิแล้วคอยรู้ทันจิตที่มันฟุ้งไป จิตแอบไปคิดแล้วรู้ จิตแอบไปคิดแล้วรู้

ไม่ได้ฝึกห้ามมันนะ จิตเป็นอนัตตา ห้ามไม่ได้จริงหรอก ไปข่มไว้มันมีแต่ยิ่งเครียดนะ เพราะฉะนั้นเราไม่ข่มมัน เหมือนอย่างความกลัวเกิดขึ้น ความกลัวก็เป็นอนัตตา จิตที่กลัวก็เป็นอนัตตา ให้เรารู้เฉยๆนะ ไปข่มมันยิ่งกลัวหนักเข้าไปอีก ยิ่งเครียดหนักเข้าไปอีก

ของคุณที่เครียดง่าย เพราะชอบ่ข่มจิตมากไป คอยรู้นะไม่ใช่ให้ไปข่มนะ ไปฝึกตัวนี้ให้ดีเลย แล้วจะมีความสุขกว่านี้อีกเยอะเลย ไปฟังซีดีนะ จะรู้ว่า ให้รู้ ไม่ใช่ให้ไปข่มมัน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๔ เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๗

File: 531204B
ระหว่างนาทีที่ ๔๒ วินาทีที่ ๔๔
ถึงนาทีที่ ๔๓ วินาทีที่ ๒๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สงสัยก็ให้รู้ว่าสงสัย

mp 3 (for download) : สงสัยก็ให้รู้ว่าสงสัย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ศัตรูเบอร์หนึ่งของการปฏิบัตินะ ก็คือการที่เราไปหลงอยู่กับการคิดนั่นเอง พยายามจะคิดให้เข้าใจ ถ้าคิดให้เข้าใจธรรมะได้นะ พวกนักคิดก็จะบรรลุพระอรหันต์แล้ว ทำไมนักคิดบรรลุพระอรหันต์ไม่ได้ เพราะไม่เห็นสภาวะ ทำไมไม่เห็นสภาวะ เพราะมัวแต่คิด

เพราะฉะนั้นศัตรูเบอร์หนึ่งเลยนะของนักปฏิบัติน่ะ ก็คือการหลงไปอยู่ในความคิด กระทั่งการคิดว่าทำอย่างไรถึงจะปฏิบัติถูก ทำอย่างไรน้า…หลวงพ่อนี้สอนน่ะ มันแปลว่าอะไรน้า.. คิด วิเคราะห์ใหญ่นะ แปลว่าอย่างไร จะทำยังไง มีแต่ความสงสัยเกิดขึ้นแล้วเราไม่ดูสภาวะ ถ้าความสงสัยเกิดขึ้นเราเห็นเลย สภาวะของความสงสัยกำลังปรากฎอยู่ เนี่ยคือความรู้สึกที่เกิดขึ้น ความสงสัย เรารู้ว่าความสงสัยกำลงปรากฎอยู่ เราก็จะเห็นเลย ความสงสัยมันเกิดได้เองนะ เราไม่ได้สั่งให้เกิดเลย จิตมันสงสัยขึ้นได้เอง เนี่ยอันนี้ก็แสดงอนัตตาแล้ว ความสงสัยมีอยู่แล้วก็หายไป พอเรามีสติไปรู้ทัน ไม่ได้ไปคิดต่อ ความสงสัยก็ดับ โอ้..นี่แสดงไตรลักษณ์แล้ว แสดงความไม่เที่ยง

เนี่ยการปฏิบัติธรรมที่หลวงพ่อชอบสอน สงสัยให้รู้ว่าสงสัย ไม่ได้พูดเล่นนะ ไม่ใช่สำนวนเลย แต่เป็นการบอกอย่างซื่อๆ บอกอย่างตรงๆเลย สงสัยก็รู้ไปว่ากำลังสงสัยอยู่ เราก็จะเห็นเลย ความสงสัยเกิดแล้วก็ดับ ต่อไปความโกรธเกิดก็รู้ว่ากำลังโกรธอยู่ เราก็จะเห็นว่าความโกรธเกิดแล้วก็ดับ ความสุขเกิดแล้วดับ ความทุกข์เกิดแล้วดับ สุดท้ายปัญญามันพอมันก็จะเห็นว่า สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นดับ ถ้าปัญญามันแจ้งนะ จิตใจมันแจ่มแจ้งนะว่า สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นดับ นั่นแหละคือภูมิธรรมของพระโสดาบัน พระโสดาบันไม่ใช่คนคิดเก่งนะ

หลวงปู่ดูลย์สอนเลย “คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หยุดคิดถึงรู้ แต่ก็อาศัยคิด” คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ คือในขณะที่คิดอยู่นั้นน่ะ ไม่สามารถจะรู้ได้ ในขณะที่รู้ก็ไม่คิด คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หยุดคิดถึงรู้ แต่ลงท้ายท่านบอกว่า ก็อาศัยคิด แต่ก็ต้องอาศัยคิด คือเราปล่อยให้จิตมันคิดนั่นแหละ แต่พอจิตมันคิดไปแล้ว เกิดสุขให้รู้ เกิดทุกข์ให้รู้ เกิดกุศลให้รู้ เกิดอกุศลให้รู้ ให้รู้สภาวะที่เกิดขึ้นตามหลังความคิดมา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
Track: ๙
File: 550722
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๕๓ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๑๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ต้องอดทน การปฏิบัติเหมือนพายเรือทวนน้ำ

mp 3 (for download) : ต้องอดทน การปฏิบัติเหมือนพายเรือทวนน้ำ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทำไมหลวงพ่อชอบพูดว่า ไม่แยกการใช้ชีวิตกับการปฏิบัติออกจากกัน อันนั้นไม่แยกเวลา เวลาของเราต้องถือเลยว่า ชีวิตของเราเนี่ย เรามีเป้าหมายของชีวิตที่จะต้องไปให้ถึง เราเกิดมาไม่ใช่หมูหมาวัวควาย เรามีเป้าหมายในชีวิต เราเป็นมนุษย์ทั้งที เป้าหมายในชีวิตของเราคือ ต้องยกระดับจิตใจของเรา ไปสู่ความพ้นทุกข์ให้ได้ เรื่องอะไรที่เราต้องจมความทุกข์ตลอดกาล

เนี่ยเรามีเป้าหมายนะ แล้วก็ต้องมุ่งไปสู่เป้าหมายนี้ให้ได้ ต้องอดทน ต้องอดกลั้น ต้องพากเพียร ปฏิบัติเอา ตื่นนอนมา คิดเลย ไม่ใช่คิดเอา หมายถึงว่า พอตื่นนอนมา คอยรู้สึกกายรู้สึกใจเลย ที่หลวงพ่อบอกว่าการปฏิบัติไม่แยกนะ หมายถึงเวลาของชีวิตเราเนี่ยเป็นเวลาเพื่อการปฏิบัติ ส่วนการไปนอนการไปทำมาหากินที่ต้องใช้ความคิด ในเวลานอนไม่สามารถปฏิบัติธรรมได้ เวลาทำมาหากินที่ต้องใช้ความคิดเนี่ย ไม่สามารถปฏิบัติธรรมได้ เวลานั้นเป็นข้อยกเว้นตามความจำเป็น ไม่นอนก็ไม่ได้ ต้องนอน ถ้าไม่นอนเลย จิตใจฟุ้งซ่าน ร่างกายไม่แข็งแรง จิตใจไม่แข็งแรง ภาวนายาก อันนั้นเป็นข้อยกเว้นนะ

เพราะฉะนั้นชีวิตที่เหลือ ชีวิตของเราทั้งหมดนั่นแหละ เป็นชีวิตเพื่อการยกระดับจิตใจของเราขึ้นสู่ที่สูง ถ้าเราบอกว่าตอนนี้ปฏิบัติ ตอนนี้ไม่ต้องปฏิบัติ ไปเที่ยวเล่น เฮๆฮาๆ หลงโลกไปนะ ชีวิตมันพัฒนายาก พัฒนาได้นะ แต่ช้า มันเหมือนพายเรือทวนน้ำเลยนะ การปฏิบัติเนี่ย

พายเรือทวนน้ำเนี่ยจะหยุดไม่ได้ ต้องพายไปเรื่อยๆ หยุดเมื่อไหร่ถอยหลังเมื่อนั้นเลยนะ เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมเนี่ย หลวงพ่อบอกว่า ให้ทำตลอดเวลา ยกเว้นเวลาหลับ กับเวลาทำงานที่ต้องคิด อันนั้นมันจำเป็นเพื่อการดำรงชีวิตนะ เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตนี้เฉพาะหน้า ส่วนการยกระดับจิตใจนั้นน่ะ เป็นงานหลักของเราในวัฏฏสงสารนี้ ต้องยกระดับขึ้นไปเรื่อยๆ

พายเรือทวนน้ำเหนื่อยนะ แต่อดทน อดทนไป มันมีแก่ง พายแล้วทวนน้ำขึ้นไปนะ ถึงจุดหนึ่งแล้วจะมีที่พักเป็นช่วงๆไป มีที่พักอยู่ ๓ ช่วงนะ อึดๆไปนะ ช่วงแรกต้องอึดให้มากเลย เอาให้ได้โสดาฯให้ได้ก่อน พอได้โสดาฯแล้วนะ คล้ายๆ เออ..อยากพักก็พักไปเหอะ พักได้ไม่เกิน ๗ ชาติ ยังไงก็ต้องไปต่อแล้ว ทนอยู่ต่อไปที่เดียวนี้ไม่ได้แล้ว น่าเบื่อ พอได้โสดาฯแล้ว ที่เดิมนี้มันน่าเบื่อแล้ว ต้องไปข้างหน้าอีก ทนอยู่ไม่ได้จริง แล้วก็จะไม่เกิน ๗ ชาติ

เพราะฉะนั้นพวกเราที่ยังไม่ได้โสดาฯ อดทนไว้นะ ถ้าได้โสดาฯแล้ว หลวงพ่อไม่จ้ำจี้จ้ำไชแล้วล่ะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันเสาร์ที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
Track: ๑๐
File: 550804A
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๔๑ ถึง นาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตที่ฝึกดีแล้วนำความสุขมาให้

mp 3 (for download) : จิตที่ฝึกดีแล้วนำความสุขมาให้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : คำสอนของพระพุทธเจ้านะให้ประโยชน์ให้ความสุข ทั้งปัจจุบันนะ อนาคต อนาคตพวกเรายังไปไม่ถึง เราดูครูบาอาจารย์ หลวงพ่อแต่ก่อนก็เหมือนพวกเราอย่างนี้แหละ เป็นฆราวาส ทำงานหัวปักหัวปำ แต่ว่าภาวนานะ มีเวลามีโอกาสก็ไปกราบครูบาอาจารย์ผู้เฒ่าทั้งหลาย แต่ละองค์ๆทำไมดูท่านงดงาม ท่านผ่องใส ท่านงดงาม ท่านร่มเย็น เหมือนต้นโพธิ์ต้นไทรนะ พอเข้าใกล้ก็เย็นฉ่ำ

บางองค์พิการ เข้าไปกราบ หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ชอบท่านเป็นอัมพาต ลุกไม่ได้ นอนอยู่ คนก็เยอะนะ พระก็เยอะนะ เข้าไปก็มุดๆๆเข้าไป ไปเห็นองค์ท่านนอนอยู่ เขาเอาผ้าคลุมไว้นะ โผล่หน้าออกมา นึกกราบท่าน ขอกราบพระอรหันต์ ท่านลืมตาขึ้นมา พยักหน้า ดูท่านแล้วผ่องใสจังเลย สดใสจังเลย

ยกตัวอย่างเราเห็นคนเฒ่าคนแก่นะ เจ็บไข้ได้ป่วยดูไม่ได้เลยนะ เฉา เข้าใกล้ก็เฉาไปด้วยแล้ว หรืออย่างหลวงปู่สุวัจน์ก็เป็นอัมพาตนั่งอยู่บนรถเข็นไปอยู่ริมน้ำ ท่านก็พูด “โอ้ สุขแท้น้อ สุขแท้น้อ” อะไรอย่างนี้ มีความสุข ไปเจอท่านตอนที่ท่านเป็นอัมพาตแล้วท่านกลับมาจากอเมริกาอีกครั้งหนึ่ง ครั้งแรกที่เจอหลังจากท่านเป็นอัมพาต ไปที่ใกล้ๆวัดกู้ เขาเรียกว่าอะไรนะ สวนทิพย์ ก็ไปนั่งรอนะ เขาเข็นรถท่านออกมาจากห้อง โห..ดูหลวงปู่ผ่องใสจังเลย เรายังอยู่กว่าตั้งเยอะนะ แข็งแรงด้วย ยังดูมอมแมม

เนี่ย ตอนนี้เรายังมองไม่เห็นนะว่า อนาคตเราจะมีประโยชน์อย่างไร แต่ว่าเราไปเห็นครูบาอาจารย์ที่ท่านผ่านศึกมาโชกโชนแล้วเนี่ย โอ้..งามจริงๆเลย ท่านมีชีวิตอยู่อย่างที่โปร่ง เบา ผ่องใส ร่มเย็น เป็นที่พึ่งของลูกเล็กเด็กแดง นกกาทั้งหลาย มาพึ่งกัน ทำไมมีความสุขได้มากขนาดนั้น ทั้งๆที่แก่ ทั้งๆที่เจ็บ เพราะจิตที่ฝึกดีแล้วนำความสุขมาให้ เรารู้เลย โอ้..ถ้าเราฝึกไปเรื่อยๆนะ วันหนึ่งเราก็ได้ความสุขอย่างนี้มา แก่ก็สุข เจ็บก็สุข ตายก็สุขนะ

ในตำราชอบพูดถึงพระอรหันต์ ยกตัวอย่างพระพุทธเจ้า ว่าเวลาที่ท่านจะปรินิพพานท่านจะผ่องใสเป็นพิเศษเลย อันนี้ครูบาอาจารย์ที่ท่านภาวนาดีก็เป็นอย่างนั้นนะ วันที่จะมรณภาพเนี่ย จะผ่องมากเลย งามมากเลย กระทั่งหลวงปู่ดูลย์ งามจนคนรู้สึก โอ้โห..ท่านแข็งแรงอย่างนี้นะ เนี่ย ท่านจะตายท่านก็ตายอย่างมีความสุข ไมได้ตายอย่างทุรนทุราย จมความทุกข์ตายไป

เนี่ยมีประโยชน์นะ มีความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันที่เราเริ่มลงมือปฏิบัติ แค่รักษาศีลก็มีความสุข แค่ฝึกจิตให้สงบก็มีความสุข ฝึกจิตให้ตั้งมั่นก็มีความสุข หัดแยกธาตุแยกขันธ์ไปเรื่อย ตรงนี้เห็นทุกข์แล้ว เห็นทุกข์ไปเรื่อย ใจยิ่งโปร่งโล่งเบา มีความสุข ยิ่งเห็นทุกข์ยิ่งมีความสุข พอผ่านวางขันธ์ไปแล้ว โอ้.. ยิ่งมีความสุข สุขมาก กลางวันก็สุข กลางคืนก็สุข หลับอยู่ก็สุข ตื่นอยู่ก็สุข อยู่จนแก่จนเฒ่า แต่ละองค์ๆ ดูมีความสุขมาก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
Track: ๑๕
File: 550817B
ระหว่างนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๔๕ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๔๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทำบุญ ทำเพื่อลดละกิเลส

mp3 for download: ทำบุญ ทำเพื่อลดละกิเลส

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เพราะฉะนั้นกรรมชั่วแม้แต่เล็กน้อยก็ไม่ควรทำ กรรมดีแม้แต่เล็กน้อยก็ควรทำ

นี่ครูบาอ๊า เดินๆไปเจอรังของปาด ใครเคยเห็นปาดมันออกไข่มั้ย เป็นพวงๆนะ เกาะอยู่ตามใบไม้ แม่มันกะไม่เก่ง เมื่อมันอายุถึงขีดสุด มันควรจะหล่นลงน้ำ มันกะไม่เก่งนะ มันหล่นไปบนบก ครูบาอ๊าไปเก็บลูกอ๊อด เก็บเอาไปปล่อยนะ ทีละตัวๆ ตัวนิดเดียวน่ะ เก็บไปก็ โอ๊ะ มันใกล้จะตายแล้ว เอาน้ำมาใส่ แล้วก็จับอีก จับอยู่เป็นชั่วโมงเลย นี่บุญมั้ย บุญ ดูเล็กน้อยนิดเดียวเอง สัตว์เล็กสัตว์น้อยนะ บุญทั้งนั้นแหละนะ อย่างเราไม่มีเงินไปซื้อปลามาปล่อยนะ ช่วยชีวิตสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยเนี่ย ก็ได้บุญเยอะแยะแล้ว

การทำบุญต้องทำแบบมีสติปัญญา ทำไปเพื่อสงเคราะห์ ทำไปเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น สัตวือื่น ไม่ได้ทำเพื่อจะเอา ทำเพื่อจะเอากิเลสออก ไม่ใช่ทำเพื่อสะสมกิเลส บางคนทำบุญเพื่อสะสมกิเลส ทำแล้วอยากได้โน่นอยากได้นี่นะ บุญนั้นทำไปเพื่อลดละกิเลสนะ ค่อยๆเอากิเลสออกจากใจ ดีที่สุดเลยนะ สงเคราะห์ ช่วยเหลือ อะไรนี่นะ เพื่อลดความเห็นแก่ตัว ทำใจให้กว้าง ทำใจให้อ่อนโยน ทำใจให้มีเมตตากรุณา อะไรอย่างนี้ เป็นการพัฒนาจิตใจ

ทำบุญเพื่อจะเอา เช่น สาธุ..ขอให้ได้โน่น ขอให้ได้นี่ อันนั้นมันลูกชูชกแล้ว ไม่ใช่ลูกพระพุทธเจ้า มันจะเอา อยากได้

เพราะฉะนั้นเราคอยสังเกตใจไป กรรมใดที่ทำแล้วลดละกิเลสได้ก็ทำนะ เล็กๆน้อยๆก็ทำไปเรื่อย อย่างเห็นลูกอ๊อดตกอยู่บนบกอย่างนี้ สงเคราะห์มันได้ก็สงเคราะห์มัน ไม่ใช่เพื่อจะเอาบุญ สาธุ.. ให้..ปล่อยลูกอ๊อดได้กี่ตัวขอให้หวยออกเท่านั้นนะ อะไรอย่างนี้ อย่างนั้นทำเพื่อจะเอา ทำเพื่อพอกพูน

เพราะฉะนั้นเราค่อยๆฝึกนะ บุญทั้งหลายทำไปเรื่อย แล้วลดละกิเลส ไม่ใช่เพื่อพอกพูนกิเลส ความชั่วทั้งหลายแม้แต่เล็กน้อยก็อย่าไปทำมัน ค่อยๆเลี่ยง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๕
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๐ ถึง นาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๑๑

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๕
File: 550519B.mp3[Thai], 550519B.mp3[USA/Europe]

550519B.07m05-09m37

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อได้อะไรมา ก็ได้ภาระมาด้วย

mp 3 (for download) : เมื่อได้อะไรมา ก็ได้ภาระมาด้วย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทุกวันนี้เรามีความสุขจริงนะ แต่ความสุขที่พวกเรารู้จักนะ เป็นความสุขที่มีภาระทั้งสิ้นเลย มีแฟนซักคนนึงใช่มั้ยก็มีความสุข แต่มีภาระ มีบ้านก็มีความสุขนะ แต่มีภาระนะ มีรถยนต์หรูๆซักคันนึงก็มีภาระมาด้วย มีเงินมากๆก็มีภาระ

ครั้งนึงหลวงพ่อนั่งอยู่กับหลวงปู่สิม มีคนนะเอาธูปมาให้ท่านเสกเยอะเลย บอก หลวงปู่ให้หลวงปู่อธิษฐานนะ จุดธูปแล้วให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ขอให้หนูรวย ท่านถามว่าจะรวยแค่ไหน เอารวยๆๆรวยเยอะๆเลย รวยไม่จบไม่สิ้น นี่ ขออย่างนี้นะ หลวงปู่ยิ้มหวานเลย ท่านปลุกเสกให้นะแล้วท่านก็สอน รวยๆระวังโจรปล้นนะ คือท่านแย็บธรรมะให้หน่อย

ได้อะไรมานะ ก็ได้ภาระมาด้วยนะ มีเงินมากๆก็ต้องรักษาใช่มั้ย เป็นภาระมั้ย ไปไหนก็ไม่ได้นะต้องเฝ้าสมบัติอยู่ เนี่ยท่านสอน แต่ว่าท่านไม่สอนมากนะ ท่านแย้บๆ ไม่งั้นเดี๋ยวคนอยากรวยจะโกรธท่าน เราฟังปุ๊บเราเข้าใจที่ท่านบอกแล้ว

ทุกสิ่งที่ได้มาเนี่ย มันแถมภาระมาด้วย เพราะงั้นความสุขในโลกนี้ มีความสุขจริงนะ แต่มีภาระมาด้วย มีเครื่องเสียดแทงตามมาด้วย ความสุขในธรรมะนั้น ไม่มีภาระ ไม่มีการเสียดแทง คนละชั้นกัน เอาอะไรมาแลกก็ไม่เอาหรอก

ไปหัดเอานะ หัดไปฝึกจิตใจให้อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วดูขันธ์มันทำงาน แยกขันธ์ไป จนกระทั่งจิตมันยอมรับความจริงของขันธ์ ว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จิตก็ไม่เข้าไปก้าวก่ายขันธ์ ไม่เข้าไปหยิบฉวยขันธ์ขึ้นมาอีก ขันธ์ก็ทำหน้าที่ของขันธ์ จิตก็ทำหน้าที่ของจิต ไม่ก้าวก่ายกัน ชีวิตจะมีความสุขขึ้นเยอะเลย จะไม่มีภาระ

ขันธ์ทั้ง ๕ นั่นแหล่ะเป็นภาระ บุคคลนะแบกเอาภาระไป ก็ไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวง พระอริยเจ้าคือพระอรหันต์เนี่ย วางภาระลงแล้ว วางขันธ์ลงแล้ว แล้วก็ไม่หยิบฉวยขึ้นมาอีก ท่านถึงพ้นทุกข์ได้ นี่พระพุทธเจ้าสอนไว้อย่างนี้นะ งั้นเราตอนนี้ยังมีภาระก็แบกไปก่อนก็แล้วกัน ค่อยฝึกไป วันนึงค่อยลดๆลง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๕ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๔
Track: ๑๗
File: 550317.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๘ ถึง นาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๓๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทางวิปัสสนา (๒๑) การรู้สึกตัวในชีวิตประจำวัน กับการทำรูปแบบ

mp3 for download : ทางวิปัสสนา (๒๑) เมื่อเป็นฆราวาสที่รู้สึกตัวในชีวิตประจำวันเป็นแล้ว สิ่งที่ควรทำเพิ่มเติม

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทางวิปัสสนา

ทางวิปัสสนา

โยม : กราบนมัสการหลวงพ่อครับ ก็ไม่ได้ส่งการบ้านมาหลายปีแล้วครับ วันนี้ก็มีมาส่งบ้างครับ ที่ปฏิบัติมาตลอดระยะเวลา ๔ ปี ตั้งแต่ได้ฟังซีดีหลวงพ่อ ก็คือ ความโลภโกรธหลง ลดลงไปเยอะครับ จากที่เคยฉุนเฉียวง่าย ขี้โมโห โลภเยอะ ก็ลดลงไปเยอะครับ ทุกวันนี้ สภาวะที่เกิดขึ้น ก็เห็นว่า จิตมันถลำเข้าไปบ่อยๆ แล้วก็เป็นช่วงที่สั้นลง แล้วก็เห็นว่า ที่ถลำไปนั้นไม่ใช่เรา

หลวงพ่อปราโมทย์ : ก็ฝึกให้มากนะ เห็นแล้ว ต้องเพิ่มอันหนึ่งนะ เพิ่มความตั้งมั่นของจิต วันๆเราคลุกอยู่กับโลกเยอะนะ สมาธิจะไม่พอ ใจจะฟุ้งเก่ง เพราะฉะนั้นเราต้องทำในรูปแบบ ถึงเวลา แบ่งเวลาไว้เลย วันหนึ่ง ๑๕ นาที หรือ ๑๐ นาที ก็ยังดี ถ้าทำตอนเย็นแล้วก็ง่วงหลับไปนะ ก็มาทำตอนเช้า ตื่นให้เร็วขึ้นหน่อย มาไหว้พระสวดมนต์ มาหัดพุทโธ มาหัดหายใจ แล้วคอยรู้ทันจิต ทีนี้ถ้าเราฝึกอย่างนี้ทุกวันๆนะ เวลาจิตมันขยับเขยื้อนนิดเดียว เราจะรู้ทันละ มันไม่ไหลไปจมนานๆ หลังจากนั้นเราก็เจริญสติในชีวิตประจำวันนี้แหละ

การเจริญปัญญาไม่ต้องไปเจริญที่วัดนะ เจริญสติเจริญปัญญาเนี่ย เจริญที่ตาที่หูที่จมูกที่ลิ้นที่กายที่ใจของเรานี้ ไม่ใช่ไปทำที่วัดหรอก ตามองเห็นรูป ใจเรายินดียินร้าย ใจเราสุขใจเราทุกข์ ใจเราเป็นกุศล-อกุศล รู้ทัน หูได้ยินเสียงนะ จิตเป็นสุขเป็นทุกข์ เป็นกุศล-อกุศล ยินดียินร้าย รู้ทัน ใจไปคิด เกิดสุขเกิดทุกข์เกิดกุศล-อกุศลยินดียินร้าย รู้ทัน ใช้หลักอันนี้เอง สุดท้ายก็เห็นเลย ทุกอย่างมาแล้วก็ไป เช่น ความสุขมาแล้วก็ไป ความทุกข์มาแล้วก็ไป กุศล-อกุศลมาแล้วก็ไป แต่ต้องซ้อมทุกวันนะ จิตจะได้มีพลัง

โยม : ครับ ขอบคุณครับ

550409.40m44-42m50

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ห้องสุวรรณภูมิบอลรูม ชั้น ๒ อาคารบี
บจก. เตียวฮงสีลม บางพลี
วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
ระหว่างเวลา ๑๓:๐๐ – ๑๕:๐๐ น.

File: 550409.mp3 (ไทย)
File: 550409.mp3 (สหรัฐอเมริกาและยุโรป)
เสียงพระธรรมเทศนา ระหว่างนาที่ ๔๐ วินาทีที่ ๔๔ ถึง นาทีที่ ๔๒ วินาทีที่ ๕๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ผัสสะที่รุนแรงเป็นครูสอนธรรมะที่ดีที่สุด

mp 3 (for download) : ผัสสะที่รุนแรงเป็นครูสอนธรรมะที่ดีที่สุด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ผัสสะที่รุนแรงเป็นครูสอนธรรมะที่ดีที่สุด

ผัสสะที่รุนแรงเป็นครูสอนธรรมะที่ดีที่สุด

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทุกวันๆที่หลวงพ่อเปิดวัดที่ศรีราชานี่จะมีพระเข้าไปเยอะแยะเลยแต่ละวัน บางวันเยอะ บางวันก็ไม่มากองค์สององค์ พระบางองค์ท่านเข้าไป บางองค์ท่านมาสารภาพทีหลังนะว่าท่านมาด้วยความพอง ท่านรู้สึกว่าท่านภาวนามาเก่งกล้าสามารถมาก เสร็จแล้วท่านก็มานั่งฟังโยมส่งการบ้าน ท่านบอกท่านค่อยๆสั่นขึ้นทีละน้อยนะ สั่นๆ ท่านพบว่าเอ๊ะทำไมญาติโยมภาวนาเก่งขนาดนี้ แค่ฟังก็รู้แล้วว่าฝีไม้ลายมือในการปฏิบัติของแต่ละคนนะขนาดไหน

ก็เลยเรียนท่านบอกโยมเค้าความทุกข์เยอะนะ โยมต้องกระทบผัสสะที่รุนแรง ถ้าโยมเจริญสติเป็นผัสสะที่รุนแรงนั่นแหล่ะเป็นตัวสอนธรรมะให้ อย่างเราภาวนาเราอยู่แต่ในวัดอยู่แต่ในป่าเงียบๆนะ จิตนิ่งอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน ไม่ค่อยมีอะไรกระทบ อันนี้ดูยากมากเลย ครูบาอาจารย์ถึงสอนให้พิจารณากายให้หางานให้มันทำซะ อย่าให้มันอยู่เฉยๆ งั้นพระก็ต้องไปทำความสงบขึ้นมา พระไม่มีกามสุข พระก็ทำความสงบจิตสงบใจ เป็นความสุขแบบพระ สุขแล้วก็มารู้กายมารู้ใจไปโดยเฉพาะร่างกายต้องรู้เยอะๆ จิตใจมันนิ่งๆไม่ค่อยมีอะไรให้ดูเท่าไหร่

แต่ญาติโยมเป็นอีกแบบนึง ญาติโยมนั้นกระทบอารมณ์รุนแรงทั้งวัน ตื่นนอนมาก็ต้องรีบตาลีตาลานไปทำงานใช่มั้ย แย่งกันขึ้นรถแย่งอะไร ลำบาก ทำมาหากินก็แย่งกันต่อสู้เข้มแข็งดุเดือด ประเภทเผลอนิดเดียวพริบตาทีเดียวบริษัทเจ๊งไปแล้ว แพ้ยับเยิน เพราะนั้นญาติโยมเนี่ยมีผัสสะที่รุนแรง

ผัสสะที่รุนแรงเนี่ยมันทำร้ายคนซึ่งภาวนาไม่เป็น นำความทุกข์นำการบีบคั้นที่รุนแรงมาให้ แต่สำหรับคนที่ภาวนาเป็นรู้หลักของการปฏิบัติแล้ว ผัสสะที่รุนแรงนั้นแหล่ะคือครูที่สอนธรรมะที่ดีที่สุด เพราะว่าเวลามันกระทบอารมณ์นะใจเราจะกระเพื่อมขึ้นมา ใจกระเพื่อมขึ้นมาด้วยความดีใจบ้างด้วยความเสียใจบ้าง ยินดีบ้างยินร้ายบ้าง ด้วยความสุขบ้างความทุกข์บ้าง ด้วยความโลภความโกรธความหลงบ้าง มันกระทบแล้วมันกระเทือน กระเทือนขึ้นมานะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่กระเทือนขึ้นมาเป็นปฏิกิริยาขึ้นมา ล้วนแต่เกิดแล้วดับทั้งสิ้นเลย

ถ้ามีสติรู้ลงไปก็เหมือนคนทำการบ้านอยู่ทั้งวันทั้งคืน เพราะงั้นนอนกลางคืนยังต้องคิดใช่มั้ยจะทำมาหากินอะไร ลำบาก ลูกเต้าทำยังไง ภรรยามีกิ๊กจะทำยังไงอะไรเงี้ย เรื่องปวดกบาลทั้งนั้นนะ สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนเป็นสิ่งไม่ดี เหมือนขยะนะไม่ดี แต่รู้จักใช้แล้วมีประโยชน์มากเลย

เพราะงั้นญาติโยมภาวนาเนี่ย ถ้ารู้หลักของการปฏิบัติแล้วไม่ช้ากว่าพระนะ หลวงพ่อกล้ายืนยัน ในขั้นต้นๆไม่ช้ากว่าพระ พูดอย่างนี้ไม่ได้พูดให้พระสึกกนะเดี๋ยวจะนึกว่าชวนพระสึก ไม่ได้ชวน เพราะขั้นปลายๆฆราวาสทำยากกระทบผัสสะที่หยาบตลอดเลย ภาวนาไปในขั้นละเอียดทำยาก แต่ในขั้นที่หยาบๆ ภาวนาในขั้นต้นนะโสดาฯสกิทาคาฯอะไรนี้เป็นฆราวาสเนี่ย ทำได้ ไม่ได้ปิดกั้นนะ

ธรรมะไม่ใช่เป็นของผูกขาดไว้ให้พระ พระพุทธเจ้าสอนธรรมะให้กับบริษัท ๔ คือทุกคนนั้นเอง เป็นผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ได้ เป็นพระก็ได้เป็นฆราวาสก็ได้ ฟังให้รู้หลักแล้วก็รู้สึกไป ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์ใจกระเทือนขึ้นมา รู้ทันๆๆไป ตามรู้ไปเรื่อยอย่าเข้าไปแทรกแซง


CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๑๗
File(thai): 510120.mp3
File(usa): 510120.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๔๘ ถึง นาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๓๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

V-Clip : เจริญสติเพื่อความสิ้นแห่งทุกข์

เจริญสติเพื่อความสิ้นแห่งทุกข์

แสดงธรรม ณ โรงพยายาลกรุงเทพ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2555

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คำสอนพระพุทธเจ้า ช่วยให้เราอยู่กับโลกโดยไม่ทุกข์

mp3 (for download) : คำสอนพระพุทธเจ้า ช่วยให้เราอยู่กับโลกโดยไม่ทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

คำสอนพระพุทธเจ้า ช่วยให้เราอยู่กับโลกโดยไม่ทุกข์

คำสอนพระพุทธเจ้า ช่วยให้เราอยู่กับโลกโดยไม่ทุกข์

หลวงพ่อปราโมทย์​ : คนเรามีความทุกข์ก็เพราะมีกิเลส ทุกข์ทางใจ พอกิเลสครอบงำเบียดเบียนตัวเองก่อนเบียดเบียนคนอื่นทีหลัง งั้นโลกก็ไม่มีความสุข วุ่นวาย เรื่องของกิเลสทั้งนั้น เราดูข่าวดูโทรทัศน์ดูอะไรจะเห็นเรื่องของกิเลสทั้งนั้น น้ำท่วมน้ำไม่ท่วมนะก็เถียงกัน เรื่องผลประโยชน์ ทุกอย่าง ซ่อนเร้น

เราไปแก้ที่คนอื่นไม่ได้ มาแก้ที่ตัวเราเอง กิเลสคนอื่นล้างไม่ได้ มาล้างกิเลสของเรา เราแก้โลกทั้งใบไม่ได้ แก้ประเทศทั้งประเทศไม่ได้ เราต้องอยู่กับมัน ทำหน้าที่ไป เรามาฝึกจิตฝึกใจของเรา โลกนี้มันทุกข์นะ เราต้องอยู่กับมันให้ได้ เพราะว่าเกิดมาแล่้ว

คนที่ไม่มีธรรมะเค้าไม่มีทางเลือกเค้าต้องอยู่กับมันตลอดไป จมอยู่ในความทุกข์เรื่อยๆไป พวกเรายังมีบุญสนใจคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ว่าต้องเรียนให้ดี ทุกวันนี้คำสอนที่เป็นมิจฉาทิฏฐิมันแฝงมาอยู่ในพระพุทธศาสนาเนี่ยเยอะแยะไปหมดเลย บางทีมันแทบจะล้มล้างคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธเจ้าไป

คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นไปเพื่อลดละกิเลส เป็นไปเพื่อความมักน้อย เพื่อความสันโดษ เพื่อความไม่คลุกคลี เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร เป็นไปเพื่อให้มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา เป็นไปเพื่อวิมุตติความหลุดพ้น เป็นไปเพื่อวิมุตติญาณทัสสนะความเข้าใจในพระนิพพาน เนี่ยเส้นทางเดินที่พระพุทธเจ้าท่านพาเดินมา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรม ณ สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
อ. ศรีราชา จ.ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔

CD: พระธรรมเทศนา สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๒
File: 541125
ระหว่างนาทีที่  ๐ วินาทีที่ ๐๒ ถึงนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๐๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

นักภาวนา มีผัสสะแล้วมีสติรู้ทันกิเลส

mp 3 (for download) : นักภาวนา มีผัสสะแล้วมีสติรู้ทันกิเลส

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

นักภาวนา มีผัสสะแล้วมีสติรู้ทันกิเลส

นักภาวนา มีผัสสะแล้วมีสติรู้ทันกิเลส

หลวงพ่อปราโมทย์ : ปล่อยให้ตาหูจมูกลิ้นกายใจทำงานไปตามธรรมชาติธรรมดา ให้ตามองเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายกระทบสัมผัส ใจให้มันคิดนึกปรุงแต่งตามธรรมชาติ แต่เราต่างกับคนทั่วๆไปต่างกับสัตว์ทั่วๆไปตรงที่ เรามีสติตามรู้มัน ตามองเห็นรูปความรู้สึกเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่จิต เห็นรูปบางอย่างก็เกิดความสุข เห็นรูปบางอย่างเกิดความทุกข์ ตามองเห็นรูป รูปบางอย่างเกิดกุศล รูปบางอย่างเกิดอกุศล มีมั้ยตามองเห็นรูปแล้วเกิดกุศล มีมั้ย มีใช่มั้ย

สมมติเราเห็นภาพพระพุทธรูปเห็นวัดเห็นเจดีย์อะไรงี้ ถ้าคนเกลียดวัดนะเห็นวัดแล้วเกิดอกุศลใช่มั้ย เห็นสิ่งเดียวกันแต่ว่าบางคนเกิดกุศลบางคนเกิดอกุศล บางคนเห็นพระพุทธเจ้าเกิดกุศลบางคนเห็นพระพุทธเจ้าเกิดอกุศลเป็นไปได้มั้ย ถมเถไปใช่มั้ย บางคนมันด่าพระพุทธเจ้าด้วยซ้ำไป บางคนมันจะมาดักยิงพระพุทธเจ้าก็มี ยิงด้วยธนูเอาช้างมาให้เหยียบ นี่เรามีสติไว้เราไม่จ้องอยู่ที่จิต ห้ามจิตมีความรู้สึกเราไม่ห้าม ให้ตากระทบรูปตามธรรมชาติ กระทบแล้วเกิดสุขเกิดทุกข์เกิดกุศลอกุศลที่จิตให้เกิดไปตามธรรมชาติ

ไม่ห้าม ไม่ห้ามการกระทบทางตา ไม่ใช่ว่าต้องอย่าไปดูมัน พอดูแล้วก็ไม่ห้ามการทำงานทางใจ ตามองเห็นไปตามธรรมชาติธรรมดา เห็นแล้วใจเค้าทำงานตามธรรมชาติธรรมดา เห็นแล้วเกิดความสุขรู้ว่ามีความสุข เห็นแล้วเกิดความทุกข์รู้ว่ามีความทุกข์ เห็นแล้วเกิดกุศลรู้ว่ามีกุศล เห็นแล้วโลภโกรธหลงขึ้นมารู้ว่ามีโลภโกรธหลงเกิดขึ้น ให้เรามีสติตามดูนะ

เพราะฉะนั้นจริงๆแล้ว ผู้ปฏิบัติกับคนธรรมดาที่ไม่ได้ปฏิบัติใกล้เคียงกันมากเลย คือปล่อยให้ตาหูจมูกลิ้นกายใจทำงานตามธรรมชาติ กระทบอารมณ์ตามธรรมชาติ กระทบแล้วปล่อยให้ใจเกิดปฏิกิริยาไปตามธรรมชาติแล้วมีสตินะ มีสติ คนทั่วไปขาดตรงที่มีสติตามรู้นี่แหล่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๙ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๐
Track: ๑
File: 540417.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๔๒ ถึง นาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๑๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

มีธรรมะแล้ว น้ำท่วมก็ไม่ทุกข์ใจ

mp 3 (for download) : มีธรรมะแล้ว น้ำท่วมก็ไม่ทุกข์ใจ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

มีธรรมะแล้ว น้ำท่วมก็ไม่ทุกข์ใจ

มีธรรมะแล้ว น้ำท่วมก็ไม่ทุกข์ใจ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เวลาชีวิตเราเกิดวิกฤติ มันคือเวลาที่จะทดสอบว่าการปฏิบัติที่เราฝึกฝนอบรมมานั้นมันได้ผลแค่ไหน คนที่ไม่เคยฝึกอบรมจิตใจเวลาปัญหาในชีวิตเกิดขึ้น สติแตก มีความทุกข์มากมายเหลือเกิน ความทุกข์ในด้านชีวิตความเป็นอยู่ยังไม่พอนะยังแถมความทุกข์ทางใจเข้าไปด้วย

ส่วนคนซึ่งได้ศึกษาปฏิบัติธรรมได้ฝึกฝนอบรมมาดีแล้ว มันมีความทุกข์แต่ทางร่างกาย ชีวิตความเป็นอยู่อะไรนี้ บางทีมีเงินนะแต่กรรมจะให้ผลติดอยู่ในบ้านน้ำท่วมกินแต่มาม่า ทั้งๆที่มีเงินน่ะไม่มีของจะกินน้ำจะกินก็ไม่ค่อยจะมี เวลากรรมให้ผลมันลำบาก แต่มันลำบากเฉพาะร่างกาย อย่างชีวิตความเป็นอยู่มันเปลี่ยนแปลง คนกรุงเทพน่าสงสาร จริงๆคนอื่นก็น่าสงสารเหมือนกัน คนชลบุรีก็น่าสงสารนะ คนกรุงเทพไปแย่งข้าวกินซะเกือบหมดเลย

ใครเจอปัญหาน้ำท่วมบ้าง ยกมือให้หลวงพ่อดูซิ เยอะ สอบตกหรือสอบได้ เอ้า ใครสอบได้ยกมือซิ ใครสอบตกมีมั้ย อย่างน้อยสอบได้เยอะกว่าสอบตก แสดงว่าคอร์สของเราใช้ได้คนสอบได้เยอะกว่า บางคนก็สงสัยอุตส่าห์ทำความดีทำไมน้ำท่วมบ้านบุญไม่ให้ผลเลยเหรอ อุตส่าห์เข้าวัดทำบุญทำทานทำไมทรัพย์สินยังเสียหายทั้งๆที่ทำทาน ทำไมชีวิตลำบาก ธรรมะไม่ได้แปลว่าทำให้น้ำไม่ท่วมบ้าน คนละเรื่องกัน ถ้าบ้านเราอยู่ต่ำกว่าน้ำ น้ำก็ท่วมบ้าน ถึงจะมีบุญแค่ไหนก็ท่วม

เหมือนเมื่อก่อนนี้ไฟไหม้เมืองสุรินทร์ ไหม้ซะมากเลยนะ ไหม้มาถึงกำแพงวัดบูรพาราม ชาวบ้านไปประท้วงหลวงปู่เลยหลังจากไฟไหม้ เสียแรงทำบุญมาตั้งนานไม่คุ้มครองเลยบุญไม่คุ้มครองธรรมะไม่คุ้มครองเลยคุ้มครองแต่วัดไม่คุ้มครองชาวบ้าน หลวงปู่ท่านก็บอกว่า ไฟมันมีหน้าที่ไหม้ ไม่ใช่ว่าเราทำบุญแล้วไฟไม่ไหม้ เพียงแต่ว่าถ้าไฟไหม้ขึ้นมาเราไม่ทุกข์ มันไหม้ได้แต่ของข้างนอกหรือไหม้ได้แต่ร่างกายแต่ใจเราไม่ได้ถูกไฟไหม้ไปด้วย

งั้นการที่เรามาศึกษาปฏิบัติธรรมมาพัฒนาจิตใจเราเนี่ย ก็เพื่อเตรียมความพร้อมให้ใจเรานั่นเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนะไฟจะไหม้น้ำจะท่วม ลูกจะเป็นเอดส์ หลานจะติดยา อะไรๆก็เกิดได้เสมอเลย เราสามารถอยู่ได้ท่ามกลางปัญหาท่ามกลางความวุ่นวายโดยไม่ทุกข์ ปัญหาก็อยู่ส่วนปัญหาแต่ใจมันไม่ทุกข์ ใจมันไม่ไปหยิบเอาปัญหาเข้ามาใส่ตัวเอง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๔๖
File: 541218
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๒๕ ถึงนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๐๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ที่ใจไม่หยุดดิ้นรน เพราะหลงผิดว่าสุขมีอยู่

Mp3 for download: 460102_suffering&happinesss

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ที่ใจไม่หยุดดิ้นรน เพราะหลงผิดว่าสุขมีอยู่

ที่ใจไม่หยุดดิ้นรน เพราะหลงผิดว่าสุขมีอยู่

หลวงพ่อปราโมทย์: เวลาเราปฏิบัตินะ แต่เดิมเราก็จะหลงผิดว่าเราปฏิบัติให้มันมีความสุข เราเห็นว่าในโลกนี้มีทั้งความสุขและความทุกข์ เราก็จะพยายามหลบไอ้ตรงทุกข์ จะไปเอาตรงสุข ดิ้นไปเรื่อยๆ เวลาเจอความสุขก็พอใจ เพลิน เจอความทุกข์ก็พยายามจะหนี

ทุกข์กายทุกข์ใจ มี ๒ อัน ทางกายเราก็อยากจะไปเห็น อยากได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัสที่มันดีๆ หนีที่ไม่ดี เวลาเจอของไม่ดีเราก็หวังว่าถ้าหนีอันนี้ไปได้แล้วจะได้ไปเจอของดี ลืมไปอันนึงว่าไอ้ต้นตอตัวหัวโจกเลยมันไม่ใช่รูปรสกลิ่นเสียงโผฏฐัพพะหรอก กระทั่งกายเรานี้ก็ไม่ใช่ของดิบดีอะไร ไม่มีความสุขจริง ทั้งกายนี้มีแต่ความทุกข์ จิตใจก็เหมือนกันนะ จิตใจก็เที่ยวหาอารมณ์ที่เป็นสุข ร่างกายของเรา เราก็อยากให้ร่างกายเราได้แต่อารมณ์ที่เป็นสุข ร่างกายจิตใจอยากจะเอาแต่สุข ไม่เอาทุกข์ แล้วที่ใจเราดิ้นรนไม่เลิกเนี่ย เพราะเรายังหลงผิดว่าสุขมันมีอยู่ เจอทุกข์แล้วหลบให้ดีเหอะ เดี๋ยวเราจะเจอสุข

ถ้าศึกษาศาสนาพุทธอย่างถึงแก่นจริงๆจะพบว่าเราหลบหลีกไปไม่ได้นาน เพราะตัวเราเองเป็นตัวทุกข์ ร่างกายจิตใจของเราเองนั่นแหละตัวทุกข์ ไม่ใช่คนอื่นทุกข์นะ อย่างสมมติไปหาของอร่อยที่สุดมากิน ร่างกายก็ยังมีความทุกข์อีก ของที่อร่อยที่สุดไม่ได้ทำให้ร่างกายมีความสุขได้ถาวรอะไร รูปที่สวยที่สุดไม่ได้ทำให้ร่างกายมีความสุข อารมณ์ที่ดีก็ไม่ได้ทำให้จิตมีความสุขถาวรได้เพราะจิตไม่เที่ยง

ถ้าเราเข้าใจว่าร่างกายจิตใจของเราบังคับไม่ได้ ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน ก็ค่อยคลายความยึดถือ มันจะไม่ไปดิ้นหาความสุข แล้วก็ไม่ดิ้นหนีความทุกข์ แต่ก็ไม่ใช่โง่แช่ความทุกข์อยู่นะ ไม่ใช่นั่งภาวนา มดกัดให้มันกัดไป ไม่ใช่กายเรา เนี่ยโง่เกินไปแล้ว สุดโต่งไป

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๖


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๒๙ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๐๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ปัญหาไม่ได้ทำให้ทุกข์ เราทุกข์เพราะไม่ยอมรับกับความจริง

mp 3 (for download) : ปัญหาไม่ได้ทำให้ทุกข์ เราทุกข์เพราะไม่ยอมรับปัญหา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ปัญหาไม่ได้ทำให้ทุกข์ เราทุกข์เพราะไม่ยอมรับกับความจริง

ปัญหาไม่ได้ทำให้ทุกข์ เราทุกข์เพราะไม่ยอมรับกับความจริง

หลวงพ่อปราโมทย์ : พวกเราสังเกตมั้ยเวลาน้ำท่วม ตัวที่ทำให้ความทุกข์เข้ามาสู่ใจเราไม่ใช่น้ำแต่เป็นความอยาก น้ำมาแล้วอยากให้ไม่มา ใช่มั้ย อยากให้น้ำไม่มา ก็น้ำจะต้องมาอย่าให้น้ำไปไหน น้องทรายก็กั้นน้องน้ำไม่ได้หรอกน้ำมันจะมา ความอยากของเรามันไร้เดียงสา น้ำมาแล้วน้ำมันขังอยากให้น้ำไปเร็วๆ ที่เราต่ำน้ำก็ไปช้า เรามีความอยากซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เยอะแยะเลย

ถ้าของที่มันเป็นไปตามใจเราต้องการ เราก็ไม่มานั่งอยาก เราก็ไม่ต้องอยาก ไอ้ที่อยากเพราะมันไม่เป็นอย่างที่ต้องการ นี่ความต้องการของเรามันไม่ยอมรับความจริงฝืนความจริง น้ำจะท่วมอยากให้ไม่ท่วม เราจะต้องแก่อยากให้ไม่แก่ เราจะต้องเจ็บไข้อยากให้ไม่เจ็บไข้ เราจะต้องตายอยากให้มันไม่ตาย เราจะต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักจากคนที่เรารักเราไม่อยากพลัดพราก เราต้องเจอสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบใจเราไม่อยากเจอ ใจที่ไม่อยากนี้เองทำให้ใจดิ้นรน หาความสุขหาความสงบไม่ได้

ถ้าใจเรายอมรับสภาวะทุกสิ่งทุกอย่างได้ ใจจะไม่ทุกข์ อย่างยอมรับได้ว่าต้องแก่ แก่ขึ้นมาก็ไม่ทุกข์ ยอมรับได้ว่าต้องเจ็บ เจ็บขึ้นมาก็ไม่ทุกข์ ยอมรับว่าต้องตาย ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ต้องเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจเป็นครั้งเป็นคราว ยอมรับได้ก็ไม่ทุกข์ ยอมรับไม่ได้ก็ทุกข์ นี่ทำไงใจเราจะยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างได้

ตัวนี้แหละที่พระพุทธเจ้าสอนเรา สอนเราว่าทำยังไงเราจะยอมรับปรากฎการณ์ทั้งหลายทั้งปวงได้ งั้นน้ำท่วมก็ไม่ทุกข์นะ อะไรเกิดขึ้นก็ไม่ทุกข์ถ้าใจยอมรับได้ใจไม่ดิ้น วิธีการที่จะฝึกจิตฝึกใจให้ยอมรับความจริงที่ต้องเผชิญได้ก็คือวิปัสสนากรรมฐานนั่นเอง เรามาเรียนรู้ความจริงของชีวิตนะ วิธีเรียนไม่จำเป็นต้องไปเรียนอะไรไกลตัว เรียนที่ง่ายๆเลย เรียนอยู่ที่ใจของเรานี่เอง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๔๖
File: 541218
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๑๑ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๔๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อยากได้มรรคผลนิพพาน ต้องทำในรูปแบบทุกวัน

mp 3 (for download) : อยากได้มรรคผลนิพพาน ต้องทำในรูปแบบทุกวัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อยากได้มรรคผลนิพพาน ต้องทำในรูปแบบทุกวัน

อยากได้มรรคผลนิพพาน ต้องทำในรูปแบบทุกวัน

หลวงพ่อปราโมทย์ : ไม่ใช่ว่าหลวงพ่อเก่งมาสอนเรื่องดูจิตได้ เพราะสังคมมันเปลี่ยน สังคมเป็นสังคมของคนเมือง สังคมที่คิดมาก สังคมที่เหน็ดเหนื่อย แต่ละวันนะกว่าจะซมซานกลับบ้านเหมือนนกปีกหักทุกวันเลย ใครรู้สึกมั้ย

บางคนไม่ใช่ปีกหักนะ หางก็หักคอจะหักมิหักแหล่อยู่แล้ว พอไปนั่งสมาธิก็เป็นนกคอหักแล้ว หักไปเลยนะ หลับ มันทำไม่ไหว สภาพแวดล้อมที่มันไม่เอื้ออำนวยที่จะให้เราหาความสงบของจิตมากๆนะ ลึกๆเนี่ยมันไม่มีโอกาส เราต้องพากเพียรเอาเท่าที่เรามีทรัพยากรอันจำกัด เพราะงั้นเราพยายามเจริญสติในชีวิตประจำวันให้มากๆนะ

แต่ว่าถ้าคนไหนอยากได้มรรคผลนิพพานให้ไวๆหน่อยต้องใจเด็ดนะ ใจเด็ดจริงๆเลย มาตื่นเช้าให้เช้าขึ้นหน่อยนะแล้วก็มาทำในรูปแบบนั่งสมาธิเดินจงกรมเนี่ย ฝึกอย่างนี้นะ ตอนค่ำก็อดทนหน่อยนะอย่าพึ่งรีบหลับ ตัดไอ้สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป รายการละครหลังข่าวอะไรไม่จำเป็นนะไม่ดูก็ไม่ตาย

หลวงพ่อไม่เคยดูไม่เห็นตายเลยนะ เอาเวลาที่เหลือก่อนจะสลบเนี่ย มาเจริญสตินะ เนี่ยฝึกอย่างนี้แล้วเวลามีชีวิตประจำวันก็พยายามดูของเราไป จะกิน จะดื่ม จะทำ จะพูด จะคิด จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอนเนี่ย คอยมีสติเรื่อยๆไป

อาศัยการฝึกอย่างเนี่ย พวกเราก็จะทำมรรคผลนิพพานให้เกิดขึ้นในชีวิตนี้ได้ อาศัยปัญญานำอาศัยสตินำไปก่อนเพราะว่ามันจำเป็นที่ต้องทำ

นี่บอก professor ญี่ปุ่นไปนะว่าเราไม่ใช่คนเก่งนะ สังคมมันเปลี่ยน คนไม่มีทางเลือกยังจะให้พวกเรานั่งสมาธิวันละสามชั่วโมง นั่งไม่ไหว นั่งเดี๋ยวก็หลับนะ งั้นเรามีปัญญาอยู่แค่นี้แหล่ะ เรามีทรัพยากรอยู่เท่านี้แหล่ะ ก็สู้เอานะ

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๓๒
File: 520816.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๒ วินาทีที่ ๓ ถึงนาทีที่ ๓๓ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

แม้มีภาระทางโลกมาก ก็ภาวนาได้ (และได้ดีด้วย)

mp 3 (for download) : แม้มีภาระทางโลกมาก ก็ภาวนาได้ (และได้ดีด้วย)

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

แม้มีภาระทางโลกมาก ก็ภาวนาได้ (และได้ดีด้วย)

แม้มีภาระทางโลกมาก ก็ภาวนาได้ (และได้ดีด้วย)

โยม : กราบนมัสการหลวงพ่อค่ะ โยมเคยฟังซีดีอยู่เจ้าค่ะ โยมมีอาชีพค้าขายแล้วกลับบ้านก็ต้องดูแลลูก อันนี้โยมอยากจะได้กรรมฐานจากหลวงพ่อไปใช้ในชีวิตประจำวันน่ะค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ดูใจของเราไปเลยนะ อย่างเราค้าขายอยู่วันนี้ไม่มีลูกค้ามาเนี่ยเราไม่สบายใจ วันนี้เห็นลูกค้ามาเราพอใจ เห็นลูกค้าคนนี้หน้าตากวนมากเลยชักเกลียดมันแล้วแต่ต้องแกล้งยิ้มไว้อะไรงี้ เราก็รู้ทันว่าเกลียดเค้า

กลับมาบ้านลูกซนลูกร้องเสียงดังบ้านวุ่นวาย ใจเราไม่มีความสุขรู้ว่าไม่มีความสุข รู้ทุกอย่างไป จำไว้เรื่องนึงนะคนเราจะสุขจะทุกข์เนี่ย ถ้าเรายอมรับสิ่งที่เกิดกับตัวเราเองได้นะ ใจเรายอมรับได้นะ เราจะทุกข์น้อย ถ้าใจเรายอมรับไม่ได้ใจจะทุกข์เยอะ

เช่นเรากลับมาบ้านแล้วบ้านเราวุ่นวายเลยเรารู้สึกเบื๊อเบื่อใจเรายอมรับไม่ได้ ใจมันจะยิ่งมีความทุกข์มากขึ้น เราดูลงไปเลยใจมันเบื่อขึ้นมาแล้วรู้ทัน ใจมันรำคาญแล้วรู้ทันนะ

หลวงพ่อก็เห็นใจนะงานหนัก (โยม : ขอบพระคุณเจ้าค่ะ) มีคุณมาลีเนี่ยนะก็ดูแลบ้านเองนะแล้วก็ทำงานด้วย งานหนัก ดูแลบริษัทอยู่คนเดียวเนี่ย ๕ แห่งนะ เพราะงั้นเหนื่อยมากเลยแต่ละวันแต่ละวันแต่เค้าก็ภาวนา ดูแลบ้านเสร็จให้สามีนอนให้ลูกนอนแล้วตัวเองยังมาเดินจงกรมอยู่เลยนะพากเพียรต่อสู้ เพราะอะไร เพราะว่าชีวิตเนี่ยเห็นเลยมันไม่มีสาระแก่นสาร เอาอะไรเป็นที่พึ่งไม่ได้เลย มีเงินเยอะๆก็ไม่ใช่จะเป็นที่พึ่งให้พ้นทุกข์นะ อย่าไปนึกว่าถ้าเรารวยรวยแล้วเราจะไม่ทุกข์ ไม่จริงหรอก คนรวยนี่ทุกข์เยอะเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๒

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๓๓
File: 520920.mp3
ระหว่างชั่วโมงที่ ๑ นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๕๑ ถึง ชั่วโมงที่ ๑ นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๓๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ใจมีคุณภาพระดับไหน ก็เห็นสิ่งภายนอกระดับนั้น

mp3 (for download) : ใจมีคุณภาพระดับไหน ก็เห็นสิ่งภายนอกระดับนั้น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ใจมีคุณภาพระดับไหน ก็เห็นสิ่งภายนอกระดับนั้น

ใจมีคุณภาพระดับไหน ก็เห็นสิ่งภายนอกระดับนั้น

หลวงพ่อปราโมทย์ : นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตาเราแต่เรามองไม่เห็นเพราะใจเราไม่มีคุณภาพ ใจเรามีคุณภาพระดับไหนนะเราก็เห็นสิ่งภายนอกในระดับนั้น

อย่างบางวันจิตใจเราเศร้าหมองนะ โลกทั้งโลกก็ดูเศร้าหมองไปหมด มันดูออกมาจากใจที่เศร้าหมอง โลกก็เลยดูเศร้าหมอง วันไหนเราผ่องใสนะเราดูโลกด้วยใจที่ผ่องใส โลกดูผ่องใส

จริงๆโลกก็เป็นโลกอยู่อย่างนั้นน่ะไม่ได้เศร้าหมองไม่ได้ผ่องใส แต่ใจเรามันไม่เหมือนกัน ถ้าใจเราไม่มีกิเลสไม่มีตัณหาไม่มีความปรุงแต่ง มันจะไปเห็นนิพพาน มีคุณภาพพอ ใจมีคุณภาพระดับไหนก็เห็นสิ่งภายนอกนะระดับนั้น

ใจไม่มีกิเลสตัณหาไม่มีความอยากไม่มีความดิ้นรนปรุงแต่ง เห็นนิพพานซึ่งเป็นธรรมะซึ่งไม่มีกิเลสตัณหาไม่มีความดิ้นรนปรุงแต่งไม่มีทุกข์ ของมีอยู่แล้วแต่ไม่เห็น มาพัฒนาดวงตาให้มีดวงตาที่จะมองเห็น

พระพุทธเจ้าประกาศธรรมะท่านหวังว่าคนมีดวงตาจะเห็น บอกเหมือนจุดไฟในที่มืืดจะเกิดแสงสว่างขึ้นมาหวังว่าคนมีดวงตาจะเห็น การจุดไฟของท่านก็คือการประกาศธรรมะ บอกวิธีปฏิบัติให้เรา เมื่อเราฝึกไปนะเรามีดวงตาขึ้นเมื่อไหร่ เราก็เห็นนิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตานั่นแหล่ะ ไม่เหลือวิสัยที่มนุษย์ธรรมดาคนนึงจะทำได้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๔ หลังฉันเช้า

CD: ๔๑
File: 540910B
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๕๖ ถึงนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๔๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ถ้าเรารู้ทันว่าเผลอ สติจะเกิดเอง

mp 3 (for download) : ถ้าเรารู้ทันว่าเผลอ สติจะเกิดเอง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ถ้าเรารู้ทันว่าเผลอ สติจะเกิดเอง

ถ้าเรารู้ทันว่าเผลอ สติจะเกิดเอง

หลวงพ่อปราโมทย์: พวกเราต้องหัดเจริญสติไว้ หัดรู้สึกกายหัดรู้สึกใจบ่อยๆ ใจของเราชอบเผลอ ใครรู้จักเผลอมั้ย มีใครรู้จักมั้ย ถ้าเด็กรุ่นใหม่จะไม่รู้จักคำว่าเผลอรู้จักเหม่อๆ ใครรู้จักเหม่อๆมั้ย คำว่าใจลอยนะเด็กไม่รู้จักแล้วนะ คำว่าใจลอยสูญไปแล้วจากปทานุกรม เด็กรุ่นใหม่จะรู้จักแต่ว่าเหม่อๆ เหม่อๆนั่นแหล่ะขาดสติแล้ว ในขณะที่เราเหม่อไป เราก็ไปคิดเรื่องโน้นคิดเรื่องนี้ เราลืมกายลืมใจตัวเอง วันนึงๆเราเอาเวลาไปเหม่อเยอะ นั่นคือเราขาดสติแล้วนั่นเอง ขาดสติ เพราะนั้นถ้าเมื่อไหร่เราเหม่อไป เราใจลอยเราเผลอไป แล้วเรารู้ทันว่ามันเหม่อไปแล้ว มันใจลอยไปแล้ว สติจะเกิดเองนะ คือเมื่อไหร่มันไม่เผลอ เมื่อนั้นมันก็รู้สึกนั่นแหล่ะ เพราะนั้นหัดสังเกตความเผลอไว้ ความเหม่อ ความใจลอย

หลวงพ่อเคยเห็นอาจารย์สุรวัฒน์  นี่ก็เห็นแว้บๆตอนนั่งอยู่นี่ อ.สุรวัฒน์เขียนหนังสือมาเล่มนึงนะ เรื่องอะไรนะ รู้ตื่น รู้ตื่นเบิกบาน ทั้งเล่มมีแต่เรื่องรู้กับเผลอ ใครยังไม่มีก็ไปขอเค้านะ เอาไปอ่านดูแล้วไปลองดู วันนึงๆเผลอทั้งวันแหล่ะ

ในโลกนี้ไม่มีคนไม่เผลอนะ แต่ไม่มีคนรู้สึกตัวหรอก หลวงพ่อพูดอย่างนี้หลายคนไม่เชื่อ แต่ถ้าฝึกไปช่วงนึงจนสติเกิดเองแล้วจะรู้เลยว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเผลอตลอด คนที่ไปเรียนกับหลวงพ่อที่ไปเรียนหลายๆครั้งหน่อยนะ ส่วนมากพอกลับมารายงานการปฏิบัติเนี่ยจะบอกว่า เดี๋ยวนี้ไม่ได้ปฏิบัติ แต่อะไรเกิดขึ้นในกายอะไรเกิดขึ้นในใจมันรู้เอง สติระลึกขึ้นเอง สติที่ระลึกขึ้นได้เองเนี่ยแหล่ะ สติเกิดจริง สติที่จงใจกำหนดเนี่ยสติตัวปลอม

จงใจกำหนดแล้วจิตจะแข็งๆ หนักๆ แน่นๆ ซึมๆ ทื่อๆ เมื่อไหร่จิตหนักจิตแน่น จิตแข็งจิตซึมจิตทื่อเนี่ย จิตเป็นอกุศลแน่นอน ถ้าสติตัวจริงเกิดนะ ใจจะโปร่งโล่งเบาสบาย รู้เนื้อรู้ตัวนะ จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่หลงไม่เผลอไป มีแต่ความสุขนะ แค่มีสติก็มีความสุขแล้ว มีคนมารายงานทุกวันล่ะ ว่าอยู่ๆก็มีความสุขโชยขึ้นมาโชยแผ่วๆขึ้นมา พอรู้สึกตัวปุ๊บความสุขก็โชยขึ้นมาแล้ว

ทำไมเป็นอย่างนั้น เพราะจิตเนี่ยธรรมชาติของมันนะมันเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แต่เพราะเราเอากิเลสไปทับถมมันต่างหากล่ะ มันเลยไม่รู้ตื่นเบิกบาน มันก็เหี่ยวๆแห้งๆหนักๆแน่นๆแข็งๆซึมๆทื่อๆ ไปอย่างนั้นเอง

แต่ถ้าเรารู้ทันสภาวะธรรมนะ เช่นใจลอยเรารู้ว่าใจลอย ใจเราเผลอไปคิดรู้ว่าเผลอไปคิดอย่างงี้ เราจะตื่นขึ้นมาในฉับพลัน พอเราตื่นปั๊บเนี่ย ใจจะโปร่งโล่งเบาทันทีนะ สงบสะอาดสว่างรู้ตื่นเบิกบานจะเกิดโดยอัตโนมัติเลย พอตื่นขึ้นมาแว้บนึงเนี่ย เราก็ไม่ได้ปฏิบัติเพื่อเอาความตื่นด้วย แต่เดิมเราเผลอทั้งปีทั้งชาติ เผลอตั้งแต่ตื่นจนหลับ ตั้งแต่เกิดจนตาย เราจะไม่รู้สึกตัวว่าเราเผลออยู่ แต่เราจะรู้สึกว่าเรารู้สึกตัวอยู่แล้ว

คล้ายๆกับว่าสมมตินะ ในห้องนี้ทุกคนนะรวมทั้งหลวงพ่อด้วยเป็นคนชั่วเราชั่วทุกคนชั่วเท่ากัน เชื่อมั้ยในห้องนี้จะไม่มีคนชั่วจะมีแต่คนดีเหมือนกันหมดเลย เกิดท่านอาจารย์มหาประจวบท่านดีขึ้นมาคนนึง พวกที่เหลือรวมทั้งหลวงพ่อด้วยชั่วหมดเลย นึกออกมั้ย การที่เราหัดมีสติก็ด้วยเหตุผลอันเดียวกันนี้แหล่ะ แต่เดิมเราไม่เคยรู้สึกตัวว่าเราหลง เราเผลอตลอดเวลาเพราะเราไม่เคยรู้สึกตัวเลย แต่พอเราฝึกนะเราฟังธรรมะเราสังเกตสภาวะจนใจเราตื่นขึ้นมาชั่วขณะ ตื่นแว้บเดียวนะ ตื่นได้ทีละแว้บ พอเราตื่นขึ้นมาแป๊บเราจะรู้เลย เราหลงมาตลอดชีวิต
CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๓
File: 490716.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๔๒ วินาทีที่ ๔๔ ถึง นาทีที่ ๔๖ วินาทีที่ ๔๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 712345...Last »