Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

การปฏิบัติต้องรู้ทุกข์

mp 3 (for download) : การปฏิบัติต้องรู้ทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเราอยากจะสัมผัสความสุขอันสูงสุดคือพระนิพพาน เราก็ต้องมาดูมาเรียนรู้ทุกข์ ต้องเรียนรู้ทุกข์นะ ไม่ใช่หนีทุกข์ พวกเราคิดว่าถ้าเราหนีทุกข์ได้ เราจะมีความสุข ทุกคนหนีทุกข์มาแต่ไหนแต่ไรนะ หิวข้าว อยากกินโน่น อยากกินนี่ อยากได้โน่น อยากได้นี่นะ หาเงินมาซื้อ หาเงินมาบริโภค คิดว่าจะมีความสุข เดี๋ยวเดียวก็อยากอย่างอื่นอีก ใจเราไม่เต็มไม่อิ่มซะอย่างเดียวนะ ใจมันหิวโหยตลอดเวลาเท่าไร ๆ ก็ไม่พอ งั้นใจนะไม่เคยมีความสงบสุขอย่างแท้จริงเลย

เราค่อย ๆ มาเรียนรู้นะ เรียนรู้ความทุกข์ อะไรเรียกว่าความทุกข์? กายของเรานี้แหล่ะเรียกว่าตัวทุกข์ จิตใจของเรานี้แหล่ะคือตัวทุกข์ เนี่ยเรียนธรรมะนะ ฟังธรรมะนะ ฟังให้มันถึงแก่น ให้มันถึงจิตถึงใจจริง ๆ เราฟังธรรมะฉาบ ๆ ฉวย ๆ สนุกสนานเฮฮา มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ฟังธรรมะแล้วก็ต้องเอาไปปฏิบัติให้ได้เลยนะ

อะไรเรียกว่าทุกข์ กายนี้แหละคือตัวทุกข์ ใจนี้แหละคือตัวทุกข์นะ คนทั่ว ๆ ไป เขาไม่เห็นหรอก เขาเห็นแต่ว่า เวลาเขามีความอยากขึ้นมานะ ถ้าเขาสนองความอยากได้ เขาก็สบายใจ มีความสุข ประเดี๋ยวเดียว ความอยากก็เกิดอีกแล้ว ความอยากเกิดใหม่ ก็ดิ้นรนสนองความอยากอีก หวังว่าจะมีความสุข มันอยู่แป๊บเดียว เดี๋ยวมันก็ความสุขก็หาย ไปอยากอย่างอื่นอีกแล้ว งั้นความสุขอย่างนั้นไม่มีจริงหรอก

เรามาเรียนรู้ให้เห็นความจริงของโลกนะ เรียนรู้ให้เห็นความจริงของชีวิตเรา เราจะเห็นเลยว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในกายในใจของเราเนี่ย นอกจากทุกข์นะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรตั้งอยู่ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป ถ้าเราเห็นได้อย่างนี้จิตจะถึงหมดความยึดถือในกายในใจ กายกับใจเป็นตัวทุกข์นะ ถ้าเมื่อไหร่เราสลัดคืนกายคืนใจให้โลกได้ ก็คือทิ้งตัวทุกข์ไปนะ พ้นจากกายจากใจ จากรูปจากนามนี้ไป จะสัมผัสพระนิพพาน มีความสุขที่มหาศาลขึ้นมา

ส่วนอยู่กับโลก วิ่งหาความสุขเท่าไหร่ ก็หาไม่เจอ หาตั้งแต่เกิดจนตายก็หาไม่เจอนะ ดิ้นไปเรื่อย เต็มไปด้วยความอยาก เต็มไปด้วยความหิวโหย เร่าร้อน อยู่ตลอดเวลา ไม่มีความสุขหรอก

งั้นพวกเราต้องมาค่อย ๆ ฝึกจิตฝึกใจของเรานะ มาเรียนรู้ความจริงของกาย มาเรียนรู้ความจริงของจิตใจตัวเองให้มาก ถ้าหากเราอยากได้มรรคผลนิพพาน เราทิ้งการที่จะมามีสติ รู้กายรู้ใจของตัวเองไม่ได้นะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ อยุธยาพาร์ค เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๖

File: 560425.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๕๔ ถึง นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๔๑


ตัด/ถอดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จะมีปัญญา ต้องหัดเจริญปัญญา

Video link : youtu.be/nRfMG5t5-OE

ศาลากาญจนาภิเษกรำลึก (ศาลาลุงชิน)

หลวงพ่อปราโมทย์ : มันอยู่ที่ว่า.. นักปฏิบัติก็ยังมีจำนวนพอสมควรนะ แต่ว่ามันอยู่ตรงที่ว่าภาวนาผิด ไปเพ่ง ไปจ้อง เพ่งจ้องนิ่งเอาไว้เฉยๆ ไปเพ่งไปจ้องให้จิตมันนิ่ง หรือบังคับร่างกายบังคับจิตใจ ไม่ทำให้เกิดปัญญา ต้องปล่อยให้กายมันทำงานแล้วมีสติตามรู้ไป คอยเห็นว่าร่างกายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ปล่อยให้จิตมันทำงาน มีสติตามรู้ จิตตั้งมั่นเป็นคนดูอยู่ เห็นสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามา มาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป ถ้าดูได้อย่างนี้นะ ก็ใช้เวลาไม่นานหรอก พอเราภาวนาไปถึงจุดหนึ่ง จิตมันจะปิ๊ง ปิ๊งขึ้นมานะ รู้ ไม่มีตัวเรา ตัวเราหายไปแล้ว

นักปฏิบัติสมัยก่อนนะ ติดสมถะกันแทบทั้งนั้นเลย ทำแต่สมาธิ สงบ นิ่ง เฉยเลย หวังว่าทำสมาธิมากๆแล้วจะหลุดพ้น จะเกิดปัญญา ไม่เกิดหรอก นี่หลวงพ่อเห็นเว็บของติกน่ะ พัลวันน่ะ ตึก ไปเอาที่หลวงพ่อเคยพูดบ่อยๆ ที่ไตรภพสัมภาษณ์หลวงตา เอามาลงนะ ไปดูสิ มีพยานแล้วนะ เมื่อแต่ก่อนเราพูด บางคนก็บอกว่าเราแต่งเองหรือเปล่าวะ หลวงตาจะเอามาพูดเหรอ มีหลักฐานแล้วนะ นั่นถอดมาคำต่อคำเลย ถามว่า ถ้ามีศีลมีสมาธิแล้ว มันจะมีปัญญามั้ย ไม่มี คนละเรื่องกัน แล้วทำยังไงจะเกิดปัญญา ก็ต้องเดินปัญญาสิ ต้องพิจารณา พิจารณาเนี่ยไม่ใช่.. แต่เบื้องต้นมันก็คิดเอานะ สำหรับคนที่ติดความสงบก็ต้องคิดเอา เบื้องปลายแล้วการพิจารณาไม่ได้แปลว่าคิดแล้ว หลวงพ่อพุธ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย – ผู้ถอด) ท่านอธิบายดี พิจารณาคือตัววิจารณ์ (พิจารณา เป็นศัพท์ที่มีรากมาจากภาษาสันสกฤต วิจาร เป็นศัพท์ที่มีรากมาจากภาษาบาลี มีความหมายอย่างเดียวกัน – ผู้ถอด) ใจมันเคล้าเคลียเรียนรู้อยุ่อย่างนั้น เรียกว่า พิจารณา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลท่าพระ
อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษกรำลึก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖
นาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๒๙ – นาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๓๕
youtu.be/vkRxfKOP9P0

หลวงตามหาบัวแสดงธรรมในรายการทไวไลท์โชว์

ไตรภพ : อยู่บนศีล สมาธิ แล้วปัญญามันจะมาเอง?

หลวงตาฯ : หา.. อะไรจะมาเอง?

ไตรภพ : ปัญญาจะมามั้ยขอรับพระคุณเจ้า ถ้ามีศีล มีสมาธิตั้งมั่นแน่วแน่ ปัญญาจะมามั้ยขอรับ

หลวงตาฯ : ไม่มา

ไตรภพ : แล้วปัญญาจะมาได้อย่างไรขอรับ?

หลวงตาฯ : ก็พิจารณาทางด้านปัญญา

ไตรภพ : สาธุ..

หลวงตาฯ : คือศีลต้องเป็นศีล แต่เป็นเครื่องหนุนให้สมาธิเกิดขึ้นได้อย่างง่าย เช่น ผู้ปฏิบัติตัวด้วยศีลอันบริสุทธิ์แล้วนะ จิตจะไม่เป็นกังวลระแคะระคายในตัวของตนว่าเป็นผู้มีศีลด่างพร้อยอะไรๆ เพราะศีลสมบูรณ์แล้วก็มีความอบอุ่น จิตก็ไม่เป็นกังวล เมื่อจิตไม่เป็นกังวลแล้วทำสมาธิก็ลงได้เร็ว ลงได้เร็วแล้วเป็นสมาธิแน่วแน่เข้าไป สมาธิเป็นหลายขั้นหลายภูมิในภาคปฏิบัติ สำหรับทางด้านปริยัติที่เราจดจำมานั้น กับภาคปฏิบัติผิดกันมาก ต้องได้ผ่านทางภาคปริยัติและภาคปฏิบัติแล้วจะพูดได้อย่างฉาดฉาน คนเรานะ…

รายการทไวไลท์โชว์
ออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๑
เวลา ๑๖:๐๐ น. – ๑๗:๐๐ น.
นาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๓ ถึงนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๕๕
youtu.be/TXZnYbYbpOg

ศาลากาญจนาภิเษกรำลึก (ศาลาลุงชิน)

หลวงพ่อปราโมทย์ : บางคนทำสมาธิ ส่วนใหญ่ไปติดสงบนะ เพ่งลูกแก้ว เพ่งพระพุทธรูป เพ่งไฟ เพ่งอยู่อย่างนั้น จิตสงบอยู่ในอารมณ์อันเดียว นั่นเป็นสมถะ แค่สมถะเท่านั้นเอง ยังไม่ถึงจิตตั้งมั่นด้วยซ้ำไป พอจิตตั้งมั่นแล้วก็ยังต้องมาแยกขันธ์อีก แยกขันธ์แล้วต้องมาดูขันธ์แสดงไตรลักษณ์ ที่ทำกรรมฐานหลายสิบปีแล้วยังไม่ได้ผล ก็เพราะเรื่องนี้แหละ ไปติดความนิ่ง สงบเฉยๆ ว่างๆ เห็นโน่นเห็นนี่นะ นั่งเห็นโน่นเห็นนี่ไป

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลท่าพระ
อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษกรำลึก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖
นาทีที่ ๓๗ วินาทีที่ ๓๐ – นาทีที่ ๓๘ วินาทีที่ ๕
youtu.be/vkRxfKOP9P0

ดูเพิ่มเติม : การแยกขันธ์เป็นขั้นเจริญปัญญา http://wp.me/pNG1y-6gM #หลวงพ่อปราโมทย์ (Re-airing) http://www.dhammada.net/2013/12/06/24104/

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จะปล่อยวางเป็นต้องเห็นไตรลักษณ์

mp3 for download :จะปล่อยวางเป็นต้องเห็นไตรลักษณ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : กายก็แสดงไตรลักษณ์ใช่มั้ย ดูกายเพื่ออะไร เพื่อให้เห็นไตรลักษณ์ ดูเวทนาก็เห็นไตรลักษณ์ ดูสังขารปรุงดีปรุงชั่วก็เห็นไตรลักษณ์ ดูวิญญาณดูจิตดูใจ ก็เห็นไตรลักษณ์ เห็นไตรลักษณ์ก็คือเห็นความจริง (หมายถึง เห็นความจริงร่วมของทุกๆสิ่งที่เป็นกาย เป็นเวทนา เป็นสังขาร เป็นวิญญาณ – ผู้ถอด)

เพราะเห็นตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายความยึดถือ เพราะคลายความยึดถือจึงหลุดพ้น หลุดพ้นจากอะไร หลุดพ้นจากความยึดถือในรูปในนามนี่เอง จิตเข้าถึงความสงบสุข สันติสุขที่แท้จริง คำว่าสันติๆ นั้นแหละคือคำว่า “นิพพาน” (เป็นคำไวพจน์ หมายถึง เป็นคำคนละคำที่เขียนหรือเรียกหรือหมายถึงสิ่งเดียวกัน – ผู้ถอด) ในนิพพนมีอะไรอยู่ ในนิพพานมีบรมสุขอยู่ มีความสุขอยู่ สันติมีที่ไหนความสุขก็มีที่นั่น แต่ในโลกที่เที่ยวหาสันติไม่เคยมีสันติหรอก สันติอยู่ที่จิตนี่เองนะ ถ้าฝึกเจริญศีลสมาธิปัญญาแก่รอบ จะเข้าถึงสันติภายในใจของเรานี่เอง

เพราะฉะนั้นภาวนานะ แม้ว่าโลกจะแตกเราก็มีความสุขของเราอยู่ได้ เพราะเรามีสันติสุข


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907B
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๖ วินาทีที่ ๒ ถึง นาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คิดเอา ยังไม่ขึ้นวิปัสสนา

mp3 for download :คิดเอา ยังไม่ขึ้นวิปัสสนา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ลูกศิษย์ของหลวงพ่อบางคนก็เป็นเปรียญนะ ก็มีเหมือนกัน ภาวนาไม่เป็น รู้ธรรมะเยอะ รู้ตำราเยอะ ภาวนาไม่เป็น ไม่มีประโยชน์อะไร หัดดูของจริงๆ หัดดูความจริง หัดดูของจริง อะไรเป็นของจริง รูป-นาม กาย-ใจนี้เป็นของจริง อะไรไม่ใช่ของจริง เรื่องราวที่คิดเอา คิดเอา พิจารณาเอา ฝันเอา จินตนาการเอา ไม่ใช่ของจริง

ให้ดูของจริง ไปดูกายดูใจ นั่นล่ะของจริง ดูเพื่อให้เห็นความจริง ความจริงของกายของใจคือไตรลักษณ์ ดูอันนี้ พอเข้าใจไตรลักษณ์ของกายของใจแจ่มแจ้งนะ จิตมันปล่อย วางกายวางใจนะ จะเข้าถึงของจริง เข้าถึงของจริงเข้าถึงความจริงอีกชนิดหนึ่ง นั่นคือ นิพพาน

นิพพานมีอยู่จริงๆ นิพพานไม่ใช่โลกอุดมคติที่พระพุทธเจ้าสร้างขึ้นมาหลอกเด็ก ให้คนทำดีเยอะๆแล้ววันหนึ่งจะนิพพาน ท่านไม่ได้บอกนะว่า ทำดีเยอะๆแล้วจะนิพพานนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907B
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๐ วินาทีที่ ๒ ถึง นาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อคลายความยึดถือจะหลุดพ้น

mp3 for download :เมื่อคลายความยึดถือจะหลุดพ้น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากวัดพระธาตุโกฏิแก้ว
เอื้อเฟื้อภาพโดย คุณ มโน มยา

หลวงพ่อปราโมทย์ : คำว่า “อนัตตา” เป็นคำที่กว้าง มีความหมายหลายแบบ ในทางตำราที่พวกพระเขาเรียนกัน ในนักธรรมเอกนั้นบอกเลย มันมี ๕ แบบ คำว่าอนัตตาน่ะ ไม่อยู่ในอำนาจ ปฏิเสธความเป็นตัวตน อะไรอย่างนี้ มีหลายแบบ เป็นไปตามเหตุอะไรอย่างนี้ นั่นคือความหมายของคำว่าอนัตตา

ก็มาดูความจริงนะ ในกายในใจเรื่อยๆ เห็นแต่อนิจจังทุกขังอนัตตา ดูไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นตามความเป็นจริงจะเบื่อหน่าย เมื่อเบื่อหน่ายจะคลายความยึดถือ เมื่อคลายความยึดถือจะหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นจะรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว ชาติคือความเกิดที่จะต้องมาเสวยอารมณ์ เสวยทุกข์ ไม่มีอีกแล้ว ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์คือการประพฤติปฏิบัติธรรมเนี่ย จบแล้ว หมายถึงการปฏิบัติธรรมนี้มีที่จบนะ งานทางโลกไม่มีวันจบ แต่งานทางธรรมนั้นมีวันจบ จบตรงที่เห็นความจริงแจ่มแจ้งแล้ว

เพราะเห็นตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายความยึดถือ เพราะคลายความยึดถือจึงหลุดพ้น เพราะหลุดพ้นจึงรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจที่ควรทำในวัฏฏะของเราเนี่ย คือการยกระดับจิตใจให้พ้นจากความทุกข์ กิจทางโลกๆนี้ทำไปเพื่ออาศัยอยู่กับโลกชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นเอง ทำมาหากินหาเงินหาทอง หุงข้าวต้มแกง อะไรอย่างนี้นะ เป็นกิจทางโลก พวกนี้จะอยู่ชั่วคราว หุงข้าวมาเดี๋ยวก็กินข้าวหมด เดี๋ยวก็มาหุงใหม่อีก วนเวียนไปไม่จบ แต่กิจในการปฏิบัติธรรมนี้จบ ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้นไม่มีอีกแล้ว จิตมันจะรู้สึกเลยว่า มันหมดภาระแล้ว มันหมดสิ่งที่จะต้องทำแล้ว คำว่า “ต้อง” จะไม่มีในชีวิตอีกแล้ว

พวกเรามีคำว่า “ต้อง” เยอะมั้ย ช่วงไหนคำว่า “ต้อง” เยอะๆ เครียดมั้ย คิดดูนะ พระอรหันต์ไม่มีคำว่า “ต้อง” นะ สบายมั้ย สบ๊ายสบาย ฝึกเอานะ ฝึกเอา แล้วจะรู้ว่า นิพพานมีจริง ถ้าไม่ฝึกนะ นานๆไปก็จะรู้ว่านรกมีจริงๆนะ เลือกเอานะ ทางใครทางมัน

*หมายเหตุ ลักษณะของอนัตตา หรือ อนัตตลักษณะ ตามพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) [พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)]

อนัตตลักษณะ ลักษณะที่เป็นอนัตตา,ลักษณะที่ให้เห็นว่าเป็นของมิใช่ตัวตน โดยอรรถต่างๆ
        ๑. เป็นของสูญ คือ เป็นเพียงการประชุมเข้าขององค์ประกอบที่เป็นส่วนย่อยๆ ทั้งหลาย ว่างเปล่าจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา หรือการสมมติเป็นต่างๆ
        ๒. เป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ ไม่เป็นของใครจริง
        ๓. ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆ
        ๔. เป็นสภาวธรรมที่ดำรงอยู่หรือเป็นตามธรรมดาของมัน เช่น ธรรมที่เป็นสังขตะ คือสังขาร ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ขึ้นต่อเหตุปัจจัย ไม่มีอยู่โดยลำพังตัว แต่เป็นไปโดยสัมพันธ์ อิงอาศัยกันอยู่กับสิ่งอื่นๆ
        ๕. โดยสภาวะของมันเอง ก็แย้งหรือค้านต่อความเป็นอัตตา มีแต่ภาวะที่ตรงข้ามกับความเป็นอัตตา;


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907A
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๒๓ วินาทีที่ ๑๐ ถึง นาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๓๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ลักษณะของจิตผู้รู้

mp3 for download : ลักษณะของจิตผู้รู้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ : เนี่ยเราค่อยๆดูนะ เราจะเห็นเลย จิตก็เกิดดับไปทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ร่างกายก็ถูกรู้ถูกดู จิตก็ถูกรู้ถูกดู อะไรๆก็ถูกรู้ถูกดู ตัวเราไม่มี แล้วตัวผู้รู้ผู้ดูล่ะ ผู้รู้ผู้ดีคือจิตที่มีสมาธิ ประกอบด้วยปัญญา เกิดโดยไม่ได้ชักชวน มีองค์ประกอบนะ ลักษณะของจิตผู้รู้ผู้ดู เป็นมหากุศลจิต จิตที่เป็นผู้รู้ผู้ดูเป็นมหากุศลจิต มีความสุขก็ได้มีอุเบกขาก็ได้ แต่จะไม่มีความทุกข์ เพราะฉะนั้นจิตผู้รู้เนี่ย มีความสุขก็ได้ มีอุเบกขาก็ได้ แต่ไม่มีความทุกข์

บางดวงประกอบด้วยปัญญา บางดวงรู้เฉยๆไม่ประกอบด้วยปัญญา ตัวรู้บางทีก็ไปเห็นไตรลักษณ์ ตัวรู้บางทีไม่เห็นไตรลักษณ์แต่ไปเห็นสภาวะ เห็นตัวรูป เห็นตัวเวทนา ตัวสังขาร ตัวจิต อะไรอย่างนี้ ไปรู้ตัวมัน ไม่เห็นว่ารูปเป็นไตรลักษณ์ จิตตัวรู้ตัวนี้ไม่ประกอบด้วยปัญญา บางครั้งบางคราวหรอกที่เห็นไตรลักษณ์ รูปนี้ตรงอยู่ใต้ไตรลักษณ์ รูปนี้ไม่ใช่เรานี่หว่า รู้สึกแว้บขึ้นมา ตัวรู้ตัวนี้ประกอบด้วยปัญญา เรียกว่า ญาณสัมปยุต ตัวรู้ตัวนี้จะมีคุณภาพเมื่อเกิดได้เอง ถ้าต้องหาทางทำให้เกิดนะ จะมีกำลังอ่อน เป็นกุศลที่มีกำลังอ่อน เดินปัญญาได้ไม่แท้จริง ตรงที่มันเกิดได้เองนี้เรียกว่า อสังขาริกัง ถ้าต้องโน้มน้าวจูงใจให้เกิดจะเรียกว่า สสังขาริกัง อสังขาริกังถึงจะมีพลัง

เพราะฉะนั้นเราต้องมาฝึกตัวรู้นะ ฝึกมีตัวรู้ขึ้นมา แล้วขันธ์มันจะแยกตัวออกไป หรืออายตนะมันก็จะแยกออกไป ตาก็ส่วนตา ตาไม่ใช่เรา หูก็ส่วนหู หูไม่ใช่เรา จมูกลิ้นกายก็ไม่ใช่เรา ใจก็ไม่ใช่เรา ถ้ามีตัวรู้ขึ้นมานะ ขันธ์ ๕ ก็ไม่ใช่เรา ร่างกายก็ส่วนร่างกาย ส่วนของรูป ความสุขทุกข์ทั้งหลายก็ส่วนของเวทนา ไม่ใช่ร่างกายไม่ใช่จิต สังขารทั้งหลาย ความปรุงดีปรุงชั่วทั้งหลาย ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ร่างกาย ไม่ใช่จิต ไม่ใช่เวทนาความสุขทุกข์ด้วย ตัววิญญาณกิดแล้วก็ดับไป เกิดแล้วก็ดับไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๓๕ ถึงนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สิ่งใดที่ถูกรู้ถูกดู จิตจะรู้สึกได้เอง ว่าไม่ใช่ตัวเรา

mp3 for download : สิ่งใดที่ถูกรู้ถูกดู จิตจะรู้สึกได้เอง ว่าไม่ใช่ตัวเรา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ : อย่างที่หลวงพ่อสอนแยกธาตุแยกขันธ์ ก็แยกออกไป รูปส่วนรูป พอแยกรูปออกไปปุ๊บ รูปไม่ใช่เราแล้ว เวทนาแยกออกไป เวทนาไม่ใช่เรา สัญญาแยกออกไป สัญญาไม่ใช่เรา สังขารวิญญาณแยกออกไป ไม่มีเราแล้ว เพราะฉะนั้นความที่ขันธ์ ๕ มารวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน หรืออายตนะ ๖ มารวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนเนี่่ย อยู่ด้วยกันนะ สัญญาจะเข้าไปหมายว่ามีตัวเราขึ้นมา ถ้ามันแตกออกแล้วจะไปหมายว่าเป็นเราไม่ได้

ยกตัวอย่างพัดอันนี้ ใครรู้สึกว่าพัดเป็นตัวเราบ้าง มีมั้ย ไม่มีหรอก เพราะอะไร เพราะพัดเป็นสิ่งที่เราไปรู้เข้า เรายกมือของเราขึ้นมาดู ลองดูมือตัวเราเองซิ รู้สึกมั้ยว่ามือเป็นเรา ถ้าไม่คิดไม่เป็นหรอก ถ้าไม่คิดไม่เป็นหรอก ถ้าเราค่อยๆสังเกต ร่างกายอยู่ส่วนหนึ่ง จิตเป็นคนดู ตัวเราจะหายไปแล้ว ถ้าร่างกายอยู่ส่วนหนึ่ง จิตเป็นคนดูเนี่ย ร่างกายจะไม่เป็นเราอีกต่อไปแล้ว เพราะอะไร เพราะว่าอะไรก็ตามที่ถูกรู้ถูกดูเนี่ย จะไม่ถูกรู้สึกว่าเป็นตัวเราอีกต่อไปแล้ว ยกตัวอย่างเห็นพัดเนี่ย พัดเป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู พัดไม่ใช่เราแล้ว ร่างกายเป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู

แต่ถ้าจิตไม่ตั้งมั่นออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดูนะ ดูไปปุ๊บมันจะกลายเป็นร่างกายของเราแล้ว มันไปรวมเป็นก้อนเดียวกันแล้วก็มีตัวเราขึ้นมา แต่ถ้าไอ้ก้อนนี้แตกออก ขันธ์นี้แตกออกเป็นส่วนๆ ร่างกายก็คือส่วนของร่างกายเป็นส่วนของรูป ความรู้สึกสุขทุกข์ก็ส่วนของความรู้สึกสุขทุกข์ จิตเป็นคนไปรู้สุขรู้ทุกข์เข้า สุขทุกข์ก็ไม่ใช่เรา ความจำได้หมายรู้ จิตก็เป็นคนไปรู้มันเข้า มันก็ไม่ใช่เรา สังขารคือความปรุงดีปรุงชั่ว จิตไปรู้มันเข้า มันก็ไม่ใช่เรา

จิตที่เกิดดับทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ มีจิตอีกตัวหนึ่ง(ที่เกิดขึ้นตามหลังไปติดๆ – ผู้ถอด)ไปรู้ จะรู้เลยว่าจิตที่เวียนเกิดทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ท่านเรียกว่า “วิญญาณ” วิญญาณเป็นการหยั่งรู้อารมณ์ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ท่านเรียกว่าวิญญาณนะ ทำไมเป็นวิญญาณขันธ์ วิญญาณน่ะไม่ใช่ตัวเรา เป็นสิ่งที่ถูกรู้อีก มันก็เกิดแล้วก็ดับไป เกิดแล้วก็ดับไป ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ยกตัวอย่างเวลาเราสังเกตกายใจนะ เดี๋ยวก็วิ่งไปดู เดี๋ยวก็วิ่งไปฟัง เดี๋ยวก็วิ่งไปคิด ดูก็ดูแว้บเดียว แล้วก็มาคิด

คิดก็คิดหน่อยหนึ่ง บางทีก็คิดยาว คิดมากกว่าดูนะ คิดมากกว่าดู คิดมากกว่าฟัง เพราะฉะนั้นที่ว่าพอฟังแล้วเราเข้าใจน่ะ อันนี้คิดเอาเองเกือบทั้งหมดเลย ระหว่างฟังกับคิดเนี่ย คิดมากกว่าฟัง ระหว่างดูกับคิดนะ คิดมากกว่าดูเสียอีก ดูนิดเดียวเอามาคิดตั้งยาว เพราะฉะนั้นมันมี Bias (ความลำเอียงหรืออคติ-ผู้ถอด) อยู่แล้วล่ะ ความรู้ที่เกิดจากการคิดเอา มันมีกิเลสซ่อนอยู่

เนี่ยเราค่อยๆดูนะ เราจะเห็นเลย จิตก็เกิดไปทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ร่างกายก็ถูกรู้ถูกดู จิตก็ถูกรู้ถูกดู อะไรๆก็ถูกรู้ถูกดู ตัวเราไม่มี


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๓๒ ถึงนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๔๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ไม่เห็นไตรลักษณ์เพราะมีสิ่งปิดบัง

mp3 for download : ไม่เห็นไตรลักษณ์เพราะมีสิ่งปิดบัง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ : เนี่ยถ้าเราภาวนานะ แล้วสติสมาธิเราพอเราก็จะเห็นว่า จิตมันเกิดดับอยู่ทางทวารทั้ง ๖ เกิดที่ไหนดับที่นั่น การที่เห็นจิตเกิดแล้วดับไป เกิดแล้วดับไป เรียกว่าสันตติขาด ขาดความต่อเนื่องแล้ว มันขาดออกเป็นส่วนๆ เป็นท่อนๆไป พอสันตติขาดก็จะเห็นว่าตัวเราไม่มี ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าตัวตนถาวร เพราะมีแต่สิ่งที่เกิดแล้วก็ดับไป เกิดแล้วก็ดับไป เนี่ยสันตตินะปิดบัง ทำให้เราไม่เห็นอนิจจัง ทำให้ไม่เห็นว่ามีแล้วหายไป คิดว่ามีอยู่ตลอด คิดว่าจิตก็มีอยู่ดวงเดียว วิ่งไปทางตาวิ่งไปทางหูวิ่งไปทางจมูกทางลิ้นทางกายทางใจ พอฝึกมากเข้าจนบรรลุเป็นพระอรหันต์จิตไม่วิ่งไปไหน จิตก็ตั้งมั่นเด่นดวงอยู่ดวงเดียวอย่างนั้นน่ะ ก็เลยคิดว่าจิตมีดวงเดียว อันนี้เป็นมิจฉาทิฎฐิ สันตติยังไม่ขาด ยังไม่ได้เริ่มวิปัสสนาเลย เนี่ย ถ้าหากว่าได้ยินสอนเรานะว่าจิตเที่ยงนะ ต้องรู้นะว่ายังไม่ได้เริ่มทำวิปัสสนาเลย คำสอนอย่างนี้

ความทุกข์นะ ตัวที่ปิดบังตัวทุกข์ไว้ ก็คือการเปลี่ยนอิริยาบถ เห็นมั้ย ตัวที่ปิดบังความไม่เที่ยงไว้ ทำให้เรามองได้ไม่ชัด ก็คือตัวสันตติ สันตติมันปิดบัง มันเกิดดับสืบเนื่องกันไปทำให้เรานึกว่าตัวเดิม ตัวที่ปิดบังอนัตตาไว้เรียกว่า ฆนะ(ความเป็นกลุ่มเป็นก้อน – ผู้ถอด) เนี่ยเราไม่เห็นไตรลักษณ์นะเพราะว่า มันมีสิ่งที่มาปิดมาบังไว้ ตัวทุกข์เราไม่เห็นเพราะเราเปลี่ยนอิริยาบถว่องไวเหลือเกิน เราไม่เห็นอนิจจังเพราะว่าสภาวธรรมเกิดดับสืบเนื่องกันเร็วกันรวดเร็ว สติเราไม่ทัน เราไม่เห็นความเป็นอนัตตา ตัวเราไม่มีหรอก เพราะว่าอะไร เพราะว่าขันธ์มันรวมกันขึ้นมา มันเลยมีตัวเราขึ้นมา ถ้าขันธ์มันแตกออกไปมันจะเห็นเลยว่ามันไม่มีตัวเรา

อย่างที่หลวงพ่อสอนแยกธาตุแยกขันธ์ ก็แยกออกไป รูปส่วนรูป พอแยกรูปออกไปปุ๊บ รูปไม่ใช่เราแล้ว เวทนาแยกออกไป เวทนาไม่ใช่เรา สัญญาแยกออกไป สัญญาไม่ใช่เรา สังขารวิญญาณแยกออกไป ไม่มีเราแล้ว เพราะฉะนั้นความที่ขันธ์ ๕ มารวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน หรืออายตนะ ๖ มารวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนเนี่่ย อยู่ด้วยกันนะ สัญญาจะเข้าไปหมายว่ามีตัวเราขึ้นมา ถ้ามันแตกออกแล้วจะไปหมายว่าเป็นเราไม่ได้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๓๒ ถึงนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การพิจารณาไตรลักษณ์เมื่อดูจิตดูนามธรรม

mp3 for download : การพิจารณาไตรลักษณ์เมื่อดูจิตดูนามธรรม

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ :เวลาสอนไตรลักษณ์เกี่ยวกับนามธรรมนะ ท่านจะสอนอนิจจังกับอนัตตา ท่านโดด บางทีโดดข้ามทุกขังไปเฉยๆเลย เพราะอะไร เพราะว่านามธรรมนี้ ตัวที่เด่นคือตัวอนิจจังกับอนัตตา แต่ถ้าดูรูปธรรมนะ ตัวที่เด่นคือตัวทุกขัง มันถูกบีบคั้น นั่งอยู่ก็ถูกบีบคั้น ทำให้นั่งต่อไปไม่ได้ เดินอยู่ก็ถูกบีบคั้น ทำให้เดินต่อไปไม่ได้ นอนอยู่ก็ถูกบีบคั้น ทำให้นอนต่อไปไม่ได้ พลิกไปพลิกมา หายใจออกก็ต้องถูกบีบคั้นต้องหายใจเข้า หายใจเข้าก็ถูกบีบคั้นต้องหายใจออก เนี่ยมันถูกบีบคั้นตลอดเลยตัวรูป รูปเป็นของที่แตกสลายได้ ถูกทำลายได้ด้วยดินน้ำไฟลมอะไรพวกนี้ ส่วนนามธรรมนั้นมันเหมือนภาพลวงตา ไหวตัวขึ้นมาแว้บแล้วสลาย ไหวตัวแว้บแล้วสลาย เต็มไปด้วยของไม่เที่ยง ดูง่าย

ทำทำวัตรเช้าน่าฟังมากเลย เริ่มสอนตั้งแต่ขันธ์ ๕ มีอยู่บทหนึ่ง นึกออกมั้ย ที่สอนจำแนกขันธ์ ๕ ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือรูป ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ท่านสอนบอกว่า พระพุทธเจ้าสอนให้เราดูขันธ์นั่นแหละ ก็เห็นว่า รูปังอนิจจัง ก็เห็นตามความเป็นจริงว่า รูปํอนิจฺจํ รูปไม่เที่ยง เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง รูปํ อนตฺตา ใช่มั้ย โดดข้ามจาก รูปํ อนิจฺจํ ไป รูปํ อนตฺตา รูปังอนัตตา รูปเป็นอนัตตา เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนัตตา ท่านข้ามทุกขังไป

หลวงพ่อมองว่า ที่ท่านข้ามเพราะว่า คำสอนเรื่องขันธ์ ๕ นี้ ไปเน้นกับพวกที่ควรจะดูนาม ตัวนามที่เด่นชัดก็คืออนิจจังกับอนัตตา อันนี้ในตำราไม่มีหรอกนะ หลวงพ่อพิจารณาเอาเอง ในตำราเขาจะอธิบายอีกอย่าง ในอรรถกถาจะอธิบายไปในทำนองว่า สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นมันเป็นอันเดียวกัน ดังนั้นเมื่อไม่เที่ยงแล้วก็เลยไปอนัตตา ไม่อธิบายให้จบนี่ พระพุทธเจ้าบอกว่าสิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นเป็นอนัตตา เพราะฉะนั้นก็น่าจะเหลือแต่ไม่เที่ยง อธิบายไม่ได้ อธิบายไม่จบหรอก

ถ้าเราภาวนาเราจะรู้เลย ตัวร่างกายนี้ ตัวทุกข์นี้เด่นมากเลย เราได้อาศัยความเคลื่อนไหวนี่แหละ กลบเกลื่อนความทุกข์ไม่ให้รู้สึก พอนั่งเมื่อยแล้วขยับ นั่งเมื่อยแล้วขยับ ก็ขยับไปเรื่อยนะ นอนเมื่อยก็พลิกไปพลิกมา ไม่ทันจะเห็นทุกข์เลย หายใจออกไปยังไม่ทันจะเห็นทุกข์ก็หายใจเข้า กลบมันไว้ มันเริ่มทุกข์นิดหน่อยก็กลบมันไว้ ท่านจึงสอนบอกว่า อิริยาบถนั้นมันปิดบังทุกข์ไว้ เปลี่ยนท่าทาง หายใจออกก็เปลี่ยนเป็นหายใจเข้า หายใจเข้าก็เปลี่ยนเป็นหายใจออก ยืนแล้วก็เปลี่ยนไปเดิน ไปนั่ง ไปนอน เปลี่ยนอิริยาบถปิดบัง ทำให้ไม่เห็นทุกข์

อนิจจังนะ เราดู บางทีสติเราไม่ไวพอ เราก็นึกว่ามันคงที่อยู่ ยกตัวอย่างเราเห็นว่าจิตมีดวงเดียว จิตวิ่งไปทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ จิตวิ่งไปแล้วก็วิ่งกลับมา วิ่งไปแล้วก็วิ่งกลับมา ใครเห็นจิตวิ่งไปวิ่งมาได้บ้าง ยกมือสิยกมือ เห็นจิตวิ่งพรึ่บไปแล้วก็กลับมา วิ่งพรึ่บไปแล้วก็กลับมา เห็นถูกมั้ย เห็นถูก แต่ยังถูกไม่เต็มที่ สันตติไม่ขาด ก็เลยยังเห็นว่าจิตเที่ยงอยู่ ถ้าสันตติขาดเราจะเห็นว่า จิตเกิดที่ตาแล้วก็ดับลงที่ตา จะเกิดจิตอีกดวงหนึ่งขึ้นที่ใจ เกิดที่ใจแล้วก็ดับลงที่ใจ แล้วอาจจะเกิดจิตอีกดวงหนึ่งที่หูก็ได้ ที่ตา ที่จมูก ที่ลิ้น ที่กาย ที่ใจ จิตคนละดวงกัน เกิดแล้วก็ดับไป เกิดแล้วก็ดับไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๓๖ ถึงนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กรรมฐานและไตรลักษณ์ ต้องเลือกไปตามความถนัด

mp3 for download : กรรมฐานและไตรลักษณ์ ต้องเลือกไปตามความถนัด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ :เวลาเราพูดถึงรูปนะ เวลาดูรูป ตัวทุกข์เนี่ยจะเด่น รูปธรรมนั้นตัวทุกข์จะเด่น นามธรรมนะ อนิจจัง อนัตตา จะเด่น คนที่ทำกรรมฐานที่เหมาะแก่การดูรูปเนี่ย พระพุทธเจ้าท่านจะสอนเรื่องอายตนะให้ คนที่ทำกรรมฐานที่เหมาะกับการดูนาม พระพุทธเจ้าท่านจะสอน

เรื่องขันธ์ ๕ ให้ มันก็อันเดียวกันนะ เป็นการแยกสิ่งที่เรียกว่า “ตัวเรา” ออกเป็นส่วนๆ ถ้าเป็นพวกที่ชำนาญในรูปธรรมนะ ท่านจะแยกออกไปเป็น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตาหูจมูกลิ้นกายเป็นรูป มีใจเป็นนามอันเดียว ส่วนใหญ่ที่ให้ดูเป็นรูป แต่ถ้าเป็นพวกถนัดนาม ท่านจะสอนขันธ์ ๕ รูป รูปเป็นตัวรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นนามธรรม มีนามมาก มีรูปน้อย ดูนามมาก

เวลาสอนไตรลักษณ์เกี่ยวกับนามธรรมนะ ท่านจะสอนอนิจจังกับอนัตตา ท่านโดด บางทีโดดข้ามทุกขังไปเฉยๆเลย เพราะอะไร เพราะว่านามธรรมนี้ ตัวที่เด่นคือตัวอนิจจังกับอนัตตา แต่ถ้าดูรูปธรรมนะ ตัวที่เด่นคือตัวทุกขัง มันถูกบีบคั้น นั่งอยู่ก็ถูกบีบคั้น ทำให้นั่งต่อไปไม่ได้ เดินอยู่ก็ถูกบีบคั้น ทำให้เดินต่อไปไม่ได้ นอนอยู่ก็ถูกบีบคั้น ทำให้นอนต่อไปไม่ได้ พลิกไปพลิกมา หายใจออกก็ต้องถูกบีบคั้นต้องหายใจเข้า หายใจเข้าก็ถูกบีบคั้นต้องหายใจออก เนี่ยมันถูกบีบคั้นตลอดเลยตัวรูป รูปเป็นของที่แตกสลายได้ ถูกทำลายได้ด้วยดินน้ำไฟลมอะไรพวกนี้ ส่วนนามธรรมนั้นมันเหมือนภาพลวงตา ไหวตัวขึ้นมาแว้บแล้วสลาย ไหวตัวแว้บแล้วสลาย เต็มไปด้วยของไม่เที่ยง ดูง่าย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๓๓ ถึงนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๓๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ไตรลักษณ์ เป็นสิ่งที่เนื่องกันหมด

mp3 for download : ไตรลักษณ์ เป็นสิ่งที่เนื่องกันหมด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ :>พวกเรามาหัดดูสภาวะไป ในขั้นของการเจริญปัญญาเนี่ย ดูสภาวธรรม รูปธรรมก็ได้นามธรรมก็ได้ เราดูแล้วจะเห็น สภาวะทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เป็นอันเดียวกันนะ มันเนื่องกันหมดแหละ ของไม่เที่ยงก็คือ ของมันมีแล้วมันก็ไม่มี ของที่มันมีอยู่ ก็บีบคั้นให้สลายตัว นี่ล่ะเป็นทุกข์ สิ่งทั้งหลายจะมี จะตั้งอยู่ หรือว่าสลายตัวไป ล้วนแต่บังคับไม่ได้ เป็นอนัตตา มันเนื่องกันหมด

เวลาเราพูดถึงรูปนะ เวลาดูรูป ตัวทุกข์เนี่ยจะเด่น รูปธรรมนั้นตัวทุกข์จะเด่น นามธรรมนะ อนิจจัง อนัตตา จะเด่น คนที่ทำกรรมฐานที่เหมาะแก่การดูรูปเนี่ย พระพุทธเจ้าท่านจะสอนเรื่องอายตนะให้ คนที่ทำกรรมฐานที่เหมาะกับการดูนาม พระพุทธเจ้าท่านจะสอนเรื่องขันธ์ ๕ ให้ มันก็อันเดียวกันนะ เป็นการแยกสิ่งที่เรียกว่า “ตัวเรา” ออกเป็นส่วนๆ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๕๗ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สภาวะทั้งหลายล้วนแต่ทำลายตัวมันเอง

mp3 for download : สภาวะทั้งหลายล้วนแต่ทำลายตัวมันเอง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาพจากโรงเรียนรุ่งอรุณ โดย คุณ ปิยมงคล โชติกเถียร

หลวงพ่อปราโมทย์ :เมื่อวานได้จดหมายมาฉบับหนึ่งจากอเมริกา นี่คนที่อเมริกาเขาภาวนา เขาเห็นเลยว่า สภาวะทั้งหลายนี้มันทำลายตัวมันเอง ไม่ต้องไปทำลายมันหรอก อันนี้เขาเห็นอะไร อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อันนี้เขาเห็นอะไร ใครตอบได้ ใครว่าอนิจจัง ใครว่าทุกขัง ใครว่าอนัตตา ก็ถูกหมดแหละ เขาบอกว่า สภาวะสามอันนี้ มันเนื่องกันหมดเลย คือเขาเห็นว่าสภาวะทั้งหลาย ทั้งรูปธรรมและนามธรรมนั้นมันทำลายตัวมันเองตลอดเวลา มันบีบคั้นอยู่ตลอดเวลา ทนอยู่ไม่ได้หรอก ตัวที่เด่นคือตัวทุกข์นั้นแหละ ตรงที่เห็นว่ามันทนอยู่ไม่ได้ มีแล้วหายไปนั่นคือเห็นอนิจจัง ตรงที่ว่ามันเป็นไปเองไม่ได้เป็นไปตามใจอยาก นี่เป็นอนัตตา

นี่คือคนที่ไม่ค่อยได้เจอหลวงพ่อนะ ปีหนึ่งเจอครั้งหนึ่ง มาส่งการบ้านที่นี่ คราวนี้ส่งการบ้านได้น่าฟัง สภาวะทั้งหลายมันทำลายตัวมันเอง บอกว่าความรู้นี้มันเกิดแก่ใจ เกิดเอง ไม่ได้คิดเลย ไม่เคยคิดมาก่อนนะ มันเกิดความรู้ตรงนี้ขึ้นมานะ และคราวนี้ดูลงไปที่ไหนนะ เห็นมันสลายตัวหมดเลย ดูในร่างกายก็สลาย ไม่มีเรา ดูจิตใจก็สลาย ไม่มีเรา

นี่เขาเขียนมาเล่านะ ยังไม่เจอตัว จริงแค่ไหนก็ยังไม่รู้นะ บางคนเล่าเก่ง แต่ธรรมะก็น่าฟัง เนี่ยธรรมะภาคปฏิบัตินะ ฟังแล้วแหม..มันจับใจนะ ธรรมะที่ไปท่องจำมา ฟังแล้วก็ โอ้..จืดชืด แห้งแล้ง ไม่เหมือนธรรมะที่เป็นความรู้ความเข้าใจมาจากการปฏิบัติ มันสดๆใหม่ๆซิงๆนะ เคยได้ยินมั้ย สภาวะทั้งหลายมันทำลายตัวมันเอง ไม่เคยได้ยิน คำเดียวนะก็สะท้อนไตรลักษณ์ออกมาแล้ว แล้วไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ด้วยนะ เป็นสภาวะ ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ไม่มีเรา ไม่มีเขา มีแต่สภาวะ เขาก็เขียนดี ประโยคเดียวก็น่าฟัง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560315A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๒๘ ถึงนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๕๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วิปัสสนาคือการเห็นรูปเห็นนามตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์

mp3 for download : วิปัสสนาคือการเห็นรูปเห็นนามตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :วิปัสสนาคือการเห็นรูปแต่ละรูปตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ เห็นนามแต่ละนามตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ เพราะฉะนั้นเราต้องแยกมันให้ได้ก่อน ถ้าเรามาดูทั้งตัวแล้วมาบอกว่านี่ไม่ใช่ตัวเราเนี่ย ยังไงใจมันก็ไม่เชื่อ นี่มันเราแท้ๆเลย แต่ถ้าเรามาดูทีละสวนนะ มันจะไม่เป็นเราแล้ว ผมเป็นเรามั้ย ใครเห็นผมเป็นเราบ้าง ไปตัดผมแล้วเราก็ตายสิเนาะ ขน เล็บ ฟัน หนัง แต่ละส่วนๆนะ ถ้าแยกออกไป ค่อยๆดูออกไป ก็พบว่ามันไม่มีเราตรงไหนเลย ในร่างกายนี้หาเราไม่เจอ มีอะไร มีแต่วัตถุ ถ้าโดยสมมุติก็มีแต่ขนผมเล็บฟันหนังเนื้อเอ็นกระดูก ร่างกายนี้แยกออกไปโดยสมมุติ มีขนผมเล็บฟันหนังเนื้อเอ็นกระดูก ก็มีธาตุดินน้ำไฟลม ในผม ก็มีธาตุดินน้ำไฟลม ในขนก็มีธาตุดินน้ำไฟลมอยู่ มีธาตุอยู่

ที่หลวงพ่อพูดว่าแยกธาตุแยกขันธ์ แยกธาตุเนี่ยนะ จะมาแยกทีแรกก็แยกขันธ์ออกเป็นขันธ์ ๕ แล้วก็แยกธาตุออกมาเนี่ย คือแยกกายนี้ออกมาเป็นธาตุ ๔ ได้นะ ส่วนใจก็เป็นธาตุรู้ เรียกว่า วิญญาณธาตุ ที่ว่าแยกธาตุ ก็คือแยกรูปแยกนาม คำว่าแยกธาตุส่วนใหญ่จะเป็นตัวรูป มีนามธรรมคือวิญญาณธาตุอยู่ ตรงแยกขันธ์นี่นะ มีรูปขันธ์ ๑ มีนามขันธ์ ๔ ถ้าคนไหนถนัดรู้นามธรรมนะ ก็แยกขันธ์ให้มาก คนไหนถนัดรูปธรรมนะ ก็แยกธาตุให้มาก อันนี้แล้วแต่ถนัด แต่รวมความแล้วต้องแยก เราจะแยกสิ่งที่เรียกว่าตัวเราออกเป็นส่วนๆนี้ได้ เพื่อจะได้เห็นว่า ทุกๆส่วนๆที่มีนั้นน่ะ ไม่ใช่ตัวเรา ความเป็นตัวเราจะหายไปในทันที

ถ้าเปรียบเทียบเหมือนรถยนต์หนึ่งคันนะ ในตำราจะเปรียบเทียบเหมือนเกวียน พวกเราตอนนี้พูดถึงเกวียนจะไม่เข้าใจแล้ว รู้แต่ว่าเกวียนมีลูกล้อ ส่วนอื่นเรียกว่าอะไรไม่รู้จักหรอกนะ เรามาดูรถยนต์ก็ได้ รถยนต์มีจริงๆมาจอดอยู่ ๑ คัน เรามาถอดเป็นชิ้นๆ ลูกล้อไม่ใช่รถยนต์แล้ว ใช่มั้ย ลูกล้อไม่ใช่รถยนต์ ถอดเอากันชน พวงมาลัย ถอดตัวถัง ถอดเครื่องยนต์ ถอดถังน้ำมัน ถอดสายไฟ ถอดตาปู น็อต อะไรต่ออะไร ถอดหลอดไฟออกไป กระเทาะสีออกไป แต่ละอย่างๆกระทั่งสีก็ไม่ใช่รถยนต์ ตัวถังก็ไม่ใช่รถยนต์ กลายเป็นเศษเหล็กเศษอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมดเลย

เนี่ยพอเราแยกสิ่งที่มีอยู่จริงๆที่เรานึกว่ามีอยู่จริงๆออกเป็นส่วนย่อยๆนะ ความเป็นตัวเป็นตนจะหายไป ความเป็นรถยนต์มันจะหายไป พอมันถอดออกไปเป็นส่วนๆแล้ว รถยนต์จะหายไป สิ่งที่เรียกว่าตัวเรานี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราสามารถถอดด้วยปัญญา ไม่ต้องถอดจริงๆนะ ไม่ใช่ไปตัดแขนตัดขาทีละส่วนหรอก ถอดได้ด้วยปัญญาจริงๆเราจะพบว่า ตัวเราหายไป ตัวตนไม่มี แบบเดียวกันเลย วิธีทีจะเรียนเพื่อให้เห็นว่าตัวตนหายไปด้วยการหัดแยกเป็นส่วนๆอย่างนี้ มีชื่อภาษาแขกว่า วิภัชวิธี


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560511A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๐
ระหว่างนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๕๙ ถึงนาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๒๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ตัวเราไม่มี ตัวที่มีคือตัวทุกข์

mp3 for download : ตัวเราไม่มี ตัวที่มีคือตัวทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :สิ่งที่เรียกว่าตัวเราจริงๆไม่มีหรอก มันมีแต่อนัตตา แต่อนัตตาเราไม่สามารถเห็นได้ เพราะมันมีสิ่งที่มาปิดบัง สิ่งที่มาปิดบังที่ทำให้เราไม่เห็นความจริงว่าเราไม่มีนะ ตัวเราเป็นอนัตตาเนี่ย ที่เรียกว่าเราเนี่ย จริงๆเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวใช่ตน สิ่งที่ปิดบังอนัตตาไว้เรียกว่า “ฆน” ฆอระฆังนอหนู ฆนะ ฆนก็คือการทีขันธ์ต่างๆน่ะมันมารวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนเดียวกัน มีสัญญาเข้าไปหมายมีใจเข้าไปครอง ก็จะรู้สึกขึ้นมา อย่างนี้ก็จะเป็นกลุ่มเป็นก้อนของธาตุจำนวนมาก แล้วก็เป็นกลุ่มก้อนของนามธรรมทั้งหลาย ความสุขความทุกข์มันก็มีอยู่ในนี้แหละ ความโลภความโกรธความหลงอะไรมันก็มีอยู่ในนี้แหละ ความรับรู้มันก็อยู่ในนี้แหละ เนี่ยทั้งหมดเนี่ยนะ ขันธ์ ๕ มันก็ประชุมรวมกันอยู่ในร่างกายยาววาหนาคืบกว้างศอกนี้ มีสัญญาคือการหมายรู้ มีใจครองอยู่ ก็เลยเรียกว่าตัวเราๆ ก็เลยไม่เห็นความจริงว่า จริงๆแล้วตัวเราไม่มี มันเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน นี่คือวิธีที่จะทำให้เห็นว่าตัวเราไม่มี

ถ้าเห็นว่าตัวเราไม่มี เป็นพระโสดาบันได้นะ ถ้าเห็นว่าตัวที่มีคือตัวทุกข์จะเป็นพระอรหันต์ ตอนนี้เห็นให้ได้ก่อนว่าตัวเราไม่มี พอขั้นท้ายก็ค่อยไปเห็นว่า ตัวที่มีตัวทุกข์ จะดูว่าตัวเราไม่มีนะ ก็ต้องมาทำให้ฆนะนี้แตกออก คือแยกธาตุแยกขันธ์นั้นเอง ที่หลวงพ่อพูดเรื่อยๆว่าให้แยกธาตุแยกขันธ์


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560511A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๐
ระหว่างนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๒๘ ถึงนาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๑๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

แต่ละส่วนนั้นไม่มีตัวเราตรงไหนเลย มีแต่ของที่เกิดขึ้นแล้วดับไปทั้งสิ้นเลย

mp3 for download : แต่ละส่วนนั้นไม่มีตัวเราตรงไหนเลย มีแต่ของที่เกิดขึ้นแล้วดับไปทั้งสิ้นเลย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :เนี่ยเฝ้ารู้ลงมานะ ค่อยๆแยกขันธ์ไป หัดแยกเป็นส่วนๆไป ร่างกายก็ส่วนหนึ่ง ความสุขความทุกข์ก็เป็นส่วนหนึ่ง ความจำได้หมายรู้เป็นส่วนหนึ่ง ความปรุงดีปรุงชั่วเป็นส่วนหนึ่ง ความรับรู้ทางหูตามจมูกลิ้นกายใจเป็นอีกส่วนหนึ่ง คำว่าส่วนในภาษาไทยเนี่ย ตรงกับคำว่าขันธ์ในภาษาบาลี พวกเราพอได้ยินคำว่า “ขันธ์ ๕” แล้วกลัวเลยใช่มั้ย อะไรก็ไม่รู้ ขันธ์ ๕ ถ้าจะยากมาก ขันธ์แปลว่าส่วน แปลว่ากอง ภาษาอังกฤษแปลว่า Division ด้วยซ้ำไป เป็นกองๆนะ เป็นส่วน คล้ายๆแต่ละส่วนงานอะไรอย่างนี้

แต่ละส่วนก็มีหน้าที่เฉพาะของตัวเอง แต่ละส่วนนั้นไม่มีตัวเราตรงไหนเลย มีแต่ของที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทั้งสิ้นเลย เนี่ยเราค่อยๆมาแยกนะ สิ่งที่เรียกว่าตัวเรา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560511A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๐
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๓๒ ถึงนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๒๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ถ้าไม่เห็นไตรลักษณ์ของกายใจ ยังไม่เดินวิปัสสนา

mp3 for download : ถ้าไม่เห็นไตรลักษณ์ของกายใจ ยังไม่เดินวิปัสสนา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :เวลาที่ร่างกายเคลื่อนไหว จิตตั้งมั่นเป็นคนดู ก็จะเห็นร่างกายนี้ไม่เที่ยง ร่างกายนี้เป็นทุกข์ ร่างกายนี้เป็นอนัตตา จิตตั้งมันเป็นคนดูนะ เมื่อมีความรู้สึกทางใจต่างๆนานาเกิดขึ้นก็เห็น ทุกสิ่งทุกอย่างทางใจเรา ทั้งความรู้สึกทั้งหลาย แม้กระทั่งตัวจิตเอง ก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

ถ้าไม่ได้เห็นความเป็นไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของรูปนาม กายใจ ไม่ใช่วิปัสสนากรรมฐานนะ เห็นกายเห็นใจแล้วก็นิ่งๆอยู่กับกายนิ่งๆอยู่กับใจ ไม่ใช่วิปัสสนา เป็นสมถกรรมฐาน นิ่งๆอยู่ในอารมณ์อันเดียว นะ

เพราะฉะนั้นจับหลักให้แม่นนะ ปูพื้นทางจิตใจให้เข้มแข็ง จิตเคลื่อนแล้วรู้ จิตเคลื่อนแล้วรู้ พุทโธไปก็ได้ พุทโธๆ จิตเคลื่อนแล้วรู้ ไม่ห้ามนะ ไม่ห้าม ไม่ใช่ห้ามเคลื่อน ไปกินข้าวไป แล้วคอยดูว่าจิตเคลื่อนมั้ย ถ้าคอยดูมากไปจะกลายเป็นเพ่ง ก็ผิดอีก ถ้าไม่ดูเลยก็จะกลายเป็นหลง ผิดมากกว่าเพ่งอีกนะ เอ้า..ไปกินข้าว นิมนต์เลยครับ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖
File: 560208
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๓๖ ถึงนาทีที่ ๓๑ วินาทีที่ ๓๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ธรรมะอัศจรรย์อย่างนี้ก็มีด้วยหรือ?

mp3 for download : ธรรมะอัศจรรย์อย่างนี้ก็มีด้วยหรือ?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :ท่านบอกว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้คือความหลุดพ้นอย่างนี้ ไม่มีอีก นี่เป็นที่สุดที่พระสาวกทั้งหลายท่านตามพระพุทธเจ้ามา ก็เข้ามาสู่ภาวะอย่างนี้เอง ภาวะซึ่งจิตมันพรากออกจากขันธ์นะ โดยเด็ดขาด แล้วไม่ต้องสงวนรักษาอะไรต่อไปอีกแล้ว ทุกอย่างเป็นอัตโนมัติเป็นกริยาไปหมดเลย เป็นของอัศจรรย์อย่างยิ่ง เป็นของอัศจรรย์อย่างยิ่งนะสภาวะชนิดนี้

ครูบาอาจารย์ท่านเล่า หลวงตามหาบัวท่านก็เคยเล่า ว่าพอสัมผัสนะ ท่านน้ำตาร่วงเลย ว่าธรรมะอย่างนี้ก็มีด้วยหรือ ของอัศจรรย์ขนาดนี้นั้นมีด้วยหรือ ไม่น่าเชื่อเลยว่ามี ของดีของวิเศษขนาดนี้นั้นมีอยู่นะ</strong>

วกเราก็ตั้งใจ เบื้องต้นรักษาศีล ๕ ต่อมาก็พยายามฝึกใจให้อยู่กับเนื้อกับตัว อย่าฟุ้งซ่าน เลื่อนลอย ลืมกายลืมใจไป พอจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวได้แล้วนะ ก็มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง ตามความเป็นจริงก็คือเป็นไตรลักษณ์ อย่างอื่นไม่ใช่ความจริง ไตรลักษณ์เป็นความจริง เห็นกายเห็นใจ มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง รู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่น และเป็นกลาง

จิตตั้งมั่นคือจิตเป็นแค่คนดูเท่านั้น จิตเป็นกลางคือจิตไม่เข้าไปแทรกแซง เช่นความโกรธเกิดขึ้น จิตตั้งมั่นอยู่ ก็จะเห็นว่าความโกรธกับจิตเป็นคนละอันกัน เป็นกลางก็คือ จิตไม่เข้าไปเกลียดความโกรธ อยากให้ความโกรธหายไปเร็วๆ ไม่มีความอยากอะไรเกิดขึ้น แค่รู้แค่เห็น สักว่ารู้สักว่าเห็น เท่านั้นเอง แล้วมันก็จะเห็นความจริงว่า ความโกรธมีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ นี่เป็นวิธีการปฏิบัตินะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๒ ถึงนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เพราะเห็นตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจึงหลุดพ้น เพราะหลุดพ้นจึงรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว

mp3 for download : เพราะเห็นตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจึงหลุดพ้น เพราะหลุดพ้นจึงรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :หน้าที่ของเรา เจริญสติปัฏฐาน มีสติ รู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง จิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง คือจิตที่มีสมาธิที่ถูกต้อง จิตตั้งมั่น อารมณ์นั้นเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย จิตเป็นคนดู จิตเป็นคนดู ไม่เข้าไปอิน ไม่เข้าไปแทรกแซง ไม่ไปหลงยินดียินร้ายกับอารมณ์ที่กำลังปรากฎขึ้นต่อหน้าต่อตา ความสุขเกิดขึ้นก็รู้ทันว่ามีความสุขเกิดขึ้น ก็จะเห็นว่าความสุขเกิดได้ ความสุขก็ไปได้ ความทุกข์เกิดขึ้นก็มีสติรู้ทันนะ จิตเป็นคนดูอยู่ ก็จะเห็นความทุกข์มาได้ ความทุกข์ก็ไปได้ จะเห็นอย่างนี้

กิเลสมา จิตจะตั้งมั่นเป็นคนดูอยู่ ก็จะเห็นเลยว่า ความโลภ ความโกรธ ความหลง มาแล้วก็ไป ทุกอย่างมาแล้วก็ไปหมดเลย เนี่ยหัดเจริญสติเจริญปัญญามากๆนะ วันหนึ่งใจมันรู้ความจริงเลยว่า รูปนาม ขันธ์ ๕ กายใจของเรา ไม่ใช่ของดีของวิเศษอะไรหรอก เป็นของที่ไม่เอาไหนเลย เป็นตัวทุกข์ ทุกข์เพราะอะไร ทุกข์เพราะไม่เที่ยง ทุกข์เพราะบีบคั้น ทุกข์เพราะว่าไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามใจอยาก

ไม่อยู่ในอำนาจไม่เป็นไปตามใจอยาก ทุกข์เพราะเราเห็นอนัตตา ตรงที่เห็นไม่เที่ยงหมายถึงของเคยมีแล้วมันก็ไม่มี ยกตัวอย่างเคยมีความสุขแล้วมันก็ไม่มี เคยมีความเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วมันก็ไม่มี อย่างนี้เรียกว่ามันไม่เที่ยง หายใจ ลมหายใจออกแล้วก็มาหายใจเข้า แสดงว่าลมหายใจออกก็ไม่เที่ยง ของที่เคยมีแล้วไม่มี เคยโกรธแล้วไม่โกรธ เคยรักแล้วไม่รัก นี่ล่ะไม่เที่ยง คำว่าเป็นทุกข์หมายถึงมันบีบคั้น ถูกบีบคั้น ยกตัวอย่างความสุขเกิดขึ้น ความสุขถูกบีบคั้นอยู่ตลอดเวลาที่จะให้สลายตัวไป ร่างกายของเราเกิดขึ้นมาแล้วก็ถูกบีบคั้นตลอดเวลาเพื่อให้สลายตัวไป แต่บีบคั้นอย่างนี้เรียกว่าเป็นตัวทุกขัง แล้วก็ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากเหตุ ไม่ใช่เกิดตามที่เราสั่ง มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ นี่เรียกว่าเป็นอนัตตา

ถ้าเราเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นเพียงมุมใดมุมหนึ่งอย่างแจ่มแจ้ง เราจะรู้เลยว่ากายนี้ใจนี้ไม่ใช่ของดีของวิเศษ ไม่ใช่ของที่น่ารักน่าหวงแหน มันเป็นภาระทั้งสิ้น มันเป็นทุกข์ทั้งสิ้น ถ้าเราได้เห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก จนใจเรายอมรับความจริงได้ ความยึดถือจะหมดไป พระพุทธเจ้าจึงสอนบอกว่า “เพราะเห็นตามความเป็นจริง จึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายกำหนัด คือคลายความรักใคร่ยึดถือ เพราะคลายกำหนัดจึงหลุดพ้น เพราะหลุดพ้นจึงรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๑๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
File: 551208B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๒๗ ถึงนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๑๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เพ่งขันธ์ ยังไม่เป็นวิปัสสนา

mp3 for download :เพ่งขันธ์ ยังไม่เป็นวิปัสสนา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : งั้นก็เอาแค่แยกขันธ์ก็พอแล้วนะ แยกขันธ์ ดูขันธ์มันทำงานไป ดูรูปทั้งตัวแหละไม่ต้องไปแยกมันมาก ยุ่ง เห็นร่างกายทั้งตัวแหละ ไม่ใช่ตัวเรา ดูเวทนาก็เห็นเวทนาไม่ใช่ตัวเรา ดูสังขารก็เห็นสังขารไม่ใช่เรา ดูจิตใจก็เห็นเกิดดับอยู่ตามทวารทั้ง ๖ เป็นวิญญาทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เกิดดับ

ดูไปๆนะ พอแยกขันธ์ได้ก็จะเห็นว่า ไม่มีตัวเราในแต่ละขันธ์ มีแต่สภาวธรรมที่มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ ไม่มีตัวเราที่แท้จริงในขันธ์ทั้งหลาย

ไปฝึกเอานะ เพราะฉะนั้นคนไหนที่ยังรู้ตัวไม่ได้ ก็ฝึกรู้สึกตัวให้ได้ คนไหนรู้สึกตัวได้แล้ว ฝึกแยกขันธ์ พอแยกขันธ์ได้แล้วก็มาเรียนเรื่องวิปัสสนาได้ แยกขันธ์ได้ยังไม่ขึ้นวิปัสสนานะ ต้องเห็นไตรลักษณ์ของแต่ละขันธ์ จึงจะเป็นวิปัสสนา หลวงพ่อบอกแล้วนะว่าต้องเห็นไตรลักษณ์จึงจะเป็นวิปัสสนา ไม่ใช่เห็นขันธ์จึงจะเป็นวิปัสสนา ยังไม่ถึง การที่เราเห็นขันธ์ เราเพ่งอยู่ที่ขันธ์ เป็นสมถะนะ

เพราะฉะนั้นกว่าจะขึ้นวิปัสสนาไม่ใช่ง่ายนะ บางคนไม่เข้าใจ ไปเพ่งขันธ์อยู่เรื่อย ไปเพ่งท้อง ดูท้องพองยุบแล้วไปเพ่งอยู่ที่ท้องแล้วบอกว่าทำวิปัสสนา ไม่เป็นหรอก ต้องเรียนอีก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒o เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

File: 550120
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
ระหว่างนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๑๓ ถึงนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๔๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ผิดสองอย่าง

mp3 (for download) : ผิดสองอย่าง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เพราะฉะนั้น ยกตัวอย่างบางที่บางคนเขาสอนกันนะ ไปเพ่ง เดินแล้วเพ่งอยู่ที่เท้านะ เท้ากระดุกกระดิกนะ จิตนิ่งอยู่ที่เท้าเลย ไม่เห็นไตรลักษณ์ ก็ได้แต่ความสงบเฉยๆ ไปดูท้องนะ เพ่งอยู่ที่ท้อง ไปดูลมหายใจ เพ่งอยู่ที่ลมหายใจ จิตไปเกาะอยู่กับลมหายใจ จิตไปเกาะที่ท้องที่เท้าอะไรอย่างนี้

จิตไม่ตั้งมั่น คือจิตเคลื่อนไปอยู่ที่ลม เคลื่อนไปอยู่ที่ท้อง เคลื่อนไปอยู่ที่เท้า นี่ไม่ใช่จิตที่ตั้งมั่น แต่เป็นจิตที่ไหลไปเพ่ง ไปเพ่ง ไป Focus ไป Concentrate อยู่ในจุดใดจุดหนึ่ง แล้วลืมตัวเองไป ไตรลักษณ์จะแสดงไม่ได้

เพราะฉะนั้นเราจะไปผิดสองอย่าง อันหนึ่งเผลอไป เผลอไปก็ลืมกายลืมใจ อันที่สองเพ่งไว้ บังคับกายบังคับใจ ส่วนใหญ่ที่เพ่งก็คือบังคับใจนั่นแหละ ให้ไปอยู่ในอารมณ์อันเดียว บังคับมัน ก็ได้แต่ความสุขความสงบ ได้แต่สมถกรรมฐาน

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผิดมี ๒ อัน เราค่อยๆสังเกตตัวของเราเองก่อน ถ้าเราไม่ผิด ๒ อย่างนี้ ใจเราจะเป็นผู้รู้ผู้ตื่นขึ้นมา ผู้เบิกบานขึ้นมา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒o เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

File: 550120
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๒๙ ถึงนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๔๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 1012345...10...Last »