Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

ทาน ศีล สมาธิ วิปัสสนา นิพพาน

mp3 for download : ทาน ศีล สมาธิ วิปัสสนา นิพพาน

หลวงพ่อปราโมทย์ : ขออนุญาตท่านอาจารย์ครับ หลวงพ่อจะมาเยี่ยมครูบาอาจารย์เฉยๆนะ มาเยี่ยมหลวงพ่อ.. กับหลวงพ่อคำเขียน ๒ องค์ ไม่ได้มาเทศน์หรอก เทศน์ไม่ได้ ผิดธรรมเนียม ครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่กว่าอยู่ต้องนิมนต์ท่านเทศน์หรอก แต่นี่ท่านอนุญาตนะ ครูบาอาจารย์อนุญาตให้เราเทศน์ เราก็เทศน์ได้ แต่เทศน์แล้วต้องทำนะ จะให้หลวงพ่อเทศน์เปล่าๆ บาปนะ คือเราให้พระเหนื่อยฟรีๆแล้วขี้เกียจ

อย่าขี้เกียจนะ ความทุกข์มันบีบคั้นเราอยู่ทั้งวันทั้งคืน คนมีปัญญาถึงจะมองเห็น คนไม่มีปัญญาก็จะเห็นแต่มีความสุขนะ หลงระเริงไปเรื่อยๆ วนไปวันหนึ่งๆนะ เดี๋ยวก็เดือนเดี๋ยวก็ปี ไม่นานก็ตาย สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรติดเนื้อติดตัวไป น่าเสียดายที่สุดเลย

พวกเรามีบุญนะ พวกเราอุตส่าห์มาวัด มาหาครูบาอาจารย์ มาอะไรนี่ ได้รักษาศีล ได้ฟังธรรม ก็ต้องมาปฏิบัติ ธรรมะที่เราจะปฏิบัตินะ ก็มีทานมีศีลมีภาวนานะ ทำทานก็ไม่ใช่ว่าต้องเสียเงินเสียทองนะ ยกตัวอย่างเราโกรธคน คนเขาด่าเรา เราอภัยให้เขาอะไรอย่างนี้ ก็เป็นทานอย่างหนึ่ง คนเขาไม่มีความรู้ แล้วเราให้ความรู้เขา ก็เป็นทานอย่างหนึ่ง ทานก็มีหลายอย่าง ไม่ต้องเสียเงินเสียทองอะไร ให้ความรู้เขาให้ความเข้าใจนะ ได้บุญแรง

ต้องรักษาศีล ของเรามาอยู่วัด อุตส่าห์แต่งขาว เรามีสตินะ แต่งชุดขาวๆ ขาดสติเดี๋ยวก็เลอะแล้ว เพราะฉะนั้นท่านให้แต่งขาวๆไว้ก็ดี จะกระดุกกระดิก จะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวนะ รู้สึก คอยรู้สึกไว้เรื่อยๆนะ เวลาโมโหใครขึ้นมา รู้ทันที่ใจเรา

มาอยู่วัดมาหาความสุขความสงบ หาความดีให้ตัวเอง ฝึกจิตฝึกใจของเราทุกวันๆนะ ภาวนาไปพุทโธๆไปก็ยังดี หายใจไปรู้สึกตัวไป มีสติ คอยรู้ทันใจตัวเองไว้เสมอๆ ถ้าเรามีสติรู้ทันใจของเราได้บ่อยๆนะ กิเลสอะไรเกิดขึ้นในใจเราคอยรู้ทัน ถ้าเรารู้ทันกิเลสที่เกิดขึ้นในใจของเราได้นะ กิเลสจะครอบงำใจเราไม่ได้ ถ้ากิเลสมันครอบงำจิตใจของเราไม่ได้นะ เราจะไม่ผิดศีลหรอก คนมันทำผิดศีลนะเพราะมันถูกกิเลสหลอกเอาไป

ยกตัวอย่างมันไปฆ่าเขามันไปตีเขานะ เพราะโทสะมันครอบงำใจ คอยหลอกลวงเขาอะไรอย่างนี้ หรือไปเป็นชู้กับเขาอะไรอย่างนี้ ก็เพราะโลภะครอบงำใจ เพราะฉะนั้นมันมาจากกิเลสทั้งนั้นเลยนะ ทำให้เราทำผิดศีลผิดธรรมเพราะฉะนั้นเรารักษาศีลให้มั่นคงแข็งแรงนะ ทุกคนต้องมีศีล ถ้าเราไม่มีศีลนะ เราเสียความเป็นมนุษย์แล้ว เราจะไปอบาย

ทีนี้เรามีศีลเท่านั้นไม่พอนะ เราต้องมีฝึกใจของเราให้สงบบ้าง ใจของเราร่อนเร่หนีเที่ยวทั้งวันทั้งคืน ไม่เคยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย เรามาฝึกให้จิตใจอยู่กับตัวเอง การฝึกให้ใจอยู่กับตัวเองนี้แหละที่เรียกว่าฝึกให้มีความสงบมีความตั้งมั่นมีสมาธิขึ้นมา เราก็เอาสตินี้แหละมารู้ทันใจ เป็นวิธีที่ง่ายๆนะ ถ้าใจเราแอบไปคิดเรารู้ทัน ใจเราแอบไปคิดเรารู้ทัน รู้อย่างนี้บ่อยๆนะ พอใจเราไหลไปแว้บมันจะรู้สึกขึ้นมา ใจมันจะตื่น มันจะตั้งมั่น จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว ได้สมาธิเบื้องต้น สมาธิที่เรามีสติรู้ทีละแว้บๆ เขาเรียกว่าขณิกสมาธินะ สมาธิชั่วขณะเท่านั้นแหละ ได้สมาธิชั่วขณะก็ดีกว่าไม่มีเลย

คนไหนมีบุญมีวาสนานะ ภาวนาทุกวัน รู้ลมหายใจเข้าหายใจออกนะ พุทโธไป ภาวนาไป จิตใจไม่หนีไปที่อื่น จิตสงบอยู่กับลมหายใจ นั่นแหละจะได้สมาธิที่ละเอียดที่ปราณีตขึ้นไป ได้อุปจารสมาธิ ได้อัปนาสมาธิ จิตใจจะตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน ใจจะเป็นผู้รู้นะ ใจไม่ใช่ผู้หลงคิด ใจที่ไม่มีสมาธิจะเป็นใจผู้หลงคิด ใจที่มีสมาธิมีความตั้งมั่นอยู่กับเนื้อกับตัวจะเป็นจิตที่เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานนะ มันจะมีความสุขอยู่ในตัวเอง

เพราะฉะนั้นเราฝึกจิตฝึกใจของเรานะให้อยู่ในอารมณ์อันเดียว ฝึกไปเรื่อย จะอยู่กับพุทโธก็อยู่นะ จะอยู่ในลมหายใจก็อยู่ ถ้าทำได้ก็ดีจะได้ความสุขความสงบที่ปราณีต ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าเสียใจ ให้อาศัยสติคอยรู้ทันจิตเป็นขณะๆไปก็ได้สมาธิเหมือนกัน แต่เป็นสมาธิแค่ขณิกสมาธิชั่วขณะ ดีกว่าไม่มีเลย ก็เหมือนกับคนยากคนจนนะ มีเงินร้อยบาท สองร้อยบาท สิบบาท ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย ไม่มีเงินล้านเงินแสนอย่างคืนอื่นก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้มีฌานมากมายอย่างคนอื่นก็ไม่ต้องเสียใจ ได้ความสงบที่เป็นขณะๆอย่างนี้ก็พอที่จะไปมรรคผลนิพพานได้นะ

ทีนี้พอจิตใจเราอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ลืมเนื้อลืมตัว ไม่ใจลอยล่องลอยหนีไปเรื่อยแล้วเนี่ย ให้มาคอยเจริญปัญญาต่อ เห็นมั้ยมามีศีลมีสมาธิแล้วมามีปัญญา มีศีลเพราะมีสติรู้ทันกิเลสนะ กิเลสครอบงำจิตไม่ได้ จิตก็มีศีลขึ้นมา มีสติที่รู้ทันจิตที่ฟุ้งซ่านไป จิตก็สงบขึ้นมาได้สมาธิ ถัดจากนั้นพอจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วต้องเดินปัญญา ถ้าเราไม่ได้เจริญปัญญาเราจะไม่ได้คุณค่าของศาสนาพุทธหรอก เพราะการรักษาศีล การทำสมาธิเนี่ย ถึงไม่มีพระพุทธเจ้านะ นักปราชญ์ทั้งหลายเขาก็สอนกันได้

ต้องมาเจริญปัญญาให้ได้ มาทำวิปัสสนานะ ถึงจะเป็นชาวพุทธแท้ๆได้รับประโยชน์จากพระศาสนาอย่างแท้จริง การเจริญปัญญาคือการเรียนรู้ตัวเอง สิ่งที่เรียกว่าตัวเราเองก็คือกายกับใจนะ เพราะฉะนั้นเราคอยมีสติรู้อยู่ที่กายมีสติรู้อยู่ที่ใจ รู้ไปอย่างสบายๆ รู้ด้วยจิตใจที่ตั้งมั่นจิตใจที่เป็นกลาง จิตใจที่มีสมาธิหนุนหลัง เพราะฉะนั้นจิตใจของเราต้องตั้งมั่นนะ สงบ ตั้งมั่น แล้วมาคอยรู้กายมาคอยรู้ใจ

เห็นกายทำงานเห็นใจทำงานไปเรื่อย ควรจะเห็นเหมือนเห็นคนอื่นนะ ร่างกายยืนเดินนั่งนอน เหมือนจะรู้สึกเหมือนกับว่าคนอื่นยืนเดินนั่งนอน ไม่ใช่ตัวเราแล้ว เห็นร่างกายหายใจออกร่างกายหายใจเข้า เนี่ยร่างกายมันหายใจไม่ใช่เราหายใจ จะไม่มีความรู้สึกว่าเป็นตัวเราจะเห็นเป็นเพียงวัตถุเท่านั้น เป็นก้อนธาตุนะ มีธาตุไหลเข้ามีธาตุไหลออก หายใจเข้าหายใจออก ก็แค่วัตถุเท่านั้นเอง ไม่ใช่คนไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่เราไม่ใช่เขา

มาดูจิตดูใจนะ เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย เฝ้ารู้ไปเรื่อย พวกเราเป็น.. ส่วนใหญ่คนรุ่นนี้เป็นพวกคิดมาก จิตคิดทั้งวันนะ คิดไปแล้วเดียวก็สุข คิดไปแล้วเดี๋ยวก็ทุกข์ มีมั้ยคิดแล้วทุกข์ บางทีเขาด่าเรามาสิบปีแล้วนะมาคิดใหม่ทุกข์ใหม่ เออ.. เป็นมั้ย โกรธใหม่ก็ได้ เรื่องตั้งนานแล้วนะ คิดซ้ำก็เป็นอีกนะ เนี่ยใจของเราชอบหลง หลงๆไปนะ ให้เราคอยมีสติรู้ทันนะ รู้ทันใจ ใจหลงไปคิดเรื่องนี้-รู้ทัน คิดแล้วเกิดความสุขก็รู้ทันว่ามีความสุขแล้ว ความทุกข์เกิดขึ้นในใจเราก็รู้ทันนะ กุศล-อกุศล โลภโกรธหลงอะไรเกิดขึ้นในใจ คอยรู้ทัน รู้เฉยๆ

ในขั้นของการเดินปัญญา ไม่เหมือนในขั้นของการทำสมาธิ ขั้นการทำสมาธินี่นะ จิตไม่ดีทำให้ดี จิตไม่สุขทำให้สุข จิตไม่สงบทำให้สงบ แต่ในขั้นปัญญาเนี่ย จิตไม่ดีรู้ว่าไม่ดี จิตไม่สุขรู้ว่าไม่สุข จิตไม่สงบรู้ว่าไม่สงบ รู้ลูกเดียวเลย รู้อย่างที่มันเป็นนะ เราจะเห็นเลยความสุขที่เกิดขึ้นในใจเราก็อยู่ชั่วคราว ความทุกข์ก็ชั่วคราวนะ โลภโกรธหลงอะไรๆก็ชั่วคราว นี่หัดดูลงไปนะ ทุกอย่างในชีวิตนี้เป็นของชั่วคราว นี่ล่ะคือการการเดินปัญญานะ ดูลงไป ค้นคว้าพิจารณาลงไปนะ

ถ้าจิตมันไม่ยอมดูของมันเองก็ต้องช่วยมันคิดช่วยมันพิจารณาก่อนในเบื้องต้น ยกตัวอย่างพิจารณาร่างกายนะ เป็นปฏิกูล เป็นอสุภะ เป็นธาตุเป็นขันธ์ นี่คือช่วยมันคิดก่อน แต่ถ้าจิตมันมีปัญญามีกำลังพอนะ มันจะเห็นเอง ร่างกายที่หายใจอยู่ไม่ใช่เรา จิตใจที่สุขจิตใจที่ทุกข์นั้น ความสุขความทุกข์ นั้นก็ไม่ใช่เรา จิตเป็นธรรมชาติรู้ จิตรู้ว่ามีความสุข จิตรู้ว่ามีความทุกข์ ตัวที่รู้นี้ก็ไม่ใช่เรา ตัวเราไม่มี ฝึกไปเรื่อยๆนะแล้วเราจะเห็นความจริงว่าตัวเราไม่มีหรอก

ภาวนาจนล้างความเห็นผิดว่ามีตัวเรา มีตัวตน ถ้าตัวเราไม่มีแล้วใครจะทุกข์ล่ะ ก็ขันธ์ ๕ มันทุกข์นะ ไม่ใช่เราทุกข์อีกต่อไปแล้ว เนี่ยเฝ้ารู้เฝ้าดูต่อไปนะ สติปัญญาแก่รอบขึ้นไปเรื่อย มันจะเห็นเลยว่าขันธ์ ๕ มีแต่ทุกข์ล้วนๆ อย่างพวกเราตอนนี้ปัญญาเราไม่พอ ศีลสมาธิปัญญาต้องฝึกให้แก่รอบนะ วันหนึ่งถึงจะพอ ถ้าพอจริงจะเห็นเลย กายนี้ทุกข์ล้วนๆ จิตนี้ทุกข์ล้วนๆ

พวกเราไม่เห็นหรอก พวกเราเห็นว่าร่างกายนี้เป็นสุขบ้างเป็นทุกข์บ้าง ใช่ม้้ย เห็นมั้ยว่าจิตนี้เป็นสุขบ้างเป็นทุกข์บ้าง เห็นอย่างนี้ใช่มั้ย นี่เราไม่รู้จริงหรอก พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ ท่านไม่ได้บอกว่าทุกข์บ้างสุขบ้างนะ เพราะฉะนั้นเรายังไม่ได้เห็นอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนหรอก เพราะฉะนั้นเรายังไม่ได้พ้นทุกข์หรอกนะ เพราะฉะนั้นต้องรู้ลงไปในกายรู้ลงไปในใจบ่อยๆ อย่าใจลอยนะ รู้สึกอยู่ในกายรู้สึกอยู่ในใจบ่อยๆนะ วันหนึ่งเราจะเห็นได้ว่ากายนี้ทุกข์ล้วนๆเลย

ยกตัวอย่างนั่งอยู่ก็ทุกข์นะ เดินอยู่ก็ทุกข์ นอนอยู่ก็ทุกข์ หิวก็ทุกข์ อิ่มก็ทุกข์ ง่วงก็ทุกข์นะ เจ็บป่วยขึ้นมาก็ทุกข์ นั่งอยู่เฉยๆก็คัน มีมั้ยนั่งแล้วไม่คัน คันก็ทุกข์นะ ทีนี้พวกเราพอทุกข์นะ เราก็เปลี่ยนอิริยาบถปับเลย เรายังไม่ทันจะรู้สึกเลยว่าทุกข์ ยกตัวอย่างคันขึ้นมารีบเกาเลย ยังไม่ทันรู้ตัวเลยว่าคันนะ เกาไปก่อนแล้ว เราก็ไม่เห็นทุกข์ มันเมื่อยขึ้นมาเราก็ขยับซ้ายขยับขวานะ เรายังไม่ทันรู้สึกเลยว่าเมื่อยนะ ยังไม่ทันรู้เลยว่ากายนี้เป็นทุกข์ ขยับหนีความทุกข์ไปเสียก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นก่อนที่จะขยับตัวนะ รู้สึกตัวเสียก่อน ก็จะเห็นว่ามีแต่ทุกข์ล้วนๆเลยนะ

จิตใจนี้ก็เหมือนกันนะ คอยรู้ทันบ่อยๆจะเห็นว่ามีแต่ทุกข์ล้วนๆเลย ถ้าเห็นว่ามีแต่ทุกข์ล้วนๆเมื่อไหร่ก็ข้ามโลกได้แล้วนะ ถ้ายังเห็นว่าทุกข์บ้างสุขบ้างก็ไปไหนไม่รอดหรอก

ก็ฝึกเอานะ ขั้นแรกเลย รักษาศีล อุตส่าห์แต่งขาวๆน่ะ อย่าปากร้ายนะ ปากร้ายนี้มันมาจากใจร้ายก่อน ใช่ม้้ย แล้วมันลดลงมา เพราะฉะนั้นเรามีศีลไว้ก่อนนะ ต่อไปเราก็มาฝึกใจให้สงบ กายสงบวาจาสงบแล้วด้วยศีล ฝึกให้ใจสงบด้วยสมาธิ แล้วก็ขั้นสุดท้ายฝึกให้จิตเกิดปัญญาด้วยวิปัสสนา กิเลสมี ๓ ขั้นนะ กิเลสอย่างหยาบเนี่ยคือ โลภ โกรธ หลง ของหยาบที่สุด สู้ด้วยศีลนะ กิเลสอย่างกลางชื่อนิวรณ์ สู้ด้วยสมาธิ ใจอยู่กับเนื้อกับตัว ใจไม่ฟุ้งไป จิตมีสมาธิ นิวรณ์ครอบงำไม่ได้ กิเลสที่ละเอียดที่สุดนะ คือความเห็นผิด คืออวิชา ความเห็นผิด คือมิจฉาทิฎฐิ เราสู้ด้วยความเห็นถูก รู้ลงในกายรู้ลงในใจดูว่าจริงๆมันเป็นอย่างไร จริงๆมีแต่ทุกข์นะ ดูไป เอ้า..เท่านี้เนาะ เทศน์แค่นี้ก็ถึงนิพพานแล้วล่ะ เหลือแต่ทำเอา ก่อนจะถึงนิพพาน ศีล ๕ ก่อนเน่อ เดี๋ยวหลวงพ่อต้องไปแล้วล่ะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่เกาะสีชัง จ.ชลบุรี
เมื่อวันจันทร์ที่ ๘ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๓

File: 530308
Whole track

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อสติสมาธิปัญญาเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติแล้ว ไม่มีการแบ่งแยกสายของการปฏิบัติอีกต่อไป

mp3 for download :เมื่อสติสมาธิปัญญาเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติแล้ว ไม่มีการแบ่งแยกสายของการปฏิบัติอีกต่อไป

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ฝึกเอานะ ค่อยๆดูสภาวะ สภาวธรรมนี้แหละของจริง ดูให้เห็นความจริง คือเห็นไตรลักษณ์

การปฏิบัติในเบื้องต้นน่ะ มันมีสายโน้นสายนี้ สายพุทโธ สายอาณาปานสติ สายพองยุบนะ สายโคเอนก้า สายอะไรต่ออะไร สายหลวงพ่อเทียน-ทำจังหวะ เยอะแยะไปหมดเลย นั่นเป็นเบสิคหรอก มีสาย ถ้าทำเป็นแล้วเนี่ย สติตัวจริงเกิด สมาธิตัวจริงเกิด ปัญญา เดินปัญญาได้ สติก็อัตโนมัติ สมาธิก็อัตโนมัติ ปัญญาอัตโนมัติ สติ-สมาธิ-ปัญญาอัตโนมัติแล้ว ไม่มีสายอีกต่อไปแล้ว

บางทีสติก็ระลึกรู้กาย ก็เห็นความจริงคือไตรลักษณในกาย บางทีสติระลึกรู้ในเวทนา ก็เห็นความจริงในเวทนา-เวทนาคือความสุขทุกข์ทั้งหลาย บางทีสติระลึกรู้ความปรุงแต่งที่เป็นกุศล-อกุศลในจิต ก็เห็นไตรลักษณ์ กุศลก็แสดงไตรลักษณ์ อกุศลก็แสดงไตรลักษณ์ บางทีสติระลึกรู้จิตที่เกิดดับทางทวารทั้ง ๖ ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ก็เห็นจิตแสดงไตรลักษณ์

เราเลือกไม่ได้ว่าสติจะระลึกรู้กาย หรือระลึกรู้เวทนาคือความสุขทุกข์ ระลึกรู้สังขารคือความปรุงดีปรุงชั่ว หรือระลึกรู้วิญญาณ-ความรับรู้-หรือจิตทีเกิดทางทวารทั้ง ๖ คือ เกิดที่ตาหูจมูกลิ้นกายใจ เราเลือกไม่ได้ สติเป็นอนัตตา-สั่งไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่มีสายอีกต่อไปแล้ว

ถ้าสติระลึกรู้กายก็จะเห็นอะไร เห็นไตรลักษณ์ในกาย สติระลึกรู้เวทนาก็เห็นไตรลักษณ์ในเวทนา สติระลึกรู้สังขารก็เห็นไตรลักษณ์ในสังขาร สติระลึกรู้วิญญาณคือตัวจิตเอง ก็เห็นไตรลักษณ์ในจิต

ถามว่าเห็นอะไร ไม่ว่าระลึกรู้อะไรก็เห็นไตรลักษณ์ นั่นแหละถึงจะเรียกว่า “วิปัสสนา” นะ เห็นกายไม่ใช่วิปัสสนา เห็นจิตไม่ใช่วิปัสสนา เพราะฉะนั้นสายกายสายจิตอะไรก็ยังไม่ขึ้นวิปัสสนานะ ต้องเห็นไตรลักษณ์


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
FILE : 560907B
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
ระหว่างนาที่ที่ ๓ วินาทีที่ ๓๓ ถึง นาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๕๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ

อานาปานสติ (ตอนที่ ๓) ทำสมาธิ ทำด้วยความรู้สึกตัว


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๖) ทุกอย่างในกายในใจเกิดแล้วก็ดับ

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๖) ทุกอย่างในกายในใจเกิดแล้วก็ดับ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : จะเป็นพระโสดาฯ หรือจะเป็นพระอรหันต์ มาจากจุดตั้งต้นอันเดียวกัน จุดตั้งต้นก็คือ เราต้องมาเรียนรู้ความจริง ของกายของใจตนเอง ถ้าไม่สามารถเรียนรู้ความจริง ของกายของใจได้ โสดาฯก็ไม่ได้ อย่าว่าแต่พระอรหันต์เลย

พระโสดาบันท่านเห็นแล้วว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ย่อลงมาก็คือ รูปธรรมกับนามธรรมทั้งหลาย กายกับใจของเรานี้แหล่ะ เต็มไปด้วยของที่ไม่เที่ยง เกิดแล้วดับไปทั้งสิ้น เนี่ยท่านเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกนะ ใจยอมรับ ก็เห็นทั้งกายทั้งใจเกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับ ร่ายกายหายใจเข้าก็ดับไป เกิดร่างกายหายใจออก ร่างกายหายใจออกเกิดแล้วดับ ไป กลายเป็นร่างกายหายใจเข้า ร่างกายยืนเกิดแล้วก็ดับ ร่างกายเดินเกิดแล้วก็ดับ ร่างกายนั่ง ร่างกายนอน เกิดแล้วดับ ดูความจริงเรื่อยๆไป

ในใจก็ดูง่าย ไม่มีอะไรหรอก พอตาเรามองเห็นรูป ใจเราก็เปลี่ยน เห็นรูปที่พอใจ ใจก็มีความสุขขึ้นมา ให้รู้ทัน ว่าใจมีความสุข เห็นรูปที่ไม่พอใจ ใจมีความทุกข์ขึ้นมา รู้ทัน ว่าใจมีความทุกข์ ได้ยินเสียงที่พอใจ ใจมีความสุข รู้ว่าใจมีความสุข ไม่ใช่รู้ว่าเสียงอะไรนะ เสียงนกเสียงคน เสียงบ่นเสียงด่า เสียงชม ไม่จำเป็นต้องรู้ตรงนั้นหรอก ให้คอยรู้ที่ใจของเราอันเดียวนี่แหล่ะ ตามองเห็น ก็รู้ทันที่ใจ ตามองเห็น ใจก็เปลี่ยน หูได้ยินเสียง ใจก็เปลี่ยน ให้รู้ความเปลี่ยนแปลงที่ใจ ใจนี้เดี๋ยวก็สุข ใจนี้เดี๋ยวก็ทุกข์ ใจนี้เดี๋ยวก็ดี ใจนี้เดี๋ยวก็ร้าย สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว ดีก็ชั่วคราว ร้ายก็ชั่วคราว ดูซ้ำแล้วซ้ำอีกนะ ดูกันเป็นแรมเดือนแรมปีเลยล่ะ กว่าใจจะยอมรับความจริง ว่าทุกอย่างมันชั่วคราว เราดูจนใจยอมรับนะ ไม่ใช่เราแกล้งยอมรับเอาเอง (แกล้ง)ยอมรับเอาเอง ฆ่ากิเลสไม่ตาย ถ้าจิตเห็นความจริง จิตยอมรับความจริง ถึงจะฆ่ากิเลสตาย

เรื่องมันง่ายๆแค่นี้แหล่ะ แต่ว่าทำไมคนทั่วไป ไม่สามารถที่จะดูกายดูใจ ตามความเป็นจริงได้ มันแปลกไหม ร่างกายของเรามีมาแต่เกิดใช่ไหม ทำไมเราไม่เคยดูความจริงของกาย จิตใจของเราก็มีมาตั้งแต่เกิด ทำไมเราไม่เคยดูความจริงของจิตใจ ไม่เฉพาะเรานะ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย บรรพบุรุษเราก็ไม่ได้ดู หมูหมากาไก่อะไรก็ไม่ได้ดู หาคนที่จะมาดูความจริงของกาย หาคนที่จะมาดูความจริงของใจได้เนี่ย หายากที่สุดเลย งั้นพระอริยฯเลยขาดแคลน ทั้งๆที่ไม่ได้ยากเลยนะ ที่จะพัฒนาจิตใจ ให้บรรลุอริยธรรมเนี่ย ไม่ได้ยากเลย แค่เราเห็นความจริง แค่จิตยอมรับความจริงนะ ว่าทุกอย่างเกิดแล้วดับไป ทุกอย่างในกาย เกิดแล้วดับ ทุกอย่างในใจ เกิดแล้วดับ แค่นี้เอง ทำไมทำไม่ได้ ที่ทำไม่ได้ ก็เพราะว่า เราลืมกายลืมใจของเราทั้งวัน เราไปหลงโลกภายนอกนะ เรามัวแต่สนใจสิ่งภายนอก เราไม่ย้อนมาที่ตัวเอง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๕๙ ถึง นาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ปฏิบัติเพื่ออะไร? (๑๑) เลือกอารมณ์กรรมฐานที่เกิดบ่อย จะได้ฝึกรู้บ่อยๆ

mp 3 (for download) : ปฏิบัติเพื่ออะไร? (๑๑) เลือกอารมณ์กรรมฐานที่เกิดบ่อย จะได้ฝึกรู้บ่อยๆ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


ขอขอบคุณ บ้านจิตสบาย ที่เอื้อเฟื้อภาพ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ : ดังนั้นเราฝึกนะจนกระทั่งเรารู้สึกขึ้นมา วิธีที่จะให้รู้ขึ้นมาก็คือ คอยไปหัดรู้ทันเวลาใจหลงไปคิด อันนี้เป็นการบ้านที่ง่ายๆเลย เพราะจิตที่หลงคิดคือจิตที่เกิดบ่อยที่สุด จิตโลภจิตโกรธอะไรนี่มีน้อยนะ จิตหลงเนี่ยมีทั้งวันเลย เพราะในขณะที่โลภ ในขณะที่โกรธเนี่ยต้องมีหลงประกอบอยู่ด้วย ถ้าไม่หลงจะไม่มีโลภ ถ้าไม่หลงจะไม่โกรธ เพราะฉะนั้นจิตหลงเนี่ยเป็นตัวสาหัสสากันเลย ถ้าเราเรียนเรื่องจิตหลงได้ เราจะภาวนาได้ทั้งวัน

กรรมฐานนะ เราควรจะเลือกกรรมฐานซึ่งมันเกิดบ่อยๆ เราจะได้ดูบ่อยๆ อย่างใจเราหลงเนี่ยหลงทั้งวัน แล้วก็รู้ ใจหลงไปแล้วรู้  มันจะเห็นสลับกันเร็ว เคยมีนะ ตอนอยู่เมืองกาญฯ มีหนุ่มคนนึงมาถามหลวงพ่อ ผมใช้สิ่งอื่นนอกจากในสติปัฏฐานได้มั้ย ที่จะมาเป็นอารมณ์กรรมฐาน ถามว่าจะใช้อะไร ถ้าฟ้าร้องแล้วผมจะรู้สึกตัว ปีนึงมันร้องกี่ครั้งนะ นานมาก บางวันก็ไม่ร้องตั้งหลายเดือน แสดงว่าตลอดมาเนี่ยเอ็งไม่มีสติเลยใช่มั้ย เอ็งจะมีสติตอนหน้าฝนอย่างเดียว อย่างงี้ใช้ไม่ได้

พวกเราไปดูสิอารมณ์ในสติปัฏฐานที่พระ พุทธเจ้าให้ไว้นะ เป็นอารมณ์ที่เกิดตลอดเวลา หายใจออก หายใจเข้านี่ หายใจทั้งวันมั้ย ถ้าหายใจออกรู้สึกตัว หายใจเข้ารู้สึกตัว ก็รู้สึกตัวทั้งวัน ยืน เดิน นั่ง นอน มีทั้งวันใช่มั้ย ไม่ยืนก็เดิน ไม่เดินก็นั่ง ไม่นั่งก็นอน อะไรนี้ เวียนไปนี้ ถ้า ยืน เดิน นั่ง นอนรู้สึกตัว ก็รู้สึกตัวได้เกือบทั้งวันแล้ว ยกเว้นอิริยาบถประหลาดๆ เช่น กระโดดอะไรนี้นะ หรือไปว่ายน้ำ เป็นอิริยาบถ แปลกๆไป ท่านก็สอนล็อกไว้อีกอันนึงเรื่องสัมปชัญญะ เคลื่อนไหวแล้วรู้สึก ก็เคลื่อนไหวแล้วก็หยุดนิ่ง หยุดนิ่งแล้วก็เคลื่อนไหว ถ้าหยุดนิ่งก็รู้สึก เคลื่อนไหวก็รู้สึก ก็รู้สึกตัวได้ทั้งวันแล้ว อารมณ์ที่พระพุทธเจ้าให้ไว้นะเกิดทั้งวัน อารมณ์เวทนาล่ะ มีทั้งวันมั้ย สุข ทุกข์ เฉยๆก็หมุนอยู่อย่างนี้ทั้งวันใช่มั้ย ถ้าสุขก็รู้ตัว ทุกข์ก็รู้ตัว เฉยๆก็รู้ตัว ก็คือรู้ตัวได้ทั้งวัน ดูจิตดูใจล่ะ จิตหลงไปแล้วรู้ เกิดได้ทั้งวัน หลงทั้งวัน ยกเว้นบางคนนั้นขี้โลภ เจออะไรมันก็อยากตลอดเวลาเลย ความอยากเกิดถี่ยิบเลยทั้งวัน พวกนี้ก็เอาความอยากเป็นวิหารธรรม เป็นเครื่องอยู่เดี๋ยวมันอยากแว้บอยากดู รู้ทัน อยากฟังรู้ทัน อยากคิดรู้ทัน พวกโลภมากนะ ดูอยากเป็นวิหารธรรม มีจิตที่อยากกับจิตที่ไม่อยาก คู่เดียวก็พอแล้ว เกิดทั้งวันแล้ว คนไหนขี้โมโหนะ อะไรนิดนึงก็โมโห อะไรนิดนึงก็ขัดใจ ก็เอาจิตที่มีโมโหนี่แหล่ะมาเป็นวิหารธรรม จิตโกรธขึ้นมาก็รู้ ขณะที่รู้ว่าโกรธนั้นคือจิตที่รู้ จิตนั้นมันโกรธ เดี๋ยวก็โกรธอีก เดี๋ยวก็รู้ เดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็รู้ เห็นมั้ยมันจะเกิดทั้งวัน

เพราะฉะนั้นอารมณ์กรรมฐานที่เราใช้นั้นต้องเป็นอารมณ์ที่เกิดทั้งวัน เราจะได้มีสติได้ทั้งวัน หายใจ ออกรู้สึกตัว หายใจเข้ารู้สึกตัว เผลอไปรู้สึกตัว รู้ รู้ทันว่าเผลอ ก็รู้สึกตัว ก็เป็นจิตที่รู้ขึ้นมา ก็รู้ว่ามีจิตที่รู้อยู่ ทุกอย่างเกิดดับ หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
Track: ๑๓
File: 520809A
ระหว่างนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๘ ถึง นาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๒๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๘) สรุปอานาปานสติ สำหรับฆราวาสคนเมือง (จบ)

mp3 for download : อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๘) สรุปอานาปานสติ สำหรับฆราวาสคนเมือง (จบ)

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๘) สรุปอานาปานสติ สำหรับฆราวาสคนเมือง (จบ)

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๘) สรุปอานาปานสติ สำหรับฆราวาสคนเมือง (จบ)

หลวงพ่อปราโมทย์ : หลวงพ่อไม่เห็นกรรมฐานใดอัศจรรย์เหมือนอานาปานสติ ลึกล้ำ จนถึงขนาดยอมรับเต็มปากเต็มคำ เต็มหัวใจเลย มันเป็นกรรมฐานของพระมหาบุรุษ ไม่ใช่กรรมฐานของคนทั่วๆไปจะเล่นได้ชำนิชำนาญหรอก

ทีนี้ พวกเราเล่นไม่ได้ทั้งหมด เราก็เลือกเอาส่วนที่เล่นได้ หายใจแล้วรู้สึกตัวไป หายใจไปแล้วจิตหนีไปคิด คอยรู้ทัน ทำตรงนี้ให้ได้ หายใจไป จิตหนีไปคิดแล้วรู้ทัน จิตหนีไปคิดแล้วรู้ทัน จิตจะเป็นผู้รู้ขึ้นมา พอจิตเป็นผู้รู้แล้วจะดูกายดูใจก็ดูไปเลย ไม่ต้องไปเข้าฌานก็ได้ เอาแค่ว่าหายใจไป เห็นกายมันหายใจ ไม่ใช่ตัวเราหายใจ หายใจไปจิตใจมีความสุขความทุกข์ เห็นมันสุขมันทุกข์ของมันได้เอง หายใจไปแล้วก็เกิดกุศลบ้าง เกิดอกุศลบ้าง เช่น เกิดฟุ้งซ่าน หายใจแล้วมีฟุ้งซ่านมีไหม ส่วนใหญ่นั่นแหละหายใจแล้วฟุ้งซ่าน ใช่ไหม ก็ดูไป จิตมันฟุ้งซ่าน เราเป็นแค่คนดู ดูไปๆมันก็เลิกฟุ้งของมันไปเอง ฟุ้งซ่านมันก็ไม่เที่ยง เห็นแต่ของไม่เที่ยง มีความสงบเกิดขึ้น หายใจสบายๆ มันสงบขึ้นมา มันก็อยู่ชั่วคราว เดี๋ยวมันก็หายไปอีก นี้เราฝึกแค่นี้ก็พอแล้ว

หายใจไป จิตหนีไปแล้วรู้ทัน มันจะได้จิตผู้รู้ขึ้นมา ถัดจากนั้นเห็นร่างกายหายใจ ไม่ใช่ตัวเรา อันนี้เดินปัญญาด้วยการดูกาย ถ้าจะเดินปัญญาด้วยการดูจิตก็หายใจไป มีความสุขก็รู้ มีความทุกข์ก็รู้ เฉยๆก็รู้ หายใจไปแล้วจิตเป็นกุศลก็รู้ จิตเป็นอกุศลก็รู้ บางทีเห็น ทุกอย่างชั่วคราวไปหมด

ฝึกไปอย่างนี้ เรียกว่า ปัญญานำสมาธิ มันนำสมาธิอย่างไร ความจริงมันมีสมาธิอยู่แล้ว แต่มันมีในขั้นขณิกสมาธิ สมาธิชั่วขณะ

เมื่อเดินปัญญาแก่รอบเต็มที่แล้ว จิตจะรวมเข้าอัปปนาเอง ในนาทีที่จะตัดสินความรู้บรรลุ อริยมรรค อริยผล อริยมรรค อริยผล ไม่เกิดในจิตของคนธรรมดา อริยมรรค อริยผล เกิดในฌานจิตเท่านั้น เกิดในรูปฌานก็ได้ เกิดในอรูปฌานก็ได้ แต่จะไม่เกิดในวิถีจิตปกติของมนุษย์นี้

ทีนี้ ถ้าเราเข้าฌานไม่เป็น ไม่ต้องตกใจ เจริญปัญญาให้มาก มีแค่ขณิกสมาธินะ ทุกวันพยายามไหว้พระสวดมนต์ไว้ ทำในรูปแบบ จิตหนีไปคิดแล้วรู้ทัน ฝึกให้มันมีขณิกสมาธิ แล้วมาเดินปัญญา รู้กาย รู้ใจ ในชีวิตประจำวัน ถึงเวลาก็ทำความสงบ ไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรม รู้ทันจิตที่หนีไป หมดเวลาก็มารู้กาย รู้ใจ ในชีวิตประจำวันต่อไป ถึงวันที่ สติ สมาธิ ปัญญา แก่รอบพอ จิตจะรวมเข้าอัปปนาสมาธิ รวมเอง แล้วเกิด อริยมรรค อริยผล ขึ้น อันนี้เรียกว่า ใช้ปัญญานำสมาธิ

ลึกซึ้งมาก เรื่องอานาปานสติ แต่ว่าเราฝึกง่ายๆอย่างที่หลวงพ่อบอก ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องสนใจถึงขนาด ทำอย่างไรจะเกิดฌานจิต ทำอย่างไรจะไปเดินวิปัสสนาในอุปจาระ เห็นมันไหวๆขึ้นมา แต่ส่วนมากพวกเราก็ทำได้อันนี้ คนจำนวนมากก็ทำได้ นั่งสมาธิแล้วก็เห็น ใจสงบไปเห็นมันปรุงขึ้นมา เกิดดับไป บางทีไม่รู้ว่าอะไรเกิดอะไรดับ ไม่มีชื่อ ถ้ายังมีชื่ออยู่จิตยังฟุ้งซ่านมาก บางทีเห็นแค่สิ่งบางสิ่งเกิด แล้วสิ่งนั้นดับไป อย่างนี้ก็ใช้ได้ ถ้าถึงขนาดเห็นองค์ฌานเกิดดับอย่างนี้มีน้อยเต็มที ประเภทหนึ่งในแสน หายาก ส่วนถ้าฝึกในชีวิตประจำวัน เดินปัญญาอยู่นี้ ง่าย พอทำได้สำหรับฆราวาส ที่วันๆเต็มไปด้วยความวุ่นวายนะ หายใจไป อย่าหยุดหายใจ หายใจไว้ก่อน เอ้า ต่อไปส่งการบ้าน

541106B.17m57-22m17

ขอขอบคุณพี่ maibok @wimutti.net สำหรับเนื้อหาของ clip ช่วงนี้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ หลังฉันเช้า

CD: 42
File: 541106B.mp3
นาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๕๗ ถึง นาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๑๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๗) สรุปอานาปานสติ กรรมฐานสำหรับมหาบุรุษ

mp3 for dowload : อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๗) สรุปอานาปานสติ กรรมฐานสำหรับมหาบุรุษ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๗) สรุปอานาปานสติ กรรมฐานสำหรับมหาบุรุษ

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๗) สรุปอานาปานสติ กรรมฐานสำหรับมหาบุรุษ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทำอานาปานสตินะ คลุมสติปัฏฐาน ๔ ได้ด้วย ไม่มีกรรมฐานอะไรเหมือนเลยนะ ตั้งแต่โหลยโท่ย ไม่มีสติเลย หรือทำจนเครียดสติแตกไปเลยนะ ก็เป็นไปได้ ทำอานาปานสติแล้วก็พลิกไปทางกสิณ เล่นอภิญญาก็ได้ ทำแล้วเข้าฌานเพื่อพักผ่อน ออกจากฌานมา มาเดินปัญญา ดูกายก็ได้ ดูจิตก็ได้ ทำแล้วเข้าอัปปนาสมาธิ เข้าฌาน เจริญปัญญาอยู่ในฌานเลยก็ได้ ทำแล้วเข้าฌานไม่ได้ เห็นร่างกายหายใจ-ใจเป็นคนดูอยู่ เห็นร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเรา นี่เดินปัญญานะ ใช้ปัญญานำสมาธิก็ได้ ไปดูจิตดูใจ หายใจไป จิตเป็นอย่างนั้นจิตเป็นอย่างนี้รู้ทัน นี่เดินปัญญาดูจิต เดินปัญญาดูกาย เดินปัญญาดูจิต แจกแจงให้ครบก็คือ การทำสติปัฏฐาน ๔ ครบทั้งหมดเลย

เห็นกายมันหายใจ ใจเป็นคนดูอยู่ เห็นกายไม่ใช่เรา เป็นกายานุปัสสนา

หายใจไปมีความสุข หายใจไปความสุขหายไป หายใจไปแล้วมีความทุกข์ หายใจแล้วความทุกข์หายไป หายใจแล้วมีอุเบกขา แล้วอุเบกขาหายไป อันนี้เป็นเวทนานุปัสสนา

หายใจแล้วฟุ้งซ่าน รู้ว่าฟุ้งซ่าน หายใจแล้วสงบ รู้ว่าสงบ หายใจไปแล้วจิตรวม เป็นมหัคคตะ หายใจแล้วจิตไม่รวม อย่างนี้เป็นจิตตานุปัสสนา

หายใจแล้วเห็นขันธ์กระจายตัวออกไป แต่ละขันธ์ทำงานของขันธ์ เป็นขันธบรรพ ในธัมมานุปัสสนา

หายใจไปแล้วโพชฌงค์เกิดขึ้น มีสติรู้ลมหายใจ มีความเพียรที่จะรู้ลมหายใจ มีฉันทะ หายใจแล้วสบายใจ วิริยะมันก็เกิด มีความเพียร ตามรู้ตามเห็นในตัวที่หายใจอยู่ ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา เรียกว่า ธัมมวิจยะ มีปีติขึ้นมา อันนี้ไม่ใช่ปีติในฌาน เป็นปีติเพราะมีปัญญา มีปีติแล้ว สติรู้ทันปีติ หายใจไปมีปีติ รู้ทัน ปีติดับ สงบเข้ามาเป็น ปัสสัทธิ แล้วเป็นสมาธิ จิตตั้งมั่น จิตเป็นอุเบกขา เห็นจิตมันเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงไป เป็นลำดับ ตามหลักของโพชฌงค์ อันนี้ก็อยู่ในธัมมานุปัสสนา

หายใจไปแล้วมีนิวรณ์ขึ้นมา รู้เท่าทันนิวรณ์นั้น นิวรณ์เกิดแล้วดับไป เป็นนิวรณบรรพ อยู่ในธัมมานุปัสสนา

หายใจแล้วเห็นอริยสัจ ก็อยู่ในธัมมานุปัสสนา

หายใจแล้วมีความสุข มีความสุขแล้วตัณหาเกิด อยากได้ อยากมี อยากเป็น หายใจแล้วมีความทุกข์ ตัณหาก็เกิดอยากให้มันหายไป อยากให้ความทุกข์หายไป มีตัณหาขึ้นมาจิตใจก็มีความทุกข์ขึ้นมา เห็นปฏิจจสมุทปบาท (อยู่ในธัมมานุปัสสนา – ผู้ถอด)

ฉะนั้น หลวงพ่อไม่เห็นกรรมฐานใดอัศจรรย์เหมือนอานาปานสติ ลึกล้ำจนถึงขนาดยอมรับเต็มปากเต็มคำ เต็มหัวใจเลย มันเป็นกรรมฐานของพระมหาบุรุษ ไม่ใช่กรรมฐานของคนทั่วๆไปจะเล่นได้ชำนิชำนาญ

541106B.14m43-18m17

ขอขอบคุณพี่ maibok @wimutti.net สำหรับเนื้อหาของ clip ช่วงนี้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ หลังฉันเช้า

CD: 42
File: 541106B.mp3
นาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๔๓ ถึง นาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๑๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๖) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินปัญญานำสมาธิ

mp3 for download : อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๖) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินปัญญานำสมาธิ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๖) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินปัญญานำสมาธิ

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๖) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินปัญญานำสมาธิ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทีนี้ ถ้าทำวิปัสสนาในฌานไม่ได้ ก็ถอยออกมาจากฌาน มาเดินปัญญาพิจารณากาย ไม่ควรไปดูจิตมาก แต่บางคนก็ดูจิตได้ หลวงพ่อพุธก็สอน ออกจากสมาธิมาแล้วดูจิตที่เปลี่ยนแปลง จิตเมื่อกี้สงบ ตอนนี้ไม่สงบ จิตเมื่อกี้มีปีติ ตอนนี้ไม่มีปีติ จิตตะกี้มีความสุข ตอนนี้ไม่มีความสุข ดูความเปลี่ยนแปลง ดูตอนออกจากสมาธิมาแล้ว อันนี้ก็ถือว่าเป็นสมาธินำปัญญาด้วยการดูจิต ถ้าเป็นสมาธินำปัญญาด้วยการดูกาย ก็เห็นกายมันหายใจ ใจเป็นคนดู ดูมันต่อไปเลย เห็นเลยไม่มีตัวเรา อย่างนี้ก็ได้

ถ้าเข้าฌานไม่ได้นะ ก็ใช้ปัญญานำสมาธิ ฝึกให้จิตเป็นผู้รู้ผู้ดูขึ้นมา ทำได้หลายวิธีที่จิตจะเป็นผู้รู้ผู้ดู จิตหนีไปคิดแล้วรู้ทันก็ได้ พุทโธไปจิตไปคิด รู้ทัน หายใจไปจิตหนีไปคิด รู้ทัน ถ้าเรารู้ลมหายใจอยู่แล้วจิตหนีไปคิดก็รู้ทัน นี่ ทำอานาปานสติได้จิตผู้รู้ขึ้นมา

หรือหายใจไปเห็นร่างกายมันหายใจไป จิตมันไหลไปอยู่ที่ลม รู้ทัน จิตไหลไปอยู่ที่ท้อง รู้ทัน รู้ทันจิตที่ไหล จิตก็จะตั้งมั่นขึ้นมาเป็นผู้รู้ พอจิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้แล้ว คราวนี้ก็มาเดินปัญญาต่อ

ถ้าจะเดินปัญญาด้วยการดูกาย ก็เห็นร่างกายหายใจ ใจเป็นคนดู จะรู้สึกเลยว่าร่างกายที่หายใจอยู่ไม่ใช่ตัวเรา เห็นร่างกายพองยุบ จิตเป็นคนดู ก็รู้ว่าร่างกายที่พองยุบเพราะลมหายใจนั้นไม่ใช่ตัวเรา

ถ้าจะเดินปัญญาด้วยการดูจิต จิตเป็นผู้รู้ผู้ดูขึ้นมาแล้ว หายใจไป หายใจไปแล้วมีความสุขก็รู้ หายใจไปแล้วมีความทุกข์ก็รู้ หายใจแล้วความสุขหายไปก็รู้ ความทุกข์หายไปก็รู้ ความสุขเกิดขึ้นก็รู้ ความสุขดับไปก็รู้ ความทุกข์เกิดขึ้นก็รู้ ความทุกข์ดับไปก็รู้ อย่างนี้ก็ใช้ได้ ก็เป็น เวทนานุปัสสนา

อย่างตอนที่เรามีสติ เห็นร่างกายหายใจออก หายใจเข้า ใจเป็นผู้รู้ผู้ดู ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา นี่คือ กายานุปัสสนา ที่เป็นวิปัสสนา

หายใจไปแล้วจิตเป็นสุขขึ้นมาก็รู้ หายใจไปความสุขหายไปก็รู้ หายใจไปแล้วจิตมันทุกข์ขึ้นมา ไม่ได้เข้าฌาน หายใจบางทีก็เครียดๆ ไม่มีความสุข ก็รู้ทัน เห็นความสุขความทุกข์เกิดแล้วดับไป นี่คือ ทำอานาปานสติ แล้วก็มาถึงเวทนานุปัสสนา

หายใจไปแล้วจิตสงบก็รู้ หายใจไปแล้วจิตฟุ้งซ่านก็รู้ นี่ขึ้นมา จิตตานุปัสสนา

หายใจไปแล้วเห็นจิตมันปรุงแต่ง มันทำงานได้ เห็นรูปก็ส่วนรูป นามก็ส่วนนาม ขันธ์ ๕ แตกกระจายออกไป อันนี้ขึ้นเป็น ธัมมานุปัสสนา

หรือหายใจไปแล้วเห็นจิตใจเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงต่างๆนานา ก็เป็นธัมมานุปัสสนา

หายใจไปแล้วเวทนาเกิดขึ้น จิตมีความอยาก มีความยึดในเวทนา ความทุกข์ก็เกิดขึ้น เห็นอย่างนี้ก็เป็นธัมมานุปัสสนา

541106B.11m19-14m40

ขอขอบคุณพี่ maibok @wimutti.net สำหรับเนื้อหาของ clip ช่วงนี้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ หลังฉันเช้า

CD: 42
File: 541106B.mp3
นาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๑๙ ถึง นาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๔๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๕) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินปัญญาควบสมาธิ

mp3 for download : อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๕) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินปัญญาควบสมาธิ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๕) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินปัญญาควบสมาธิ

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๕) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินปัญญาควบสมาธิ

ถ้าชำนาญในฌานแล้วก็ชำนาญในการดูจิต ก็ไปเดินปัญญาในฌานตอนเข้าฌาน อันนี้ปัญญากับสมาธิควบกัน คือไปเห็นองค์ฌานเกิดดับ พวกนั้นมีหนึ่งในแสน หายากยุคนี้ที่จะเดินปัญญากับสมาธิควบกัน เดินปัญญากับสมาธิควบกันแล้วบรรลุพระอรหันต์ไม่ได้เรียกว่า อุภโตภาควิมุตตินะ บางคนก็นึกว่าเดินปัญญากับสมาธิควบกันแล้วเป็นพระอรหันต์ชนิดอุภโตภาควิมุตติ ไม่ใช่

อุภโตภาควิมุตติต้องเข้าอัปปนาสมาธิถึงขั้นอรูปฌาน ไม่มีรูป ดับรูปด้วยอรูป ดับนามด้วยวิปัสสนา ฉะนั้น ถ้าบรรลุพระอรหันต์ บรรลุธรรมในอรูปฌาน ถึงจะได้เรียกว่า “อุภโตภาควิมุตติ”

541106B.10m12-11m16

ขอขอบคุณพี่ maibok @wimutti.net สำหรับเนื้อหาของ clip ช่วงนี้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ หลังฉันเช้า

CD: 42
File: 541106B.mp3
นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๑๒ ถึง นาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๑๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๔) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินสมาธินำปัญญา

mp3 for download: อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๔) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินสมาธินำปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๔) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินสมาธินำปัญญา

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๔) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินสมาธินำปัญญา

หลวงพ่อปราโมทย์ : เมื่อเช้าหลวงพ่อพูดเรื่องอานาปานสติให้ฟัง ไม่มีที่ไหนหรอก อย่างนี้ ในตำราก็ไม่ได้เขียนไว้มากมายอย่างนั้น ไม่ได้แจกแจงพิสดาร อานาปานสติ เรามีสติอยู่ทุกลมหายใจ อย่างนี้ดี มีสติไปอยู่ที่ลมหายใจ ลมหายใจจะค่อยๆสั้น ทีแรกลมยาว หายใจแล้วก็สั้นขึ้นๆ กลายเป็นความสว่าง อย่างนี้ก็ยังดี ได้สมถะ ถ้าหายใจแล้วเคลิ้ม ขาดสติไป อันนี้ไม่ดี สติอ่อนไป หายใจแล้วแน่นแข็งป๊อกขึ้นมาเลย เครียดๆ แข็งๆ นี่ สติแรงไป ไม่ดี จงใจมากไป

ถ้าพอดีๆ ลมหายใจสบายๆ ลมจะค่อยสั้นๆ สว่าง พอสว่างแล้ว จะเล่นกสิณก็ได้ เล่นกสิณแสงสว่าง อยากรู้อยากเห็นอะไรก็รู้ได้อยู่ ได้ทิพยจักษุ ได้กสิณแสงสว่าง หรือกสิณลม กสิณลมก็ได้ เห็นลมหายใจมันไหลเข้าไหลออก เป็นกสิณดินก็เห็นร่างกายที่หายใจ ไม่ได้ดูตัวลมตรงๆ แต่ลมหายใจมันก็อิงอยู่กับร่างกาย ก็ใช้ได้

ทำได้หลายอย่าง พลิกแพลงได้เยอะแยะ ถ้าไม่เล่นกสิณก็ไม่เป็นไร ไม่ให้จิตเข้าไปจับลมนะ แล้วสงบเข้ามา เข้าอุปจารสมาธิ พอได้อุปจารสมาธิแล้ว เดินปัญญาในอุปจารสมาธิก็ได้ เลยเข้าอัปปนาสมาธิ ไปพักอยู่ในอัปปนาสมาธิ เป็นที่พักของจิตก็ได้ ทำสมถะแล้วออกจากอัปปนาสมาธิ มาแยกธาตุแยกขันธ์ มาเดินปัญญา อันนี้เป็นสมาธินำปัญญา

08m12-10m12

ขอขอบคุณพี่ maibok @wimutti.net สำหรับเนื้อหาของ clip ช่วงนี้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ หลังฉันเช้า

CD: 42
File: 541106B.mp3
นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๑๒ ถึง นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๑๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๓) ฝึกอานาปานสติมีฤทธิ์ได้

mp3 for download : อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๓) ฝึกอานาปานสติมีฤทธิ์ได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๓) ฝึกอานาปานสติมีฤทธิ์ได้

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๓) ฝึกอานาปานสติมีฤทธิ์ได้

หลวงพ่อปราโมทย์ : เพราะฉะนั้นอานาปานสตินะ ทำได้สารพัดเลย สารพัด เพราะฉะนั้นอานาปานสตินะ เป็นกรรมฐานครอบโลกเลย กว้างขวางมากเลยนะ ถ้าชำนิชำนาญอานาปานสตินะ พลิกแพลงได้สารพัดเลย จะออกเล่นข้างนอกก็ได้ จะทำกสิณก็ได้ กสิณอะไร อานาปานสติทำกสิณได้ กสิณลม กสิณแสง กสิณดิน กสิณดินก็คือเห็นตัวที่มันหายใจเนี่ย เห็นร่างกายที่กำลังหายใจอยู่ เป็นกสิณดิน เห็นลมหายใจที่ไหลเข้าไหลออกเนี่ย อยู่ที่เดียวนะ อยู่ที่จมูกเนี่ย รู้อยู่ที่เดียวเนี่ย เป็นกสิณลม มันสว่างขึ้นมาแล้ว เป็นกสิณแสง เนี่ยเล่นกสิณได้หลายตัว เพราะฉะนั้นเล่นอานาปานสติก็มีฤทธิ์ได้นะ เพราะมีกสิณตั้งหลายตัว

หมดเวลาแล้ว ไป เชิญไปทานข้าว

541106A.23m23-24m26

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3
นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๒๓ ถึง นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๒) ดูจิตด้วยอานาปานสติ

mp3 for download : อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๒) ดูจิตด้วยอานาปานสติ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๒) ดูจิตด้วยอานาปานสติ

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๒) ดูจิตด้วยอานาปานสติ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทีนี้ทำอานาปานสติแล้วดูจิตก็ได้ เห็นมั้ยกรรมฐานนี้กว้าง เห็นมั้ย ทำสมาธิได้ทุกแบบเลยนะ จนถึงเข้าอรูปนะ แต่ตรงอรูปเนี่ยทิ้งเรื่องลมไปแล้ว แล้วเข้าไปดูจิตต่อ เข้าอรูปไป จะทำโดยใช้ปัญญานำสมาธิก็ได้ ใช้สมาธินำปัญญาก็ได้ ใช้สมาธิและปัญญาควบกันก็ได้ เนี่ยอานาปานสติทำได้หมดเลย ตรงที่ใช้ปัญญานำสมาธินี้เอง เห็นร่างกายหายใจ ใจเป็นคนดู เนี่ยเราใช้ปัญญานำสมาธิไปเลย ไม่ได้เข้าฌานนะ ถ้าใช้สมาธินำปัญญาก็คือ เข้าฌานไปก่อนนะ ออกจากฌานแล้วมาพิจารณาธาตุขันธ์ แล้วได้ตัวผู้รู้ออกมา จากฌานที่ ๒ ออกมาข้างนอกเนี่ยนะ ดู ดูธาตุดูขันธ์ทำงาน ดูได้เป็นวันๆเลย อันนี้ใช้สมาธินำปัญญา ตัวผู้รู้จะเด่นดวง อดทน ทนได้นาน

พวกใช้ปัญญานำสมาธิ ตัวผู้รู้จะอยู่แว้บๆ เพราะสมาธิที่ใช้ มันก็มีสมาธิเหมือนกัน สมาธิที่ใช้เดินปัญญามันแค่ขณิกสมาธิ ไม่ถึงอุปจาระ ไม่ถึงอัปนา นะ ได้แค่ ขณิกะ ให้รู้ตัวเป็นขณะๆ จิตหนีไปแล้วรู้ทัน ก็ได้สมาธิขึ้นมา ได้มานิดเดียว แต่พอหลายๆนิดเข้านะ นิดบ่อยๆเข้า มันก็รู้ได้เหมือนกัน ก็เห็นร่างกายเป็นของถูกรู้ถูกดู จิตเป็นคนดู ตรงที่จิตเป็นคนดู ตรงนี้ล่ะ ได้ขณิกสมาธิแล้ว ตรงนี้เป็นปัญญานำสมาธิ เดินปัญญาไปก่อนแล้วสมาธิที่ถึงอัปนาฯจะเกิดทีหลัง แต่ตอนที่เดินปัญญานี้มีขณิกสมาธิอยู่

แล้วถ้าจะเดินปัญญาด้วยการดูจิตล่ะ ทำไง? หายใจไป หายใจไปแล้วจิตมีความสุข รู้ ว่าจิตมีความสุข หายใจไปแล้วจิตเครียดๆขึ้นมา รู้ ว่าจิตเครียดๆ เนี่ย ดูความเปลี่ยนแปลงของจิต หายใจไปแล้วจิตฟุ้งซ่าน รู้ทัน ว่าจิตฟุ้งซ่าน หายใจไปแล้วจิตสงบ รู้ทัน ว่าจิตสงบ นี่หายใจแล้วดูจิต หายใจแล้วจิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจ รู้ทัน ว่าจิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจ หายใจแล้วจิตตั้งมั่น สักว่ารู้ว่าเห็น ไม่ไหลเข้าไปในลมหายใจ อันนี้ก็เรียกว่า “ดูจิต”

เพราะฉะนั้นนะ หายใจนะ ดูกายก็ได้ เจริญปัญญาด้วยการดูกาย เห็นกายมันหายใจ หายใจไม่ใช่แค่เห็นว่าร่างกายมันหายใจนะ บางทีโยงไปถึงท้องพองยุบ จิตเป็นคนดู เพราะฉะนั้นถ้าทำท้องพองยุบแล้วจิตเป็นคนดู ก็ใช้ได้เหมือนกัน เราจะเห็นว่า ร่างกายที่พองที่ยุบ ไม่ใช่เรา

ถ้าหายใจไปแล้ว จิตมีความสุขก็รู้ จิตมีความทุกข์ก็รู้ อันนี้ถือว่าดูจิตล่ะ หายใจไปแล้วจิตฟุ้งซ่านก็รู้ จิตสงบก็รู้ อันนี้ก็เรียกว่าดูจิตล่ะ หายใจไปแล้วจิตตั้งมั่นอยู่ก็รู้ จิตไหลเข้าไปอยู่ที่ลมหายใจก็รู้ อันนี้ก็เรียกว่าดูจิตล่ืะ มันจะเห็นว่าจิตทุกชนิดไม่เที่ยง จิตสุขก็ไม่เที่ยง จิตทุกข์ก็ไม่เที่ยง จิตกุศลก็ไม่เที่ยง จิตอกุศลก็ไม่เที่ยง เห็นจิตไม่เที่ยงตลอดเวลาเลย เนี่ยแหละ เดินปัญญาแล้วนะ ดูจิตจะเห็นอนิจจังง่ายนะ จะเห็นแต่ของไม่เที่ยง เปลี่ยนตลอดเวลา เปลี่ยนเร็วมากเลย

541106A.19m51-23m22

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3
นาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๕๑ ถึง นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๑) การเจริญปัญญาสำหรับสุกขวิปัสสโก

mp3 for download : อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๑) การเจริญปัญญาสำหรับสุกขวิปัสสโก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๑) การเจริญปัญญาสำหรับสุกขวิปัสสโก

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๑) การเจริญปัญญาสำหรับสุกขวิปัสสโก

หลวงพ่อปราโมทย์ : พอเรามีจิตเป็นผู้รู้ผู้ดูแล้วนะ เราก็เห็นร่างกายหายใจไปเรื่อย ทำอานาปานสตินี่แหละ ไม่ต้องเข้าฌาน เข้าไม่เป็นก็ไม่ต้องกลุ้มใจ อุปจาระก็ยังไม่ได้ก็ไม่ต้องกลุ้มใจ เห็นร่างกายหายใจไปเรื่อยๆใจเป็นคนดู มันจะเห็นทันทีเลยว่า ร่างกายที่หายใจอยู่ไม่ใช่ตัวเรา ร่างกายที่หายใจเข้าก็ไม่เที่ยง ร่างกายที่หายใจออกก็ไม่เที่ยง เห็นมั้ย เป็นอนิจจัง การหายใจเข้าก็ทนอยู่ได้ไม่นาน หายใจออกทนอยู่ได้ไม่นาน เป็นทุกขัง ร่างกายที่หายใจอยู่เป็นวัตถุธาตุ เป็นก้อนธาตุ เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า เป็นแค่วัตถุธาตุเท่านั้น ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา เป็นแค่ก้อนธาตุ นี่ เห็นอย่างนี้เขาเรียกว่าเห็น “อนัตตา”

เห็นมั้ย ทำอานาปานสตินะ แล้วก็เห็นร่างกายแสดงไตรลักษณ์ นี่เดินปัญญาเลย พวกนี้ได้สุกขวิปัสสกะ เป็นพระอรหันต์ก็ไม่มีฤทธิ์มีเดชอะไรกับใครเขาหรอก ไม่มีของเล่น ต่างจากพวกที่ไปทางฌานโน้น แต่พวกที่ไปทางฌานบางคนก็ไม่มีของเล่น อภิญญาจิตไม่เกิด ต้องสร้างบารมีพิเศษนะ ตั้งใจอธิษฐานไว้ ทำบุญกับพระพุทธเจ้า ยิ่งหลายๆองค์ยิ่งดี ยิ่งขลัง เพราะฉะนั้นอย่างพวกเรา ถ้าบารมีน้อย อยากเล่นอภิญญา จิตหลอนเสียเป็นส่วนใหญ่ กิเลสหลอกเอาไป ไม่ใช่อภิญญาจริงหรอก

541106A.18m21-19m49

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3
นาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๒๑ ถึง นาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๐) ถ้าทำสมาธิไม่เป็น ให้เจริญปัญญาไปเลย

mp3 for download : อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๐) ถ้าทำสมาธิไม่เป็น ให้เจริญปัญญาไปเลย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๐) ถ้าทำสมาธิไม่เป็น ให้เจริญปัญญาไปเลย

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๐) ถ้าทำสมาธิไม่เป็น ให้เจริญปัญญาไปเลย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าทำไม่ได้อีกจะทำยังไง ทำอานาปานสติแล้วเจริญปัญญาไปเลยนะ ไม่ได้เข้าสมาธิหรอก แค่เห็นร่างกายมันหายใจอยู่ พวกนี้อุปจาระก็ไม่เข้า อัปนาคือเข้าฌานก็ไม่เข้า แค่เราเห็นร่างกายหายใจอยู่ ใจเป็นคนดู เนี่ยอานาปานสติอย่างนี้ก็ยังดี อานาปานสติตรงนี้เนี่ย ที่เรียกว่า มีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ไม่ใช่มีสติอยู่กับลมหายใจ ถ้ามีสติอยู่กับลมหายใจนะ ลมหายใจจะเปลี่ยนเป็นแสงสว่างแล้วจะเข้าฌานไป

เรามีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก เห็นร่างกายหายใจ ใจเป็นคนดู เห็นร่างกายหายใจ ใจเป็นคนดู ตรงที่ใจเป็นคนดูขึ้นมาเนี่ย อันนี้ถ้าเข้าฌานไม่ได้ ต้องฝึกให้เกิด วิธีฝึกให้ใจเป็นคนดูเนี่ย หัดพุทโธไป หัดหายใจไปก็ได้นะ ใช้ลมหายใจไปก็ได้ หายใจแล้วค่อยสังเกตว่าร่างกายที่หายใจอยู่เป็นสิ่งถูกรู้ถูกดู ใช้พุทโธก็ได้ พุทโธไป พุทโธไปแล้วก็เห็นนะ ว่าพุทโธเป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู ดูท้องพองยุบก็ได้ แล้วเห็นว่าท้องพองยุบถูกรู้ถูกดู อย่างนี้ก็ได้ ใจมันจะเป็นผู้รู้ผู้ดูขึ้นมา

อีกอย่างหนึ่ง ถ้าแยกอย่างนี้ไม่ออกนะ ให้คอยรู้ทันเวลาจิตหนีไปคิด พุทโธแล้วจิตหนีไปคิด รู้ทัน จิตก็ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูขึ้นมา หายใจไป จิตหนีไปคิด รู้ทัน จิตก็ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูขึ้นมา ท้องพองยุบ จิตหนีไปคิด รู้ทัน จิตก็ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูขึ้นมา แต่ต้องไม่ไปเพ่งใส่ลมหายใจ ไม่ไปเพ่งใส่ท้องนะ ปล่อยให้มันรู้ลมหายใจ รู้ท้องพองยุบอะไรไป จิตมันเคลื่อนไป เรารู้ทันจิตที่เคลื่อนเนี่ย จิตจะตั้งมั่นขึ้นมาเป็นผู้รู้ผู้ดู บางคนก็ใช้วิธีนี้แยกได้ บางคนก็สังเกตดู ไอ้นี่ก็ถูกรู้ ไอ้นี่ก็ถูกรู้ ลมหายใจก็ถูกรู้ ร่างกายที่หายใจอยู่เป็นของถูกรู้ เห็นอย่างนี้ก็แยกได้ มีหลายอย่างเห็นมั้ย กรรมฐานน่ะมันหลากหลายมากนะ เพราะฉะนั้นเวลาภาวนา ถ้าไม่เรียนดีๆ จะมั่วซั่วเอา

541106A.16m08-18m20

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3
นาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๘ ถึง นาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๒๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๙) เดินปัญญาในฌาน

mp3 for download: อานาปานสติ (ตอนที่ ๙) เดินปัญญาในฌาน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๙) เดินปัญญาในฌาน

อานาปานสติ (ตอนที่ ๙) เดินปัญญาในฌาน

หลวงพ่อปราโมทย์ : แต่ถ้าคนไหนทำไปจนจิตถึงฌานแล้วเนี่ย ไปเดินปัญญาในฌาน วิธีไปเดินปัญญาในฌาน ก็ดูองค์ฌานนั้นแหละ มีปีติเกิดขึ้นก็มีสติรู้ทัน ปีติก็ดับ เห็นมั้ยปีติเกิดได้ ปีติดับได้ ปีติจะเกิดปีติก็เกิดได้เองไม่ใช่สั่งให้เกิดนะ เราเป็นแค่เราไปรู้ไปเห็นนะ ปีติเกิดแล้วก็ดับ ความสุขก็เกิดขึ้นมาเด่นชัดขึ้นมา มีสติไปรู้ความสุข ความสุขก็ดับ เกิดอุเบกขา อุเบกขาเกิดแล้ว แล้วเรามีสติรู้อุเบกขาไปเรื่อย

พอจิตมันเริ่มถอนจากสมาธิ มีความสุขขึ้นมา บางทีก็มีปีติขึ้นมา เวลาเข้าเวลาออกเนี่ย ไม่จำเป็นต้องเรียง ๑ ๒ ๓ ๔ นะ ถ้าชำนาญจริงนะ จาก ๑ ไป ๔ ลงไป ๒ ขึ้นไป ๓ ใหม่ แล้วออกมา ๑ ใหม่ ก็ได้ พลิกไปพลิกมาได้ แต่ไม่ว่ามันจะพลิกยังไงนะ องค์ฌานมันไม่เหมือนกัน มันทำให้ฌานแต่ละฌานไม่เหมือนกัน การที่เรามีสติรู้ทันการเปลี่ยนแปลงขององค์ฌานเนี่ย ตัวนี้แหละเป็นการเดินปัญญาในสมาธิ ในฌาน เดินปัญญาอยู่ในฌาน ต่างจากการเดินปัญญาในอุปจาระนะ อุปจาระจิตมันผุด มันยังคิดอยู่ มันผุดๆๆขึ้นมานะ เราคอยรู้ทันสิ่งที่ผุดขึ้นมาแล้วก็หายไป

เห็นมั้ยทำอานาปานสติแล้วมาเจริญปัญญาในสมาธิก็ได้

541106A.14m45-16m07

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3
นาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๔๔ ถึง นาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๘) เดินปัญญาในอุปจารสมาธิ

mp3 for download: อานาปานสติ (ตอนที่ ๘) เดินปัญญาในอุปจารสมาธิ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๘) เดินปัญญาในอุปจารสมาธิ

อานาปานสติ (ตอนที่ ๘) เดินปัญญาในอุปจารสมาธิ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทีนี้ถ้าคนไหนทำอานาปานสติ แล้วไม่สามารถเข้าฌานได้จะทำอย่างไร บารมีไม่ถึง ไม่เคยฝึกฝนมา เข้าฌานไม่ได้ ก็ทำอานาปานสติไป หายใจไป หายใจไป ลมมันตื้น สว่างขึ้นมา สบาย อย่าตามแสงออกไปเท่านั้นแหละ รู้เนื้อรู้ตัว สบาย จิตมันสงบอยู่นะ จิตมันสงบอยู่ แต่มันไม่ได้ไปเกิดปีติเกิดสุขอะไรขึ้นมา มันมีความสงบอยู่ในระดับหนึ่ง มันได้อุปจารสมาธิ ตรงอุปจารสมาธิเนี่ย นิมิตต่างๆมันเกิดได้ ถ้าหลงนิมิตไปก็เสียเวลา ถ้านิมิตเกิดขึ้นมาแล้วย้อนกลับมาดูที่จิตนะ นิมิตดับไปแล้วก็ หายใจไป ใจสบาย คอยรู้เนื้อรู้ตัวไปเรื่อย อะไรแปลกปลอมเข้ามารู้ทัน นี่เดินปัญญาอยู่ เดินปัญญาอยู่ในอุปจาระก็ได้ แต่ถ้าคนไหนชำนาญทั้งฌาน ชำนาญทั้งการดูจิตนะ จะไปเดินปัญญาอยู่ในฌาน

เห็นมั้ยทำอานาปานสติทำได้หลายอย่างนะ เป็นสมถะแบบเหลวไหลก็ได้ ตึงไปอ่อนไป แล้วก็ฟุ้งซ่านออกไปเลย ทำสมาธิให้เกิดอุปจารสมาธิก็ได้ ตรงนี้นิมิตเกิด อยากรู้อยากเห็นเลยบางทีหลอกๆ จิตมันหลอกเอาก็ได้ จริงบ้าง เท็จบ้าง แต่ตรงที่เคลิ้มๆไหลออกไปน่ะ เชื่อไม่ได้

ถ้าไม่หลงตามนิมิตนะ คอยดูสภาวะ ใจมันจะผุดความคิดขึ้นมา เดี๋ยวก็ไหวๆปั๊บๆๆ ขึ้นมานะ แล้วก็หายไป เดี๋ยวก็ไหวแป๊บๆ หายไป เราก็แค่รู้อยู่อย่างนี้ เราเดินปัญญาอยู่นะ เราจะเห็นว่า “ทุกสิ่งทีเกิด ดับทั้งสิ้น” นี่เดินปัญญาอยู่ในอุปจารสมาธิ พวกเราคนไหนทำตรงนี้ได้บ้าง ที่เรานั่งอยู่แล้วเราเห็นมันไหวๆแว้บๆๆ ขึ้นมา ยังไม่ได้เข้าฌานนะ ตรงนี้ จะเห็นว่าทุกอย่างมาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไปนะ แต่ถ้าใจไหลตามไป ใช้ไม่ได้ ใจตั้งมั่นอยู่ เราเห็นทุกอย่างมันมาแล้วไป นี้เป็นการเดินปัญญาอยู่ในอุปจาระ

541106A.12m33-14m43

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3
นาทีที่ ๑๒ วินทาทีที่ ๓๓ ถึง นาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๔๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๗) ทำฌานด้วยอานาปานสติ

mp3 for download : อานาปานสติ (ตอนที่ ๗) ทำฌานด้วยอาปานสติ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๗) ทำฌานด้วยอาปานสติ

อานาปานสติ (ตอนที่ ๗) ทำฌานด้วยอาปานสติ

หลวงพ่อปราโมทย์ : พอจิตเริ่มรวมจิตเริ่มสงบนะ หายใจจะตื้นขึ้นมา จะสั้น สั้น สั้น ขึ้นมา เหมือนมาอยู่ที่จมูกนั่นเอง พอลมหายใจขึ้นมาสูงขึ้นมา จิตมันจะสว่างขึ้นเรื่อยๆนะ จะสว่าง เนี่ยอย่างเรากำหนดอย่างนี้นะ เนี่ยสว่างขึ้นมาแล้ว ตรงที่จิตสว่างขึ้นมาแล้วเนี่ย มีทางแยก…

พวกหนึ่งนะ อยากรู้อยากเห็นอะไรเนี่ย ส่งแสงสว่างไป คล้ายๆฉายสปอร์ตไลท์ไป ฉายไปที่ไหนนะ จิตก็ตามไปดู เนี่ยจิตออกนอกตัวจริง ไปเทวโลกก็ได้ ไปพรหมโลกก็ได้ ไปบาดาลก็ได้ การที่เรารู้ลมจนกระทั่งกลายเป็นแสงสว่างเนี่ย มันกลายเป็นกสิณแสง กสินแสงเนี่ยมันทำให้ได้ทิพยจักษุ จากกสิณแสงเนี่ยนะ ส่งไปที่ไหน ตาก็มองเห็นตามไปได้ ใจมันเห็นตามไป ไปเห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นอะไร เห็นก็ดีเหมือนกัน ในแง่ที่จะกลัวบาป อยากทำบุญไม่กล้าทำบาป มีศีล นี่เห็นอย่างนี้มีศีล อีกพวกหนึ่งเห็นแล้วลำพอง กูเก่งๆ พวกนี้เห็นแล้วยิ่งแย่ใหญ่ เกิดกิเลส นี่ไม่ดี ถ้าเห็นแล้วมีศีลมีธรรมก็ดี ถ้าไม่เห็นก็ไม่เป็นไร อย่าไปตามมันไป

ให้จิตเป็นคนดูแสงไว้ จิตอย่าถลำเข้าไปในแสง พอจิตเป็นคนดูแสงเนี่ยนะ จิตมันชำนิชำนาญขึ้นมา สติระลึกรู้ที่แสงสว่างนั้น เรียกว่ามี “วิตก” วิตกก็คือการที่จิตเนี่ยไปตรึกอยู่ในแสงสว่าง วิจารเนี่ยคือจิตมันเคล้าเคลียอยู่กับแสงสว่าง ได้ยินคำว่า วิตก วิจาร ใช่มั้ย เราชอบไปคิดว่าวิตกคือคิดๆไปเรื่อยๆ วิจารก็คือวิพากษ์วิจารณ์ อันนั้นคนไทยเอามาใช้หรอก

วิตกก็คือ การที่จิตมันตรึกในอารมณ์ มันจับเข้าไปที่ตัวอารมณ์นะ วิจารณ์มันเคล้าเคลียอยู่กับตัวอารมณ์ พอจิตมีวิตกมีวิจารอยู่นะ ปีติมันเกิดนะ ก็ตรงนี้มันชำนาญ ก่อนจะมีปีติมีอะไรขึ้นมาได้นะ จิตมันชำนาญในสมาธิขึ้นมาแล้ว แสงสว่างเนี้ยให้มันใหญ่ก็ได้ ให้มันเล็กก็ได้ ให้เต็มโลกก็ได้ ทำตัวกระทั่งเราเหมือนพระอาทิตย์พระจันทร์เลยก็ได้ ให้เล็กๆเหมือนปลายธูปเลยก็ได้นะ คล้ายจิตมันเล่น มีของเล่น จิตมันสนุก มีปีติขึ้นมา มีความสุขนะ

พอจิตมีปีติ มีความสุขขึ้นมาแล้วนะ สติระลึกลงไปอีก มีปีติแล้วไม่ต้องไปสนใจดวงสว่างนั้นอีกต่อไปแล้ว เสียเวลา ทิ้งวิตกทิ้งวิจารไป สติระลึกรู้ปีติ ปีติมันโลดโผน ในขณะที่มีปีติในความจริงก็มีความสุขด้วยนะ แต่ว่าปีติมันฉูดฉาด สติจะไปเห็นปีติก่อน พอสติระลึกรู้ปีติ ปีติจะดับนะ ความสุขก็เด่นขึ้นมานะ ความสุขมันเด่น มันคล้ายๆนะ ปีติมันหยาบกว่ามันชวนให้ดู เหมือนเราไปซื้อเสื้อมาตัวหนึ่งนะ เราก็เลือกมาอย่างดีแล้ว พอซื้อมาเราพบว่า กลับมาบ้านแล้วพบว่ามันมีรูอยู่นิดนึง มันไปเกี่ยวอะไรขาดอยู่นิดนึง เราไม่ดูเสื้อทั้งตัวแล้ว เราจะเวียนดูไอ้รูที่ขาด นึกออกมั้ย เพราะมันเร้าใจกว่า เวลาปีติเกิดก็แบบเดียวกันนะ ไปดูปีติไม่อยากดูความสุขน่ะ ความสุขก็มีอยู่ในขณะที่มีปีติแต่ไม่ดู

พอปีติดับไป มันเห็นนะ ปีติเป็นของหวือหวา ปีติดับไปนะจิตก็มีความสุขขึ้นมา ความสุขก็เด่นขึ้นมา ดูลงไปที่ความสุข ความสุขก็เป็นของหวือหวาอีก มันก็เป็นอุเบกขา จิตเป็นอุเบกขา ตรงที่วิตกวิจารดับไปนะ จิตจะเป็นผู้รู้ขึ้นมานะ เพราะฉะนั้นในฌานที่สอง จิตจะเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานขึ้นมาแล้ว ตรงนี้ถ้าทำอานาปานสติจนได้ฌานนะ เนี่ยได้ตัวผู้รู้ขึ้นมา ตั้งแต่ฌานที่ ๒ ๓ ๔ มีตัวผู้รู้ขึ้นมา แล้วถ้าดูจิตต่อไปเรื่อยก็จะเข้าอรูป(ฌาน)ไป และไม่จัดเป็นอานาปานสติแล้ว ก็เข้าอรูปต่อ อันนี้เป็นวิธีใช้อานาปานสติทำให้เกิดฌาน ในฌานนั้นเกิดจิตผู้รู้ขึ้นมา คนที่ได้จิตผู้รู้จากสมาธิเนี่ย เมื่อออกจากสมาธิแล้วตัวรู้จะเด่นดวงอยู่อย่างนั้นน่ะ ถ้าสมาธิหนักแน่นพอนะ เด่นอยู่ได้หลายวันเลย แต่ไม่เกิน ๗ วันก็จะเสื่อม พอมีตัวรู้นี้เอาไว้ใช้เดินปัญญา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๓๑ ถึง นาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๓๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๖) ลมหายใจ ต้องลงไปที่ท้อง

mp3 for download : อานาปานสติ (ตอนที่ ๖) ลมหายใจ ต้องลงไปที่ท้อง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๖) ลมหายใจ ต้องลงไปที่ท้อง

อานาปานสติ (ตอนที่ ๖) ลมหายใจ ต้องลงไปที่ท้อง

หลวงพ่อปราโมทย์ : พวกภาวนาไม่เป็นนะ มาหัดเริ่มหายใจ จะหายใจไปที่หน้าอก คนหายใจเป็นนะ หายใจลงไปที่ท้อง แปลกมั้ย เวลาจงใจหายใจ จะหายใจด้วยหน้าอกนะ เราหายใจตามธรรมชาติที่เราหายใจทุกวันนี้ มันหายใจลึกลงไปถึงท้อง ในความรู้สึกนะ ลมไม่เข้าท้องหรอก ไม่งั้นท้องป่องไปเลย ถ้าหายใจตามธรรมชาติ ท้องจะพอง ท้องจะยุบ หายใจแบบจงใจเกร็งไว้นะ หน้าอกจะพอง หน้าอกจะยุบ เหนื่อยนะ หน้าอกเขามีกระดูกหุ้มไว้ เขาไม่ได้เอาไว้พองเล่น พองไม่มากหรอก แต่ท้องขยายได้ หายใจแล้วสบาย

เพราะฉะนั้นทีแรกหายใจ มันจะลงไปลึกเลย หายใจไม่เป็นก็ลึกไประดับหน้าอก หายใจเป็นลึกระดับท้อง พอจิตเริ่มรวมจิตเริ่มสงบนะ หายใจจะตื้นขึ้นมา จะสั้น สั้น สั้น ขึ้นมา เหมือนมาอยู่ที่จมูกนั่นเอง พอลมหายใจขึ้นมาสูงขึ้นมา จิตมันจะสว่างขึ้นเรื่อยๆนะ จะสว่าง เนี่ยอย่างเรากำหนดอย่างนี้นะ เนี่ยสว่างขึ้นมาแล้ว ตรงที่จิตสว่างขึ้นมาแล้วเนี่ย มีทางแยก…

541106A.06m46-07m56

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๕) ให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน รู้ลมหายใจ หายใจออกยาวให้รู้ว่าหายใจออกยาว

mp3 for download: อานาปานสติ (ตอนที่ ๕) ให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน รู้ลมหายใจ หายใจออกยาวให้รู้ว่าหายใจออกยาว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๔) อานาปานสติ คือมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก

อานาปานสติ (ตอนที่ ๔) อานาปานสติ คือมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก

หลวงพ่อปราโมทย์ : คือหายใจไป หายใจทีแรกลมหายใจจะยาว หายใจลมจะยาว ลมจะลึกนะ เบื้องต้นหายใจ ในพระไตรปิฎกเคยเขียน บอกว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ให้เธอคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า ให้มีสติอยู่เฉพาะหน้าคืออยู่กับปัจจุบันเท่านั้นเอง ไม่ได้ให้ไปบังคับ ไม่ได้ให้ไปดัดแปลง ไม่ได้ให้ทำอะไร ไม่ได้ให้ตึง ไม่ได้ให้หย่อน มีสติอยู่เฉพาะหน้า ที่หย่อนเคลิ้มๆนั้นขาดสติ ที่นั่งเพ่งๆนั้นมันรุนแรงไป ไม่ใช่แค่มีสติอยู่

ให้คู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า หายใจออกยาวให้รู้ว่าหายใจออกยาว เห็นมั้ย ท่านหายใจออกนะ หายใจเข้ายาวรู้ว่าหายใจเข้ายาว หลวงพ่อทีแรกอ่านพระสูตรนี้ ก็อ่านก็ข้ามนะ เราชินกับการหายใจเข้าแล้วค่อยหายใจออก ตอนเด็กก็หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ ได้มาอ่านพระสูตร ทำไมหายใจออกก่อนเลยมาลองดู

เราอยู่ๆเราหายใจออกได้มั้ย ได้ อย่างน้อยก็นิดนึงน่ะ ในปอดต้องมีลมอยู่บ้างน่ะ ถ้าอยู่ๆเราหายใจออกนะแล้วเรารู้สึกอยู่เนี่ย ใจมันจะเบานะ แต่ถ้าเริ่มต้นด้วยการหายใจเข้า ใจมันจะตั้งท่าปฏิบัติ จะแข็งไป พอแข็งแล้วแก้ยากแล้ว หายใจออกก่อนสบาย.. แล้วหายใจเข้าก็สบาย.. ใจมันจะเบาๆ ใจที่เบา ใจที่สบายนี้แหละเกิดสมาธิง่าย ใจที่หนักที่แน่นที่แข็งๆเนี่ย เกิดสมาธิยาก เพราะสมาธิเกิดจากความสุข เพราะฉะนั้นทีแรกท่านบอกให้หายใจออก หายใจออกแล้วหายใจเข้า หายใจเข้าก็ไม่ได้เกร็งขึ้นมาแล้ว ก็แค่เห็นร่างกายหายใจเข้ามา เหมือนตอนที่เห็นร่างกายหายใจออก ตอนหายใจออกไม่มีการเกร็งน่ะ

แล้วทำไมทีแรกต้องหายใจยาว จิตยังไม่สงบน่ะ ร่างกายต้องการออกซิเยนเยอะ หายใจมันจะเข้าลึกๆหน่อย มันจะยาว พอหายใจไปแล้วมีความสุข หายใจออกไปเนี่ย แล้วหายใจเข้ามีความสุข จิตมีความสุขจิตค่อยสงบ พอจิตค่อยสงบขึ้นมาเนี่ย ลมหายใจจะตื้น ตื้น ตื้นขึ้นนะ หายใจน้อยลง น้อยลง น้อยลง มันจะหายใจสั้นๆ หายใจอยู่ที่ปลายจมูกเท่านั้นเอง ไม่ได้หายใจลงไปถึงท้อง ถึงสะดือ ถึงหน้าอกอะไรอย่างนี้นะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๔) อานาปานสติ คือมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก

mp3 for download: อานาปานสติ (ตอนที่ ๔) อานาปานสติ คือมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๔) อานาปานสติ คือมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก

อานาปานสติ (ตอนที่ ๔) อานาปานสติ คือมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก

หลวงพ่อปราโมทย์ : หลวงพ่อไปเทศน์ที่เชียงใหม่ ที่นิ่มซี่เส็ง คนเขาชอบทำอานาปานสติ เลยสอนเรื่องอานาปานสติเขา อานาปานสติเป็นสุดยอดกรรมฐานเลย จนถึงขนาดที่อาจารย์อภิธรรมบางท่านนะ ยกให้เลยว่า อานาปานสติเนี่ย เป็นกรรมฐานของพระมหาบุรุษ มหาบุรุษมือระดับพระพุทธเจ้า เล่นได้กว้างขวางมากเลย

อานาปานสตินะ คือมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก หรือมีสติอยู่กับลมหายใจ แต่ละอันนี้ความหมายจะไม่เหมือนกันทีเดียว วิธีทำก็จะแตกต่างกันออกไป อานาปานสตินะ ทำได้ตั้งแต่สมาธิเหลวไหลนะ สมาธิเหลวไหล คือ ไหลออกไปข้างนอกจริงๆ สมาธิเคลิบเคลิ้ม พวกนี้พวกมิจฉาสมาธิทั้งนั้นเลย สมาธิตึงเครียด นี่ก็พวกมิจฉาสมาธินะ

541106A.02m44-03m58


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 212