Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

จิตที่ติดเศร้า

mp3 for download: จิตที่ติดเศร้า

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม: เมื่อสองเดือนที่ผ่านมานี้จิตมันยังเบิกบานอยู่เลย แต่ว่าช่วงนี้มันชอบไหลเข้าไปในโหมดเศร้าๆ

หลวงพ่อปราโมทย์: เราอย่าไปยอมสิ

โยม: มันไปติดล็อกอะไรอยู่ไหมคะ

หลวงพ่อปราโมทย์: อย่าไปกลัวมัน อย่าไปกังวลว่าติดไม่ติดนะ ไหลเข้าไปก็รู้ ติดอยู่ก็รู้ อยากหลุดออกมาก็รู้ ถ้าเรารู้อย่างที่มันเป็นด้วยใจที่เป็นกลางนะ มันไม่ติดอะไรหรอก ที่มันติดได้เพราะใจเรายังไม่เป็นกลาง อย่างเราไม่ชอบอันนี้ เราชอบอันนี้

โยม: ก็เห็นว่ามันบังคับไม่ได้ แต่มันก็ชอบติด

หลวงพ่อปราโมทย์: สังเกตไหม โทสะมันเกิด

โยม: ก็เห็นค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์: ตัวนั้นแหละที่ทำให้มันไม่หลุด เพราะจิตดวงนั้นไม่ได้มีสติจริง จิตดวงนั้นเป็นโทสะมูลจิต

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่โรงเรียนรุ่งอรุณ
เมื่อวันพุธที่ ๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๘

ไฟล์ 580128 โรงเรียนรุ่งอรุณ
ระหว่างชั่วโมงที่ ๑ นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๓๘ ถึง ชั่วโมงที่ ๑ นาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๒๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การตรวจสอบตนเอง

mp 3 (for download) : วิธีดูว่ายังอยู่ในร่องในรอยไหม?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม : กราบนมัสการครับหลวงพ่อ เออ…อยากจะให้หลวงพ่อช่วยตรวจให้หน่อยครับว่ายังอยู่ในร่องในรอยไหมครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : รักษาศีล หรือเปล่าล่ะ

โยม : อะไรนะครับหลวงพ่อ

หลวงพ่อปราโมทย์ : รักษาศีลได้ดีไหม?

โยม : ก็มีด่างพร้อยครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เออ นะ ก็อยู่ในร่องในรอยบ้าง จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวไหม?

โยม : ก็เออไม่ค่อยอยู่ครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : หรือหลงบ่อย

โยม : หลงบ่อยครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เออ หลงบ่อย ไม่เรียกอยู่ในร่องในรอยนะ ถ้าเรามีศีล มีสมาธิ เราเจริญปัญญา แยกธาตุแยกขันธ์อยู่ เรียกว่าอยู่ในร่องในรอย ถ้าศีลเราก็ขาด สมาธิเราก็เสียอะไรอย่างนี้ เราก็ภาวนาไม่ดีน่ะ น้อยไป

โยม : ยังน้อยไปใช่ไหมครับ แล้วหลวงพ่อ…

หลวงพ่อปราโมทย์ : ตั้งใจให้เด็ดเดี่ยวนะ อย่าตามโลกไป โลกไม่มีอะไร หลงโลกเยอะไป

โยม : ครับ ขอบพระคุณครับหลวงพ่อ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ อยุธยาพาร์ค เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๖

File: 560425.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๕๑ วินาทีที่ ๓๖ ถึง นาทีที่ ๕๒ วินาทีที่ ๓๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การแผ่เมตตา การอุทิศส่วนกุศล

mp 3 (for download) : การแผ่เมตตา การอุทิศส่วนกุศล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม: อยากให้หลวงพ่อแนะนำวิธีแผ่เมตตา กับอุทิศกุศล ที่ได้รับเต็มๆน่ะครับ

หลวงพ่อปราโมทย์: เมตตาอันหนึ่งนะ อุทิศส่วนกุศลอีกอันหนึ่งนะ คนละอันกัน แผ่เมตตาคือมีความรู้สึกเป็นมิตร ต่อคนอื่น สิ่งอื่น สัตว์อื่น อะไรพวกนี้ มีความรู้สึกที่เป็นมิตร อย่าไปมองเขาในแง่ร้าย มองเขาในแง่ที่ว่า เขาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์กัน ก็คิดว่าทุกคนเขามีความทุกข์อยู่แล้ว เราไม่เพิ่มทุกข์ให้คนอื่นล่ะ นึกในใจอย่างนี้เรื่อยๆ แผ่เมตตาก็จะไม่เป็นศัตรูกัน

ตอนที่หลวงพ่อบวชใหม่ๆนะ อยู่ที่เมืองกาญจน์ ที่นั่นมีงูเห่า งูเห่าตัวหนึ่งนะ สวย เชื่องมากเลย มาอยู่ที่นี่ไม่มีงูเห่าเชื่องให้ดู มีแต่ไก่ป่า ไก่เชื่องมากเลย ที่ร้องระงมนี่ไก่ป่าทั้งนั้นเลยนะ หูจะขาวๆ ไปดูสิ ไก่ป่าตัวจริงหูจะขาวๆ ถ้าไก่ตัวปลอมก็หูธรรมดา หูแดงๆ

งูที่ว่าดุๆนะ เชื่องนะ เรานั่งเก้าอี้อยู่อย่างนี้ มันเลื้อยมาหากินนะ มันมุดๆมุดๆ เราก็มอง อู๊ยสวยๆ เอ็งอย่ากัดข้าก็แล้วกัน สวย เชื่อง มีอยู่ทีนะ น้ำท่วม น้ำท่วมบ้าน งูมันตามน้ำมา เห็นมันจะเข้ามาในบ้าน เอาไม้ไปเขี่ยมัน มันฉก อยู่ในน้ำนะมันยังชูหัวได้ โอ้.. ไอ้ตัวนี้ดุ พอแผ่เมตตาให้มัน มันก็ซึมๆซึมๆ พอจะไปเขี่ยมัน มันก็ฉกขึ้นมาอีก ว้า..เสมอกัน สุดท้ายมันก็ไป

แผ่เมตตาคือมีความรู้สึกเป็นมิตร ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นศัตรูนะ แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลเนี่ย นึกถึงส่วนบุญที่เราทำ แล้วก็นึกถึงคนที่เราอยากจะให้เขาได้รับ แต่การแผ่ส่วนบุญต้องรู้ มันมีหลายแบบ แผ่ให้คนเป็นนั้นทำไม่ได้ คนเป็นเราต้องโทรศัพท์ไปบอกเขา ว่าเราได้ทำบุญนี้นะ ให้เขาอนุโมทนา อนุโมทนาหมายถึงเขาดีใจด้วยที่เราทำบุญ แต่ถ้าเขาไม่อนุโมทนาเรา เขาอิจฉาเรา ปากเขาบอกว่าอนุโมทนา ในใจคิดว่าโธ่เอ๋ยเอาหน้า อย่างนี้เขาไม่ได้บุญ

ส่วนการแผ่ส่วนบุญ พวกที่ได้รับเนี่ย พวกเปรต เปรตบางพวกนะ ได้รับ อย่างพวกเทวดาเราแผ่ไป ไม่ได้รับหรอก แต่เขารู้ เขาจะอนุโมทนา มนุษยแผ่ไปไม่รู้ ต้องโทรศัพท์ไปบอก

เราต้องมีบุญก่อนนะ ถึงจะไปแผ่ส่วนบุญ สมมุติว่าเราไม่มีบุญเลย เห็นคนเขาทำบุญ เราก็หาบุญด้วยการอนุโมทนา ไปปล่อยวัวปล่อยควายวันนี้ใช่มั้ย ไปปล่อยวัวปล่อยควาย เราไม่มีตังค์ไปปล่อยกับเขา โอ๊ย.. ดีจัง โมทนานะ ขอให้ได้บุญด้วย นี่เราได้แล้วนะ ไม่ต้องเสียตังค์สักบาทหนึ่ง บุญมี ๑๐ ข้อนะ บุญที่เสียสตางค์น่ะมีข้อเดียว อีก ๙ ข้อไม่เป็นเรื่องเสียสตางค์หรอก เห็นคนเขาทำดี ก็ดีใจกับเขา ก็ได้บุญแล้ว พอเรามีบุญแล้ว เราก็อุทิศส่วนบุญ บุญจากความดีใจที่ปล่อยวัวปล่อยควาย ขออุทิศให้ปู่ย่าตายายเรา เนี่ยเราก็ได้แล้ว เห็นมั้ย บุญมีตั้ง ๑๐ ข้อ อย่างเห็นคนลำบาก ไปช่วยเขาก็ได้บุญ เห็นคนทำงานที่เป็นประโยชน์ เช่นทำสาธารณกุศล ไปเก็บศพเก็บอะไรนะ เราไม่มีเงินเราก็ไปออกแรงช่วยเขาเก็บ ก็ได้บุญ บุญจากการช่วยเหลือเขา เวยยาวัจจมัย บุญมีตั้ง ๑๐ ข้อ เยอะแยะ บุญจากการมีศีล นี่ก็เป็นบุญ ไม่มีสตางค์หรอก ไปรักษาศีลมาได้ดีแล้ว นึกถึงศีลที่เรารักษาก็ได้บุญแล้ว เราก็อุทิศส่วนบุญได้ ต้องมีต้นทุนก่อนนะ จึงจะอุทิศ

ง่าย ไม่ยาก แต่อย่าไปปนกันนะ ผีมา จะมาขอส่วนบุญ เราก็เจริญเมตตา เป็นสุข เป็นสุขเถิด ไม่เอา.. จะเอาบุญ เออ..อย่างนี้นะ เรียกว่าผิดประเภท งูเห่ามาละ เลื้อยปราดๆมาละ จงได้รับส่วนบุญของเรา มันกัดเลย นี่เรียกว่าแผ่ผิดประเภท


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑o เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๗ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๖
File: 570810B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๘ ถึงนาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เราไม่ได้ภาวนาเอาดี แต่ให้เห็นความจริง

mp3 for downloadเราไม่ได้ภาวนาเอาดี

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: โดยธรรมชาติ ภาวนาเนี่ย มันจะไม่ดีตลอด มันเจริญได้มันก็เสื่อมได้ อย่างช่วงนี้เคยภาวนาดี ผ่านไปอีกช่วงนึงไม่ดี ทั้งๆ ที่ทำถูกนะ เพราะอะไร เพราะว่าดีนั้นเป็นของไม่เที่ยง หลวงพ่อถึงสอนเรื่อยๆ ว่าเราไม่ได้ภาวนาเอาดี แต่เราภาวนาให้เห็นความจริงว่า ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราเป็นของไม่เที่ยง

เราภาวนานะ จิตใจสว่างไสว รู้ตื่นเบิกบาน ผ่านไปช่วงหนึ่ง หมองๆ มัวๆ ไม่ค่อยรู้ตัว เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องตกใจ กลับไปเมืองจีนแล้วตกใจว่าภาวนาสู้ตอนอยู่เมืองไทยไม่ได้ พอมันเสื่อมลง มันหมองมัวลง อย่าไปตกใจ ให้เราภาวนาไปตามปกติ ไม่ต้องคิดว่าจะเอาดี เพราะเราไม่ได้ภาวนาเอาดี ให้เราดูไปว่าเนี่ย แต่เดิมมันสว่างไสวสบาย ตอนนี้มืดมัวไปละ จิตที่สว่างก็ไม่เที่ยง เราดูไปอย่างสบายใจ ไม่นานมันก็สว่างขึ้นมาอีก

ก็เห็นจิตที่มัวๆไป จิตที่เสื่อมไปว่าก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ภาวนาเพื่อให้เห็นว่าทุกอย่างมันไม่คงที่ ไม่ใช่ภาวนาเอาดี เพราะดีไม่คงที่

ถ้าคนไหนคิดจะภาวนาเอาดีนะ ต้องช้ำใจตาย เพราะว่ามันของไม่เที่ยง มันดีได้มันก็เสื่อมได้ ตรงนี้เป็นหลักสำคัญนะ ไม่งั้นเดี๋ยวกลับเมืองจีนแล้วตกใจ ตั้งหลักให้ดี ไม่ได้ฝึกเอาดี ไม่ได้ฝึกเอาสุข ไม่ได้ฝึกเอาความสงบ แต่ฝึกเพื่อเอาความจริงว่าทุกอย่างไม่คงที่ ทุกอย่างบังคับไม่ได้ ต้องการเห็นแค่นี้

แล้วต่อไปเวลามีสิ่งต่างๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตเราเนี่ย จิตมันฉลาดแล้วว่าทุกอย่างมันไม่คงที่ เพราะฉะนั้น ถ้าความสุขเข้ามานะ เราก็ไม่เพลิดเพลินไป เรารู้ว่าไม่คงที่ ความทุกข์เกิดขึ้นในชีวิต เราก็ไม่หลงกลุ้มใจ เรารู้ว่าไม่คงที่

กระทั่งคนไทยเองนะ ภาวนาไม่เป็นหรอก ภาวนาแล้วเอาดี เอาสุข เอาสงบ นั่งสมาธิเอาสุข เอาสงบ อยากดี เสร็จแล้วมันก็เสื่อม เสื่อมแล้วก็กลุ้มใจ อย่างบางคนภาวนามากมายนะ นั่งขยับทำจังหวะอย่างนี้ จะไม่ยอมให้ใจมันคิด นี่ทำผิดนะ ทำจังหวะแล้วจะไม่ให้ใจคิดเนี่ย ผิด เพราะจิตมีหน้าที่คิด จะไปสั่งมันไม่ให้คิดไม่ได้

หลวงพ่อเทียนขยับเพื่อจะรู้ทันจิตใจที่ไหลไปคิด หลังๆ เริ่มฝึกกันนะ จะไม่ให้มันคิด เพ่งเอาไว้ อยากสุข อยากสงบ อยากดี สุดท้ายก็เสื่อมใช้ไม่ได้ งั้นถ้าเราเข้าใจหลักของการปฏิบัติแล้วกลับเมืองจีนนะ เจริญเราก็รู้ เสื่อมเราก็รู้ ถึงวันหนึ่งเราเห็นว่าเจริญก็ไม่คงที่ เสื่อมก็ไม่คงที่ บังคับไม่ได้เท่าๆกัน เราก็จะเห็นว่าความสุขกับความทุกข์เท่าเทียมกัน ความสุขอยู่ชั่วคราวแล้วก็หาย ความทุกข์อยู่ชั่วคราวแล้วหาย เป็นของที่เท่าเทียมกันทั้งหมดเลย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๙ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๗ ก่อนฉันเช้า
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๕
File: 570719A
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๗ ถึง นาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กติกามารยาทในการส่งการบ้าน

mp3 for download : กติกามารยาทในการส่งการบ้าน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : เอ้า.. ต่อไปให้ส่งการบ้าน จะบอกกติกามารยาทก่อน การส่งการบ้านนะ ไม่เสแสร้ง ไม่ส่งเพราะอยากคุยอยากโอ้อวด ส่งเพราะว่าจำเป็นต้องส่งจริงๆ ติดขัด

เรื่องการปฏิบัติ เรื่องราวที่ส่ง เฉพาะเรื่องการปฏิบัติ เรื่องอื่นไม่เอานะ

เวลาส่งการบ้าน ไม่พาดพิงถึงครูบาอาจารย์ท่านอื่น ไม่เอ่ยอ้างถึงสำนักอื่นๆ หลวงพ่อมีปัญหามามากแล้ว พวกเราสร้างปัญหาให้หลวงพ่อมาเยอะแล้ว หลวง

พ่อเลยไม่ยอมแล้ว ยกตัวอย่างพอมาจับตรงนี้นะ ก็ไปหาอาจารย์อื่น “หลวงพ่อปราโมทย์สอนอย่างนี้” จำไปผิดด้วยซ้ำไป เช่น “หลวงพ่อปราโมทย์บอกว่า

อย่าทำสมาธิ ถูกมั้ยครับ” อาจารย์ก็ต้องบอกว่าไม่ถูกน่ะ ก็กลับมาบอกหลวงพ่อปราโมทย์ “อาจารย์วัดนั้นบอกว่าหลวงพ่อปราโมทย์สอนไม่ถูกน่ะ”

เพราะฉะนั้น มีมารยาทนะ เวลาส่งการบ้านเนี่ย ไม่ต้องเอ่ยชื่อสำนักนะ ไม่ต้องเอ่ยครูบาอาจารย์ เอ้า.. ส่งการบ้าน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ต.บางพระ อ.ศรีราชา ชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๔ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕
File: 550804B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๓๘ ถึงนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๔๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สมาธิ คือ สภาวะที่จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว

mp3 for download : สมาธิ คือ สภาวะที่จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
retouched by Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์ :เรามาฝึกจิตฝึกใจของเราไม่ให้ออกนอกนะ จิตเคลื่อนไปรู้ว่าจิตเคลื่อนไป รู้ จิตจะอยู่กับเนื้อกับตัว สมาธิที่แท้จริง ถ้าจะพูดง่ายๆนะ ที่ว่าความตั้งมั่นๆน่ะ ถ้าจะแปลมาเป็นภาษาไทยยุคนี้นะ ก็คือสภาวะที่จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว

พวกเราลืมเนื้อลืมตัวตลอดเวลานะ เรียกว่าไม่มีสมาธิ งั้นก็พยายามนะ ทุกวันต้องซ้อม ทุกวันต้องซ้อมไหว้พระสวดมนต์ สวดมากไม่ได้ก็สวดนิดๆหน่อยๆก็ยังดี ซ้อมไว้นะ อย่างน้อย อิติปิโสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ เอาให้ได้ แค่นี้ก็ยังดี นะโมฯได้มั้ย นะโมตัสสะฯได้มั้ย หรือ นะโมพุทธายะ นะโมอย่างโน้นอย่างนี้แล้วลืมนะโมตัสสะฯไม่ได้นะ ต้องซ้อมไว้ สวดไว้ แล้วก็นึกถึงพระพุทธเจ้า อะไรอย่างนี้นะ ใจก็จะมีความสุขขึ้นมา หายใจไป คราวนี้หายใจไปอย่างมีความสุข หายใจไปแล้วใจหนีไปคิด รู้ทัน ใจไหลไปอยู่ที่ลมหายใจแล้วรู้ทัน หายใจไปอย่างมีความสุขนะ แล้วก็รู้ทันไปเรื่อย

เบื้องต้นน่ะ ทำไมต้องไปสวดมนต์สวดอะไรก่อน เป็นการปรับให้ใจมีความสุขก่อน แต่ถ้าคนไหนขี้เกียจสวดมนต์มากเลยนะ ไปเริ่มต้นด้วยการสวดมนต์แล้วจะขี้เกียจหนัก ถ้าไม่ชอบ ใจจะไม่สงบนะ เพราะฉะนั้นเบื้องต้นทำอะไรให้มัน Relax เสียก่อน พอใจเราฟุ้งมาก วันนี้ฟุ้งมาก สวดมนต์ไม่ไหวแล้ว สวดมนต์แล้วหงุดหงิดนะ หาหนังสืออะไรมาอ่านสักเล่มหนึ่งนะ ที่ไม่ยั่วกิเลส หนังสือธรรมะ หนังสืออิงธรรมะ แต่อย่าอ่านหนังสือนิยายนะ อ่านนิยายอิงธรรมะไม่มีใครบรรลุธรรมหรอกนะ เพราะมันลุ้นพระเอกนางเอก อคติมันเกิด มันไม่เป็นกลาง ไม่ได้สมาธิจริงหรอก อ่านอย่างพุทธประวัติ ประวัติพระสาวกอะไรอย่างนี้นะ อ่านแล้วใจเคล้า ใจมีความสุขนะ พอใจมีความสุขนะ หรืออ่าน ใครเคยอ่านธรรมบทบ้าง อรรถกถาของธรรมบท ไปหาซื้อมาอ่านนะ มี ๘ เล่ม แนะนำ เป็นหนังสือแนะนำประจำปี ไปหาอ่านนะ เล่มเล็กๆหรอก เล่มขนาดพ็อกเก็ตบุ๊คเท่านั้นแหละ มีขายที่มหามกุฎ (มูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ๒๔๑ พระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรฯ ๐-๒๖๒๙-๑๔๑๗ – ผู้ถอด Google Street View) โฆษณาให้เขาด้วย ไม่ได้ตังค์หรอก หลวงพ่อยังไปซื้อมาอ่านเลย สมัยเป็นโยม อ่านไปวันละเรื่องสองเรื่องนะ เวลาที่ใจเราฟุ้งซ่านมากก็มานั่งอ่าน วันนี้มีเรื่องพระโพธิละ อะไรอย่างนี้นะ วันนี้เรื่องพระวักลิ อะไรอย่างนี้ จะมีเรื่องแบบนี้ อ่านไปแล้วใจจะมีความสุขนะ ใจจะมีความสุข ไปนั่งสมาธิต่อแป๊บเดียวสงบเลย ถ้าใจฟุ้ง…. เค้นๆ เค้นๆ ไม่สงบหรอก

เพราะฉะนั้นถ้าไหว้พระสวดมนต์ได้แล้วสงบ ก็ไหว้พระสวดมนต์ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆนะ หาหนังสือมาอ่านก็ได้ ให้ใจมันคลาย เมื่อใจมันคลายแล้วก็ค่อยมาไหว้พระสวดมนต์ มารู้ลมหายใจ แล้วก็มารู้ทันจิตไป ใจไหลแล้วรู้ ใจไหลแล้วรู้ ต่อไปจากนี้นะ ง่าย ไม่ต้องเริ่มต้นไกลเลย คิดถึงพระพุทธเจ้านิดหน่อยก็พอแล้ว ใจจะสบายมีความสุข คิดถึงพระพุทธเจ้าแล้ว นะโมตัสสะ ยังไม่ทันภะคะวะโต จิตก็สงบแล้ว เอา.. ค่อยๆฝึก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
วันจันทร์ที่ ๓๑ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า
File: 551231A
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
ระหว่างนาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๕๓ ถึงนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การเริ่มศึกษาธรรมะ ต้องเริ่มด้วยการวางความเชื่อเดิมๆลงชั่วคราวก่อน แล้วจะพบการเปลี่ยนแปลงด้วยความรวดเร็ว

mp3 for download : การเริ่มศึกษาธรรมะ ต้องเริ่มด้วยการวางความเชื่อเดิมๆลงชั่วคราวก่อน แล้วจะพบการเปลี่ยนแปลงด้วยความรวดเร็ว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เนี่ย ถ้าเราอยากเข้าใจธรรมะของพระพุทธเจ้านะ งานแรกที่พวกเราควรทำก็คือ วางความเชื่อเดิมๆลงชั่วคราวก่อน อย่าคิดว่ากูแน่กูหนึ่งกูรู้อะไรอย่างนี้ ถ้ากูรู้จริงกูไม่ทุกข์หรอกนะ ที่ยังทุกข์อยู่ได้เพราะไม่รู้จริง เพราะฉะนั้นถ้าเราตั้งหลักอย่างนี้นะว่า เราเป็นผู้อ่อนเป็นผู้ต้องศึกษาอยู่ เป็นผู้ไม่รู้จริงทั่วถึงในคำสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าเราวางใจของเราไว้แบบนี้นะ เราจะเรียนรู้สิ่งใหม่ได้ง่ายขึ้น ถ้ากูรู้หมดแล้ว กูแน่กูหนึ่ง กูนั่งสมาธิมาตั้งหลายสิบปี ตั้งแต่ก่อนหลวงพ่อปราโมทย์เกิดอีก อะไรอย่างนี้นะ แต่กูก็ยังทุกข์อยู่เหมือนเดิม ก็เรียนอะไรไม่ได้

เพราะฉะนั้นพวกเราเวลาเรียนธรรมะนะ วางความเชื่อเก่าๆลงไป ตัดความคิดเห็นออกไปก่อน ลองมาฟังดูแล้วก็มาลองทดสอบดูว่าคำสอนทั้งหลายที่หลวงพ่อบอกให้นะ จะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเราในเวลาอันสั้นหรือไม่ อันสั้นด้วยนะ มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นด้วย ไม่ใช่ว่าปฏิบัติมาตั้ง ๒๐ – ๓๐ ปี ก็เหมือนเดิม ถ้าเหมือนเดิมจะไปปฏิบัติทำไม ไม่ต้องปฏิบัติก็ได้นะ ถ้าปฏิบัติแล้วทำถูกต้องนะ จะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ เคยทุกข์มากก็ทุกข์น้อยลงนะ เคยทุกข์นานก็ทุกข์สั้นลง เคยเห็นแก่ตัวก็ไม่เห็นแก่ตัว จิตใจโอบอ้อมอารีย์ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ขึ้น เคยเครียดตลอดนะ ต้องปรึกษาจิตแพทย์เรื่อยๆก็ไม่ต้องปรึกษา บางทีจิตแพทย์ก็ต้องมาปรึกษาเราเหมือนกัน จิตแพทย์ก็เครียดนะ เราต้องเปลี่ยนตัวเองได้ เปลี่ยนถึงจุดที่ว่าคนในบ้านก็รู้สึกได้ คนแวดล้อมเรารู้สึกได้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓๐ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๙
File: 560209A
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๑๗ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๑๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทำยังไงจะรู้ทันว่าจิตไปคิดได้เร็ว

mp3 for download : ทำยังไงจะรู้ทันว่าจิตไปคิดได้เร็ว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: วิธีที่จะฝึกให้จิตเป็นผู้รู้นะ ต้องรู้ทันว่าจิตไปคิด ทำยังไงจะรู้ทันว่าจิตไปคิดได้เร็ว ต้องมีเครื่องอยู่ไว้สักอันนึงให้จิตอยู่ก่อน ถ้าจิตทิ้งเครื่องอยู่นั่นไปเมื่อไหร่นะ มันจะรู้ได้เร็วว่าหลงไปคิดแล้ว

ยกตัวอย่าง เราอยู่กับพุทโธ พุทโธ…พุทโธ…พุทโธไปเรื่อยนะ ไม่ได้บังคับจิตให้อยู่กับพุทโธ แต่มีพุทโธเป็นแบ็คกราวนด์ พุทโธแล้วคอยรู้ทันจิต พุทโธ…พุทโธ… อ้าว จิตหนีไปคิดแล้ว คอยรู้ทัน อย่างนี้ใช้ได้ พุทโธ…พุทโธ แล้วจิตไปนิ่งเงียบอยู่แล้ว สงบนิ่งอยู่แล้วไปเพ่งจิตอยู่ ก็รู้ทัน

หรือมารู้ลมหายใจก็ได้ ใครชอบหายใจก็รู้ลมหายใจ หายใจออก หายใจเข้า หายใจสบายๆ หายใจแล้วไม่บังคับจิต หายใจสบาย หายใจนะ…หายใจ…เสร็จแล้วจิตไปเพ่งลมหายใจก็รู้ จิตหนีไปคิดก็รู้ พอจิตหนีไปคิดก็รู้ปุ๊บนะ จิตจะตื่นขึ้นมาพอดีเลย

หรือขยับมืออย่างหลวงพ่อเทียนก็ได้ หลวงพ่อเทียนท่านขยับมือสองข้างรวมกัน 14 จังหวะ ขยับไปแล้วรู้สึก รู้สึกตัว…ขยับ…รู้สึก…ขยับไปแล้วคอยรู้สึกไป ขยับไปๆ จิตแอบไปคิด รู้ทันว่าจิตแอบไปคิดละ ขยับไปแล้วจิตไปเพ่งใส่มือ รู้ทัน ตรงที่รู้ทันว่าจิตหนีไปคิดเนี่ย จิตจะตื่นขึ้นมา

ดูท้องพองยุบก็ได้ ดูท้องพองยุบไป จิตไปเพ่งที่ท้องก็รู้ทัน จิตหนีไปคิดก็รู้ทัน ตรงที่จิตหนีไปคิดแล้วรู้ทันนั่นแหละ จิตจะตื่นขึ้นมา จิตจะหลุดออกจากโลกของความคิด

งั้นเราคอยฝึกนะ หากรรมฐานอันนึงขึ้นมาก่อน อยู่ๆ จะให้จิตเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานนี่ยาก ยากนะ อินทรีย์เรายังไม่แก่กล้าพอ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓๐ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๕
File: 530530A
ระหว่างนาทีที่ ๑๙วินาทีที่ ๑๘ ถึงนาทีที่ ๒๑วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ไม่พักไม่เพียร

mp3 (for download) : ไม่พักไม่เพียร

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ผู้เผลอลืมกายลืมใจ ที่ไปของเราก็คือ ทุคติ ผู้เพ่งบังคับกายบังคับใจไว้ ที่ไปของเราในอนาคตคือสุคติ แต่ไม่ไปนิพพาน เพราะฉะนั้นการที่เราบังคับกายบังคับใจเรื่อยไป ไม่ตกนรกหรอก ดี แต่มันหยุดอยู่แค่ดีเท่านั้นเอง ไม่สามารถไปถึงนิพพานได้ เพราะฉะนั้นเราอย่าไปสุดโต่งสองฝั่ง ถ้าเราไปสุดโต่งสองฝั่ง ไม่ไปนิพพาน

ครั้งหนึ่งมีเทวดาไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ข้ามโอฆะได้อย่างไร โอฆะแปลว่าห้วงน้ำ ก็คือกิเลสทั้งหลายนั้นเอง พระพุทธเจ้าบอกว่า เราข้ามโอฆะได้เพราะเราไม่พักและเราไม่เพียร เทวดาฟังแล้วงง ไม่พักอยู่เนี่ยฟังแล้วเข้าใจ แต่ไม่เพียรฟังแล้วไม่เข้าใจ ก็ถามท่านอีกว่า ไม่พักไม่เพียรเป็นอย่างไร ท่านบอกว่า ถ้าพักอยู่เราจะจมลง ถ้าเพียรอยู่เราจะลอยขึ้น เราไม่พักเราไม่เพียร เราพ้นจากโอฆะข้ามห้วงน้ำได้ด้วยวิธีนี้

ทำไมจมลงไม่ดี จมลงไปทุคติ ฟูขึ้นลอยขึ้น ไปสู่สุคติ ไม่ได้ไปนิพพาน คำว่าไม่พักก็คือไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกิเลส ไม่หลงไปตามกามสุขัลลิกานุโยค เผลอไปนั่นแหละ คำว่าไม่เพียรของท่านก็คือ ไม่ได้ไปเพ่งกายเพ่งใจ เป็นอัตตกิลมถานุโยค เพราะฉะนั้นเราต้องเดินทางสายกลางให้เป็น


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒o เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

File: 550120
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๒ ถึงนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๓๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เผลอ เพ่ง

mp3 (for download) : เผลอ เพ่ง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : วิธีการปฏิบัตินะ มันก็มีเป็นขั้นๆไปเหมือนกัน ขั้นแรกเลยก็ต้องหัดรู้สึกตัวให้เป็น คนรู้สึกตัวไม่เป็นนะ มันเดินปัญญาไม่ได้ รู้สึกตัวไม่เป็นก็หลงไป ถ้าไม่หลงไปก็นั่งเพ่งไว้ทั้งวัน คนส่วนใหญ่ที่เขาภาวนากัน เขาเอาแต่นั่งเพ่งกัน ไปที่ไหนก็เจอแต่นักเพ่ง เพ่งแล้วกายก็นิ่งใจก็นิ่ง ก็ได้แค่นั้นแหละ กี่ปีมันก็อยู่แค่นั้นแหละ เพ่งมาวันนี้สงบนะอีกหน่อยก็ฟุ้ง ฟุ้งแล้วก็ไปทำความสงบใหม่ ไปเพ่งอีกก็สงบ กลับไปกลับมาไม่มีอะไรขึ้นมา ก็ได้แค่นั้น

จะต้องกลับมารู้สึกตัวให้เป็น ไม่ใช่เผลอไป ไม่ใช่เพ่งเอาไว้ เผลอไปเนี่ยหย่อนไป เพ่งเอาไว้นี่ตึงเกินไป เผลอเนี่ยตามใจกิเลส กิเลสลากไปทางตาทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายทางใจโดยเฉพาะลากทางใจคือลากไปคิด ลืมตัวเอง ใช้ไม่ได้ เพ่งเอาไว้นะ เพ่งออกข้างนอกก็ได้ เพ่งพระ เพ่งเทียน เพ่งลูกแก้ว เพ่งใบไม้ เพ่งน้ำ เพ่งออกนอกก็ได้ เพ่งร่างกายก็ได้ เช่น เพ่งลมหายใจ เพ่งท้องพองยุบ หรืออิริยาบถ ๔ ยืนอยู่ก็เพ่งอยู่ทั้งตัว นั่งอยู่ก็เพ่งทั้งตัว นอนอยู่ก็เพ่งทั้งตัว เดินก็เพ่งตัวแข็งๆ ใจแข็งๆตัวแข็งๆ หรือเพ่งทางใจก็ได้ น้อมจิตให้นิ่ง รักษาจิตให้นิ่งอยู่ในอารมณ์อันเดียวเลย ไม่ให้จิตคิดนึกปรุงแต่ง บังคับจิตให้นิ่ง สงบ อันนั้นก็คือเพ่ง ถ้าเผลอไปคือไม่สามารถรู้กายรู้ใจได้ ถ้าเพ่งไว้เนี่ย กายก็นิ่งใจก็นิ่ง ไม่แสดงไตรลักษณ์


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒o เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

File: 550120
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๐ ถึงนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

มีสมาธิก็ต้องมีสติกำกับ

mp3 (for download) : มีสมาธิก็ต้องมีสติกำกับ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเราพยายามตั้งใจรักษาศีล ๕ ใครมันจะหัวเราะก็ช่างมัน ตั้งใจฝึกจิตใจให้อยู่กับเนื้อกับตัว สภาวะที่จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวนั้นแหละ คือสภาวะที่จิตทรงสมาธิที่ถูกต้องอยู่ ความรู้เนื้อรู้ตัวนี่ขาดไม่ได้เด็ดขาดเลย บางคนนั่งสมาธิจนกระทั่งโลกธาตุดับนะ ร่างกายหายไป โลกหายไป เหลือจิตดวงเดียว ก็ยังไม่ขาดความรู้สึกตัว จิตไม่ขาดสติ มีสติรักษาจิตอยู่ เพราะฉะนั้นสมาธิก็ต้องมีสติกำกับ ขาดสติเคลิ้มไป เป็นมิจฉาสมาธิทันทีเลย

มีศีล ตั้งใจงดเว้นการทำบาปอกุศลทางกายทางวาจา มาฝึกจิตให้อยู่กับเนื้อกับตัว ได้สมาธิที่ถูกต้อง แล้วก็ไม่ทรงสมาธิอยู่เฉยๆ ต้องน้อมจิต มีสติระลึกรู้ เห็นความเปลี่ยนแปลงของกาย เห็นความเปลี่ยนแปลงของใจเรื่อยไป มาดูความเปลี่ยนแปลง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๔๑ ถึงนาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๕๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

นิพพานอะไร มีเข้ามีออก

mp3 for download : นิพพานอะไร มีเข้ามีออก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : บางคนก็น้อมจิตไปสู่ความว่างความนิ่ง แต่จิตนิ่งจิตว่าง เป็นจิตพระอรหันต์ พระอรหันต์อย่างนั้นไม่ใช่ของจริง มีเข้าๆออกๆ วันนี้นิ่งได้ สงบได้ อยู่กับความว่างได้ แต่อีกวันก็ถอยออกมาข้างนอกอีก พระอรหันต์ผลุบเข้าผลุบออกไม่ใช่ของจริง

หลวงพ่อก็เคยทำ ฝึกไปจนกระทั่งเหลือแต่รู้อันเดียวเลย เหลือแต่ธาตุรู้อันเดียวเลย ตอนฝึกทีแรกเรามีผู้รู้กับสิ่งที่ถูกรู้ มีจิตกับอารมณ์ มีสองอันใช่มั้ย ตัวนี้ไหวยุกยิกอยู่ที่หน้าอกนี่ ตัวนี้เป็นคนดูอยู่ เลยสงสัยว่าจะดูตัวไหน ดูตัวนี้?

พระพุทธเจ้าบอกให้รู้ทุกข์ ตัวนี้ล่ะทุกข์ ตัวรู้ไม่เห็นจะทุกข์เลย ตัวรู้ไม่เห็นจะทุกข์เลย หลวงปู่ดูลย์บอกให้ดูจิต เอ๊..จิตมันเป็นคนรู้ น่าจะดูตัวนี้ สองตัว มีทั้งสองตัวนี้ จะดูตัวไหน สงสัยนะ ก็พยายามสังเกต

ไปดูที่ตัวไหวๆ ไปดูเป็นเดือนไม่ขาด ไม่มีที่สิ้นสุดเลย วัฏฏะหมุนอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่ ไปเพ่งใส่ตัวรู้นะ จะเกิดตัวรู้ซ้อนตัวรู้ไปเรื่อยๆ ดูอยู่เป็นปีก็ไม่ใช่อีก หรือว่ารู้ตรงกลาง นี่..มัชฌิมา ไม่เอาตัวรู้ ไม่เอาตัวถูกรู้ มัชฌิมา เวลากำหนดจิตลงไป นั่งดู จิตเคลื่อนไป สติเนี่ยเคลื่อนไป เข้าไปที่ไหวๆกลางหน้าอก เข้าไปดู พอเคลื่อนไปพอจะแตะอารมณ์ที่กลางหน้าอกนะ ถอนขึ้นเลย ทวนเข้าหาตัวรู้ พอเข้ามาใกล้ตัวรู้นะ ไม่จับเอาตัวรู้นะ ทวนออกอีก ทวนเข้าทวนออก มันวูบลงไปตรงกลางเลย ระหว่างตัวรู้กับตัวถูกรู้ นี่ล่ะมั้งทางสายกลาง

นี่เป็นเรื่องของสมาธิทั้งนั้นเลยนะ ทางสายกลางจริงๆเป็นเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา ทางสายกลางไม่ใช่เรื่องของสมาธิ ความโง่ ความไม่รู้ ความไม่มีครูบาอาจารย์ การห่างครูบาอาจารย์นะ ใช้ลองเอา ลองอย่างนี้ไม่ใช่ ลองอย่างนี้ไม่ใช่ ลอง choice ที่สาม ไม่จับทั้งผู้รู้ ไม่จับทั้งสิ่งที่ถูกรู้เลยนะ จิตรวมลงไปนะ ว่างไปหมดเลย ไม่มีอะไรเหลือเลย ไม่มีความคิดความนึกความปรุงความแต่ง มันไม่มีอะไรเลย เหลือแต่ธรรมชาติรู้อันเดียวล้วนๆเลย ดูเข้าออก-เข้าออกอยู่อย่างนี้นะ เสร็จแล้วสงสัย หื้อ..มันใช่หรือเปล่าหนอ?

ไปเจอหลวงปู่เทสก์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี – ผู้ถอด) หลวงปู่เทสก์ท่านก็บอกว่า สมาธิอย่างนี้.. ท่านพูดชัดเลยนะ สมาธิ สมาธิอย่างนี้ตอนนี้ไม่มีคนเล่นนะ ไปเล่นให้ชำนาญไว้ ไปหัดเล่นให้ชำนาญ พอได้ยินว่าสมาธิก็รีบกราบเรียนท่านเลย หลวงปู่ มันเป็นสมาธิ ผมกลัวติด ท่านบอกว่าอย่ากลัวติด ไปซ้อมให้ชำนาญ ถ้าติดอาตมาจะแก้ให้ นี่..ท่านพูดอย่างห้าวหาญเลย เพราะท่านเก่งเรื่องสมาธิไม่มีตัวจับเลย ทำไมหลวงปู่เทสก์เก่งเรื่องสมาธิ ท่านติดสมาธิอยู่ตั้งสิบกว่าปี ตัวท่านน่ะ เพราะฉะนั้นท่านชำนิชำนาญมาก ท่านบอกให้เราเล่น หลวงพ่อก็เล่นอยู่อย่างนั้น ครูบาอาจารย์บอกให้เล่นก็ลองเล่นไปเรื่อย

วันหนึ่งไปเชียงใหม่ เจอหลวงปู่บุญจันทร์ (หลวงปู่บุญจันทร์ จนฺทวโร วัดถ้ำผาผึ้ง youtube – ผู้ถอด)เข้า ไม่ได้เจอท่านหรอก ไปวัดสันติธรรม ท่านมาพักอยู่ที่นั่นพอดี ท่านให้ลูกศิษย์ของท่านที่ตามท่านมา มาดักอยู่หน้าวัด มาเรียกเราไปหาท่าน เราไม่รู้จักท่านนะ อยู่ๆก็ให้พระมาดักเรียกตัวไปเลย พอไปถึงท่านก็ถามว่าภาวนาอย่างไร พอบอกท่านว่าเนี่ย รวมลงไปตรงกลางเนี่ยนะ อู๊ย..ท่านตวาดเอา เฮ้ย! นิพพานอะไรมีเข้ามีออก ไง!จะภาวนายังไง เรานึกว่าท่านฟังเราไม่รู้เรื่อง สำเนียงมันไม่เหมือนกันนะ เราก็ฟังท่านไม่ค่อยออกนะ ท่านก็ฟังเรา อื้อ.. คงไม่ออกมั้ง เล่าซ้ำอีกที ครั้งที่สองท่านตวาดดังกว่าเก่าอีก เฮ้ย!! นิพพานอะไรมีเข้ามีออก ใจมันทิ้งเลย ไม่เอา เส้นทางนี้ไม่ใช่เส้นทางที่จะนำไปสู่มรรคผลนิพพานหรอก มันเป็นกลางจริงนะ เป็นมัชฌิมาจริงนะ แต่เป็นมัชฌิมาของสมาธิอันเดียวไม่ใช่ศีลสมาธิปัญญา ทางสายกลางนั้นเป็นทางของศีลสมาธิปัญญา ไม่ใช่แค่สมาธิ เราถูกท่านดุนะ

ตั้งแต่วันนั้นมาใจไม่เอาตรงนี้เลย ใจไม่ยอมเข้าไปที่ตรงนี้ รู้สึกว่าถ้าอยู่ตรงนี้เสียเวลา หลวงปู่เทสก์ท่านอยากให้ฝึกให้เล่นให้ชำนาญเท่านั้นเอง ท่านก็ได้บอกอยู่แล้วว่านี่คือสมาธิ ไม่ใช่ทางพ้นหรอก ที่นี้เรากลัวช้า ใจมันไม่เอาแล้ว พอหลุดจากตรงนี้นะ ท่านหัวเราะเลย เสียดัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า หัวเราะสะใจ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า เสียงดังอย่างนี้ ท่านหัวเราะเราก็หัวเราะตามท่านไปด้วย ฮ่าๆ บ้าง นะ ท่านหยุดกึกเลยนะ พอเราหัวเราะท่านหยุดปุ๊บเลย ใจท่านนิ่งว่าง ท่านหยุดเราก็หยุด ใจเราก็เฉยเลย ท่านบอกว่า เออ! ใช้ได้ นี่ท่านลองนะ ท่านลองเราว่า จิตเราไวขนาดไหน ท่านหัวเราะเราก็หัวเราะ ท่านหยุดเราก็หยุดด้วย ท่านบอกใช้ได้ ไป ไปทำต่อเอา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
File 550106
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๒๐ ถึงนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๒๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อพ้นจากวิปัสนูฯแล้ว จะเจริญวิปัสสนาได้เต็มที่

mp3 for download : เมื่อพ้นจากวิปัสนูฯแล้ว จะเจริญวิปัสสนาได้เต็มที่

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : วิปัสนูฯ (วิปัสนูปกิเลส – ผู้ถอด)เกิดจากความฟุ้งซ่าน หรือส่งจิตออกนอกนั่นเอง ถ้าเมื่อไหร่มีสติรู้ทันว่าฟุ้งซ่าน ความฟุ้งซ่านดับอัตโนมัติ เพราะความฟุ้งซ่านเป็นกิเลสสู้สติไม่ได้ สติเกิดเมื่อไหร่กิเลสดับเมื่อนั้น เพราะฉะนั้นถ้าเมื่อไหร่รู้ทันว่าจิตฟุ้งออกไปนะ ฟุ้งไปอยู่กับความสว่างเนี่ย ความฟุ้งซ่านจะดับนะ จิตจะทวนกระแสเข้ามาหากายหายใจของเราเอง ภาวะแห่งความรู้ตื่นเบิกบานก็จะกลับมาอีก

เนี่ยพอเราฝึกไปจนชำนิชำนาญผ่านตัวนี้ได้ เราจะรู้ว่าอันนี้เป็นวิปัสสนูปฯ ไม่ใช่ทาง ทางคือต้องมีจิตตั้งมั่น ที่หลวงพ่อบอกว่า “จิตถึงฐาน” “จิตถึงฐาน” น่ะนะ คือจิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูได้จริงๆ ไม่งั้นจิตไม่ถึงฐาน จิตไปอยู่ข้างหน้า ไปอยู่กับความว่างความสว่าง อันนั้นเดินต่อไม่ได้ ไม่ใช่ทาง ก็รู้เลยว่าจุดที่เป็นทางนี่นะ จิตต้องตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู เห็นปรากฎการณ์ทั้งหลายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่หยุดนิ่ง ถ้าปรากฎการณ์ทั้งหลายหยุดนิ่ง นี่เป็นสมถะแล้ว จิตเป็นหนึ่งอารมณ์เป็นหนึ่ง ปรากฏการณ์ทั้งหลายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง จิตเป็นผู้รู้ผู้ดูอย่างสบายๆ จิตเบา จิตนุ่มนวล อ่อนโยน คล่องแคล่ว ว่องไว แต่ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ไหลไป ตั้งมั่นเป็นคนดูสบายๆ เหมือนเรานั่งดูเขาเล่นกีฬา ดูอย่างสบายๆ ไม่ลงไปคลุกกับเขานะ ไม่อินกับเขา ดูสบายๆ

พอมาถึงตรงนี้นะ มีธรรมะอยู่หมวดหนึ่ง ชื่อ “วิสุทธิ” ใครเคยได้อ่านบ้าง “วิสุทธิ ๗” ธรรมะเรื่องวิสุทธิ ๗ นี่นะอยู่ในพระสูตรที่โดดเด่นเป็นหนึ่งเลยนะ สูตรหนึ่งเลย คือ “รถวินีตสูตร” (อ่าน รถวินีตสูตร – ผู้ถอด) “รถ ๗ ผลัด” รถ ๗ ผลัดก็คือวิสุทธิ ๗ ประการนั่นเอง
คนไหนที่ผ่านวิปัสนูฯไปแล้วนะ รู้ว่าวิปัสนูฯไม่ใช่ทาง จิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูเห็นรูปธรรมนามธรรมเคลื่อนไหวเปลี่นยแปลงเกิดดับได้ ตรงนี้ถ้าเทียบในวิสุทธิ ๗ นะ ก็ได้วิสุทธิที่ชื่อว่า “มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ” ชื่อยาวเป็นปี๊บเลยนะ

“มัคคามัคคะ” มาจากอะไร มาจากคำว่า มรรค กับ อมรรค มรรค อมรรค, มรรค อมรรค จะออกเสียงเป็นคำสนธิ จะออกเสียงกลายเป็นมัคคา มัคคามัคคะ มรรค กับ อมรรค รู้ว่าอะไรเป็นทาง อะไรไม่ใช่ทาง คนที่ได้ “มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ” คือคนที่พ้นจากวิปัสนูฯแล้ว ถัดจากนั้นนะ เจริญวิปัสสนาได้เต็มที่แล้ว เรียกว่า “ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ”


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
ไฟล์ 540710
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๒๒ ถึง นาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตตั้งมั่น : ลักษณะและวิธีฝึกฝนจิต

mp3 for download : จิตตั้งมั่น : ลักษณะและวิธีฝึกฝนจิต

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : จิตตั้งมั่นนะ ไม่ใช่จิตสงบ คนละอันกัน แต่ในความตั้งมั่น มีความสงบ สงบจากอะไร สงบจากนิวรณ์เท่านั้นเอง ไม่ใช่สงบจากอารมณ์ ต้องแยกให้ออกนะที่ว่าสงบๆน่ะ ไม่ใช่สงบจากอารมณ์นะ แต่สงบจากนิวรณ์

อารมณ์มีร้อยอารมณ์ก็ได้ พันอารมณ์ก็ได้ หมื่นอารมณ์ก็ได้ ล้านอารมณ์ก็ได้ แต่จิตนั้นสงบจากนิวรณ์ ไม่ถูกยั่วให้ฟุ้งซ่านไป ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ นี่แหละ สงบแบบตั้งมั่นนะ ไม่ใช่สงบอยู่ในอารมณ์อันเดียวแบบสมถะ คนละอัน

จิตบางชนิดนะ สมาธิบางชนิดนะ จิตไปสงบอยู่ในอารมณ์อันเดียว อารมณ์เป็นหนึ่งจิตเป็นหนึ่ง นี่คือสมถกรรมฐาน สมาธิอีกชนิดหนึ่งนะ จิตเป็นหนึ่งอารมณ์ล้านอารมณ์ก็ได้ เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอด จิตเป็นหนึ่งคือเป็นแค่ผู้รู้ผู้ดูไม่ฟุ้งซ่านตามอารมณ์ไป แต่ไม่ได้เพ่งตัวจิตไว้นะ ถ้าเพ่งตัวจิตเมื่อไหร่ ตัวจิตจะเปลี่ยนสภาพจากผู้รู้ไปเป็นอารมณ์ทันทีเลย จิตจะแปลสภาพจากจิต คือธรรมชาติที่รู้นะ กลายเป็นอารมณ์คือสิ่งที่ถูกรู้ เพราะฉะนั้นเราอย่าไปเพ่งใส่จิตด้วย

เราจะต้องฝึกจนกระทั่งจิตตั้งมั่นขึ้นมาเป็นผู้รู้ผู้ดู วิธีฝึกให้จิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู อาศัยสติรู้ทันจิตที่ไหลไป จิตไหลไปดูไหลไปฟังไหลไปคิด ไหลไปเพ่ง ยกตัวอย่างหายใจอยู่ก็ไหลไปอยู่ที่ท้องไหลไปอยู่ที่ลมหายใจ หรือไหลไปคิดเรื่องอื่นเลย หรือไหลไปคิดเรื่องบริกรรมพองหนอยุบหนออะไรขึ้นมา นี่ไหลไปคิด ให้รู้ทันจิตที่ไหลไปคิด จิตรู้จะเกิด หลวงพ่อเทียนจึงสอนนะว่า เมื่อไรรู้ว่าจิตคิด เมื่อนั้นจะได้ต้นทางของการปฏิบัติ หลวงปู่ดูลย์ก็สอนอันเดียวกันบอกว่า คิดเท่าไรก็ไม่รู้ หยุดคิดถึงรู้ หยุดคิดถึงรู้ แต่ไม่ใช่เป็นวิปัสสนานะ เพิ่งจะตั้งต้นเท่านั้นเอง เพิ่งหลุด หมายถึงหลุดออกจากโลกของความคิด หลังจากนั้นต้องเจริญวิปัสสนาอยู่ดีแหละ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
ไฟล์ 540710
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๓๗ ถึง นาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๕๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เตรียมพร้อมจิตเพื่อเจริญวิปัสสนา

mp3 for download : เตรียมพร้อมจิตเพื่อเจริญวิปัสสนา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : วันสุดท้ายแล้วของพวกเข้าคอร์ส รู้เรื่องบ้างมั้ย คนไหนติดสมาธินะ เราก็รู้ทันใจที่ติดสมาธิ ใจที่ติดสมาธินี้เป็นใจที่เราเข้าไปแทรกแซง เราเข้าไปควบคุม ยกตัวอย่างเรากลัวมันหลง เราพยายามไปเฝ้าเอาไว้ เรากลัวจะรู้ไม่ชัด เราก็ไปคอยจ้องคอยดูไม่ให้คลาดสายตา เราก็จะเกิดการเพ่งขึ้นมา บางคนก็มีทฤษฎีที่ผิดๆคิดว่าต้องเพ่งไว้ก่อน ถ้าไม่สงบแล้วเดินปัญญาไม่ได้

ที่คิดอย่างนั้น เพราะแยกไม่ออกว่าสมาธิมี ๒ ชนิด คือ สมาธิชนิดสงบกับสมาธิชนิดที่จิตตั้งมั่น ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการที่เราจะภาวนา เบื้องต้นน้อมใจให้ซึมให้นิ่งๆ แล้วคิดว่านี่คือความสงบเป็นสมาธิ จะได้เดินปัญญา สมาธิที่น้อมเข้าไปนิ่งไปซึมไปทื่ออยู่ ไม่ได้เอาไว้ใช้เดินปัญญาหรอก เอาไว้พักผ่อนเล่น สมาธิที่ใช้เดินปัญญานั้น จิตจะตั้งมั่น จิตจะถอนตัวออกจากโลกของความคิด มาเป็นผู้รู้ผู้ดู

สมัยก่อนหลวงพ่อไปเรียนกับครูบาอาจารย์ ท่านชอบพูดคำว่า “จิตผู้รู้” หลังๆเราลืมคำว่า “จิตผู้รู้” ไป เรามีแต่จิตผู้เพ่ง ถ้าไม่เป็นจิตผู้เพ่งก็เป็นจิตผู้คิด จิตผู้เพ่งนั้นมันสุดโต่งไปข้างบังคับตนเอง จิตผู้คิดก็สุดโต่งไปข้างฟุ้งซ่าน หลงไปอยู่ในโลกของความคิด จิตผู้รู้นั้นไม่ใช่จิตผู้คิดไม่ใช่จิตผู้เพ่ง เป็นจิตที่หลุดไปในโลกของความคิด และก็เห็นปรากฏการณ์ทั้งหลายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง

เราจะไม่เพ่งไปที่ปรากฏการณ์ทั้งหลายที่จิตไปรู้เข้า แล้วเราก็ไม่เพ่งใส่ตัวผู้รู้ด้วย ถ้าเพ่งใส่ตัวผู้รู้ก็เป็นผู้เพ่งนะ ไปเพ่งใส่ปรากฏการณ์ รูปธรรมนามธรรมทั้งหลาย รู้ลมหายใจก็ไปเพ่งอยู่ที่ลมหายใจ นี่ก็เป็นจิตผู้เพ่ง ไม่ใช่จิตผู้รู้

จิตผู้หลง จิตผู้หลงจิตผู้คิด มันถูกกิเลสยั่วก็เลยฟุ้งซ่านออกไป ไม่มีกระทั่งความสงบ ส่วนจิตผู้เพ่งมีความสงบนะแต่ไม่ตั้งมั่น เราจะต้องมาฝึกเป็นจิตผู้รู้ จิตผู้รู้เนี่ยไม่ฟุ้งซ่าน ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้เพ่งเอาไว้ มันทรงตัวสบายของมัน เป็นผู้รู้ผู้ดูสบายๆ

วิธีที่เราจะพัฒนาจิตผู้รู้ขึ้นมาก็คือหัดรู้ คอยรู้ทัน หาอารมณ์กรรมฐานขึ้นมาสักอันหนึ่ง จะพุทโธก็ได้ จะรู้ลมหายใจก็ได้ แต่ไม่ใช่พุทโธเพื่อจะน้อมจิตให้นิ่ง ไม่ใช่หายใจเพื่อน้อมจิตให้นิ่ง เราพุทโธเพื่อจะรู้ทันจิต เราหายใจเพื่อจะรู้ทันจิต คนไหนไม่ถนัดพุทโธไม่ถนัดรู้ลมหายใจ จะดูท้องพองยุบหรือทำกรรมฐานอะไรก็ได้ ไม่เลือกกรรมฐานหรอก

ไม่ว่าจะทำกรรมฐานอะไร จะดูท้องพองยุบหรือขยับมือทำจังหวะหรือพุทโธหรือลมหายใจหรือรู้อิริยาบถ ๔ รู้เวทนา บางคนก็เริ่มด้วยการรู้จิตไปเลย สำหรับบางคนดูความเปลี่ยนแปลงของจิตไปเรื่อยๆ อะไรก็ได้นะ แต่ว่าไม่ว่าจะรู้อะไรก็รู้ทันจิต พุทโธแล้วจิตหนีไปคิดก็รู้ทัน พุทโธจิตหนีไปคิดแล้วก็รู้ทัน ฝึกอย่างนี้เรื่อย พุทโธแล้วไปเพ่งจิตให้นิ่งๆอยู่ก็รู้ทัน

ตรงที่พุทโธแล้วหนีไปคิดเนี่ย สุดโต่งไปข้างหลงข้างคิดข้างฟุ้งซ่าน พุทโธแล้วไปเพ่งจิตให้นิ่ง สุดโต่งไปข้างบังคับตนเองนะ เป็นความสุดโต่งสองฝั่ง ให้คอยรู้ทัน ถ้าเรารู้ทันเราก็จะไม่สุดโต่งไปสองข้าง ก็จะเข้าทางสายกลาง หรือลมหายใจก็ได้ รู้ลมหายใจแล้วก็รู้ทันจิต หายใจไปจิตหนีไปคิดแล้วก็รู้ หายใจแล้วจิตหนีไปคิดแล้วรู้ หรือหายใจไปแล้วจิตไหลไปเพ่งอยู่ที่ลมไหลไปรวมอยู่ที่ลมหายใจไหลไปลงอยู่ที่ท้อง รู้ทันว่าจิตมันเคลื่อนไป ใช้กรรมฐานอะไรก็ได้แล้วก็รู้ทันจิต บทเรียนอันนี้ชือว่า “จิตตสิกขา”

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
ไฟล์ 540710
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๐ ถึง นาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๓๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ดูจิต เหมาะกับคนที่ไม่ทรงฌาน

mp3 for download : ดูจิต เหมาะกับคนที่ไม่ทรงฌาน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : การดูจิตและธรรมานุปัสสนานี้ เหมาะกับวิปัสสนายานิก เดินปัญญาไปเลย สมาธิเกิดทีหลัง แต่ก็ต้องอาศัยสมาธิ เพียงแต่เป็นสมาธิในระดับขณิกสมาธิ ไม่ถึงฌาน

ขณิกสมาธิคือความตั้งมั่น(ของจิต)ชั่วขณะ ความตั้งมั่นชั่วขณะเป็นอย่างไร ความตั้งมั่นชั่วขณะก็คือ ในภาวะที่จิตกำลังหลงไปไหลไปแล้วเรามีสติรู้ทันจิตที่ไหลไป โดยเฉพาะไหลไปคิด ถ้าเรารู้ว่าจิตไหลไปคิด มีสติรู้ทันปั๊บ การไหลไปจะขาดสะบั้นในทันทีเลย และความไหลไปความหลงไปคิดนะ เป็นความฟุ้งซ่าน จิตมันฟุ้งซ่าน ทันทีที่สติระลึกรู้ความฟุ้งซ่านนะ ความฟุ้งซ่านดับอัตโนมัติ ก็จะเกิดจิตผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานขึ้นมา

ใหม่ๆพอรู้ตัวแว้บขึ้นมายังทำอะไรไม่เป็นนะ มันจะหายไป แล้วหนีไปคิดอีก รู้อีก หนีไปคิดอีก รู้อีก ฝึกตรงนี้ให้ชำนาญเลย ในที่สุดสมาธิที่เป็นขณิกะที่ว่าทีละขณะๆ จะเกิดถี่ขึ้นๆ เมื่อมันถี่มากๆนะ มันเหมือนจะทรงตัวอยู่ได้ ความจริงมันไม่ได้ทรงตัวแต่มันเกิดดับอย่างรวดเร็ว แต่มันเกิดดับต่อเนื่องกันแล้วมันเหมือนเดิม มันเป็นตัวรู้ ตัวรู้ๆ ทีละขณะ มันจึงเหมือนทรงตัวเด่นอยู่ได้ มีช่วงเวลาที่ยาวขึ้นแล้วที่จะรู้สึกตัวได้

ถ้ารู้สึกตัวได้อย่างนี้นะ ดูความเปลี่ยนแปลงของจิตไป เดี๋ยวก็เป็นจิตรู้ เดี๋ยวก็เป็นจิตหลง เดี๋ยวเป็นจิตรู้ เดี๋ยวเป็นจิตคิด เดี๋ยวเป็นจิตรู้ เดี๋ยวเป็นจิตเพ่ง เนี่ยจิตเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดดับ เพราะฉะนั้นจิตตานุปัสสนาเนี่ย ไม่ได้เหมาะกับพวกที่ทรงฌานมาก่อนนะ เพราะถ้าหากทรงฌานมาก่อน มันจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงของจิตให้ดู มันจะนิ่งๆ อาศัยอย่างพวกเรานี่แหละ ก็ต้องอาศัยการดูจิตไป แต่ว่าเราต้องมาฝึกให้ได้จิตที่รู้สึกตัวก่อน จิตที่มีตัวรู้ทีละขณะๆ แต่ฝึกบ่อยๆ

วิธีฝึก ให้เกิดตัวรู้เป็นขณะๆบ่อยๆ ก็คือทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง พุทโธก็ได้ หายใจก็ได้ ดูท้องพองยุบก็ได้ ทำจังหวะก็ได้นะ ขยับมือทำจังหวะ ถ้าจังหวะอย่างหลวงพ่อเทียนเราไม่ชอบ เราคิดจังหวะของเราเองก็ได้ หลวงพ่อไม่ได้ทำอย่างหลวงพ่อเทียน

หลวงพ่อเป็นโทสจริต ใจร้อน หลวงพ่อทำแค่นี้เองนะ อากาศร้อน หลวงพ่อทำกรรมฐานอย่างนี้ ร่างกายเคลื่อนไหวรู้สึก พัดไป แหม..มันสบายใจ มีความสุขขึ้นมา รู้ว่าสบายใจ พัดไปพัดมา ฮึ แมลงวันมาอีกแล้ว อ๊ะ โมโหแล้วนะ โมโหแล้ว รู้ทันใจที่โมโห ตีขู่ ตีขู่มันนะ อย่าไปโดนตัวมัน บาป…

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ ที่ ๒๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๕
ไฟล์ 550525B
ระหว่างนาที่ ๕ วินาทีที่ ๕๐ ถึง นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๔๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๒๐) อย่าพยายามไปดึงจิตออกจากอารมณ์

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๒๐) อย่าพยายามไปดึงจิตออกจากอารมณ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : อย่าพยายามไปดึงจิตออกจากอารมณ์นะ ให้เค้าแยกของเค้าเอง อย่าไปดึงออกมา ถ้าดึงออกมานะ จิตจะแข็งทื่อเลย จิตจะไม่พอใจนะ มีความขุ่นเคืองลึกๆอยู่ เพราะถูกบังคับ เหมือนติดคุกอยู่เฉยๆ ก็ตั้งอยู่อย่างนี้ เนี่ย พอร่างกายจะเคลื่อนไหว เคลื่อนแล้ว (หลวงพ่อทำให้ดู) พยักหน้าแล้ว (หลวงพ่อทำให้ดู) เนี่ยอย่างนี้มันเกินไป

ให้รู้สบายๆ ยิ้มรู้สึกไหม ยิ้ม รู้สึกไปตัวอะไรยิ้ม เหมือนเห็นคนอื่นยิ้มเลยนะ คอยรู้สึกอย่างนี้นะ สุดท้ายมันจะเห็นเลย ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า ความสุขความทุกข์ก็ไม่ใช่ตัวเรา เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า กุศลอกุศลทั้งหลาย ไม่ใช่ตัวเรา เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า  จิตก็ไม่ใช่ตัวเรา เพราะสั่งไม่ได้ สั่งให้สุขก็ไม่ได้ ห้ามทุกข์ก็ไม่ได้ สั่งให้ดีก็ไม่ได้ ห้ามชั่วก็ไม่ได้ แล้วจิตทำงานได้เอง วิ่งไปดูได้เอง วิ่งไปฟังได้เอง วิ่งไปคิดได้เอง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๗ วินาทีที่ ๔๖ถึง นาทีที่ ๓๘ วินาทีที่ ๔๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สัมมาสมาธิ

mp 3 (for download) : สัมมาสมาธิ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :ตัวสัมมาสมาธิเนี่ย เป็นสิ่งที่หลวงพ่อเห็นว่าพวกเราพลาดมากที่สุดเลย สติอีกตัวนึงพลาดมาก นี้สติยังไปเพ่งๆอะไรขึ้นมา สติยังเกิดได้นะ แต่สัมมาสมาธินี่เกิดยากมากเลย

เพราะพวกเราคุ้นเคยกับมิจฉาสมาธิ สมาธิที่เพ่งเอา เราไม่คุ้นเคยกับสมาธิที่จิตตั้งมั่นในการรู้อารมณ์ เราคุ้นเคยแต่สมาธิที่จิตเข้าไปตั้งแช่อยู่ในตัวอารมณ์ จิตที่ไปตั้งแช่นิ่งอยู่กับอารมณ์นะ เรียกว่า “อารัมมณูปนิชฌาน” เป็นจิตที่ใช้ทำสมถะนะ มีการทำสมถะ เพราะงั้นเราไปดูท้องพองยุบ แล้วเราเพ่งจิตไปเกาะที่ท้องเนี่ย สมถะ รู้ลมหายใจแล้วจิตไปเกาะนิ่งอยู่กับลมหายใจนี่ สมถะ ค่อยๆฟังนะ ฟัง ค่อยๆเรียน ค่อยๆฟังไป

จิตที่เป็นสัมมาสมาธิเกิดแล้วเนี่ย ปัญญาถึงจะเกิดได้ เพราะปัญญามีสัมมาสมาธิเป็นเหตุใกล้ให้เกิด ปัญญาไม่ใช่เกิดจากการคิดนะ ปัญญาที่เกิดจากการคิดเรียก “จินตามยปัญญา” ไม่ใช่  “ภาวนามยปัญญา” ภาวนามยปัญญาเนี่ย เกิดจากจิตตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิ เป็นแค่ผู้รู้ ผู้ดู เห็นปรากฎการณ์ทั้งหลาย ปรากฏขึ้นมา เกิดขึ้นมา แล้วก็ดับไป เห็นสภาวะธรรมทั้งหลายในแต่ละปรากฎการณ์ ล้วนแต่ไม่ใช่ตัวเราทั้งสิ้น ใจมันจะเห็นอย่างนี้นะ มันถึงมีปัญญา

งั้นตัวนี้ต้องเรียนนะ หลวงพ่อก่อนจะบวชเนี่ย หลวงพ่อตระเวนไปตามสำนักต่างๆมากมาย หลวงพ่อไปดูว่าเราจะไปบวชสำนักไหนดี บางแห่งสำนักดีนะ ครูบาอาจารย์ดี แต่ครูบาอาจารย์ไม่มีเวลาเลย ครูบาอาจารย์ไม่อยู่วัดน่ะ รับนิมนต์ไปทุกวันๆนะ หายไปเลย หรือบางแห่งมีแต่รูปแบบ หลายแห่งเพ่งลูกเดียว กระทั่งในสำนักที่บอกว่าทำแต่วิปัสสนานะ จริงๆแล้วติดสมถะ เกือบทั้งหมดน่ะติดสมถะ นักปฏิบัติ

เพราะว่าอะไร เพราะว่าเวลาเราเรียนธรรมะ เราเรียนข้ามขั้น เราถือศีล พอเรามีศีลสิกขาใช่มั้ย แล้วเราก็ไปกำหนดรูปนามเลย เราไปเจริญปัญญาสิกขา เราข้ามจิตสิกขาไปบทเรียนนึง

เพราะงั้นถ้าเราไม่ได้เรียนจิตสิกขาให้ถ่องแท้ซะก่อนเนี่ย จิตจะไม่มีสัมมาสมาธิ งั้นจิตจะไปเพ่ง ไปรู้ท้องก็เพ่งท้อง รู้เท้าเพ่งเท้า รู้ลมเพ่งลม รู้มือเพ่งมือ รู้อะไรก็เพ่งอันนั้น จะไม่สักว่ารู้สักว่าเห็น พวกเราเรียนข้ามขั้นนะ

เนี่ยเที่ยวตระเวนไปนะ บางที่ก็ส่วนใหญ่จะไปแอบดูเค้านะ ถ้าไปนั่งเรียนเนี่ยมันยาวใช่มั้ย หลายชั่วโมงหลายวัน ส่วนมากหลวงพ่อเป็นคนใจเราว่องไวหน่อย เราไปแอบดู ดูตัวอาจารย์นั่นแหล่ะดีที่สุดเลย ดูเวลาอาจารย์เค้าภาวนานะ ก็จะโอ้ เข้าใจรวดเร็ว

นี้ไปเห็นหลวงพ่อเทียน หลวงพ่อเทียนนี้เนี้ยบจริงๆ ลูกศิษย์หลวงพ่อเทียนที่เยี่ยมมากๆก็หลวงพ่อคำเขียนนี่แหล่ะ

งั้นถ้าใจเรามีสัมมาสมาธิ มันจะตั้งมั่น สักว่ารู้สักว่าเห็น ปัญญามันจะเกิด มันจะเห็นเลย ทุกอย่างเนี่ยไม่ใช่ตัวเรา แต่ถ้าใจเราไม่มีสัมมาสมาธิ ไม่ตั่งมั่น ไปดูอะไรมันก็จะเป็นเราไปหมดเลย เห็นความโกรธเกิดขึ้น มันก็เป็นเราโกรธ เห็นขามันเมื่อย ก็เป็นขาของเราเมื่อย จะเป็นอย่างนี้ตลอด

เพราะนั้นเวลาที่เราใจเราไม่ตั้งมั่น ไปรู้สิ่งต่างๆนะ เราจะสะสมความรู้สึกผิดๆ ความเห็นผิดๆตลอดเวลาเลย สะสมว่ามันมีตัวเรา มันมีตัวเรา แต่ถ้าเรามีสติถูกต้องที่เรียกว่า”สัมมาสติ” มีสมาธิถูกต้องเรียกว่า”สัมมาสมาธิ”นี่ ปัญญาที่เกิดขึ้นจะเป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นปัญญาที่ถูกต้อง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันวันอาทิตย์ที่ ๒๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๑๑
File: 500520.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๑๙ ถึง นาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตถึงฐานคืออะไร​ ?

mp 3 (for download) : จิตถึงฐานคืออะไร ?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม : จิตถึงฐานนี่คืออะไรหรือคะ หนูไม่เข้าใจเลยค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : รู้จักจิตที่หลงไปทางตาหูจมูกลิ้น กายใจมั้ย จิตหลงไปคิดรู้จักมั้ย

โยม : ทราบค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เมื่อไรที่เราทราบ ว่าจิตเราไหลไปคิดเนี่ย เมื่อนั้นจิตรู้ก็จะเกิดขึ้น จิตจะถึงฐานอัตโนมัติเลย เพราะจิตถึงฐาน ก็ตรงข้ามกับจิตที่ฟุ้งซ่านนั่นแหล่ะ จิตที่ไหลไป แต่ว่าการถึงฐานเนี่ย ถึงโดยที่ “เรารู้ทันว่ามันไหลไป”นะ แล้วมันถึงของมันเอง ห้ามไปประคองไว้ ถ้าประคองเนี่ย ใจจะแน่น ใจจะแน่นๆหนักๆนะ ไม่ใช่ของจริง ของจริงนะ ใจจะเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จิตใจจะเบา นุ่มนวลอ่อนโยน คล่องแคล่วว่องไวนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
เมื่อ วันพุธที่ ๒๘ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๕

CD: แสดงธรรมที่ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
File: 551128
ระหว่างนาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๔๕ ถึง นาทีที่ ๓๑ วินาทีที่ ๒๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ถ้ารู้ว่าจิตคิด จะได้ต้นทางของการปฏิบัติ

mp 3 (for download) : ถ้ารู้ว่าจิตคิด จะได้ต้นทางของการปฏิบัติ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เราเรียนกรรมฐาน เราค่อยๆฝึกไป ความสุขอันมหาศาลรอเราอยู่ข้างหน้า

แต่ถ้าเราฝึกผิดนะ ล้มลุกคลุกคลาน เหนื่อยยากนะลำบากมาก ฟังให้รู้เรื่องก่อนนะ หลวงพ่อมักจะมีซีดีแจกบ้าง แจกหนังสือแจกซีดีบ้างนะ ได้ไปแล้วพยายามฟังไว้ ฟังไปจนสติตัวจริงเกิดขึ้นมา แล้วจะรู้ว่าง่าย ง่าย ง่ายมาก เค้าฝึกกัน ๗ วัน ๗ เดือนไปนี้ก็มีนะ ไม่ใช่ไม่มี ๖ เดือนก็มี ที่เข้าใจความเป็นจริงของกายของใจขึ้นมา ดูมันเข้าไปบ่อยๆ แต่อย่าลืมตัวเอง

แต่ว่าพวกเราจะลืมกายลืมใจของเราเองทั้งวัน เพราะทั้งวันเราเอาแต่คิด ความคิดนี่แหล่ะปิดบังความจริงเอาไว้ ความคิดไม่ไช่ความจริง พอเราตื่นขึ้นมา เราก็นั่งคิดๆๆไปทั้งวัน ตั้งแต่เช้ายันค่ำ ค่ำยันดึก หลับไปก็ไปฝันต่อ ฝันก็คือคิดยามหลับนั่นแหล่ะ ส่วนความคิดคือความฝันเมื่อยามตื่น หลงๆไป

ธรรมชาติของจิตรู้อารมณ์ได้ครั้งละอย่างเดียว พอมันไปรู้เรื่องราวที่คิดแล้วเนี่ย มันจะรู้กายรู้ใจตัวเองไม่ได้ อันนี้เป็นกฎธรรมชาตินะ เป็นกฏเลย เป็นกฎธรรมชาติ

เพราะฉะนั้นตราบใดที่เรายังหลงอยู่ในโลกของความคิดเนี่ย เราจะรู้กายรู้ใจไม่ได้ เราทำวิปัสสนาไม่ได้ หลวงพ่อเทียนนะท่านสอนดีนะ หลวงพ่อเทียน หลวงพ่อไม่ได้เรียนกับท่าน แต่อ่านธรรมะของท่านนะ ท่านสอนดี ท่านบอกว่า “ถ้ารู้ว่าจิตคิด จะได้ต้นทางของการปฏิบัติ” รู้ว่าจิตคิดนะ ไม่ใช่รู้เรื่องที่จิตคิด คนทั้งโลกนะรู้แต่เรื่องที่จิตคิด ไม่รู้ว่าจิตกำลังไปคิดอยู่

ทันทีที่เรารู้ว่าจิตกำลังไปคิดอยู่นะ เราจะตื่นขึ้นในฉับพลัน คือเราจะหลุดออกจากโลกของความคิด เกิดความรู้สึกตัวในฉับพลันเลย เราจะเห็นทันทีเลย กายนี้ไม่ใช่เรา เราจะเห็นทันทีเลย จิตนี้ไม่เที่ยง เห็นลงไป

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๙

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๒ (วันอาทิตย์ที่ ๑๘ เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๙)
File: 490618.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๓ วินาทีที่ ๑๙ ถึง นาทีที่ ๓๕ วินาทีที่ ๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 1612345...10...Last »